ถึงน้องๆ โดยเฉพาะ ม.6 ที่อยากเรียนหมอ และอยากสมัครแต่ละโครงการ

ก่อนอื่นบอกเลยพี่ก็ยังไม่ได้จบ ไม่ได้เข้าใจอะไรในวงการแพทย์มากนัก แต่มีข้อมูลที่อยากให้น้องศึกษาก่อนที่จะสมัครเข้าเรียน
ในโครงการต่างๆ

เรื่องทั่วไป
1. มหาวิทยาลัยต่างๆผลิตแพทย์เพิ่มขึ้น มีมหาวิทยาลัยเปิดใหม่มากขึ้น ล่าสุดน่าจะประมาณ 2200 ในปีที่พี่กำลังจบ (ปีหน้า)
และพอถึงปีของน้องๆ น่าจะหลัก 3000 แต่ตำแหน่งในการเรียนแพทย์เฉพาะทางมีเท่าเดิม คือประมาณ 1000 คน
จริงอยู่ว่าไม่จำเป็นต้องเรียนเฉพาะทาง ไปรักษาคนไข้อยู่ในชนบท มีอะไรก็ส่งต่อ ก็เป็นทางเดินชีวิตอีกแบบหนึ่ง
แต่ชีวิตหมอแบบในละครที่ เข้างาน 8 โมงเช้า เลิกงาน 4 โมงเย็น เสาร์อาทิตย์ไม่ต้องทำงาน เวรอยู่เดือนละไม่กี่ครั้ง
เป็นชีวิตหมอที่จบเฉพาะทาง/เฉพาะทางต่อยอดแล้วทั้งนั้น การสมัครจึงมีอัตราการแข่งขันสูงมาก โดยเฉพาะสาขายอดฮิต หมอตา หมอผิวหนัง เก่งอย่างเดียวไม่พอนะจ๊ะ เค้าล้อเล่น

2. การเรียนในปีต่างๆ ต้องทุ่มเทกำลัง แรงกาย แรงใจ และค่าใช้จ่ายพอสมควร
อย่างน้อยก็ต้องตื่นเช้า นอนดึก เข้าเวร เวรถึงเที่ยงคืนก็มี เวรถึงเช้าก็มี
หนังสือที่ควรอ่านมีเป็นตั้งๆ และต้องอ่านไปอีกหลายปี รับไม่ได้อย่ามาเรียน ชีวิตมันเศร้า
อุปกรณ์การเรียนที่ควรมีได้แก่โน้ตบุ๊ก ปริ๊นเตอร์ อุปกรณ์พกพาต่างๆ พี่ว่าถ้ามี ที่บ้านจัดให้ได้ก็ควรมี
เรียนแค่ 6 ปี จบแล้วต้องใช้ทุน การใช้ทุนก็ทำงานหนัก ไม่ได้สะดวกสบาย
หลังจากนั้นต้องมาต่อเฉพาะทาง 3-5 ปี
และเฉพาะทางต่อยอดอีก 2-3 ปี
รวมแล้ว 6-3-3-2 = 14 ปีนับจากน้องจบ ม.ปลาย ก็เป็นชีวิตแห่งการเรียน/และทำงานหนัก
ถ้าเป็นผู้หญิงก็ระวังรังไข่จะฝ่อก่อนจะได้มีลูก และลูกก็อาจมีความเสี่ยงต่อดาวน์ซินโดรมนะ (เกิดมากขึ้นในแม่อายุมากขึ้น)

3. รายได้ไม่ได้เป็นแสนนะ ถ้าไม่ได้ทำเอกชน/มีนอกมีในกับบริษัทยา
แพทย์จบใหม่เต็มที่ก็ได้เจ็ดหมื่นเท่านั้นแหละ แต่ต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อและแรงงาน อยู่เวรเดือนละ 15 เวร เป็นต้น
(การอยู่เวร ตัวอย่างเช่นเวรวันที่ 15 หมายความว่า ทำงานตามปกติวันที่ 15 (7-16) และอยู่เวร ทำงานเช่นในห้องฉุกเฉิน
ห้องไอซียูถึงเช้าวันรุ่งขึ้น แล้วมาทำงานตามปกติวันที่ 16 (7-16) กว่าจะได้กลับไปนอน
อยู่เวรวันเว้นวัน หมายความว่า ทำงาน 36 ชั่วโมง เว้น 12 ชั่วโมง สลับกันไปเรื่อยๆทั้งเดือน นะ

4. เดี๋ยวนี้สังคมไม่ได้นับถือแพทย์เหมือนแต่ก่อนแล้ว หลายครั้งที่ประชาชนจ้องจับผิดแพทย์และพร้อมที่จะฟ้องตลอดเวลา
และการทำงานก็ตั้งอยู่บนความเสี่ยงขึ้นเรื่อยๆ ความรู้เกิดขึ้นใหม่ทุกวัน แพทย์ต้องตาม บางครั้งก็ตามไม่ทัน
เอาความรู้เก่ามารักษา ประชาชนเอาจุดนั้นมาร้องเรียน/ฟ้องร้องการทำงานของแพทย์ได้นะ

5. สถาบันที่เลือกเรียนมีผลพอสมควร - ในการเรียนต่อเฉพาะทาง และในแง่ของวิธีการเรียน วิธีการปฏิบัติงาน และวัฒนธรรมองค์กร
บางที่จะ strict มาก ไม่มีความยืดหยุ่น แต่เมื่อมีปัญหาก็ดูแลนักศึกษาไปตลอดรอดฝั่ง
ในขณะที่บางที่ก็ยืดหยุ่น เด้งดึ๋ง อยากทำอะไรทำ ต้องควบคุมตัวเองให้ดี แต่เมื่อมีปัญหาก็ retire อะไรกันไปไม่ได้ช่วยกันมาก

เรื่องสำหรับน้องที่จะสมัครโครงการต่างๆ ศึกษาข้อมูลให้แน่ใจว่าเงื่อนไขการชดใช้ทุนเป็นอย่างไร
จะยกตัวอย่างคร่าวๆนะ
1. โครงการปกติ ใช้ทุนกับกระทรวงสาธารณสุข 3 ปี จึงจะหมดพันธะ
แต่สามารถสมัครใช้ทุนกับกระทรวงอื่นๆ เช่นเป็นแพทย์ทหารบก เรือ อากาศได้
และสามารถไปสมัครโครงการที่นับเอาเวลาใช้ทุนเป็นเวลาเรียนต่อไปเลยได้ (fix ward สอบบอร์ดได้)
และสามารถสมัครเป็นแพทย์พี่เลี้ยง คือมาใช้ทุนในสาขาที่ตัวเองต้องการเรียน จะทำงานเฉพาะในสาขานั้น
ในช่วงใช้ทุนปี 2-3 ใน รพศูนย์ (fix ward สอบบอร์ดไม่ได้)

2. โครงการผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท CPIRD
- ต้องเรียนปี 4-6 ในโรงพยาบาลศูนย์ในต่างจังหวัด
- ต้องชดใช้ทุนใน รพ.ศูนย์ 1 ปี และ รพ ชุมชน ที่กำหนดให้อีก 2 ปี
- ไม่สามารถสมัครโครงการอื่นๆได้
- สามารถเรียนต่อก่อนใช้ทุนครบ 3 ปีได้ในบางสาขา แต่อาจต้องมีทุนมาเรียนเฉพาะทาง (หมายความว่าจบแล้วต้องไปทำงานหลังจบเฉพาะทางอีก)

3. โครงการแพทย์ ODOD 1 อำเภอ 1 หมอ
- ได้ทุนระหว่างเรียนแพทย์ เดือนละเท่าไรไม่แน่ใจ ยกเว้นค่าเทอม
- ต้องใช้ทุน 1 ปี ในโรงพยาบาลศูนย์ และปฏิบัติงานใน รพ ชุมชนอีก 11 ปี!!
- ไม่สามารถสมัครโครงการอื่นๆได้
- สามารถเรียนต่อก่อนครบใช้ทุน 12 ปีได้ในบางสาขา แต่ต้องปฏิบัติงานไปแล้วอย่างน้อย 5-6 ปี
- ไม่ใช้ทุนเสียเงิน 2 ล้าน!

สรุปคร่าวๆ ก็ประมาณนี้ แต่ก็ควรศึกษาให้ดี เพราะพี่ก็ไม่รู้ข้อมูลใดๆก่อนที่จะสมัคร
เพียงแต่ว่าบ้านอยู่ในเขตที่สมัครโครงการอะไรไม่ได้เลย ก็เลยต้องสอบกับส่วนกลาง ซึ่งยืดหยุ่นในการชดใช้ทุนมากสุด

สุดท้ายนี้
การสอบเข้าแพทย์เป็นการข้ามภูเขาลูกหนึ่งเท่านั้น ยังมีภูเขาอีกหลายลูกที่สูงอีกมากให้เดินข้ามนะ ถ้าคิดดีแล้วก็เข้ามาเถอะ เพราะมันก็ไม่ได้มีแต่ข้อเสีย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่