สวัสดีครับชาวพันทิป......วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์การ การทดสอบภาษา ของ IELTS ให้ฟังนะครับ
เพื่อที่จะช่วยลดความเครียด ความตื่นเต้น จากความไม่รู้ลงบ้างนะ อิอิ
------------------------------------------------------------------------------------------------
เริ่มตั้งแต่เช้าเลยแล้วกัน.....ลง BTS นานา ทางออกที่สอง เดินต่อไปอีกหนึ่งตึก จะเจอ landmark hotel ขึ้นไปชั้นเจ็ด.....การสอบเริ่ม 09:00 แต่บังคับให้ต้องมาก่อนประมาณ 08:00 เพื่อเตรียมความพร้อม ตัวผมมาถึง 07:10 มีคนมารอ 5-6 คน (บรรดาเจ้าหน้าที่มาประมาณ 07:30) เวลาปล่อยให้ลงทะเบียน ประมาณ 07:40
มาถึงขั้นแรก ดูที่นั่งสอบ >หมายเลขประจำตัวเรา(candidate number) >ชื่อเราจะเรียงตามตัวอักษร A-Z >ไปฝากกระเป๋า เข้าแถวตาม ที่นั่งสอบ >ไปเข้าห้องน้ำให้ชัวร์แน่ๆ(รู้ว่าตื่นเช้ายังไม่ใช่เวลา...ก็เถอะ) เพราะหลังจากเข้าแถวลงทะเบียนแล้วจะเข้าห้องน้ำไม่ได้ จนกว่าจะถึง 10:00 ซึ่งก็เสียเวลาสอบของเราไปอีก มากๆ
สิ่งที่ต้องพกติดตัวตอนเข้าห้องสอบ(มีได้แค่นี้เท่านั้น) คือ บัตรประชาชน หรือ วีซ่า กับ ใบเลขที่ฝากกระเป๋า(ไม่ต้องกลัวโทรศัพท์หรือกระเป๋าตังค์หายนะครับ) เท่านั้นนนนนน!!!!! เหรียญบาทห้าม, ทิชชู่ห้าม, ผ้าเช็ดหน้าห้าม เพราะเห็นต้องไปต่อแถวใหม่เพราะสิบบาทมาแล้ว และขอแนะนำให้เอาเสื้อกันหนาวไปด้วย แอร์ลงหัวจะไม่มีสมาธิเอานะครับ.....พอต่อแถวลงทะเบียนก็เจอทักทายเป็นภาษาอังกฤษเลย เพราะเจ้าหน้าที่คิดว่า เป็นชาวเอเชีย (มีชาวต่างชาติสอบด้วยเยอะมาก ทั้งแขก ฝรั่ง เอเชียน แอฟริกัน) พอยื่นบัตรประชาชน เซ็นชื่อว่าข้อมูลเราถูกต้องแล้วก็ไปต่อแถวข้างหลัง เจ้าหน้าที่อีกรอบนึง เพื่อถ่ายรูปกับสแกนนิ้ว......แนะนำว่าควรตัดผม ใส่เจล ใส่เสื้อผ้าเท่ๆมาุ่ถ่ายรูปดีกว่า เพราะเค้าจะเอารูปที่ถ่ายวันนี้ไปติดที่ใบคะแนน ตั้ง 2 ปีนะครับ (ถ้าอยากจะเอาคะแนนรอบนี้นะ555).....ถ่ายรูป สแกนนิ้วเสร็จก็เข้าห้องได้เลยย
ผมได้เข้าห้องมาประมาณ 08:50 มาถึงก็รีบเช็คหูฟังก่อนเลย แต่หูฟังก็โอเคดี ดังมากๆขนาดถอดหูฟังยังได้ยินชัดเลย อิอิ .....แล้วก็ดูที่มุมซ้ายมือด้านบน จะมีข้อมูลของตัวเราระบุไว้อยู่ เช็คให้ดีๆ เพื่อความแน่ใจ สังเกตว่าจะมี หมายเลขห้อง และ ลำดับที่ สำหรับ สอบ speaking ตอนบ่ายเอาไว้ด้วย แล้วพอสอบเสร็จก็ ดึงแผ่นข้อมูลนั้น ติดตัวไปด้วยเลย เพราะว่าต้องเอาข้อมูลไปเปิดเว็บเช็คคะแนนที่เราได้อยู่ดี กันลืมนะครับ
09:00 ได้เวลาสอบ จะมีลุงชาวต่างชาติ มายืน อธิบาย ข้อห้าม ข้อบังคับ ข้อควรปฏิบัติ ให้ฟัง มากกว่า 2 รอบ เช่น.....
- ถ้าเค้าไม่ให้จับดินสอขึ้นมาเขียนก้อย่าดื้อกับเค้า
- ห้ามอ่านข้อสอบก่อนคนอื่น (ผมโดนมาแล้ว พวกวิ่งมาชาร์จเลย 555)
- ถ้าเวลาหมด ให้วางดินสอทันที (คนข้างหลังผมเค้าไม่ยอมวาง เจอเจ้าหน้าที่บังคับให้ขีดฆ่าไปสองข้อ เน้นๆ)
- เราสามารถ ไปดื่มน้ำ หรือเข้าห้องน้ำได้ หลังจากเวลา 10:00 ไแล้วเท่านั้น (แต่ไม่แนะนำ เพราะเวลาสอบก็ยังดำเนินต่อไป แล้วดันไปตรงกับ reading ที่คนส่วนใหญ่ทำไมทันอยู่แล้วด้วย และที่สำคัญ ถ้าคนที่นั่งสอบด้านในเกิดปวดฉี่ อีกคนที่นั่งข้างๆต้องลูก เลื่อนเก้าอี้ ให้ผ่าน ไปอีก เกรงใจเค้านะครับ)
- บนโต๊ะ มีดินสอให้สองด้าม ยางลบอันนึง แล้วตอนหลังเค้าจะให้ปากกา มาเขียนจดหมาย จ่าหน้าวอง ที่จะส่งไปให้ที่บ้าน .....ที่สำคัญต้องคืนด้วยนะครับ (ผมโชคร้ายไปได้ดินสอมือที่เท่าไหร่มาก็ไม่รู้ ด๊ำดำ ยางลบนี่ยิ่งไปใหญ่ เล็กเท่าข้อนิ้วชี้น่าจะได้ ถ้าเข้าห้องก่อนก็เทิร์นของคนข้างๆมาก็ได้นะครับ)
.....แล้วก็กรอกข้อมูลตามที่ลูงบอกตามลำดับนะครับ เค้าไปช้าๆอยู่แล้วไม่ต้องกลัว ดูคนข้างๆได้
Listening ฟังสบายๆ เพลินๆ จนเลยข้อที่สนใจไปตั้งหลายข้อ แต่ก็โอเคอยู่ เวลาผ่านไปเร็วมาก ส่วนใหญ่ก็แนวสนทนา ระหว่างคนสองคน ระวัง โจทย์ลวงไว้ด้วย มี section เป็นแบบตัวเลือก สามตัวเลือก พวกพูดครบทุก ช๊อยส์ เลย ต้องระวังให้ดี มีเวลา 40 นาที 30 นาทีแระฟังแล้วเติมคำตอบลงในโจทย์ได้เลย ส่วน 10 นาทีที่เหลือก็ให้ลอกคำตอบจาก กระดาษโจทย์ มาใส่ในกระดาษคำตอบ
Reading คนส่วนใหญ่จะทำไม่ทัน มีทั้ง ให้หาใจความสำคัญ เติมคำในช่องว่าง จับคู่ ย่อหน้า (แนะนำว่าอย่าอ่านครบแล้วฟินเป็นนิยายนะครับ ไม่ทันแน่ๆ ผมใช้ สเตป อ่านคำถามก่อนแล้วมาหาใจความหลักในเนื้อเรื่องเอา) ผมได้เรื่อง ผึ้งกับต่อ, ถ้าดวงอาทิตย์ดับ, เกษตรอินทรีย์กับเคมี เป็นต้น
writing มีเวลาให้ 60 นาที (20 นาที สำหรับ test1 ส่วนใหญ่จะเป็นแนวอธิบาย มีกราฟ ชาร์ต ตารางมาให้ เปรียบเทียบกัน เขียนไม่ต่ำกว่า 150 คำ ส่วน 40 นาที สำหรับ test2 อันนี้จะยากหน่อย อาจต้องให้เหตุผล ตัวอย่าง ความคิดเห็นประกอบ เขียนไม่ต่ำกว่า 250 คำ) อันนี้ก็แล้วแต่การฝึกฝนของแต่ละบุคคล สำหรับผมนั่งอึนอยู่นานกว่าจะเขียนได้ซักประโยคนึง
- test1 เปรียบเทียบตาราง แยกชาย-หญิง กับเจ็ดประเทศในยุโรป ที่มีคนเกษียณอายุแตกต่างกัน เทียบกับปี 2004 และ 2008
- test2 ให้อธิบายเปรียบเทียบระหว่าง การพึ่งพาอาศัยกัน กับ การอยู่ตัวคนเดียว ว่าเป็นอย่างไร
12:15 สอบเสร็จ พักเที่ยง เจ้าหน้าที่แจ้งกำหนด การสอบ Speaking ตอน 13:00 โดยต้องให้มารอก่อน 40 นาที สำหรับคนที่ได้สอบ 13:00-16:00 และ ชั่วโมงหน่อยๆ สำหรับ คนที่สอบเย็นกว่านั้น .....เค้าจะแบ่งห้องสอบเป็น 18 ห้อง มีชั้น 3 และชั้น 7 ......ผมได้คิว 16:20 แต่มาลงทะเบียน รอก่อน เลยได้สอบตอน 15:30 (แนะนำให้มาลงทะเบียนรอแต่หัววันเลย ได้สอบก่อนแน่ๆ).....ลงทะเบียน ฝากของ เหมือนตอนเช้า เอาไปได้แค่ บัตรประชาชน หรือ หนังสือเดินทาง เท่านั้น แล้วก็รอเรียกชื่อ (เหมือนไปหาหมอแหละ) แป๊ปเดียวก้โดนเรียกชื่อให้ไปนั่งหน้าห้องสอบ เค้าจะมีเก้าอี้ให้หนึ่งตัว สำหรับ คนรอสอบคนต่อไป โดยที่อาจารย์เค้าจะเดินมาเรียกให้เค้าไปเอง.....มาถึงตอนนี้ก้อขึ้นอยู่กับบุยกรรมที่ท่านทำมาแล้วล่ะครับ ว่าจะเจออาารย์แบบไหน บางท่านก็ใจดี ชวนคุย พูดช้าๆ ส่งยิ้มให้ตลอด เล่นมุก..... แต่สำหรับผมช่างโชคร้ายมาก อาจารย์แก ไม่ยิ้ม ไม่พูดไม่จา ถามแค่ ชื่อจริง ชื่อเล่น ขอดูบัตรประชาชน แล้วก็ใส่ไม่ยั้งเลย โดน topic ไปสองเรื่องเน้นๆ
Boat
- คุณเคยเดินทางโดยเรือมั๊ย
- คุณชอบเดินทางโดยเรือมั๊ย
- ประเทศของคุณชอบเดินทางโดยเรือมั๊ย
- คุณชอบท่องเที่ยวโดยเรือมั๊ย
- คุณอยากจะซื้อเรือมั๊ย (เพื่อ????)
- ประเทศคุณมีการท่องเที่ยวโดยเรืออะไรบ้าง
Library
- มาถึงก็ให้เขียนตอบคำถามเลย เกี่ยวกับ ห้องสมุด 3 ข้อ ให้เวลาสองนาที (นี่มันสอบพาร์ทอะไรวะ งง?) จับเวลานาฬิกาปลุกซะด้วย
- คุณเคยใช้บริการห้องสมุด อะไรบ้าง
- ห้องสมุดที่คุณเคยใช้ มีการก่อสร้างเป็นตึกรูปแบบใด
- คุณชอบเข้าห้องสมุดมั๊ย
เสร็จแล้วก็ส่งกระดาษคำตอบ แล้วมาใส่กันต่อ.....
- ห้องสมุดประชาชนมีความสำคัญต่อประเทศอย่างไร
- ทำไมเด็กๆควรจะใช้ห้องสมุดฃ
- ห้องสมุดประชาชนมีความพิเศษอย่างไร
- ทำไมถึงควรให้คนชราเข้าห้องสมุดประชาชน
- รัฐบาลประเทศคุณมีกาีรส่งเสริมเกี่ยวกับห้องสมุดอย่างไร
อยากจะบอกว่า ทั้งสี่พาร์ทนี้ ผมเครียดพาร์ทนี้ที่สุดแล้ว ผมลองไปถามเพื่อนว่าเปนไงบ้าง เพื่อนบอก เฮฮาสบายๆ ถามเรื่องการช๊อปปิ้ง การความสุข แค่นั้น T_T
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ประสบการณ์ตรงจากการสอบก็มีเพียงเท่านี้
เหตุผลที่เขียนกระทู้นี้ขึ้นมาก็เพื่อ อยากแลกเปลี่ยน แชร์ ประสบการณ์ที่ได้รับ เพื่อให้คนอื่นๆได้เข้ามาศึกษากันนะครับ
ผมรู้ว่ามีกระทู้แนวนี้เยอะ แต่ก็ขอมาเล่าเรื่องเพิ่มอีกเสียงนึง ก้แล้วกัน
ถ้าเกิดผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมานะที่นี้ด้วย.....
[CR] [รีวิว] การสอบ IELTS (แบบละเอียดถี่ยิบ)
เพื่อที่จะช่วยลดความเครียด ความตื่นเต้น จากความไม่รู้ลงบ้างนะ อิอิ
------------------------------------------------------------------------------------------------
เริ่มตั้งแต่เช้าเลยแล้วกัน.....ลง BTS นานา ทางออกที่สอง เดินต่อไปอีกหนึ่งตึก จะเจอ landmark hotel ขึ้นไปชั้นเจ็ด.....การสอบเริ่ม 09:00 แต่บังคับให้ต้องมาก่อนประมาณ 08:00 เพื่อเตรียมความพร้อม ตัวผมมาถึง 07:10 มีคนมารอ 5-6 คน (บรรดาเจ้าหน้าที่มาประมาณ 07:30) เวลาปล่อยให้ลงทะเบียน ประมาณ 07:40
มาถึงขั้นแรก ดูที่นั่งสอบ >หมายเลขประจำตัวเรา(candidate number) >ชื่อเราจะเรียงตามตัวอักษร A-Z >ไปฝากกระเป๋า เข้าแถวตาม ที่นั่งสอบ >ไปเข้าห้องน้ำให้ชัวร์แน่ๆ(รู้ว่าตื่นเช้ายังไม่ใช่เวลา...ก็เถอะ) เพราะหลังจากเข้าแถวลงทะเบียนแล้วจะเข้าห้องน้ำไม่ได้ จนกว่าจะถึง 10:00 ซึ่งก็เสียเวลาสอบของเราไปอีก มากๆ
สิ่งที่ต้องพกติดตัวตอนเข้าห้องสอบ(มีได้แค่นี้เท่านั้น) คือ บัตรประชาชน หรือ วีซ่า กับ ใบเลขที่ฝากกระเป๋า(ไม่ต้องกลัวโทรศัพท์หรือกระเป๋าตังค์หายนะครับ) เท่านั้นนนนนน!!!!! เหรียญบาทห้าม, ทิชชู่ห้าม, ผ้าเช็ดหน้าห้าม เพราะเห็นต้องไปต่อแถวใหม่เพราะสิบบาทมาแล้ว และขอแนะนำให้เอาเสื้อกันหนาวไปด้วย แอร์ลงหัวจะไม่มีสมาธิเอานะครับ.....พอต่อแถวลงทะเบียนก็เจอทักทายเป็นภาษาอังกฤษเลย เพราะเจ้าหน้าที่คิดว่า เป็นชาวเอเชีย (มีชาวต่างชาติสอบด้วยเยอะมาก ทั้งแขก ฝรั่ง เอเชียน แอฟริกัน) พอยื่นบัตรประชาชน เซ็นชื่อว่าข้อมูลเราถูกต้องแล้วก็ไปต่อแถวข้างหลัง เจ้าหน้าที่อีกรอบนึง เพื่อถ่ายรูปกับสแกนนิ้ว......แนะนำว่าควรตัดผม ใส่เจล ใส่เสื้อผ้าเท่ๆมาุ่ถ่ายรูปดีกว่า เพราะเค้าจะเอารูปที่ถ่ายวันนี้ไปติดที่ใบคะแนน ตั้ง 2 ปีนะครับ (ถ้าอยากจะเอาคะแนนรอบนี้นะ555).....ถ่ายรูป สแกนนิ้วเสร็จก็เข้าห้องได้เลยย
ผมได้เข้าห้องมาประมาณ 08:50 มาถึงก็รีบเช็คหูฟังก่อนเลย แต่หูฟังก็โอเคดี ดังมากๆขนาดถอดหูฟังยังได้ยินชัดเลย อิอิ .....แล้วก็ดูที่มุมซ้ายมือด้านบน จะมีข้อมูลของตัวเราระบุไว้อยู่ เช็คให้ดีๆ เพื่อความแน่ใจ สังเกตว่าจะมี หมายเลขห้อง และ ลำดับที่ สำหรับ สอบ speaking ตอนบ่ายเอาไว้ด้วย แล้วพอสอบเสร็จก็ ดึงแผ่นข้อมูลนั้น ติดตัวไปด้วยเลย เพราะว่าต้องเอาข้อมูลไปเปิดเว็บเช็คคะแนนที่เราได้อยู่ดี กันลืมนะครับ
09:00 ได้เวลาสอบ จะมีลุงชาวต่างชาติ มายืน อธิบาย ข้อห้าม ข้อบังคับ ข้อควรปฏิบัติ ให้ฟัง มากกว่า 2 รอบ เช่น.....
- ถ้าเค้าไม่ให้จับดินสอขึ้นมาเขียนก้อย่าดื้อกับเค้า
- ห้ามอ่านข้อสอบก่อนคนอื่น (ผมโดนมาแล้ว พวกวิ่งมาชาร์จเลย 555)
- ถ้าเวลาหมด ให้วางดินสอทันที (คนข้างหลังผมเค้าไม่ยอมวาง เจอเจ้าหน้าที่บังคับให้ขีดฆ่าไปสองข้อ เน้นๆ)
- เราสามารถ ไปดื่มน้ำ หรือเข้าห้องน้ำได้ หลังจากเวลา 10:00 ไแล้วเท่านั้น (แต่ไม่แนะนำ เพราะเวลาสอบก็ยังดำเนินต่อไป แล้วดันไปตรงกับ reading ที่คนส่วนใหญ่ทำไมทันอยู่แล้วด้วย และที่สำคัญ ถ้าคนที่นั่งสอบด้านในเกิดปวดฉี่ อีกคนที่นั่งข้างๆต้องลูก เลื่อนเก้าอี้ ให้ผ่าน ไปอีก เกรงใจเค้านะครับ)
- บนโต๊ะ มีดินสอให้สองด้าม ยางลบอันนึง แล้วตอนหลังเค้าจะให้ปากกา มาเขียนจดหมาย จ่าหน้าวอง ที่จะส่งไปให้ที่บ้าน .....ที่สำคัญต้องคืนด้วยนะครับ (ผมโชคร้ายไปได้ดินสอมือที่เท่าไหร่มาก็ไม่รู้ ด๊ำดำ ยางลบนี่ยิ่งไปใหญ่ เล็กเท่าข้อนิ้วชี้น่าจะได้ ถ้าเข้าห้องก่อนก็เทิร์นของคนข้างๆมาก็ได้นะครับ)
.....แล้วก็กรอกข้อมูลตามที่ลูงบอกตามลำดับนะครับ เค้าไปช้าๆอยู่แล้วไม่ต้องกลัว ดูคนข้างๆได้
Listening ฟังสบายๆ เพลินๆ จนเลยข้อที่สนใจไปตั้งหลายข้อ แต่ก็โอเคอยู่ เวลาผ่านไปเร็วมาก ส่วนใหญ่ก็แนวสนทนา ระหว่างคนสองคน ระวัง โจทย์ลวงไว้ด้วย มี section เป็นแบบตัวเลือก สามตัวเลือก พวกพูดครบทุก ช๊อยส์ เลย ต้องระวังให้ดี มีเวลา 40 นาที 30 นาทีแระฟังแล้วเติมคำตอบลงในโจทย์ได้เลย ส่วน 10 นาทีที่เหลือก็ให้ลอกคำตอบจาก กระดาษโจทย์ มาใส่ในกระดาษคำตอบ
Reading คนส่วนใหญ่จะทำไม่ทัน มีทั้ง ให้หาใจความสำคัญ เติมคำในช่องว่าง จับคู่ ย่อหน้า (แนะนำว่าอย่าอ่านครบแล้วฟินเป็นนิยายนะครับ ไม่ทันแน่ๆ ผมใช้ สเตป อ่านคำถามก่อนแล้วมาหาใจความหลักในเนื้อเรื่องเอา) ผมได้เรื่อง ผึ้งกับต่อ, ถ้าดวงอาทิตย์ดับ, เกษตรอินทรีย์กับเคมี เป็นต้น
writing มีเวลาให้ 60 นาที (20 นาที สำหรับ test1 ส่วนใหญ่จะเป็นแนวอธิบาย มีกราฟ ชาร์ต ตารางมาให้ เปรียบเทียบกัน เขียนไม่ต่ำกว่า 150 คำ ส่วน 40 นาที สำหรับ test2 อันนี้จะยากหน่อย อาจต้องให้เหตุผล ตัวอย่าง ความคิดเห็นประกอบ เขียนไม่ต่ำกว่า 250 คำ) อันนี้ก็แล้วแต่การฝึกฝนของแต่ละบุคคล สำหรับผมนั่งอึนอยู่นานกว่าจะเขียนได้ซักประโยคนึง
- test1 เปรียบเทียบตาราง แยกชาย-หญิง กับเจ็ดประเทศในยุโรป ที่มีคนเกษียณอายุแตกต่างกัน เทียบกับปี 2004 และ 2008
- test2 ให้อธิบายเปรียบเทียบระหว่าง การพึ่งพาอาศัยกัน กับ การอยู่ตัวคนเดียว ว่าเป็นอย่างไร
12:15 สอบเสร็จ พักเที่ยง เจ้าหน้าที่แจ้งกำหนด การสอบ Speaking ตอน 13:00 โดยต้องให้มารอก่อน 40 นาที สำหรับคนที่ได้สอบ 13:00-16:00 และ ชั่วโมงหน่อยๆ สำหรับ คนที่สอบเย็นกว่านั้น .....เค้าจะแบ่งห้องสอบเป็น 18 ห้อง มีชั้น 3 และชั้น 7 ......ผมได้คิว 16:20 แต่มาลงทะเบียน รอก่อน เลยได้สอบตอน 15:30 (แนะนำให้มาลงทะเบียนรอแต่หัววันเลย ได้สอบก่อนแน่ๆ).....ลงทะเบียน ฝากของ เหมือนตอนเช้า เอาไปได้แค่ บัตรประชาชน หรือ หนังสือเดินทาง เท่านั้น แล้วก็รอเรียกชื่อ (เหมือนไปหาหมอแหละ) แป๊ปเดียวก้โดนเรียกชื่อให้ไปนั่งหน้าห้องสอบ เค้าจะมีเก้าอี้ให้หนึ่งตัว สำหรับ คนรอสอบคนต่อไป โดยที่อาจารย์เค้าจะเดินมาเรียกให้เค้าไปเอง.....มาถึงตอนนี้ก้อขึ้นอยู่กับบุยกรรมที่ท่านทำมาแล้วล่ะครับ ว่าจะเจออาารย์แบบไหน บางท่านก็ใจดี ชวนคุย พูดช้าๆ ส่งยิ้มให้ตลอด เล่นมุก..... แต่สำหรับผมช่างโชคร้ายมาก อาจารย์แก ไม่ยิ้ม ไม่พูดไม่จา ถามแค่ ชื่อจริง ชื่อเล่น ขอดูบัตรประชาชน แล้วก็ใส่ไม่ยั้งเลย โดน topic ไปสองเรื่องเน้นๆ
Boat
- คุณเคยเดินทางโดยเรือมั๊ย
- คุณชอบเดินทางโดยเรือมั๊ย
- ประเทศของคุณชอบเดินทางโดยเรือมั๊ย
- คุณชอบท่องเที่ยวโดยเรือมั๊ย
- คุณอยากจะซื้อเรือมั๊ย (เพื่อ????)
- ประเทศคุณมีการท่องเที่ยวโดยเรืออะไรบ้าง
Library
- มาถึงก็ให้เขียนตอบคำถามเลย เกี่ยวกับ ห้องสมุด 3 ข้อ ให้เวลาสองนาที (นี่มันสอบพาร์ทอะไรวะ งง?) จับเวลานาฬิกาปลุกซะด้วย
- คุณเคยใช้บริการห้องสมุด อะไรบ้าง
- ห้องสมุดที่คุณเคยใช้ มีการก่อสร้างเป็นตึกรูปแบบใด
- คุณชอบเข้าห้องสมุดมั๊ย
เสร็จแล้วก็ส่งกระดาษคำตอบ แล้วมาใส่กันต่อ.....
- ห้องสมุดประชาชนมีความสำคัญต่อประเทศอย่างไร
- ทำไมเด็กๆควรจะใช้ห้องสมุดฃ
- ห้องสมุดประชาชนมีความพิเศษอย่างไร
- ทำไมถึงควรให้คนชราเข้าห้องสมุดประชาชน
- รัฐบาลประเทศคุณมีกาีรส่งเสริมเกี่ยวกับห้องสมุดอย่างไร
อยากจะบอกว่า ทั้งสี่พาร์ทนี้ ผมเครียดพาร์ทนี้ที่สุดแล้ว ผมลองไปถามเพื่อนว่าเปนไงบ้าง เพื่อนบอก เฮฮาสบายๆ ถามเรื่องการช๊อปปิ้ง การความสุข แค่นั้น T_T
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ประสบการณ์ตรงจากการสอบก็มีเพียงเท่านี้
เหตุผลที่เขียนกระทู้นี้ขึ้นมาก็เพื่อ อยากแลกเปลี่ยน แชร์ ประสบการณ์ที่ได้รับ เพื่อให้คนอื่นๆได้เข้ามาศึกษากันนะครับ
ผมรู้ว่ามีกระทู้แนวนี้เยอะ แต่ก็ขอมาเล่าเรื่องเพิ่มอีกเสียงนึง ก้แล้วกัน
ถ้าเกิดผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมานะที่นี้ด้วย.....