[CR] Review การสอบ IELTS ของ British Counsil ที่โรงแรม Landmark ค่ะ

สวัสดีค่ะเมื่อวาน (23/02/2013) เพิ่งไปสอบ IELTS กับ British Counsil ที่โรงแรม Landmark ตรงนานามาค่ะ เลยอยากเอามาเล่า

และแชร์ให้เพื่อนๆ ที่มีคิวสอบถัดไปได้เตรียมตัวกัน ^^


สมัครอย่างไร?
    
        ตัวเองสมัคร online ผ่าน Website ด้านล่างนี้ค่ะ เพื่อนๆ ที่สนใจลองเข้าไปดูเองนะคะ (สมัครนานแล้วเริ่มจำไม่ได้ กลัวบอกข้อมูล

ผิดๆ ไป) แต่จำค่าสมัครแม่นค่ะ 6,300 บาทค่ะ แหะๆๆ

        http://www.britishcouncil.org/th/thailand-exams-ielts-online-registration.htm  


เตรียมตัวอย่างไร?    

        การเตรียมตัวมีมากมายหลายทางเลือกทั้งลงเรียนเป็น Course, หนังสือตามห้องสมุดก็มีมากมายให้ยืม (หลายเล่มมี CDให้

ฝึกฟังด้วย) หรือใน Website ของ British Counsil ก็มีให้ฝึกทำข้อสอบด้วยนะคะ ลองเข้าไปดูได้ค่ะ


เอกสารที่ต้องเตรียมในวันสอบ?    

        เมื่อวันที่ตัวเองสอบใช้อย่างเดียวเลยค่ะ คือ บัตรประชาชนหรือ Passport (ใช้แค่อย่างใดอย่างหนึ่งตามเอกสารที่ยื่นใบสมัคร

ไปอะค่ะ)  ***และเค้าห้ามเอาอะไรก็ตามนอกจากบัตรประชาชนหรือ Passport ติดตัวเข้าไปเลยค่ะ***
    
        ใน website ของ British Counsil อาจบอกให้เตรียมใบเสร็จและรูปถ่ายไปด้วย 2 รูปค่ะ แต่ที่สอบเมื่อวานเค้ามีกล้องมาถ่ายรูปให้เรา

ก่อนเข้าห้องสอบเลย แต่หากใครอยากอุ่นใจเตรียมรูปถ่ายและใบเสร็จไปด้วยก็ไม่เสียหายค่ะ


เดินทางไปโรงแรม Landmark อย่างไร?

        โดยส่วนตัวแนะนำให้นั่งรถไฟฟ้า BTS ไปค่ะ สะดวกมากๆ ลงที่สถานีรถไฟฟ้านานา เดินออกทางออกที่ 2 พอลงบันไดรถไฟฟ้า

เดินตรงต่อไปอีกนิดเดียวถึงเลยค่ะ (บันไดของทางออกที่ 2 มีทางลงได้ฝั่งเดียวอยู่แล้วค่ะ)


ไปถึงสถานที่สอบแล้วต้องทำอย่างไรบ้าง?    

        เค้าจะนัดเรา 8 โมงเช้าค่ะ ตัวเองไปถึงประมาณ 7.50 ก็ยืนรอต่อคิวเพื่อลงทะเบียน อย่างแรกที่ต้องทำเมื่อไปถึงคือตรวจดูที่

board เพื่อดูว่าตัวเองเลขที่เท่าไหร่ นั่งสอบตรงไหนก่อนค่ะ (เค้าจะมีผังที่นั่งสอบบอกไว้ด้วย)
    
        พอถึงเวลาจะมีอาจารย์ฝรั่งคนหนึ่งมา Brief ให้เราฟังในรายละเอียดที่ต้องทำตามลำดับดังนี้ค่ะ
            
               -   ให้ทุกคนเอาของไปฝากไว้ที่ห้องเก็บของ อย่างเดียวที่ติดตัวมาลงทะเบียนได้คือบัตรประชาชนหรือ Passport (อย่างใด

อย่างหนึ่ง)  >>> ของอื่นๆ ห้ามหมด เช่น ปากกา, ดินสอ, ยางลบพวกนี้เค้าเตรียมในห้องสอบให้เราแล้ว หรือพวกขวดน้ำก็ไม่ได้ค่ะ

               -   เก็บของเสร็จและเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย แล้วก็ไปที่โต๊ะลงทะเบียนค่ะ (ถ้าเข้าโต๊ะลงทะเบียนแล้ว เค้าจะให้เราเดินต่อเข้าห้อง

สอบไปเลยนะคะ เพราะฉะนั้นเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อนค่ะ) โต๊ะลงทะเบียนมีหลายแถวแบ่งตามเลขที่ สถานที่ไม่กว้างนัก เพราะฉะนั้น

ดูหัวแถวหางแถวให้ดีค่ะ เดี๋ยวจะต่อผิดแถวเอาได้

               -   ในการลงทะเบียนก็ยื่นบัตรประชาชนหรือ Passport ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบค่ะ (ทางเจ้าหน้าที่จะมีเอกสารการสมัคร

ของเราอยู่แล้ว) ถ้าใส่แว่นตาอยู่เค้าจะให้เราถอดเพื่อดูหน้าเราเทียบกับบัตรประชาชนให้ชัดๆ ด้วยค่ะ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะให้เรา

ตรวจสอบรายละเอียด ของเรา เช่น ชื่อ ที่อยู่ เลขบัตรประชาชนว่าถูกไหม ถ้าถูกต้องก็ทำเครื่องหมายถูกแล้วเซ็นต์ชื่อค่ะ

              -    เสร็จจากโต๊ะลงทะเบียน ก็หยิบบัตรประชาชนหรือ Passport ออกมาด้วยนะคะ แล้วไปรอถ่ายรูปพร้อม scan นิ้วมือต่อ

จากนั้นก็พร้อมแล้วค่ะสำหรับการเดินเข้าห้องสอบ ผู้เข้าสอบจะทยอยเข้าไปนั่งรอในห้องสอบ ใครเข้าไปรอก่อนก็สามารถ check

หูฟังก่อนได้ (ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกค่ะ แต่เห็นคนอื่น Check เลยทำตามบ้าง ^^ )


        ตัวเองเข้าห้องสอบไปประมาณ 8 โมงครึ่งค่ะ ก็นั่งรอไปเรื่อยๆ กว่าเค้าจะเริ่มจริงก็ประมาณ 9 โมงค่ะ (อ่านมาถึงตรงนี้ใครคิด

จะไป late นิดหน่อย ไม่แนะนำนะคะ เพราะอย่างที่บอกว่าเค้าเริ่ม brief เรื่องทั่วไปตั้งแต่ 8 โมงนิดๆ แล้วค่ะ บางอย่างถ้าเราไม่ทราบ

อาจทำให้เราเสียสิทธิ์ได้นะคะ ^^ )


ระยะเวลาที่ใช้ในการสอบและข้อสอบ?    

        ประมาณ 9 โมงอาจารย์ฝรั่งท่านเดิมจะเริ่ม brief รายละเอียดของการสอบอีกครั้งและให้เรา Check หูฟังค่ะ สิ่งสำคัญคร่าวๆ

โดยรวมของการสอบก็คือ

               -   หากมีปัญหาใดๆ เช่น หูฟังมีปัญหา ให้ยกมือบอกเท่านั้นค่ะ (เจ้าหน้าที่เค้ามีเยอะมาก)

               -   ห้ามเปิดข้อสอบก่อนที่เค้าจะบอกให้เปิดเด็ดขาด!!!!!  และเมื่อเค้าบอกหมดเวลาสอบต้องวางดินสอทันทีค่ะ!!!!

เตือนด้วยความหวังดีจริงๆ นะคะ อันนี้เอามาเล่าแบบไม่ได้เห็นเองค่ะ ได้ยินคนอื่นคุยกันว่าเห็นคนไม่ยอมวางดินสอในช่วงเวลา

แป๊บเดียว โดนเขียนอะไรในข้อสอบไม่รู้

                -   การเขียนตอบใช้ดินสอเท่านั้น (บนโต๊ะมีดินสอวางให้ 2 แท่งกับยางลบ 1 ก้อน)

               -   จะขอเข้าห้องน้ำได้ต่อเมื่อสอบ Listening เสร็จแล้วเท่านั้นค่ะ (Listening สอบเป็นอย่างแรกใช้เวลา 40 นาทีค่ะ)

               -   เค้าจะมีเวลาให้เขียนชื่อ, Candidate number (มีติดให้ที่โต๊ะค่ะ) ไปพร้อมๆ กันค่ะ ทำตามตัวอย่างที่เค้าขึ้นจอได้เลย

               -   ข้อสอบมีทั้ง Choice, เติมคำ, เลือกว่า True or False และจับคู่ เป็นต้นค่ะ

               -   หากใครลืมนาฬิกาไม่เป็นไร หน้าจอใหญ่บรึ้มจะคอยบอกเวลาเราตลอดและอาจารย์ฝรั่งคอยช่วยประกาศด้วยค่ะ


        ต่อไปมาดูรายละเอียดของแต่ละ test ตามลำดับของการสอบจริงเลยค่ะ>>>ในช่วงเช้าจะสอบ 3 อย่างไปด้วยกัน ทุกคนสอบ

พร้อมกัน คือ Listening test, Reading test และ Writing test


1. Listening test ใช้เวลาสอบทั้งหมด 40 นาที แบ่งเป็นฟังจริงๆ 30 นาที และเค้าจะมีเวลาอีก 10 นาทีให้ Copy คำตอบจาก

ตัวข้อสอบ Booklet ลงใน Answer sheet ของเรา

               -    ตอนฟังเค้าจะไม่ให้เรายุ่งกับ Answer sheet เลยนะคะ ให้เขียนคำตอบลงในตัวข้อสอบ Booklet เท่านั้นแล้วค่อยมา

Transfer คำตอบในช่วง 10 นาทีหลังค่ะ

               -   ก่อนการฟังในแต่ละเรื่อง เค้าจะมีเวลาให้เราดูตัวคำถามก่อนค่ะ และหลังฟังจบในแต่ละเรื่องก็จะมีเวลาให้ตรวจทาน

คำตอบก่อนจะขึ้นเรื่องถัดไปค่ะ


2.Reading Test ใช้เวลาสอบทั้งหมด 60 นาทีเป๊ะๆ (ไม่มีเวลาบวกเพิ่มให้ Transfer คำตอบเหมือนในส่วน Listening test นะคะ)

เป็นข้อสอบที่ต้องรีบทำเวลามากค่ะ เดี๋ยวอ่านไม่ทัน


3.Writing Test ใช้เวลาสอบทั้งหมด 60 นาทีเป๊ะๆ หากใครเตรียมตัวมาแล้ว ก็จะเหมือนกับที่ในหนังสือบอกค่ะ คือแบ่งเป็น 2 Part

               -   Part แรกให้เขียนอย่างต่ำ 150 words คิดเป็น 1/3 ของคะแนนทั้งหมด ควรใช้เวลาทำ 20 นาที

               -   Part สองให้เขียนอย่างต่ำ 250 words คิดเป็น 2/3 ของคะแนนทั้งหมด ควรใช้เวลาทำมากกว่า Part แรกคือประมาณ 40 นาที

               -   การเขียน (อันนี้อ่านมาจากหนังสืออีกที) ก็คือเขียนให้เชื่อมโยงกัน มีขึ้นต้น มีสรุปค่ะ
  
               -   *** สำคัญนะคะ ถ้าหมดเวลา ต้องวางดินสอทันทีค่ะ***


        จบแล้วค่ะ!! สำหรับการสอบรวมช่วงเช้า พอสอบเสร็จเค้าจะแจกปากกากะซองจดหมายให้เราเขียนชื่อ (เป็นภาษาอังกฤษ) ที่อยู่

(เป็นภาษาไทยสำหรับคนที่อยู่ในเมืองไทย) และ Candidate Number เพื่อส่งผลสอบไปให้เราค่ะ โดยจะประกาศผลสอบใน 2 สัปดาห์

เช่น ตัวเองสอบ 23/02/2013 ผลสอบจะออก 08/03/2013 หลังบ่ายโมง (ไปรับเลยก็ได้หรือดูใน Website ก่อนก็ได้ค่ะ)

จากนั้นในวันที่ 11/03/2013  หากใครยังไม่ไปรับคะแนน เค้าจะส่งไปรษณีย์ไปให้ 12/03/2013 ค่ะ สำหรับคนที่อยากได้เร็วแต่ไม่ว่าง

ไปเอาผลสอบ สามารถให้คนอื่นไปเอาแทนได้ค่ะ แต่ต้องเตรียมเอกสารไปแสดงตัวด้วย (อันนี้เค้ามีรายละเอียดแจ้งให้ผู้สนใจนะคะ)


        จากนั้นเค้าจะแจ้งรายละเอียดของ Speaking test ค่ะ ให้ผู้เข้าสอบดูเวลาที่ตัวเองต้องเข้าสอบตรงบัตรสอบที่แปะอยู่บนโต๊ะ

การสอบจะมีตั้งแต่ 12.45 ไปถึงเย็น (กี่โมงไม่ทราบ) หรือบางคนอาจได้สอบ Speaking ในวันถัดไปค่ะ รายละเอียดด้านล่างเค้าจะ

แจ้งให้เราทราบอีกครั้งอยู่แล้วนะคะ ไม่ต้องจำค่ะ

               -   ใครสอบช่วง 12.45 -16.00 น. ให้มารอก่อนเวลา 30-45 นาทีค่ะ

               -   ใครสอบหลัง 16.00 น. .ให้มาก่อนเวลา 90 นาที ทั้งนี้เข้าใจเองว่าบางทีคนก่อนหน้าอาจเสร็จเร็วหรือไม่มาอ่ะค่ะ

การมารอก่อนเผลอๆ  อาจได้เข้าสอบเลย


รายละเอียดอื่นๆ
    
        อากาศในห้องสอบค่อนข้างเย็นทีเดียว เป็นไปได้ใส่เสื้อผ้าแขนยาว ขายาวก็ดีค่ะ (เห็นบางคนใส่ขาสั้นมาหนาวแทนจริงๆ ค่ะ)

โดยทั่วไปแต่งตัวอย่างไรก็ได้ค่ะ ที่เห็นเมื่อวานก็มีตั้งแต่ชุดลำลองกางเกงยีนส์ขาสั้นไปจนถึงชุดทางการก็มีค่ะ แนะนำสำหรับคน

ขี้หนาวอาจติดเสื้อกันหนาวหรือผ้าพันคอไปด้วยก็ไม่เสียหายค่ะ



*** รายละเอียดทั้งหมดที่ว่ามาเจ้าหน้าที่เค้าจะ brief ให้ทุกคนฟังตอนจะเข้าสอบ และค่อยๆ บอกทีละ step อยู่แล้วค่ะ

แต่ที่นำมาเล่าก่อนหวังว่าจะได้ช่วยในการเตรียมตัวของผู้เข้าสอบคนถัดๆ ไปได้นะคะ โชคดีทุกคนนะคะ ^^***

ชื่อสินค้า:   Review การสอบ IELTS กับ British Counsil ที่โรงแรม Landmark ค่ะ
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่