คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ลาออกวันนี้เลยครับ อย่ามัวเสียเวลาบ่น
เก็บรายละเอียดเงินคงค้างเอาไว้ ฟ้องคดี มาตรา 157 โดย ผอ รพ เป็นจำเลยที่ 1 ครับ
ถ้าคุณทำไปเรื่อยๆ เงินก็ไม่ได้ พอกไปเรื่อยๆ ยิ่งไม่อยากลาออกไปเรื่อยๆครับ
ตัดจบตอนนี้ ดีกว่าครับ
แค่เขียนหนังสือทวงเงินค่าตอบแทน ลงทะเบียนตอบรับ แล้วไปตามที่หน่วยงาน สสจ ครับว่าเรื่องถึงไหนแล้ว
ถ้าเนิ่นนานก็ฟ้องศาลครับ ได้ครบแน่นอน
มาโพสพันทิพไม่เกิดประโยชน์อะไรครับ
เอาเวลาไปเขียนจดหมายดีกว่าครับ
ลาออกมีผล 30 วัน ระหว่างนี้ก็ไปนั่งห้อง ผอ ซิครับ ไปทวงหนังสือ ไปตามเรื่องกับการเงิน
เก็บรายละเอียดเงินคงค้างเอาไว้ ฟ้องคดี มาตรา 157 โดย ผอ รพ เป็นจำเลยที่ 1 ครับ
ถ้าคุณทำไปเรื่อยๆ เงินก็ไม่ได้ พอกไปเรื่อยๆ ยิ่งไม่อยากลาออกไปเรื่อยๆครับ
ตัดจบตอนนี้ ดีกว่าครับ
แค่เขียนหนังสือทวงเงินค่าตอบแทน ลงทะเบียนตอบรับ แล้วไปตามที่หน่วยงาน สสจ ครับว่าเรื่องถึงไหนแล้ว
ถ้าเนิ่นนานก็ฟ้องศาลครับ ได้ครบแน่นอน
มาโพสพันทิพไม่เกิดประโยชน์อะไรครับ
เอาเวลาไปเขียนจดหมายดีกว่าครับ
ลาออกมีผล 30 วัน ระหว่างนี้ก็ไปนั่งห้อง ผอ ซิครับ ไปทวงหนังสือ ไปตามเรื่องกับการเงิน
ความคิดเห็นที่ 5
รีบเขียนใบลาออก และขึ้นไปรอ ผอก เซ็นอนุมัติในวันนั้น เลยครับ
เสียสุขภาพกายและจิต
ส่วนเรื่องเงินที่ทำงานไป และยังไม่ได้ ไม่ต้องกังวล
ราชการไม่โกง
ให้รายละเอียดที่อยู่ และเลขบัญชี ไว้กับการเงินของโรงพยายาลไว้
ถ้าตกเบิกมาแล้ว
เขาหักเงินทุกอย่างที่คุณต้องจ่ายเรียบร้อยแล้ว
เขาจะโอนเข้าบัญชีให้ครับ
เก็บหลักฐานการขึ้นเวร หรืออะไรต่างๆไว้ เผื่อ ยอดเงินไม่ตรง จะได้ไปเช็คกับสลิปเงินเดือน อีกที
เสียสุขภาพกายและจิต
ส่วนเรื่องเงินที่ทำงานไป และยังไม่ได้ ไม่ต้องกังวล
ราชการไม่โกง
ให้รายละเอียดที่อยู่ และเลขบัญชี ไว้กับการเงินของโรงพยายาลไว้
ถ้าตกเบิกมาแล้ว
เขาหักเงินทุกอย่างที่คุณต้องจ่ายเรียบร้อยแล้ว
เขาจะโอนเข้าบัญชีให้ครับ
เก็บหลักฐานการขึ้นเวร หรืออะไรต่างๆไว้ เผื่อ ยอดเงินไม่ตรง จะได้ไปเช็คกับสลิปเงินเดือน อีกที
ความคิดเห็นที่ 98
สวัสดีครับ ผมเป็นอดีตแพทย์รพ รัฐ สังกัดกระทรวง และ รร แพทย์
สิ่งที่คุณบ่น ไม่ต่างอะไรกับ 25 ปีที่แล้ว แต่มันไม่ใช่สาเหตุที่จะทำให้ผมลาออกได้ เพราะ 25 ปีที่แล้ว ค่าครองชีพผมพอด้วยเงิน 3-5 หมื่น ยังไม่มีลูก ผมไม่ต้องเสียค่าทางด่วน และน้ำมันลิตรละเกือบ50 ผมมีบ้านพักใกล้ ไม่ต้องเสียเวลาเกือบชั่วโมง ชีวิตไม่มีอย่างอื่นนอกจากงาน
ตอนนี้แก่แล้ว มองย้อนกลับและมองปัจจุบัน สิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือ ไอ้ระบบแบบนี้ (เงินเดือนรัฐ ต่างกับ เอกชน 5-10 เท่า, หมอตรวจคนไข้เยอะมาก เพราะlimitจำนวนโดยเวลา, เงินไม่พอต้องทำคลินิคนอกเวลา กับเอกชน) จะทำให้คนไข้ส่วนใหญ่ ของประเทศ ได้รับบริการการแพทย์ ที่ด้อยเกินกว่าที่เค้าควรจะได้
ผมเริ่มมีโรคประจำตัว คุณพ่อมาคุณแม่ด้วย เลยได้รับบทเป็นคนไข้ แต่เนื่องจากผมเป็นหมอด้วย เลยประเมินคร่าวๆได้ ว่าใครให้การรักษาเรายังไง สุดท้าย จบที่ รร แพทย์ แต่รักษากับ อาจารย์ ที่ไม่มีตำแหน่งวิชาการนะ (ไม่ ศ รศ ผศ) เพราะส่วนใหญ่ที่ผมเจอ (ไม่ใช่ทุกคน) คนที่มีตำแหน่งวิชาการเอาเวลาไปทุ่มเทวิจัย กับพูดบริษัทยาหมด ให้ได้ชื่อเสียง แต่ไม่มีเวลาดูคนไข้ บางคนตรวจละเอียดเฉพาะคลินิคนอกเวลา ซึ่งเหล่านี้ผมไม่มีปัญหาเพราะอยู่ในวงการ เลยรู้ว่าใครดูคนไข้ดี ผ่าตัดฝีมือเทพ แต่สำหรับคนที่เชื่อเรื่องความเท่าเทียมกันอย่างผม คิดว่ามันไม่แฟร์ สำหรับคนไข้ของประเทศ
ซึ่งผมว่ามันเกิดขึ้นส่วนใหญ่ จากระบบ จ่ายเงิน ภาระงาน ความเครียด ส่วนน้อย จากความโลภของหมอเอง มีหมอที่ผมเรียกว่าเทพ อย่างน้อย3คน (ไม่ทำตำแหน่งวิชาการ ตรวจทุ่มเท เด็กตามได้24ชั่วโมง) ลาออกจากโรงเรียนแพทย์ เพราะครอบครัวเค้าถึงจุดที่ไม่สมดุลย์เอามากๆจากการทุ่มเท
ตอนนี้เรากำล้งเป็นเหมือนอเมริกา คือคนหนีไปซื้อ ประกันสุขภาพเอกชน มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะหมอที่มีเวลา พร้อมดูแลคุณอย่างดี เค้าทำนอกเวลาที่เอกชน ถ้า30บาทต้องไหว้พระขอให้เจอหมอไม่เครียด มีเวลา ดูแลดีๆ ถ้ารัฐบาล ไม่ทำอะไร บอกเลยว่าประชาชนเตรียมจ่ายค่าเบี้ยประกันที่สูงขึ้น พอจ่ายเบี้ยเยอะ ก็มีการฟ้องร้องมากขึ้น ฟ้องมากหมอทำประกัน DFเพิ่ม ก็วนไปที่เบี้ยประกันที่สูงกว่าเดิม ผมคิดว่าต้อง
- ลดระบบศักดินาโดยตำแหน่งวิชาการ หมอจำพวก Hospitalist ควรได้รับการยกย่อง และค่าตอบแทนไม่ต่าง จาก ศ มาก เพราะเค้าคือคนที่เอามือสองข้างไปรักษาคนไข้ค่อนประเทศ ในขณะที่ ศ ได้จากการเขียนหนังสือ (อันนี้คนไข้ไม่รู้นะ)
- ค่าตอบแทนเอาให้ตรงกับการใช้ชีวิตปัจจุบัน ไม่ต้องรวย แต่ต้องทำให้หมอจบใหม่หยุดเปิดคลินิคความงามแล้วโพสต์ social media ว่าเป็น entrepreneur สักที เราผลิตหมอมารักษาคนไข้ ไม่ใช่ผู้ประกอบการ
- ส่งเสริมให้หมอได้รับความชื่นชม จากการดูแลคนไข้ ไม่ใช่จากการที่บริษัทยาอวยทางสื่อ จ่ายค่าเป็น speaker ให้ชม.ละ50,000
หมอเป็นอาชีพเดียวที่ไม่ควรอยู่ภายใต้ ระบบที่ปั่นหัวด้วย ลาภ ยศ สรรเสริญ ใครจะคิดต่างผมก็ไม่ว่านะ แต่จากที่ทำงานในอเมริกามาหลายปี ผมสงสาร และเสียใจ ถ้าประเทศเราจะกลายเป็นแบบนั้น
สิ่งที่คุณบ่น ไม่ต่างอะไรกับ 25 ปีที่แล้ว แต่มันไม่ใช่สาเหตุที่จะทำให้ผมลาออกได้ เพราะ 25 ปีที่แล้ว ค่าครองชีพผมพอด้วยเงิน 3-5 หมื่น ยังไม่มีลูก ผมไม่ต้องเสียค่าทางด่วน และน้ำมันลิตรละเกือบ50 ผมมีบ้านพักใกล้ ไม่ต้องเสียเวลาเกือบชั่วโมง ชีวิตไม่มีอย่างอื่นนอกจากงาน
ตอนนี้แก่แล้ว มองย้อนกลับและมองปัจจุบัน สิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือ ไอ้ระบบแบบนี้ (เงินเดือนรัฐ ต่างกับ เอกชน 5-10 เท่า, หมอตรวจคนไข้เยอะมาก เพราะlimitจำนวนโดยเวลา, เงินไม่พอต้องทำคลินิคนอกเวลา กับเอกชน) จะทำให้คนไข้ส่วนใหญ่ ของประเทศ ได้รับบริการการแพทย์ ที่ด้อยเกินกว่าที่เค้าควรจะได้
ผมเริ่มมีโรคประจำตัว คุณพ่อมาคุณแม่ด้วย เลยได้รับบทเป็นคนไข้ แต่เนื่องจากผมเป็นหมอด้วย เลยประเมินคร่าวๆได้ ว่าใครให้การรักษาเรายังไง สุดท้าย จบที่ รร แพทย์ แต่รักษากับ อาจารย์ ที่ไม่มีตำแหน่งวิชาการนะ (ไม่ ศ รศ ผศ) เพราะส่วนใหญ่ที่ผมเจอ (ไม่ใช่ทุกคน) คนที่มีตำแหน่งวิชาการเอาเวลาไปทุ่มเทวิจัย กับพูดบริษัทยาหมด ให้ได้ชื่อเสียง แต่ไม่มีเวลาดูคนไข้ บางคนตรวจละเอียดเฉพาะคลินิคนอกเวลา ซึ่งเหล่านี้ผมไม่มีปัญหาเพราะอยู่ในวงการ เลยรู้ว่าใครดูคนไข้ดี ผ่าตัดฝีมือเทพ แต่สำหรับคนที่เชื่อเรื่องความเท่าเทียมกันอย่างผม คิดว่ามันไม่แฟร์ สำหรับคนไข้ของประเทศ
ซึ่งผมว่ามันเกิดขึ้นส่วนใหญ่ จากระบบ จ่ายเงิน ภาระงาน ความเครียด ส่วนน้อย จากความโลภของหมอเอง มีหมอที่ผมเรียกว่าเทพ อย่างน้อย3คน (ไม่ทำตำแหน่งวิชาการ ตรวจทุ่มเท เด็กตามได้24ชั่วโมง) ลาออกจากโรงเรียนแพทย์ เพราะครอบครัวเค้าถึงจุดที่ไม่สมดุลย์เอามากๆจากการทุ่มเท
ตอนนี้เรากำล้งเป็นเหมือนอเมริกา คือคนหนีไปซื้อ ประกันสุขภาพเอกชน มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะหมอที่มีเวลา พร้อมดูแลคุณอย่างดี เค้าทำนอกเวลาที่เอกชน ถ้า30บาทต้องไหว้พระขอให้เจอหมอไม่เครียด มีเวลา ดูแลดีๆ ถ้ารัฐบาล ไม่ทำอะไร บอกเลยว่าประชาชนเตรียมจ่ายค่าเบี้ยประกันที่สูงขึ้น พอจ่ายเบี้ยเยอะ ก็มีการฟ้องร้องมากขึ้น ฟ้องมากหมอทำประกัน DFเพิ่ม ก็วนไปที่เบี้ยประกันที่สูงกว่าเดิม ผมคิดว่าต้อง
- ลดระบบศักดินาโดยตำแหน่งวิชาการ หมอจำพวก Hospitalist ควรได้รับการยกย่อง และค่าตอบแทนไม่ต่าง จาก ศ มาก เพราะเค้าคือคนที่เอามือสองข้างไปรักษาคนไข้ค่อนประเทศ ในขณะที่ ศ ได้จากการเขียนหนังสือ (อันนี้คนไข้ไม่รู้นะ)
- ค่าตอบแทนเอาให้ตรงกับการใช้ชีวิตปัจจุบัน ไม่ต้องรวย แต่ต้องทำให้หมอจบใหม่หยุดเปิดคลินิคความงามแล้วโพสต์ social media ว่าเป็น entrepreneur สักที เราผลิตหมอมารักษาคนไข้ ไม่ใช่ผู้ประกอบการ
- ส่งเสริมให้หมอได้รับความชื่นชม จากการดูแลคนไข้ ไม่ใช่จากการที่บริษัทยาอวยทางสื่อ จ่ายค่าเป็น speaker ให้ชม.ละ50,000
หมอเป็นอาชีพเดียวที่ไม่ควรอยู่ภายใต้ ระบบที่ปั่นหัวด้วย ลาภ ยศ สรรเสริญ ใครจะคิดต่างผมก็ไม่ว่านะ แต่จากที่ทำงานในอเมริกามาหลายปี ผมสงสาร และเสียใจ ถ้าประเทศเราจะกลายเป็นแบบนั้น
ความคิดเห็นที่ 9
คห 7 นี่ตอบไม่เข้าท่าเลยนะคะ
แทนที่ประเทศไทย กระทรวง สธ จะแก้ปัญหาด้วยการไปปรับปรุงระบบจ้างงาน การเบิกจ่ายเงิน อะไรใด ๆ
เช่นควรให้ ต้องให้ สธ มีเงินสำรอง กี่ xxx ร้อยล้านก็ว่าไป เพื่อทำให้การจ่ายเงินลูกจ้าง พนง ต่าง ๆ ตรงเวลา
กลับคิดว่า "ก็ต้องยอมรับสภาพสิ" เธอสมัครใจเป็นหมอเองนี่ ยังงี้ได้เหรอ
capital fund / contingency risk มันอยู่บนพื้นฐานของการทำกิจการใด ๆ อยู่แล้วอะ ไม่ใช่ทำธุรกิจแบบซื้อมาขายไปซะหน่อย
อันนี้นอกเรื่อง
ช่วงนี้มีข่าว KSA รับสมัครพยาบาลจากไทยอยู่ คนอคติก็ตั้งตาด่าไว้ก่อน ว่าไม่คุ้ม โน่น นี่นั่น ไปเป็นคนใช้เขา บลา ๆ (ด่าไว้ก่อนอะนะ)
แต่อย่างน้อย ที่รู้ ๆ คือ region แถบนี้ พยบ ทำงาน max 10 hrs/day และมีวันหยุดที่ได้หยุดแน่นอนค่ะ เงินเดือนรับตรงเวลา
ไม่รู้คนด่าเนี่ยไปเจอ nurse แบบไหนมาถึงได้เอามาคิดว่า "ไปเป็นคนใช้พวกอารบิค" เฮ้ย พยาบาลก็คือพยาบาล มาคนใช้อะไร
เขาก็ทำงานตาม scope ที่ได้รับมอบหมายไป พยบ อยู่ health care ก็อย่างนึง อยู่ รพ ไฮโซ ก็อย่างหนึง อยู่ศูนย์บริการชุมชนก็อย่างหนึง ก็อยู่ที่ว่าคุณได้ดีลกับ ลูกค้า (ผู้มาใช้บริการ) กลุ่มไหน อะนะ เผื่อใครสนใจ ค่าจ้างอาจจะไม่สูงมากแต่ ชีวิตไม่โหดร้ายแน่นอน แถม facility ใน health care ก็อลังการมีทุกอย่างค่ะ (ไม่ได้อยู่ KSA แต่ติดตามข่าวสาร region แถบนี้ตลอด)
แทนที่ประเทศไทย กระทรวง สธ จะแก้ปัญหาด้วยการไปปรับปรุงระบบจ้างงาน การเบิกจ่ายเงิน อะไรใด ๆ
เช่นควรให้ ต้องให้ สธ มีเงินสำรอง กี่ xxx ร้อยล้านก็ว่าไป เพื่อทำให้การจ่ายเงินลูกจ้าง พนง ต่าง ๆ ตรงเวลา
กลับคิดว่า "ก็ต้องยอมรับสภาพสิ" เธอสมัครใจเป็นหมอเองนี่ ยังงี้ได้เหรอ
capital fund / contingency risk มันอยู่บนพื้นฐานของการทำกิจการใด ๆ อยู่แล้วอะ ไม่ใช่ทำธุรกิจแบบซื้อมาขายไปซะหน่อย
อันนี้นอกเรื่อง
ช่วงนี้มีข่าว KSA รับสมัครพยาบาลจากไทยอยู่ คนอคติก็ตั้งตาด่าไว้ก่อน ว่าไม่คุ้ม โน่น นี่นั่น ไปเป็นคนใช้เขา บลา ๆ (ด่าไว้ก่อนอะนะ)
แต่อย่างน้อย ที่รู้ ๆ คือ region แถบนี้ พยบ ทำงาน max 10 hrs/day และมีวันหยุดที่ได้หยุดแน่นอนค่ะ เงินเดือนรับตรงเวลา
ไม่รู้คนด่าเนี่ยไปเจอ nurse แบบไหนมาถึงได้เอามาคิดว่า "ไปเป็นคนใช้พวกอารบิค" เฮ้ย พยาบาลก็คือพยาบาล มาคนใช้อะไร
เขาก็ทำงานตาม scope ที่ได้รับมอบหมายไป พยบ อยู่ health care ก็อย่างนึง อยู่ รพ ไฮโซ ก็อย่างหนึง อยู่ศูนย์บริการชุมชนก็อย่างหนึง ก็อยู่ที่ว่าคุณได้ดีลกับ ลูกค้า (ผู้มาใช้บริการ) กลุ่มไหน อะนะ เผื่อใครสนใจ ค่าจ้างอาจจะไม่สูงมากแต่ ชีวิตไม่โหดร้ายแน่นอน แถม facility ใน health care ก็อลังการมีทุกอย่างค่ะ (ไม่ได้อยู่ KSA แต่ติดตามข่าวสาร region แถบนี้ตลอด)
ความคิดเห็นที่ 10
สวัสดิการไม่มี บ้านพักไม่มี นี่หมอโรงพยาบาลไหนครับเนี่ย ถึงได้กันดาล ระดับครูโรงเรียนบนดอยยังอาย
เพราะถ้าสวัสดิการ หมอยังแย่ขนาดนี้ ไม่ต้องคิดถึง ของพวกบุคลากรทางการแพทย์อื่นๆ เลย
ถ้าเรียกร้อง สวัสดิการ เงินเดือน ผมเรียกร้องให้นางพยาบาล เพราะน่าสงสารกว่าหมอเยอะ
พวกหมอนะ ควรโวยเป็นลำดับสุดท้ายเลย เพราะอำนาจต่อรองสูงที่สุด
อยู่ไม่ได้ลาออกไปถูกแล้ว เพราะ มีโรงพยาบาลเอกชน เงินเดือนดี สวัสดิการดี งานสบายคอยรับเพียบ
เพราะถ้าสวัสดิการ หมอยังแย่ขนาดนี้ ไม่ต้องคิดถึง ของพวกบุคลากรทางการแพทย์อื่นๆ เลย
ถ้าเรียกร้อง สวัสดิการ เงินเดือน ผมเรียกร้องให้นางพยาบาล เพราะน่าสงสารกว่าหมอเยอะ
พวกหมอนะ ควรโวยเป็นลำดับสุดท้ายเลย เพราะอำนาจต่อรองสูงที่สุด
อยู่ไม่ได้ลาออกไปถูกแล้ว เพราะ มีโรงพยาบาลเอกชน เงินเดือนดี สวัสดิการดี งานสบายคอยรับเพียบ
แสดงความคิดเห็น
ใครอยากให้ลูกเป็นหมอ รพ.รัฐ ยุคนี้ หนีไปค่ะ หนีไป!!!
ภาระงานหนัก เงินน้อย!!! อยู่ก็เหมือนตกนรกทั้งเป็น
เงินเดือนได้ไม่ครบ ออกไม่ตรง ตกเบิก 6-8 เดือน หรือมากกว่านั้น
(แต่หนี้ของเราต้องจ่ายตรงทุกงวดนะ)
ค่าตอบแทนไม่คุ้มกับความเสี่ยงที่ต้องรับผิดชอบ
หลายครั้งทำงานเกินหน้าที่ฟรี ๆ ไม่มี DF
(มีเฉพาะทางนะ แต่ก็คอนเซ้าท์ยาก หรือกินหัวกัน)
พักผ่อนน้อย ลายากมากถึงยากที่สุด!!!
ไม่มีเวลาได้ใช้ชีวิต ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง และครอบครัว
ถึงป่วย ก็ต้องมาทำงาน ถ้าหาคนแทนไม่ได้
ทำงานจนตัวเองป่วย ก็ต้องทำงานวนไปค่ะ จนกว่าจะตายไปข้างนึง
ติดโควิด ก็ต้องไปทำงานนะ ไม่ได้หยุด
รับผิดชอบหน้าที่เกินมนุษย์คนนึงจะทำได้!!
การอยู่เวรคือ ต้องอยู่เฝ้า รพ. รับผิดชอบคนเดียว
สวัสดิการไม่มี บ้านพักไม่มี ที่มีก็ต่อคิวกันจะเป็นจะตาย ไม่รู้คนได้บ้านทำบุญด้วยอะไร
ใครบอกว่าทำงานกินภาษีประชาชน ช่วยตามมาจ่ายเงินเดือน ค่าตอบแทนให้ครบทีค่ะ ค้างมาเกินครึ่งปีแล้ว ชีวิตลำบากมาก
เงินเดือน2หมื่น เป็นค่าน้ำมันเดินทางไปกลับ รพ.เกือบหมื่น จะเหลืออะไรกินคะ
ตัวเองยังแทบเอาตัวไม่รอด ไม่มีเหลือให้พ่อแม่เลยค่ะ
มาทำงานค่ะ ไม่ได้ทำการกุศล ไม่ได้โลกสวย
ทุกคนต้องดิ้นรนเพื่ออยู่รอดในสังคมอันโหดร้าย
ใครบอกอยู่ไม่ได้ ให้ไปลาออก —- >> ช่วยจ่ายเงินเดือนและค่าตอบแทนให้ครบก่อนค่ะ แล้วจะออกทันที ไม่หันหลังกลับเลย
พี่คนนึงเคยพูดไว้ว่า ข้าราชการไส้แห้ง
ออกมาอยู่เอกชนเพื่อครอบครัวดีกว่า อันนี้เรื่องจริง เห็นด้วยมากที่สุด
ศักดิ์ศรีกินไม่ได้ แต่ครอบครัวต้องใช้เงิน ชีวิตดำเนินต่อไปได้ด้วยเงิน
ทุกวันนี้ไม่ได้หวังร่ำรวยอะไรนะคะ
หวังแค่มีชีวิตอยู่รอดไปวันๆ
เพราะ รพ.ค้างจ่ายเงินเยอะมากๆ
ทำงาน100 ได้ค่าตอบแทน 50งี้
แทบเอาชีวิตเดือนๆนึงไม่รอดค่ะ
ค่าใช้จ่ายในการสร้างหมอคนนึง คือพ่อแม่ลงทุนเยอะมาก
แต่ที่ได้กลับมาคือไม่คุ้มกับการลงทุนเลย
ใครพลาดให้ลูกมาเรียนแล้ว ก็อย่าบังคับให้ลูกทำงานราชการ หรืออยู่ รพ.รัฐนะคะ ชีวิตแย่มากๆ ไปทำ skin หรืออยู่เอกชนโน่นค่ะ
แพทย์ รพ.รัฐยุคนี้ล้นแล้ว ต้องตำแหน่งรอบรรจุ
มีอีกหลายอาชีพ ที่สามารถดูแลตัวเองและเลี้ยงครอบครัวได้ โดยไม่ต้องลำบากขนาดนี้
มันหมดยุคที่สังคมเทิดทูนหมอแล้วค่ะ
ทุกคนเป็นมนุษย์เหมือนกัน และต้องดิ้นรนในการมีชีวิตเหมือนกัน
อาชีพ หมอ รพ.รัฐ ไม่ได้สวยหรูแบบที่ใครเข้าใจ
เพราะความจริง มันห่วยแตก และต้องดิ้นรน สู้ชีวิตมากๆ