หลงทางในป่าสีรุ้ง

กระทู้สนทนา
เด็กน้อยเดินเตร็ดเตร่ไปเรื่อยๆ ในค่ำคืนที่มืดมิดเห็นเพียงแค่แสงดาวบนฟ้า และหิ่งห้อยที่บินทวนลมไปเรื่อยๆไม่เป็นทิศทาง อากาศที่หนาวดุจขั้วโลก แต่ร่างกายของเด็กน้อยไม่ได้หนาวซักหน่อย เท้าเล็กๆของเด็กน้อยที่ไม่ได้ใส่รองเท้า สัมผัสกับดินหินเศษไม้และใบไม้ เพราะความมืดทำให้เขาต้องเร่งรีบออกไปจากที่นี่ เขาไม่รู้ว่ามาที่นี่ได้ยังงัย และมาทำไมในป่ารกตอนกลางคืนแบบนี้ ตอนนี้เท้าโดนเสี้ยนตำจนเลือดไหล แต่เขาไม่มีเวลามาสนใจเรื่องหยุมหยิมแบบนั้นแล้ว เพราะตอนนี้ เขาต้องหาทางออกไปจากที่นี่ให้ได้ เขาเดินไปอีกจนนึกออกมาได้ว่า ถ้าเอาไม้มาเสียดสีกันจะทำให้จุดไฟได้ ตราบที่ตอนนี้สัตว์ร้ายยังไม่ออกมา เขานั่งลงเอาไม้แห้งที่พอมองเห็นได้ลางๆจากแสงดาวที่ส่องมา เขาพยายามถูไม้เรื่อยๆ จนรู้สึกเจ็บมือ แต่มือเขาไม่ได้เจ็บซักหน่อย และหลังจากนั้นเขารู้สึกว่ามีตัวอะไร ยึกๆยักๆ อยู่ที่ขา เขาเอามือดึงมันออกมาปรากฏว่าเป็นทากดูดเลือด หลังจากนั้นเขาก็เดินต่อไปจนสักพักก็เห็นแสงสว่างจ้า ขึ้นมา
            เขารู้สึกตัวอีกที ก็อยู่ที่ลานหญ้าไม่กว้างมากนัก รอบๆมีต้นไม้ขึ้นมาหลากสี เหมือนสีของรุ้ง เขารู้สึกเหมือนมีอะไรอยู่ในปาก รสชาติขมๆ ต่อมามีคนๆนึ่งถึงถังเดินเข้ามา เป็นผู้หญิงวัยแตกเนื้อสาว ที่สวยมาก ใบหน้ากลมเรียวได้รูป ผิวขาวค่อนไปทางเหลือง ปากนิด จมูกหน่อย ดวงตาสีน้ำตาลเหมือนจะเศร้าๆแต่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มและความสงบ ใส่เสื้อและผ้าคลุมสีฟ้า “เธอไม่เป็นไรแล้วน่ะ ทากมายาน่ะ เวลาดูดเลือดแล้วมักจะทำให้หมดสติ ฉันให้กินใบต้นมอร่าแล้วเธอก็ดีขึ้น นี่จ๊ะน้ำ ฉันอุตส่าห์ไปตักมาให้เธอโดยเฉพาะเลยน่ะ” เธอพูดแล้วยิ้ม และส่งถังน้ำให้
เด็กน้อยตกใจ และเอาถังน้ำมาดื่ม พร้อมกับทำหน้าแดง “ที่นี่ที่ไหน แล้วทำไมผมมาอยู่ที่นี่”
“เธอลองอ่านป้ายนั่นซิ” เด็กน้อยหันไปดูป้ายที่ปักไว้ เป็นภาษาอะไรซักอย่าง เขาคิดในใจ ใครจะอ่านออกกัน “ป่า ป่า สีรุ้ง” แต่เอะเขาอ่านออกได้ยังงัย เขาหันกลับไปถาม “ทำไมผมถึงอ่านมันออกทั้งๆที่เป็นภาษาที่ผมไม่เคยเห็นซักหน่อย” สาวน้อยคนนั้นยิ้มออกมา “เธอชื่ออะไรจ๊ะ” “สะ แสง เขาเรียกผมว่าน้องแสงกัน แล้วพี่ละ” เขาหันไป ปรากฏว่าสาวคนนั้นไม่อยู่ซะแล้ว เขาลุกขึ้นยืนแล้วมองไปรอบๆ ได้ยินเสียงเหมือน ตัวอะไรซักอย่าง กำลังวิ่งไล่อะไรซักอย่าง และอยู่ๆ ไทรันโทซอรัส(ไดโนเสาร์กินเนื้อชนิดหนึ่ง) วิ่งออกมาจากป่า เขาตกใจมาก และไทรันโนซอรัสตัวนั้นก็ตรงมายังเขา เขาขาแข็งจนก้าวขาวิ่งไม่ออก ต่อมา มีปูตัวใหญ่กว่าช้าง วิ่งออกมาไล่ตามไทรันโนซอไป เขาตกใจเหมือนกันได้หลุดเข้ามาในแดนมหัศจรรย์ของอลิสเข้าแล้ว เขาเดินต่อไปเพื่อหวังจะหาทางออกจากฝันร้ายนี้ และเดินมาเรื่อยๆ ถือกิ่งไม้อันหนึ่ง ตีใบไม้ ใบหญ้า ตามประสาเด็ก จนเขาพบกับต้นไม้ต้นหนึ่ง มีผลเล็กๆสีเหลืองเหมือนลองกอง เขาใช้กิ่งไม้สอยลงมาพวงหนึ่ง และเมื่อแกะเปลือกออกปรากฏว่าข้างในเป็นเหมือนยาง แต่มีกลิ่นหอม พอเขาได้กินเข้าไปปรากฏว่ารสชาติอร่อย จึงกินต่อไปจนอิ่ม และเดินทางต่อ และเจอต้นไม้ที่มี ใบหลากสี เขาเอาใบสีแดงมาเคี้ยวแล้วพบว่า รสชาติไม่อร่อย และบ้วนทิ้ง ตอนนั้นเอง มีไฟ ออกมาจากปาก ดั่งมังกรที่พ่นไฟได้ เขาตกใจ ลองหยิบใบไม้นั่นอีกใบแล้วทำเหมือนเดิม คราวนี้ เขาหยิบโดนใบสีเขียว พอบ้วนออกมาก็มีลมออกมา เขาเลยลองกับใบสีอื่นๆ อีกจนในที่สุดเอาเอามันเก็บเข้ากระเป๋าเผื่อจะใช้ประโยชน์ได้ในภายหน้า
            หลังจากนั้นด้วยความเหนื่อยล้าเขาหยุดพักใต้ต้นไม่ใหญ่ อยู่ๆมีดาบตกลงมาเสียบระหว่างขาของเขา เขาตกใจมากและมองขึ้นด้านบนปรากฏว่า เป็นต้นไม้ที่ออกผลเป็นดาบ เด็กน้อยหยิบดาบออกมา เป็นดาบชั้นดีที่เดียว ทำมาจากเหล็กกล้าที่เงาวับ เหมือนดั่งทำมาจากช่างตีดาบมือฉมัง เขาเอาดาบมาวาง บนมือ แล้วปรากฏว่า เลือดไหล มันคมมากขนาดนั้น เขาเจ็บแผลที่โดนบาด แต่เขาไม่ได้เจ็บซักหน่อย ซักพักเผลอก็หายดี  เด็กน้อยถือดาบในมือข้างหนึ่ง และถือกิ่งไม้ในมืออีกข้าง ออกผจญภัยโดดเดี่ยวในป่าที่แปลกประหลาดไม่เคยเห็น
            ตื่นๆ ตื่นๆ เดี่ยวไป โรงเรียนสายหรอก ไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว
เสียงแม่ปลุกจากที่นอน เด็กน้อยตื่นขึ้นมา พร้อมอุทานในใจ “ผมรอดแล้ว”


คืนต่อมา เขาได้ฝันเหมือนเดิมอีก คราวนี้เขามาถึงทะเลสาบกลางป่า มีเรือลำหนึ่งลอยลำอยู่ มีชายแก่คนนึง กำลังทอดแห ลงน้ำ “ลุง ลุง ที่นี่ที่ไหน” ชายแก่หันมายิ้ม “เมื่อคืนเจ้าก็รู้แล้วนิ ที่นี่คือป่าสีรุ้ง จะถามอะไรถามมาแต่ข้าไม่ตอบเจ้าหรอก” ลุงขับเรือเข้ามาใกล้ๆ ต่อมามีเสียงคลื่นน้ำรุนแรงมาก มีปลากระโดดและบินขึ้นฟ้าจากในแม่น้ำ และบินมาทางเด็กน้อยกับลุงคนนั้น ฝูงปลาบินมา เด็กน้อยกวักแกว่งดาบไปมาหมายจะฟันให้โดน ใช่ไม่โดนซักหน่อย ปลาขาดเป็นท่อนๆ และอีกกลุ่มบินชนกับลุงคนนั้น และทะลุตัวไป จนเกิดช่อง เกิดรู บนตัวลุงคนนั้น และแล้วลุงก็หายไป เด็กน้อย ขึ้นมาบนเรือหมายจะไปอีกฝั่ง และนึกในใจว่า เราฝันบ้าๆ ติดมา สองวันแล้ว ใช่ ความฝัน ในเมื่อมันเป็นฝันของเราเราก็ต้องคุมมันให้ได้ เขาสั่งให้  น้ำช่วยพาเรือแล่นไป ปรากฏว่าน้ำได้พัดเรืองไป จนถึงอีกฝั่ง ตรงนั้น มีทางเดินแคบๆ ที่รอบๆมีต้นไม้ทึบ เขาเดินไปจนสุดท้างแล้วปรากฏว่าอยู่บนหน้าผา ข้าหน้าคือเมือง มีปราสาทใหญ่ และสูงมาก อยู่ตรงนั้น เขาเดินไปจนเข้ามาในเมือง พบว่า ชาวเมืองเป็นพวก มดยักษ์ ตัวใหญ่เท่าแพะ ใส่เสื้อผ้าเหมือนคน ทุกสายตาต่างจ้องมองมาทางเขา แต่ไม่มีใครกล้าเขามาใกล้ เขาเลยเดินไปหาและถามว่า “ที่นี่ที่ไหน แล้วผมมาทำอะไรที่นี่” มดตัวหนึ่งพูดขึ้นมา “เจ้าได้อ่านป้ายนั่นแล้วนิ ยังจะมาถามเราอีก เราไม่ตอบคำถามเจ้าหรอก“   เด็กน้อยคิดว่าอีกเดี่ยวมดพวกนี้ก็จะหายตัวไปแน่นอน จึงเดินออกมาจากตรงนั้น เขาคิดว่าเขาจะเรียกลมมาให้เขาบินขึ้นฟ้าได้ แต่เขาทำไม่ได้ซักหน่อย ลมไม่ยอมมา เขาจึงเดินเข้ามาใกล้ปราสาท มดทหารนายหนึ่งออกมา “พระราชาอยากจะพบเจ้า รีบตามข้ามา” เด็กน้อยเดินตามเข้าไปข้างใน เจอราชามด ไม่ซิไม่ใช่ราชาซักหน่อย นางพญามด ออกมาต้อนรับแล้วเลี้ยงอาหาร “เจ้าอย่าได้ถามอะไรข้าทั้งนั้น คำตอบมันอยู่ที่เจ้าเอง” เด็กน้อยไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่กินแล้วพออกมาจากปราสาท ปรากฏว่า ประชาชนมดในเมืองได้หายตัวไปหมด เขานั่งคิดอยู่ที่หน้าประตูปราสาทว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมฝันเรื่องเดียวกันติดต่อมาสองวันแล้ว

ตื่นๆ เช้าแล้ว อาบน้ำไปเรียนได้แล้ว เสียงแม่ปลุกจากที่นอน  เขาได้เล่าเรื่องนี้ให้ แม่ และเพื่อนๆฟัง ภายในใจเขาคิดกลัวว่า เพื่อนๆและแม่จะหายไป

คืนนั้นเขารู้สึกตัวอีกที ก็ปรากฏว่าอยู่กลางป่าอีกครั้ง ดาบและใบไม้ได้หายไป เขามองไปยังท้องฟ้า ดาวเคลื่อนที่ไปมา และบางดวงขยายปีกเหมือนนก และบินเข้ามาหาเขา ไม่มันไม่ได้หาเขาสักหน่อย ดาวนกนั้นพุ่งตกลงใกล้ๆกับเขาแล้วเกิดระเบิดเสียงดัง เขารีบไปดูที่นั่น  มีไฟไม้ป่า และมันเริ่มลามมาเร็วมาก เขารีบสิ่งหนีสุดชีวิต จนมาถึงหน้าผาอีกครั้ง และตอนนี้ ดวงจันทร์ส่องแสงเข้ามา จนไฟนั้นหายไป เด็กน้อยหันมามองดวงจันทร์ แล้วดวงจันทร์ก็ค่อยๆกลายเป็นร่างหญิงสาว  ใบหน้ากลมรี ผิวส่องแสงเหลืองทอง “แสง เดินขึ้นมาบนนี้ซิ เดี่ยวหญิงจันทร์จะพาเธอไปเที่ยวน่ะ” เธอส่งยิ้มขึ้นมา และจับมือเด็กน้อยเดินขึ้นกลางอากาศ “นี่เขาเรียกสะพานแห่งดวงดาว เจ้าโชคดีมากน่ะที่ได้มาเที่ยวกับหญิงจันทร์ ” พูดจบทั้งสองก็บินขึ้นไปบนฟ้าสูง แล้วลงมาอีกทีก็เป็นกลางวัน โดยใช้เวลาไม่นานนัก ทั้งสองโบยบินไปรอบๆ ป่า ที่สีสวยงาม เด็กน้อยไม่กล้าถามคำถามใดๆอีกแล้วเพราะกลัวว่าจะหายไปอีก “ที่นี่น่ะ เป็นเขตอนุรักษ์สัตว์พิเศษ หญิงเองก็ไม่รู้ว่ามีไว้ทำไม ในเมื่อ สัตว์พวกนั้น มันไม่มีอยู่จริงฉันดีใจนะ ที่นานๆ จะมีเด็กๆมาหาฉัน เจ้ารู้ไหม ที่อียิปต์มีงูที่บินได้ด้วยละ ซักวันฉันต้องไปดูด้วยตาให้ได้”
หลังจากนั้น ก็มาถึงบ้านของเจ้าหญิงจากดวงจันทร์ ตรงนี้ มีแต่มนุษย์อยู่เต็มไปหมด มีอาหารมากมายและรสชาติอร่อย เขากินเยอะจนอิ่ม ไม่น่ะไม่ได้อิ่มซักหน่อย กินมากเท่าไหร่ก็รู้สึกว่ามันไม่ได้พอซักที แต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไร แล้วเจ้าหญิงก็พาเขาไปยังห้องนอน เป็นห้องกว้างๆ มีเตียงอยู่ตัวเดียวลมพัดเย็นสบาย "เอ้านอนซะ เดี่ยวจะกล่อมเพลงให้ฟัง" เจ้าหญิงกล่อมเพลงนอนและใช้พัด พัดเบาๆ เกิดลมอ่อนๆ จนเด็กน้อยสู้สึกตัวอีกที ก็เช้าแล้ว

เขาตกใจที่แม่ไม่มาปลุกเหมือนๆทุกๆวัน เขาเรียกหาแม่ไปทั่วบ้านแต่ไม่มีใครอยู่ เขารีบอาบน้ำแต่งตัวไป โรงเรียน และพบว่า ที่โรงเรียน ไม่มีใคร  เลย หรือเพราะเขาเล่าเรื่องนี้ให้ฟังเลยหายตัวไปกันหมด เขากลับมายังบ้าน เปิดโทรทัศน์ พอกดไปช่อง 9 เท่านั้นแหละ เฮอะๆ วันนี้ วันเสาร์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่