1.N-park
อดีต
โรงภาษีร้อยชักสาม หรือ โรงภาษีเก่า (custom house) หรือ อาคารศุลกสถาน ตั้งอยู่ที่ ถนนเจริญกรุง 36 เขตบางรัก
ที่ดินแปลงนี้เป็นเขตราชพัสดุซึ่งติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา
แต่เดิมในสมัยรัชกาลที่ 5
สถาปนิกชาวอิตาเลียนชื่อ โยคิม กราซี (Joachim Crassi)
เป็นผู้ออกแบบตึกเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว
เมื่อครั้งเขาเข้ามารับราชการในราชสำนักสยาม รัชสมัยของรัชกาลที่ 5
ปัจจุบัน---------->เป็น story ในการปั่น หุ้น หรือ story ในการพลิกฟื้น N-park?--->ความเห็นผมอยู่ที่ความเห็นท้ายกระทู้
กรณี N -park จาก คุณ leky ใน web thai VI พูดได้น่าฟังหลายเดือนแล้ว
ยอมรับว่าเคยมีหุ้นตัวนี้ครับ สมัยที่ยังไม่ค่อยมีความรู้ ด้วยความคิดเพียงแค่ว่าซื้อแล้วขึ้นช่องเดียวก็ขาย ก่อนหน้านี้ก็เคยเล่นแบบนี้กับ W ตัวหนึ่ง เลยคิดว่ากำไรไม่ยาก แต่หารู้ไม่ว่าตอนนั้นส่วนทุนมันกำลังจะติดลบ นั่นแปลว่าบ.จำเป็นจะต้องเพิ่มทุน หลังซื้อไปไม่นานมันก็ติด SP พร้อม ๆ กับประกาศเพิ่มทุน สุดท้ายก็ต้องติดแหง็กอยู่ที่ 3 สต.ต่อหุ้น (ถัวกับหุ้นเพิ่มทุน 1:4 ราคา 1 สต.) ติดอยู่เกือบปี เคยมีบางวันปิดที่ 1 สต.ก็จะเห็นพอร์ตสีแดงแบบติดลบมาก ๆ แบบยากจะทำใจได้ครับ
แต่เพราะหุ้นตัวนี้ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่าง หลังจากนั้นผมก็มาศึกษาว่าทำไมบ.มันถึงแย่ ถึงเข้าใจปัญหาในหลาย ๆ เรื่อง ยอมรับว่าเป็นบ.หนึ่งที่น่าจะเป็น case study ที่น่าสนใจครับ ปัจจัยที่ทำให้บ.แย่
1) ปัญหาการตั้งสำรองคดีที่ไม่จบไม่สิ้นตั้งแต่ในยุคปี 40 ซึ่งเกิดจากการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งหลังจากที่บ.ออกมาจากแผนฟื้นฟู กลับโดนเจ้าหนี้ทยอยกันฟ้องเอาหนี้คืน ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกเหมือนจะจบไปแล้ว กลายเป็นต้องโดนทั้งหนี้บวกดอกเบี้ยอีกจำนวนมหาศาลเนื่องจากเวลาผ่านมาหลายป ี
2) วิสัยทัศน์ของผบห.ในยุคหลังออกจากแผนฟื้นฟู ไปลงทุนในหุ้นหลายตัวในราคาที่ค่อนข้างสูงแล้วผลไม่เป็นไปตามคาด เช่น SYNTEC SIRI BMCL PA ทำให้ต้องขายหุ้นเหล่านี้ในราคาที่ขาดทุนเพื่อนำไปใช้หนี้และสำรองหนี้
3) ธุรกิจหลักเดิมไม่ทำรายได้ที่ดี เช่นอพาร์ทเมนท์ ในขณะที่ธุรกิจที่ลงทุนติดขัด เช่น โครงการร้อยชักสาม ก็มีปัญหาเรื่องการส่งพื้นที่กับทางราชการทำให้เริ่มโครงการไม่ได้
4) ธุรกิจที่เป็นเพชรเม็ดงาม เช่นโรงแรมในระดับห้าดาว เช่น โรงแรมเลอ เมอริเดียน ต้องโดนขายเพื่อที่จะเอามาใช้หนี้และตั้งสำรอง
หลังจากผมถือมาเกือบปีแบบไม่มีทางเลือก วันหนึ่งบ.ก็ส่งจดหมายมาให้ผถห.จะขอมติการขายรร.ที่ภูเก็ตเพื่อเอากำไรไปหัก ล้างกับหนี้หุ้นกู้ของเลย์แมนฯ ตอนนั้นกำไรจากการขายนอกจากจะหักหนี้ได้แล้ว ยังจะทำให้ส่วนของผถห.กลับมาเป็นบวกมากขึ้น เนื่องจากบ.จะได้กำไรจากการขายหลายร้อยล้านบาท ซึ่งจะทำให้ไม่ต้องเพิ่มทุนอีกรอบ ตอนนั้นผมหวังในใจลึก ๆ ว่า เป็นโอกาสที่ผมจะ "ปลดแอก" จากหุ้นตัวนี้เสียที ตอนนั้นหุ้นเคลื่อนไหวอยู่ที่ 2-3 สต. หลังจากงบออกบ.พลิกกลับมามีกำไรราคาหุ้นก็ขยับขึ้นไปสูงสุด 7 สต. ตอนนั้นด้วยความที่ผมติดกับมันมานาน ตอนที่มันขึ้นมาแรก ๆ ผมก็พยายามจะไม่ขายเพราะไหน ๆ ก็เคยถือจนเหลือ 1 สต.ไปแล้ว สุดท้ายผมโชคดีที่ขายหุ้นไปครึ่งหนึ่งตรง 7 สต. ส่วนอีกครึ่งหนึ่งที่เอาไว้ลุ้น แต่สุดท้ายก็ไม่อยากเสี่ยงจึงตัดสินใจปล่อยออกหมดที่ 6 สต. ผมยังจำความรู้สึกตอนที่ตั้งขายหุ้นอีกครึ่งหนึ่งเข้าไปตรงราคา ATC ได้ครับ มันน่าจะเป็นการลุ้นที่ตื่นเต้นครั้งหนึ่งในชีวิตผม ราคา ATC มันขยับไปมาระหว่าง 5 สต.กับ 6 สต. สำหรับผมตอนนั้น 1 สต.มันมีค่าต่างกัน 30% ตอน ATC ที่ 6 สต.เราอยากให้มันหมดเวลา ตอน ATC ที่ 5 สต. เราไม่อยากให้มันหยุดตรงนั้น สุดท้ายมันปิดที่ 6 สต. ผมดีใจมากที่หลุดจากมันเสียทีครับ ทั้ง ๆ ที่ผมก็ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้มันจะขึ้นไปอีกหรือไม่ แต่สำหรับผม ผมบอกได้คำเดียวว่า "ผมพอแค่นี้"
ประสบการณ์จากการถือ N-PARK ในครั้งนั้น ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง ผมยอมรับว่าในปีนั้นหุ้นตัวนี้ทำให้พอร์ตกำไรโตอย่างมาก แต่ถ้าถามว่าให้ผมกลับไปถือแล้วได้กำไรแบบนี้ผมเอาไหม ผมกลับรู้สึกว่าถ้าย้อนเวลาได้ผมจะไม่ซื้อหุ้นตัวนี้ครับ เพราะผมอาจจะโชคดีที่จบแบบสุข แต่มันเป็นอะไรที่คาดการณ์ไม่ได้เลย ถ้าพลาดขึ้นมามันก็อาจจะกลายเป็นหนังคนละม้วน จะว่าไปผมก็เคยซื้อหุ้นหลายตัวที่ผลตอบแทนไม่แพ้กันแต่ความเสี่ยงน้อยกว่ามา ก แต่ผลพวงจากการถือหุ้นตัวนี้ ทำให้ผมได้รับสิ่งอื่นตามมาโดยที่ผมไม่เคยคิดมาก่อน
1) ผมศึกษาหาความรู้หุ้นที่ผมจะซื้อมากขึ้น จากเดิมที่ไม่ค่อยได้ดูเรื่องบัญชีก็ดูมากขึ้น รวมถึงพยายามหาความรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐาน และทำให้วิธีการลงทุนของผมเปลี่ยนไปจากวันนั้นเป็นอย่างมาก
2) จิตใจของผมในการถือหุ้นแข็งแกร่งขึ้นมาก
ยอมรับว่าถึง N-PARK จะเป็นหุ้นเน่า แต่ผมก็ได้อะไรจากหุ้นตัวนี้หลายอย่าง ๆ โดยที่ผมเองก็คิดไม่ถึง และผมก็เข้าใจความรู้สึกของคนที่ถือหุ้นตัวนี้ในวันนี้ว่าคงไม่ต่างจากผมในอ ดีตครับ ผมไม่ได้คิดว่าผมเก่งที่ทำกำไรจากหุ้นตัวนี้ได้นะครับ แต่ผมคิดว่าผมโชคดีมากกว่าครับ
จริง ๆ วันนี้ผมคุยกับพี่คนหนึ่งถึงหุ้นตัวนี้อีกครั้ง ผมว่ามันน่าสนใจมาก ๆ ว่าทำไมถึงมีคนยอมซื้อหุ้นเพิ่มทุนในจำนวนมหาศาลขนาดนั้น กลุ่มทุนรายใหม่ทำไมถึงกล้าขนาดนั้น ซึ่งคนอื่นอาจจะมองว่าเค้าจะเอาเงินมาทิ้งหรือเปล่า เพราะแม้แต่ผบห.ใหญ่ในปัจจุบันยังขายหุ้นทิ้งไปจนหมด หรือเค้าเห็นอะไรที่คนอื่นไม่เห็น
ในความเห็นผมที่เคยศึกษาหุ้นตัวนี้อยู่ช่วงหนึ่ง ผมคิดว่าปัจจัยที่จะ "ปลดล็อค" หุ้นตัวนี้ อาจจะเป็นไปได้ 3 อย่างครับ
1) เคลียร์คดีฟ้องร้องให้หมด แล้วโอนกลับการตั้งสำรองมหาศาล แต่ความเป็นไปได้ค่อนข้างยากเพราะถึงจะเคลียร์ได้ก็ต้องใช้หนี้ส่วนหนึ่งอยู ่ดี ยังไม่นับว่ามีหลายคดีและแต่ละคดีกินเวลาเป็นปี การมีคดีมากมายส่งผลลบต่อบ.หลายอย่างทั้งการต้องตั้งสำรองจำนวนมาก และการเสียเครดิตทำให้ไม่สามารถกู้ยืมเงินมาทำธุรกิจได้ง่ายนัก
2) ปัจจัยนี้น่าจะมีความเป็นไปได้มากที่สุด เนื่องจากบ.นี้น่าจะยังมีสินทรัพย์ที่มีค่าซ่อนอยู่ครับ ซึ่งมันอาจจะมีมูลค่ามากพอที่จะดึงให้คนสนใจที่จะเข้ามาซื้อบ.และ "ปลดปล่อย" มูลค่าของสินทรัพย์เหล่านั้น เท่าที่ผมจำได้จะมีที่ดินผืนใหญ่ติดแม่น้ำเจ้าพระยาที่บางกระเจ้า ซึ่งบ.เคยประกาศขายมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ขายไม่ได้ และเท่าที่จำได้อีกอย่างหนึ่งก็เหมือนจะมีสินทรัพย์อะไรบางอย่างที่ญี่ปุ่นค รับ
3) การใส่เงินเข้ามาทำให้ธุรกิจหลักดำเนินได้ดีขึ้น ผมคิดว่าตรงนี้ก็น่าจะเป็นไปได้ยาก เพราะบ.ขายเพชรเม็ดงามคือรร.ห้าดาวออกไปหมด ส่วนโครงการบางอย่างก็ยังแทบไม่ได้เพิ่มต้น (โครงการร้อยชักสาม) ส่วนธุรกิจอพาร์ทเมนท์ก็ไม่น่าจะดีนัก
น่าติดตามครับว่าเรื่องราวจะจบอย่างไร บ.นี้จะกลับมาได้จริงหรือแค่ขายฝันขำขำไปวันวันครับ ส่วนเรื่องราวประสบการณ์ของผมกับหุ้นตัวนี้อ่านได้แต่อย่าได้ลอกเลียนแบบเด็ ดขาดครับ
กรณี n-park
ประวัติ และความเป็นมาดูจากในนี้ครับ
copy ประโยคนี้วางในกูเกิ้ลครับ
***ที่ว่าง--->ร้อยชักสาม--> N-park-->ประวัติศาสตร์***
คำตอบกรณี N park post เมื่อ 19 ม.ค. 2556
มองในแง่การทำโรงแรมอามัน ที่ร้อยชักสาม 35 ห้อง
แล้วจะให้พลิกฟื้น N -park จากผลประกอบการของโรงแรมอามันอย่างเดียว -------->ความน่าจะเป็นต่ำมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ(อาจต้องตั้งราคาคืน 5หมื่นอัพ)
มันต้องมีมากกว่านี้
สิ่งที่ผมเห็นคือ ราคาหุ้นขึ้นแล้ว และสุดท้าย
แหล่งระดมทุนฟื้นฟู N-park ก็คือ เงินจากตลาดหลักทรัพย์นั่นเอง(รายย่อย)
จงคิดแบบจ้าว แต่ให้ออกก่อนจ้าว
อยากได้ปลา ก็จงอย่ากลัวเปียก
กราฟ 10 ปี
กราฟ 5 ปี
กราฟ 6 เืดือน
***ระวังหุ้นที่ถืออยู่ขึ้นผิดสังเกต------->ถูกลากมาเพิ่มทุน***
อดีต
โรงภาษีร้อยชักสาม หรือ โรงภาษีเก่า (custom house) หรือ อาคารศุลกสถาน ตั้งอยู่ที่ ถนนเจริญกรุง 36 เขตบางรัก
ที่ดินแปลงนี้เป็นเขตราชพัสดุซึ่งติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา
แต่เดิมในสมัยรัชกาลที่ 5
สถาปนิกชาวอิตาเลียนชื่อ โยคิม กราซี (Joachim Crassi)
เป็นผู้ออกแบบตึกเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว
เมื่อครั้งเขาเข้ามารับราชการในราชสำนักสยาม รัชสมัยของรัชกาลที่ 5
ปัจจุบัน---------->เป็น story ในการปั่น หุ้น หรือ story ในการพลิกฟื้น N-park?--->ความเห็นผมอยู่ที่ความเห็นท้ายกระทู้
กรณี N -park จาก คุณ leky ใน web thai VI พูดได้น่าฟังหลายเดือนแล้ว
ยอมรับว่าเคยมีหุ้นตัวนี้ครับ สมัยที่ยังไม่ค่อยมีความรู้ ด้วยความคิดเพียงแค่ว่าซื้อแล้วขึ้นช่องเดียวก็ขาย ก่อนหน้านี้ก็เคยเล่นแบบนี้กับ W ตัวหนึ่ง เลยคิดว่ากำไรไม่ยาก แต่หารู้ไม่ว่าตอนนั้นส่วนทุนมันกำลังจะติดลบ นั่นแปลว่าบ.จำเป็นจะต้องเพิ่มทุน หลังซื้อไปไม่นานมันก็ติด SP พร้อม ๆ กับประกาศเพิ่มทุน สุดท้ายก็ต้องติดแหง็กอยู่ที่ 3 สต.ต่อหุ้น (ถัวกับหุ้นเพิ่มทุน 1:4 ราคา 1 สต.) ติดอยู่เกือบปี เคยมีบางวันปิดที่ 1 สต.ก็จะเห็นพอร์ตสีแดงแบบติดลบมาก ๆ แบบยากจะทำใจได้ครับ
แต่เพราะหุ้นตัวนี้ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่าง หลังจากนั้นผมก็มาศึกษาว่าทำไมบ.มันถึงแย่ ถึงเข้าใจปัญหาในหลาย ๆ เรื่อง ยอมรับว่าเป็นบ.หนึ่งที่น่าจะเป็น case study ที่น่าสนใจครับ ปัจจัยที่ทำให้บ.แย่
1) ปัญหาการตั้งสำรองคดีที่ไม่จบไม่สิ้นตั้งแต่ในยุคปี 40 ซึ่งเกิดจากการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งหลังจากที่บ.ออกมาจากแผนฟื้นฟู กลับโดนเจ้าหนี้ทยอยกันฟ้องเอาหนี้คืน ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกเหมือนจะจบไปแล้ว กลายเป็นต้องโดนทั้งหนี้บวกดอกเบี้ยอีกจำนวนมหาศาลเนื่องจากเวลาผ่านมาหลายป ี
2) วิสัยทัศน์ของผบห.ในยุคหลังออกจากแผนฟื้นฟู ไปลงทุนในหุ้นหลายตัวในราคาที่ค่อนข้างสูงแล้วผลไม่เป็นไปตามคาด เช่น SYNTEC SIRI BMCL PA ทำให้ต้องขายหุ้นเหล่านี้ในราคาที่ขาดทุนเพื่อนำไปใช้หนี้และสำรองหนี้
3) ธุรกิจหลักเดิมไม่ทำรายได้ที่ดี เช่นอพาร์ทเมนท์ ในขณะที่ธุรกิจที่ลงทุนติดขัด เช่น โครงการร้อยชักสาม ก็มีปัญหาเรื่องการส่งพื้นที่กับทางราชการทำให้เริ่มโครงการไม่ได้
4) ธุรกิจที่เป็นเพชรเม็ดงาม เช่นโรงแรมในระดับห้าดาว เช่น โรงแรมเลอ เมอริเดียน ต้องโดนขายเพื่อที่จะเอามาใช้หนี้และตั้งสำรอง
หลังจากผมถือมาเกือบปีแบบไม่มีทางเลือก วันหนึ่งบ.ก็ส่งจดหมายมาให้ผถห.จะขอมติการขายรร.ที่ภูเก็ตเพื่อเอากำไรไปหัก ล้างกับหนี้หุ้นกู้ของเลย์แมนฯ ตอนนั้นกำไรจากการขายนอกจากจะหักหนี้ได้แล้ว ยังจะทำให้ส่วนของผถห.กลับมาเป็นบวกมากขึ้น เนื่องจากบ.จะได้กำไรจากการขายหลายร้อยล้านบาท ซึ่งจะทำให้ไม่ต้องเพิ่มทุนอีกรอบ ตอนนั้นผมหวังในใจลึก ๆ ว่า เป็นโอกาสที่ผมจะ "ปลดแอก" จากหุ้นตัวนี้เสียที ตอนนั้นหุ้นเคลื่อนไหวอยู่ที่ 2-3 สต. หลังจากงบออกบ.พลิกกลับมามีกำไรราคาหุ้นก็ขยับขึ้นไปสูงสุด 7 สต. ตอนนั้นด้วยความที่ผมติดกับมันมานาน ตอนที่มันขึ้นมาแรก ๆ ผมก็พยายามจะไม่ขายเพราะไหน ๆ ก็เคยถือจนเหลือ 1 สต.ไปแล้ว สุดท้ายผมโชคดีที่ขายหุ้นไปครึ่งหนึ่งตรง 7 สต. ส่วนอีกครึ่งหนึ่งที่เอาไว้ลุ้น แต่สุดท้ายก็ไม่อยากเสี่ยงจึงตัดสินใจปล่อยออกหมดที่ 6 สต. ผมยังจำความรู้สึกตอนที่ตั้งขายหุ้นอีกครึ่งหนึ่งเข้าไปตรงราคา ATC ได้ครับ มันน่าจะเป็นการลุ้นที่ตื่นเต้นครั้งหนึ่งในชีวิตผม ราคา ATC มันขยับไปมาระหว่าง 5 สต.กับ 6 สต. สำหรับผมตอนนั้น 1 สต.มันมีค่าต่างกัน 30% ตอน ATC ที่ 6 สต.เราอยากให้มันหมดเวลา ตอน ATC ที่ 5 สต. เราไม่อยากให้มันหยุดตรงนั้น สุดท้ายมันปิดที่ 6 สต. ผมดีใจมากที่หลุดจากมันเสียทีครับ ทั้ง ๆ ที่ผมก็ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้มันจะขึ้นไปอีกหรือไม่ แต่สำหรับผม ผมบอกได้คำเดียวว่า "ผมพอแค่นี้"
ประสบการณ์จากการถือ N-PARK ในครั้งนั้น ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง ผมยอมรับว่าในปีนั้นหุ้นตัวนี้ทำให้พอร์ตกำไรโตอย่างมาก แต่ถ้าถามว่าให้ผมกลับไปถือแล้วได้กำไรแบบนี้ผมเอาไหม ผมกลับรู้สึกว่าถ้าย้อนเวลาได้ผมจะไม่ซื้อหุ้นตัวนี้ครับ เพราะผมอาจจะโชคดีที่จบแบบสุข แต่มันเป็นอะไรที่คาดการณ์ไม่ได้เลย ถ้าพลาดขึ้นมามันก็อาจจะกลายเป็นหนังคนละม้วน จะว่าไปผมก็เคยซื้อหุ้นหลายตัวที่ผลตอบแทนไม่แพ้กันแต่ความเสี่ยงน้อยกว่ามา ก แต่ผลพวงจากการถือหุ้นตัวนี้ ทำให้ผมได้รับสิ่งอื่นตามมาโดยที่ผมไม่เคยคิดมาก่อน
1) ผมศึกษาหาความรู้หุ้นที่ผมจะซื้อมากขึ้น จากเดิมที่ไม่ค่อยได้ดูเรื่องบัญชีก็ดูมากขึ้น รวมถึงพยายามหาความรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐาน และทำให้วิธีการลงทุนของผมเปลี่ยนไปจากวันนั้นเป็นอย่างมาก
2) จิตใจของผมในการถือหุ้นแข็งแกร่งขึ้นมาก
ยอมรับว่าถึง N-PARK จะเป็นหุ้นเน่า แต่ผมก็ได้อะไรจากหุ้นตัวนี้หลายอย่าง ๆ โดยที่ผมเองก็คิดไม่ถึง และผมก็เข้าใจความรู้สึกของคนที่ถือหุ้นตัวนี้ในวันนี้ว่าคงไม่ต่างจากผมในอ ดีตครับ ผมไม่ได้คิดว่าผมเก่งที่ทำกำไรจากหุ้นตัวนี้ได้นะครับ แต่ผมคิดว่าผมโชคดีมากกว่าครับ
จริง ๆ วันนี้ผมคุยกับพี่คนหนึ่งถึงหุ้นตัวนี้อีกครั้ง ผมว่ามันน่าสนใจมาก ๆ ว่าทำไมถึงมีคนยอมซื้อหุ้นเพิ่มทุนในจำนวนมหาศาลขนาดนั้น กลุ่มทุนรายใหม่ทำไมถึงกล้าขนาดนั้น ซึ่งคนอื่นอาจจะมองว่าเค้าจะเอาเงินมาทิ้งหรือเปล่า เพราะแม้แต่ผบห.ใหญ่ในปัจจุบันยังขายหุ้นทิ้งไปจนหมด หรือเค้าเห็นอะไรที่คนอื่นไม่เห็น
ในความเห็นผมที่เคยศึกษาหุ้นตัวนี้อยู่ช่วงหนึ่ง ผมคิดว่าปัจจัยที่จะ "ปลดล็อค" หุ้นตัวนี้ อาจจะเป็นไปได้ 3 อย่างครับ
1) เคลียร์คดีฟ้องร้องให้หมด แล้วโอนกลับการตั้งสำรองมหาศาล แต่ความเป็นไปได้ค่อนข้างยากเพราะถึงจะเคลียร์ได้ก็ต้องใช้หนี้ส่วนหนึ่งอยู ่ดี ยังไม่นับว่ามีหลายคดีและแต่ละคดีกินเวลาเป็นปี การมีคดีมากมายส่งผลลบต่อบ.หลายอย่างทั้งการต้องตั้งสำรองจำนวนมาก และการเสียเครดิตทำให้ไม่สามารถกู้ยืมเงินมาทำธุรกิจได้ง่ายนัก
2) ปัจจัยนี้น่าจะมีความเป็นไปได้มากที่สุด เนื่องจากบ.นี้น่าจะยังมีสินทรัพย์ที่มีค่าซ่อนอยู่ครับ ซึ่งมันอาจจะมีมูลค่ามากพอที่จะดึงให้คนสนใจที่จะเข้ามาซื้อบ.และ "ปลดปล่อย" มูลค่าของสินทรัพย์เหล่านั้น เท่าที่ผมจำได้จะมีที่ดินผืนใหญ่ติดแม่น้ำเจ้าพระยาที่บางกระเจ้า ซึ่งบ.เคยประกาศขายมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ขายไม่ได้ และเท่าที่จำได้อีกอย่างหนึ่งก็เหมือนจะมีสินทรัพย์อะไรบางอย่างที่ญี่ปุ่นค รับ
3) การใส่เงินเข้ามาทำให้ธุรกิจหลักดำเนินได้ดีขึ้น ผมคิดว่าตรงนี้ก็น่าจะเป็นไปได้ยาก เพราะบ.ขายเพชรเม็ดงามคือรร.ห้าดาวออกไปหมด ส่วนโครงการบางอย่างก็ยังแทบไม่ได้เพิ่มต้น (โครงการร้อยชักสาม) ส่วนธุรกิจอพาร์ทเมนท์ก็ไม่น่าจะดีนัก
น่าติดตามครับว่าเรื่องราวจะจบอย่างไร บ.นี้จะกลับมาได้จริงหรือแค่ขายฝันขำขำไปวันวันครับ ส่วนเรื่องราวประสบการณ์ของผมกับหุ้นตัวนี้อ่านได้แต่อย่าได้ลอกเลียนแบบเด็ ดขาดครับ
กรณี n-park
ประวัติ และความเป็นมาดูจากในนี้ครับ
copy ประโยคนี้วางในกูเกิ้ลครับ ***ที่ว่าง--->ร้อยชักสาม--> N-park-->ประวัติศาสตร์***
คำตอบกรณี N park post เมื่อ 19 ม.ค. 2556
มองในแง่การทำโรงแรมอามัน ที่ร้อยชักสาม 35 ห้อง
แล้วจะให้พลิกฟื้น N -park จากผลประกอบการของโรงแรมอามันอย่างเดียว -------->ความน่าจะเป็นต่ำมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ(อาจต้องตั้งราคาคืน 5หมื่นอัพ)
มันต้องมีมากกว่านี้
สิ่งที่ผมเห็นคือ ราคาหุ้นขึ้นแล้ว และสุดท้าย
แหล่งระดมทุนฟื้นฟู N-park ก็คือ เงินจากตลาดหลักทรัพย์นั่นเอง(รายย่อย)
จงคิดแบบจ้าว แต่ให้ออกก่อนจ้าว
อยากได้ปลา ก็จงอย่ากลัวเปียก
กราฟ 10 ปี
กราฟ 5 ปี
กราฟ 6 เืดือน