- ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๐๕-๑๑๐/๑๕๘-๑๖๔.
(๑) ปุพเพนิวาสานุสสติญาณที่แท้จริง ( ซึ่งไม่เป็นสัสสตทิฎฐิ ) ----
http://truthoflife.fix.gs/index.php?topic=6636.0
ท้ายพระสูตรตามลิงค์
ภิกษุนั้น ไม่ทำให้มอดอยู่ ไม่ทำให้โพลงอยู่ แต่เป็นอันว่าทำให้มอดซึ่งอะไรแล้ว ดำ รงอยู่?
เธอไม่ทำ ให้มอดอยู่ ไม่ทำ ให้โพลงอยู่
แต่เป็นอันว่าทำให้มอดซึ่งรูป ซึ่งเวทนา ซึ่งสัญญา ซึ่งสังขาร ซึ่งวิญญาณ แล้ว ดำรงอยู่.
ภิ กษุ ท .! เทวด าทั้ งหลาย พ ร้อม ทั้ งอิน ท ร์ พ รหม และป ชาบ ดี
ย่อมนมัสการภิกษุผู้มีจิตหลุดพ้นแล้วอย่างนี้ มาจากที่ไกลเทียว กล่าวว่า :-
"ข้าแต่ท่านบุรุษอาชาไนย ! ข้าแต่ท่านบุรุษผู้สูงสุด !
ข้าพเจ้าขอนมัสการท่าน เพราะข้าพเจ้าไม่อาจจะทราบสิ่งซึ่งท่าน
อาศัยแล้วเพ่ง ของท่าน" ดังนี้
^^^^^^^^^^^
พระสูตรนี้ ใครชำนาญ อรรถกถา ช่วย แสดง หลักฐานชั้นอรรถกถาด้วยว่า พระอรรถกถาจารย์ เสนอไว้อย่างไร?
ประเด็น
พระอรหันต์สมัยพุทธกาล ท่านระลึกชาติก่อน ตามพระสูตร ข้างบนที่ตรัส
--------> เข้าใจ (ไม่ใช่เชื่อ หรือ คิด) ว่า อย่างไร? เมื่อ เนื่องกับ "ปฏิจจสมุปบาท แบบ วิสุทธิมัคค์" <------------
ระลึกชาติ แบบ ไม่เป็น สัสสตทิฏฐิ พิจารณาพระสูตรนี้...
(๑) ปุพเพนิวาสานุสสติญาณที่แท้จริง ( ซึ่งไม่เป็นสัสสตทิฎฐิ ) ---- http://truthoflife.fix.gs/index.php?topic=6636.0
ท้ายพระสูตรตามลิงค์
ภิกษุนั้น ไม่ทำให้มอดอยู่ ไม่ทำให้โพลงอยู่ แต่เป็นอันว่าทำให้มอดซึ่งอะไรแล้ว ดำ รงอยู่?
เธอไม่ทำ ให้มอดอยู่ ไม่ทำ ให้โพลงอยู่ แต่เป็นอันว่าทำให้มอดซึ่งรูป ซึ่งเวทนา ซึ่งสัญญา ซึ่งสังขาร ซึ่งวิญญาณ แล้ว ดำรงอยู่.
ภิ กษุ ท .! เทวด าทั้ งหลาย พ ร้อม ทั้ งอิน ท ร์ พ รหม และป ชาบ ดี
ย่อมนมัสการภิกษุผู้มีจิตหลุดพ้นแล้วอย่างนี้ มาจากที่ไกลเทียว กล่าวว่า :-
"ข้าแต่ท่านบุรุษอาชาไนย ! ข้าแต่ท่านบุรุษผู้สูงสุด !
ข้าพเจ้าขอนมัสการท่าน เพราะข้าพเจ้าไม่อาจจะทราบสิ่งซึ่งท่าน
อาศัยแล้วเพ่ง ของท่าน" ดังนี้
^^^^^^^^^^^
พระสูตรนี้ ใครชำนาญ อรรถกถา ช่วย แสดง หลักฐานชั้นอรรถกถาด้วยว่า พระอรรถกถาจารย์ เสนอไว้อย่างไร?
ประเด็น
พระอรหันต์สมัยพุทธกาล ท่านระลึกชาติก่อน ตามพระสูตร ข้างบนที่ตรัส
--------> เข้าใจ (ไม่ใช่เชื่อ หรือ คิด) ว่า อย่างไร? เมื่อ เนื่องกับ "ปฏิจจสมุปบาท แบบ วิสุทธิมัคค์" <------------