ข่าวสด 04 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
บ.รับเหมาก่อสร้างโรงพัก อ้างช้าเพราะน้ำท่วม-ดีเอสไอเตรียมเรียกสอบ อดีต 3 ผบ.ตร. รวมทั้ง"เทือก"ด้วย
เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการตำรวจทดแทน 396 แห่ง ที่การก่อสร้างไม่แล้วเสร็จและถูกทิ้งงาน ว่า วันนี้เชิญบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทคู่สัญญา เข้ามาชี้แจงถึงสาเหตุที่ไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างโรงพักได้ทันตามกำหนด โดยทางคณะกรรมการได้ขอดูแผนงานในการดำเนินการก่อสร้าง แต่ปรากฏทางบริษัทไม่มีแผนงานมาชี้แจง ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยขอดูมาแล้ว 4-5 ครั้ง
ทั้งนี้ ทางคณะกรรมการจึงมีมติเสนอให้เลิกสัญญา แต่กระบวนการยกเลิกสัญญาจำเป็นจะต้องให้ประธานตรวจการจ้างกองบัญชาการภาค 1-9 และศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนใต้ (ศชต.) ทำรายงานชี้แจงเป็นหลักฐานประกอบการพิจารณา ส่วนสาเหตุที่ก่อสร้างไม่แล้วเสร็จบริษัทได้ชี้แจงว่าเกิดจากปัญหาอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อปี 2554 ถือเป็นอุปสรรคในการบริหารงานของบริษัทดังกล่าว
สำหรับความเสียหายต่างๆที่เกิดขึ้นต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็จะให้ฝ่ายอำนวยการแต่ละกองบังคับการรวบรวมหลักฐานทั้งหมดเตรียมฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายต่อไป ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะยังไม่บอกเลิกสัญญา เพราะต้องรอให้ครบกำหนดในวันที่ 14 มี.ค. แต่ก็ได้มีการสั่งการให้ทุกหน่วยดำเนินการหาคู่สัญญาใหม่ทันที
ด้านนายพิบูลย์อุดมสิทธิกุล ประธานกรรมการผู้จัดการบริษัทพีซีซีฯ กล่าวว่า มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้ไม่สามารถก่อสร้างโรงพักทดแทนได้แล้วเสร็จทันเวลา รวมถึงการที่สื่อมวลชนเสนอข่าวทางลบทำให้ความน่าเชื่อถือของบริษัทลดลง ซึ่งยืนยันว่าบริษัทไม่ขาดสภาพคล่อง และจะมีการเปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า
วันเดียวกัน ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้อนุมัติให้มีการสอบสวนโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 หลัง และโครงการก่อสร้างแฟลตตำรวจ จำนวน 163 แห่ง วงเงิน 3,709,880,000 บาท ในฐานความผิดตามพ.ร.บ.การเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ (ฮั้วประมูล) เรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งอนุมัติให้สืบสวนโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนในส่วนความผิดที่อาจเข้าข่ายการฉ้อโกงควบไปด้วย
นายธาริตกล่าวต่อว่าส่วนความผิดปกติฐานฮั้วประมูล ดีเอสไอพบประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการแข่งขันราคา คือกรณีที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติงบก่อสร้าง จำนวน 6,672 ล้านบาท และตั้งงบกลางไว้ที่ 6,388 ล้านบาท โดยบริษัทพีซีซีฯ ชนะการประกวดราคาที่ 5,848 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคากลาง 540 ล้านบาท และเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับห้างหุ้นส่วนจำกัดสามประสิทธิ์ ที่เสนอราคาเป็นลำดับที่ 2 ในราคา 6,095 ล้านบาท จะพบว่าเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคากลาง 293 ล้านบาท แต่เป็นราคาต่ำสุดที่ต่างจากบริษัทพีซีซีฯ ถึง 247 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดปกติที่ราคามีส่วนต่างกันมาก
ผมได้สั่งการให้สืบสวนข้อพิรุธในการเสนอราคาต่ำกว่าปกติซึ่งข้อเท็จจริงพบว่าบริษัทพีซีซีฯ เสนอราคาต่ำกว่าราคากลางถึง 540 ล้านบาท และยังเสนอราคาต่ำกว่า หจก.สามประสิทธิ์ ที่เป็นผู้รับเหมารายใหญ่ และมีทุนจดทะเบียนสูงกว่า จึงน่าสังเกตว่าเป็นการตระเตรียมที่จะฉ้อโกงมาตั้งแต่ต้นหรือไม่ เนื่องจากพฤติการณ์คดีคล้ายกับว่าต้องการเสนอราคาต่ำ เพื่อชนะการประมูลจะได้เบิกเงินล่วงหน้า 15% และเงินงวดแรกไปใช้จ่าย โดยไม่หวังให้โครงการก่อสร้างแล้วเสร็จจริง นายธาริตกล่าว
และว่า หากพบสัญญาก่อสร้างไม่เสร็จก็จะยอมให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติฟ้องแพ่ง เมื่อไม่มีเงินชดใช้ก็ปล่อยให้ล้มละลาย ซึ่งดีเอสไอไม่ยอมให้จบเช่นนั้น หลังจากนี้จะเร่งตรวจสอบเส้นทางการเงินของบริษัทพีซีซีฯ ด้วยว่าหลังเบิกเงินแล้วเงินไหลเข้าไปถึงตัวบุคคลใดบ้าง
นายธาริตกล่าวอีกว่านอกจากนี้ ดีเอสไอพบข้อเท็จจริงหลายประการ ที่ทำให้เชื่อว่ามีการวางแผนอย่างเป็นขั้นตอน เพื่อให้มีผู้ชนะการประมูลเพียงรายเดียว โดยมีผู้มีอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้อง ถือเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่ร้ายแรง หากมองแยกส่วนอาจมองเป็นเพียงความผิดแพ่งธรรมดา แต่เมื่อพิจารณาองค์ประกอบแต่ละส่วนประกอบกันเป็นภาพรวม 6 ส่วนจะเห็นภาพความร้ายแรงของปัญหานี้
วันนี้ผมจะทำหนังสือเชิญอดีตผบ.ตร.3 คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสัญญาดังกล่าวเข้าให้ปากคำในสัปดาห์หน้า ประกอบด้วยพล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ และพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี จากนั้นจะออกหมายเรียกนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เข้าชี้แจงข้อเท็จจริงด้วย โดยขีดเส้นให้พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนคดีให้ได้ภายใน 30 วัน และสรุปสำนวนคดีฮั้วประมูลแฟลตตำรวจภายใน 50 วัน อธิบดีดีเอสไอกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางบริษัทพีซีซีฯ ออกมาชี้แจงว่าไม่เห็นด้วยกับการรวมประมูลมาตั้งแต่ต้น นายธาริตกล่าวว่า บริษัทจะชี้แจงอย่างไรก็ได้แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าเหตุใดไม่เห็นด้วยแล้วจึงซื้อซองยื่นประมูล และตั้งราคาต่ำกว่าราคากลางกว่า 500 ล้านบาท จนเป็นผู้ชนะประมูลงานก่อสร้าง
รายงานข่าวดีเอสไอเปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่พบว่าการก่อสร้างสถานีตำรวจหลายแห่งมีการจ้างช่วงบริษัทรับเหมารายย่อยมารับงานอีกทอดหนึ่งและมีการหักหัวคิวเป็นรายๆ ไป นอกจากนี้ เริ่มมีการข่มขู่พยานเกิดขึ้นแล้ว ล่าสุดเจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้จัดกำลังคุ้มครองพยานแล้ว
.....................................................................................................................................................................................
จากทีแรกที่เข้าใจว่า บ.พีซีซี(ที่รับงานประมูล) ตั้งใจทำงานให้เสร็จ แต่ขาดสภาพคล่อง เนื่องจากนำไปเงินไปจ่ายใต้โต๊ะ
แต่พออ่านข่าวและดูข่าวช่อง 3 กลายเป็นว่า
- พีซีซี นำงานที่ประมูลไปจ้างผู้รับเหมาต่อทุกงาน
- ไม่มีแผนงานในการดำเนินการก่อสร้างมาชี้แจง
- มีการเบิกจ่ายเต็มอัตรา 15% ซึ่งปกติงานอื่นจะจ่ายแค่ 5%
- ตั้งราคาประมูลต่ำเพื่อให้ได้งาน เพื่อต้องการเงิน 15% และเตรียมชิ่ง ทิ้งงาน
- หากมีการฟ้องร้อง ก็ปล่อยให้บริษัทล้มละลายไป (คือกะขนเงินหนี)
ถ้าเป็นจริง คนที่น่าสงสารคือ
- ตำรวจไม่มีโรงพักใช้
- ผู้รับเหมาช่วง ลงทุนไปแต่เบิกเงินกับพีซีซีไม่ได้
- คนไทยทั่วประเทศ ที่โดนโกงภาษี
ถ้าผลตรวจสอบเป็นจริงตามนี้ ใช้คำว่า เลว คงไมพอ ต้องใช้คำว่า "โคตรเลว"
เป็นกำลังใจให้ DSI และรัฐบาลขอให้นำคนผิดมาลงโทษให้หนัก
ประมูลโรงพักราคาต่ำ เพื่อให้ได้เงิน 15% และทิ้งงาน ถ้าจริงต้องใช้คำว่า "โคตรเลว"
บ.รับเหมาก่อสร้างโรงพัก อ้างช้าเพราะน้ำท่วม-ดีเอสไอเตรียมเรียกสอบ อดีต 3 ผบ.ตร. รวมทั้ง"เทือก"ด้วย
เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการตำรวจทดแทน 396 แห่ง ที่การก่อสร้างไม่แล้วเสร็จและถูกทิ้งงาน ว่า วันนี้เชิญบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทคู่สัญญา เข้ามาชี้แจงถึงสาเหตุที่ไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างโรงพักได้ทันตามกำหนด โดยทางคณะกรรมการได้ขอดูแผนงานในการดำเนินการก่อสร้าง แต่ปรากฏทางบริษัทไม่มีแผนงานมาชี้แจง ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยขอดูมาแล้ว 4-5 ครั้ง
ทั้งนี้ ทางคณะกรรมการจึงมีมติเสนอให้เลิกสัญญา แต่กระบวนการยกเลิกสัญญาจำเป็นจะต้องให้ประธานตรวจการจ้างกองบัญชาการภาค 1-9 และศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนใต้ (ศชต.) ทำรายงานชี้แจงเป็นหลักฐานประกอบการพิจารณา ส่วนสาเหตุที่ก่อสร้างไม่แล้วเสร็จบริษัทได้ชี้แจงว่าเกิดจากปัญหาอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อปี 2554 ถือเป็นอุปสรรคในการบริหารงานของบริษัทดังกล่าว
สำหรับความเสียหายต่างๆที่เกิดขึ้นต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็จะให้ฝ่ายอำนวยการแต่ละกองบังคับการรวบรวมหลักฐานทั้งหมดเตรียมฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายต่อไป ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะยังไม่บอกเลิกสัญญา เพราะต้องรอให้ครบกำหนดในวันที่ 14 มี.ค. แต่ก็ได้มีการสั่งการให้ทุกหน่วยดำเนินการหาคู่สัญญาใหม่ทันที
ด้านนายพิบูลย์อุดมสิทธิกุล ประธานกรรมการผู้จัดการบริษัทพีซีซีฯ กล่าวว่า มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้ไม่สามารถก่อสร้างโรงพักทดแทนได้แล้วเสร็จทันเวลา รวมถึงการที่สื่อมวลชนเสนอข่าวทางลบทำให้ความน่าเชื่อถือของบริษัทลดลง ซึ่งยืนยันว่าบริษัทไม่ขาดสภาพคล่อง และจะมีการเปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า
วันเดียวกัน ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้อนุมัติให้มีการสอบสวนโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 หลัง และโครงการก่อสร้างแฟลตตำรวจ จำนวน 163 แห่ง วงเงิน 3,709,880,000 บาท ในฐานความผิดตามพ.ร.บ.การเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ (ฮั้วประมูล) เรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งอนุมัติให้สืบสวนโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนในส่วนความผิดที่อาจเข้าข่ายการฉ้อโกงควบไปด้วย
นายธาริตกล่าวต่อว่าส่วนความผิดปกติฐานฮั้วประมูล ดีเอสไอพบประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการแข่งขันราคา คือกรณีที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติงบก่อสร้าง จำนวน 6,672 ล้านบาท และตั้งงบกลางไว้ที่ 6,388 ล้านบาท โดยบริษัทพีซีซีฯ ชนะการประกวดราคาที่ 5,848 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคากลาง 540 ล้านบาท และเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับห้างหุ้นส่วนจำกัดสามประสิทธิ์ ที่เสนอราคาเป็นลำดับที่ 2 ในราคา 6,095 ล้านบาท จะพบว่าเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคากลาง 293 ล้านบาท แต่เป็นราคาต่ำสุดที่ต่างจากบริษัทพีซีซีฯ ถึง 247 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดปกติที่ราคามีส่วนต่างกันมาก
ผมได้สั่งการให้สืบสวนข้อพิรุธในการเสนอราคาต่ำกว่าปกติซึ่งข้อเท็จจริงพบว่าบริษัทพีซีซีฯ เสนอราคาต่ำกว่าราคากลางถึง 540 ล้านบาท และยังเสนอราคาต่ำกว่า หจก.สามประสิทธิ์ ที่เป็นผู้รับเหมารายใหญ่ และมีทุนจดทะเบียนสูงกว่า จึงน่าสังเกตว่าเป็นการตระเตรียมที่จะฉ้อโกงมาตั้งแต่ต้นหรือไม่ เนื่องจากพฤติการณ์คดีคล้ายกับว่าต้องการเสนอราคาต่ำ เพื่อชนะการประมูลจะได้เบิกเงินล่วงหน้า 15% และเงินงวดแรกไปใช้จ่าย โดยไม่หวังให้โครงการก่อสร้างแล้วเสร็จจริง นายธาริตกล่าว
และว่า หากพบสัญญาก่อสร้างไม่เสร็จก็จะยอมให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติฟ้องแพ่ง เมื่อไม่มีเงินชดใช้ก็ปล่อยให้ล้มละลาย ซึ่งดีเอสไอไม่ยอมให้จบเช่นนั้น หลังจากนี้จะเร่งตรวจสอบเส้นทางการเงินของบริษัทพีซีซีฯ ด้วยว่าหลังเบิกเงินแล้วเงินไหลเข้าไปถึงตัวบุคคลใดบ้าง
นายธาริตกล่าวอีกว่านอกจากนี้ ดีเอสไอพบข้อเท็จจริงหลายประการ ที่ทำให้เชื่อว่ามีการวางแผนอย่างเป็นขั้นตอน เพื่อให้มีผู้ชนะการประมูลเพียงรายเดียว โดยมีผู้มีอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้อง ถือเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่ร้ายแรง หากมองแยกส่วนอาจมองเป็นเพียงความผิดแพ่งธรรมดา แต่เมื่อพิจารณาองค์ประกอบแต่ละส่วนประกอบกันเป็นภาพรวม 6 ส่วนจะเห็นภาพความร้ายแรงของปัญหานี้
วันนี้ผมจะทำหนังสือเชิญอดีตผบ.ตร.3 คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสัญญาดังกล่าวเข้าให้ปากคำในสัปดาห์หน้า ประกอบด้วยพล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ และพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี จากนั้นจะออกหมายเรียกนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เข้าชี้แจงข้อเท็จจริงด้วย โดยขีดเส้นให้พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนคดีให้ได้ภายใน 30 วัน และสรุปสำนวนคดีฮั้วประมูลแฟลตตำรวจภายใน 50 วัน อธิบดีดีเอสไอกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางบริษัทพีซีซีฯ ออกมาชี้แจงว่าไม่เห็นด้วยกับการรวมประมูลมาตั้งแต่ต้น นายธาริตกล่าวว่า บริษัทจะชี้แจงอย่างไรก็ได้แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าเหตุใดไม่เห็นด้วยแล้วจึงซื้อซองยื่นประมูล และตั้งราคาต่ำกว่าราคากลางกว่า 500 ล้านบาท จนเป็นผู้ชนะประมูลงานก่อสร้าง
รายงานข่าวดีเอสไอเปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่พบว่าการก่อสร้างสถานีตำรวจหลายแห่งมีการจ้างช่วงบริษัทรับเหมารายย่อยมารับงานอีกทอดหนึ่งและมีการหักหัวคิวเป็นรายๆ ไป นอกจากนี้ เริ่มมีการข่มขู่พยานเกิดขึ้นแล้ว ล่าสุดเจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้จัดกำลังคุ้มครองพยานแล้ว
.....................................................................................................................................................................................
จากทีแรกที่เข้าใจว่า บ.พีซีซี(ที่รับงานประมูล) ตั้งใจทำงานให้เสร็จ แต่ขาดสภาพคล่อง เนื่องจากนำไปเงินไปจ่ายใต้โต๊ะ
แต่พออ่านข่าวและดูข่าวช่อง 3 กลายเป็นว่า
- พีซีซี นำงานที่ประมูลไปจ้างผู้รับเหมาต่อทุกงาน
- ไม่มีแผนงานในการดำเนินการก่อสร้างมาชี้แจง
- มีการเบิกจ่ายเต็มอัตรา 15% ซึ่งปกติงานอื่นจะจ่ายแค่ 5%
- ตั้งราคาประมูลต่ำเพื่อให้ได้งาน เพื่อต้องการเงิน 15% และเตรียมชิ่ง ทิ้งงาน
- หากมีการฟ้องร้อง ก็ปล่อยให้บริษัทล้มละลายไป (คือกะขนเงินหนี)
ถ้าเป็นจริง คนที่น่าสงสารคือ
- ตำรวจไม่มีโรงพักใช้
- ผู้รับเหมาช่วง ลงทุนไปแต่เบิกเงินกับพีซีซีไม่ได้
- คนไทยทั่วประเทศ ที่โดนโกงภาษี
ถ้าผลตรวจสอบเป็นจริงตามนี้ ใช้คำว่า เลว คงไมพอ ต้องใช้คำว่า "โคตรเลว"
เป็นกำลังใจให้ DSI และรัฐบาลขอให้นำคนผิดมาลงโทษให้หนัก