เสี่ยอ่าง จวก ธาริต จงใจเบี่ยงเบนประเด็น ปมโรงพักฉาว ไม่เอาผิดคนบริหารสัญญา กลับเล่นงานคนทำสัญญา แถม ป้องผู้สมัครเบอร์ 9 ทำไร้ความน่าเชื่อถือ ทั้งที่ สตช.บริหารสุดชุ่ยทำสร้างไม่เสร็จ
แถมขยายเวลา 3 ครั้งให้ผู้ก่อสร้าง งัด มติครม. 7 ส.ค.55 ยุคยิ่งลักษณ์อนุมัติขยายเวลาได้ พบพิรุธ สตช.ยุค อดุลย์ ตัดตอนหลักเกณฑ์การขยายเวลา เอื้อประโยชน์บริษัทรับเหมา สงสัยมีคอร์รัปชั่น ลั่น อดุลย์ ต้องรับผิดชอบ สุดแสบ ควักเงินกว่าล้าน ทำป้ายประจานติดทั่วกรุง แถมขึ้นคัทเอาท์บนทางด่วน เตือน สื่อ อย่า...หลงประเด็นปล่อยคนทุจริตลอยนวล
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย แถลงข่าวที่รัฐสภาโดยนำเอกสารมาประกอบทั้งหมด 4 ชิ้น คือ เอกสารของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช.ในเรื่องการขยายเวลาการก่อสร้างให้กับ บ.พีซีซีฯ สัญญาว่าจ้างการก่อสร้าง มติครม. 7 ส.ค.55 และ หลักเกณฑ์การขยายเวลาของกระทรวงการคลัง เพื่อชี้ให้เห็นถึงปัญหาการก่อสร้างโรงพักทั่วประเทศ 396 แห่ง ไม่เสร็จว่า ที่ผ่านมาได้เคยถาม ร.ต.อ.เฉลิม แล้วแต่ไม่เคยได้รับคำตอบนอกจากคำสาบาน หากเรื่องนี้ตนทำผิดตนขอลาออกและไปกระโดดน้ำตายที่สะพานพุธ โดยยืนยันว่าการออกมาแถลงข่าวครั้งนี้เป็นการทำเพื่อประเทศชาติ พร้อมกับนำโปสเตอร์ประจาน “โครงการโรงพัก 396 แห่ง ทั่วประเทศ 5,848 ล้านบาท อย่าปล่อยให้ “คอร์รัปชั่น”ลอยนวล ติดทั่วกรุงเทพ พร้อมคัทเอาท์ขนาดใหญ่ด้วย โดยจะติดจนกว่าจะหาคนผิดมาลงโทษได้ ซึ่งอาจทำให้มีคนกล่าวหาว่าตนไม่มีมารยาทแต่ตนไม่โกงเงินแผ่นดิน
หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ยังกล่าวด้วยว่า เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบโดยเรียงลำดับถึงการขยายเวลาสามครั้งว่า
ในครั้งที่สามนั้น นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและรมว.คลังได้มีหนังสือเสนอให้ความช่วยเหลือผู้ก่อสร้างในพื้นที่ภาคใต้อันเกิดจากปัญหาอุทกภัยโดย จากนั้นครม.มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดย สตช.ก็ได้อนุมัติให้ขยายเวลา 60 วันตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังเสนอ แต่ที่น่าสนใจคือมีการตัดหลักเกณฑ์ที่เสนอโดยกระทรวงการคลังออกไป 4 ข้อ คือ 4.5-4.9 ทำให้การขยายเวลาดังกล่าวไม่เป็นไปตามมติ ครม.เพราะมีการตัดส่วนที่เป็นโทษเอาเฉพาะที่เป็นคุณกับผู้รับเหมามาใช้ เช่น ข้อ 4.7 กำหนดให้คณะกรรมการว่าด้วยพัสดุเป็นผู้ตีความ กลับตัดออกเพื่อไม่ให้มีการตรวจสอบ และ 4.6 กำหนดว่าหากผู้รับจ้างไม่ปฏิบัติตามสัญญาและไม่เคยเข้ามาทำงานในสถานที่ก่อสร้างดังกล่าว ก็ตัดออก เพื่อเอื้อประโยชน์ในการขยายเวลาก่อสร้างให้กับบริษัทพีซีซีฯ
“
ที่สำคัญคือการขยายเวลาเกิดขึ้นในยุค พล.ต.อ.อดุลย์ เป็น ผบ.ตร.แล้ว การดำเนินการเรื่องนี้จึงไม่เกี่ยวกับมารยาท แต่เป็นความรับผิดชอบตามกฎหมาย เพราะมีการตัดสาระสำคัญ ไม่ปฏิบัติตามมติ ครม.แต่กลับไปขยายเวลาให้กับผู้รับเหมาทั้งที่ไม่สามารถก่อสร้างได้แล้วเสร็จและยังไม่ยกเลิกสัญญาด้วย อีกทั้งยังมีการอนุมัติขยายเวลาให้กับ บ.พีซีซี โดยเลือกพิจารณาเฉพาะหลักเกณฑ์ที่เป็นคุณกับผู้รับเหมา ถือเป็นการทำประโยชน์กับผู้รับเหมาไม่ใช่ประเทศชาติ เพราะแทนที่จะบอกเลิกสัญญาเพราะบริษัทไม่สามารถก่อสร้างได้เสร็จตามสัญญา ทั้งที่หัวหน้าส่วนราชการสามารถทำได้แต่กลับไม่ทำ ทำให้รัฐเสียหายไม่ได้รับเงินค่าปรับที่ควรได้ันละ 5.8 ล้านบาทนาน 60 วันในสมัยที่พล.ต.อ.อดุลย์ เป็น ผบ.ตร.” นายชูวิทย์ กล่าว
นายชูวิทย์ ยังกล่าวถึงป้ายประจานการก่อสร้างโรงพักทั่วประเทศไม่เสร็จว่า ใครจะว่าอย่างไรตนไม่สนใจเพราะใช้เงินของตัวเองเผาเล่น จะติดป้ายบนทางด่วนป้ายละสี่แสน เพราะตนสนเรื่องโกง เนื่องจาก สตช.ตัดสาระสำคัฐออก ไม่ทำตามมติครม.ในการขยายเวลาการก่อสร้างให้กับบริษัทพีซีซีฯ โดยยืนยันว่าการติดป้ายดังกล่าวไม่ได้เป็นการให้คุณให้โทษผู้สมัครรายใดที่กำลังอยู่ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่า กทม. เพราะเป็นคนละประเด็นกัน ที่ตนทำเนื่องจากต้องการให้ความรู้ประชาชนว่ามีคนชั่วคอร์รัปชั่นโครงการก่อสร้างโรงพักทั่วประเทศที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ พร้อมกับตำหนิ นายธาริตเพ็งดิษฐ์อธิบดีดีเอสไอ ที่เปิดแถลงข่าววันอาทิตย์คู่กับผู้สมัครเบอร์ 9 รับประกันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ทำให้นายธาริตไม่มีความน่าเชื่อถืออีกแล้ว มีการปกป้องบุคคลหลายคนจนหาคนผิดไม่เจอ เพราะธาริตการันตีว่าถูกหมด รวมทั้ง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ด้วย จึงอยากให้สื่อติดตามประเด็นให้ถูกต้องอย่าหลงประเด็น เพราะการขยายสัญญาในยุค พล.ต.อ.อดุลย์ เป็นการดำเนินการที่มิชอบมีความผิดจงใจช่วยผู้รับเหมา
ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ เคยออกมายืนยันว่าเรื่องการขยายเวลาการก่อสร้างไม่เคยมีการพิจารณาใน ครม.นั้น นายชูวิทย์ กล่าวว่า ใครเชื่อ ร.ต.อ.เฉลิมก็ออกลูกเป็นลิง เพราะตนมีเอกสารที่เป็นมติ ครม.ชัดเจนจะบอกว่า ครม.ไม่เคยพิจารณาได้อย่างพร้อม ทั้งนี้ยืนยันว่าการก่อสร้างที่ไม่เสร็จนั้นไม่ได้เป็นปัญหาที่มีการสัญญาแบบรวมที่ส่วนกลางแทนการประกวดราคารายภาคตามที่ดีเอสไอระบุ แต่เป็นปัญหาจากการบริหารที่ชุ่ยใช้ไ่ม่ได้ ไม่ปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ ซึ่งตนเห็นว่านายธาริต แกล้งหลงประเด็น เพื่อเบี่ยงเบนประเด็น เพราะความผิดในเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับหนังสือสัญญาแต่อยู่ที่การบริหารสัญญา โดยนายธาริตปฏิบัติหน้าที่แบบเลือกที่รักมักที่ชัง แบ่งพรรคแบ่งพวกทำให้ไม่ดำเนินการกับผู้กระทำความผิด และยืนยันว่า พล.ต.อ.อดุลย์ ต้องรับผิดชอบด้วย ซึ่งหากใครเห็นว่าสิ่งที่ตนแถลงข่าวไม่ถูกต้องจะไปฟ้องร้องดำเนินคดีก็ได้ หากตนแพ้คดียินดีลาออก เพราะมีความมั่นใจในเอกสารและยังมีภาคสอง ภาคสาม ภาคสี่ที่จะเปิดเผยต่อไปอีก
สัญญาก่อสร้างโรงพักทั่วประเทศ 396 แห่งระหว่างบ.พีซีซีกับ สตช.
1.) ระยะเวลาการก่อสร้างตามสัญญาเริ่ม 25 มี.ค.54 - 17 มิ.ย.55
2.) มีการขยายเวลาการก่อสร้างครั้งแรกลงนามในวันที่ 23 ส.ค.54 ขยายเวลา 30 วัน จาก 17 มิ.ย.55-17 ก.ค.55 ในยุคที่ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิศรี เป็น ผบ.ตร. ภายใต้การบริหารของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
3.) ขยายเวลาการก่อสร้างครั้งที่สองลงนามวันที่ 25 พ.ค.55 ขยายเวลา 180 วัน จาก 17 ก.ค.55-13 ม.ค.56 ในยุคที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ เป็น ผบ.ตร. ภายใต้การบริหารของรัฐบาลยิ่งลักษณ์
4.) ขยายเวลาการก่อสร้างครั้งที่สามลงนามวันที่ 7 พ.ย.55 ขยายเวลา 60 วันจาก 13 มค.56-14 มี.ค.56 ในยุคที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เป็น ผบ.ตร. ภายใต้การบริหารของรัฐบาลยิ่งลักษณ์
http://webboard.serithai.net/topic/30984-%E0%B8%8A%E0%B8%B9%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%8C-%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%A2%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%97-%E0%B8%A0/
ส่วนการต่อสัญญาก่อสร้างรอบที่ 3 ให้กับบริษัท พีซีซี ดิเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ตามมติครม.วันที่ 7 สิงหาคม 2555 ระยะเวลา 60 วัน โดยมีกำหนดส่งมอบงานในวันที่ 14 มีนาคม 2556 ว่า หนังสือดังกล่าวลงนามโดย พล.ต.ท.สุพร พันธ์เสือ ผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง ซึ่งปฏิบัติหน้าที่แทนผบ.ตร. แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)กลับมีการตัดหลักเกณฑ์ที่เป็นโทษต่อผู้รับเหมาออก เหลือเพียงหลักเกณฑ์ที่เป็นคุณต่อผู้รับเหมาไว้ อาทิ ช่วยเหลือผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคใต้เนื่องจากประสบอุทกภัย ใน 10 จังหวัด แต่สตช.กับใช้หลักการนี้เป็นสัญญาเดียวกันทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังไม่ปฏิบัติตามมติครม.วันที่ 7 สิงหาคม 2555 ข้อ 1.6 ที่ระบุว่า หากผู้รับจ้างไม่ปฏิบัติตามสัญญาและยังไม่เคยเข้ามาในทำงาน ในสถานที่ก่อสร้างดังกล่าวโดยไม่มีเหตุอันควร จนกระทั่งเกิดเหตุอุทกภัย ผู้รับจ้างไม่อาจของรับความช่วยเหลือได้ ยังคงให้ถือปฏิบัติตามเดิม ก็ไม่ต้องขยายสัญญาและยกเลิกสัญญาได้
"เหตุใดสตช.จึงไม่ยกยกเลิกสัญญา เพราะมีเหตุให้เชื่อได้ว่า ผู้รับจ้างไม่สามารถทำงานได้เสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยหัวหน้าส่วนราชการสามารถบอกยกเลิกได้ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2552 ข้อที่ 137 แต่กลับใช้ระเบียบข้อที่ 139 โดยการงดหรือลดค่าปรับให้กับคู่สัญญา ซึ่งเป็นเงินวันละ 5.8ล้านบาท ถือว่าเป็นคุณกับผู้รับเหมา" นายชูวิทย์ กล่าว
วันเดียวกัน ที่รัฐสภา นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งกระทู้ถาม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี โดย นายศิริโชค ได้นำเอกสารการประมูล มาชี้แจงในที่ประชุม พร้อมถามว่า จากเอกสารที่มีตัวเลขการประมูลที่ไม่แตกต่างกันมากนัก จะมีการฮั้วประมูลได้อย่างไร
อีกทั้ง มี
เอกสารที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในสมัยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ทำหนังสือขอความเห็นชอบโครงการจากการประมูลรายภาค รวบเป็นรายเดียว
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม ตอบกระทู้ด้วยถ้อยคำสาปแช่ง กลางสภา ว่า กลุ่มพวกใดที่ได้ประโยชน์จากโครงการนี้ ขอให้เกิดแต่ความหายนะ พร้อมปฏิเสธว่าตนเองปกป้อง พล.ต.อ.พงศพัศ ว่าไม่เกี่ยวข้องกับสัญญาโครงการ แต่ต้องให้ความเป็นธรรม เพราะจะกระทบต่อการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
บางส่วนจากลิงค์นี้
http://www.manager.co.th/daily/viewnews.aspx?NewsID=9560000019413
"ธาริต"เปิดชื่อคนทำ TOR รวมสัญญาโรงพักทดแทน "จูดี้"ไม่เกี่ยว เผย"เพรียวพันธ์-อดุลย์"รับมรดกบาป
วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 เวลา 16:29:38 น.
วันนี้(10 ก.พ.56) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครพรรคเพื่อไทย หมายเลข9 ยื่นเอกสารหลักฐานและเข้าชี้แจงต่อ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ กรณีถูกพาดพิง ในฐานะที่เคยเป็นประธานคณะกรรมการกำหนดขอบเขตของงาน(TOR) ในโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน396หลังทั่วประเทศในสมัยดำรงตำแหน่งเป็นพล.ต.ท. ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(บร.11)
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า อยากจะใช้เวลาเต็มที่ในการหาเสียง แต่ในวันนี้ต้องเข้ามาชี้แจงแสดงความบริสุทธิ์และมอบเอกสารหลักฐานในช่วงที่เป็นประธานTOR เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน (ซึ่งในขณะนั้นยังคงสัญญาประมูลเป็นรายภาค) หลังจากที่มีบางฝ่ายนำเสนอไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น พร้อมยืนยันจะไม่ดำเนินการฟ้องร้องเอาความกับใคร เนื่องจากต้องการหาเสียงอย่างสร้างสรรค์
ด้านนายธาริต กล่าวว่า จากการตรวจสอบเอกสารนั้นพบว่ามีหลักฐานยืนยันได้ว่าในวันที่4 พ.ค.2552
สำนักงานตำรวจแห่งชาติแต่งตั้งให้ พล.ต.ท.พงศพัศ เป็นประธานคณะกรรมการกำหนดขอบเขตของงาน(TOR) ซึ่งต่อมาในวันที่18 พ.ค.52 คณะกรรมการร่างขอบเขตของงาน ได้ประชุมและพิจารณาถึงข้อดีข้อเสียและมีมติเห็นชอบโดยส่วนกลางและแยกการเสนอราคาเป็นรายภาค จากนั้น วันที่29 พ.ค.52 พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ในขณะนั้นได้ทำหนังสือกราบเรียนนายกรัฐมนตรีเพื่อเสนอแยกเป็นรายภาค โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เห็นชอบตามเสนอเมื่อวันที่9มิ.ย.52
ต่อมาในวันที่2ก.ย.52 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้นำร่างขอบเขตงาน(TOR) ลงประกาศในเว็บไซด์ของหน่วยงานและกรมบัญชีกลาง ปรากฎว่าไม่มีผู้ใดวิจารณ์หรือให้ข้อเสนอแนะ ซึ่งทางเทคนิคแสดงว่าเป็นที่ยอมรับและพอใจกับทุกฝ่าย จนกระทั่งเมื่อวันที่18 พ.ย.52 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทน ผบ.ตร.ได้มีหนังสือกราบเรียนนายกรัฐมนตรี เพื่อทราบ โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เห็นชอบตามเสนอโดยอนุมัติยกเลิกการดำเนินการแยกการเสนอรายภาคและอนุมัติให้จัดจ้างก่อสร้างทุกอาคารรวมกันในครั้งเดียว เมื่อวันที่20พ.ย.52
นายธาริต กล่าวว่า จากการตรวจสอบเอกสารหลักฐานที่พล.ต.อ.พงศพัศ ได้นำเข้าชี้แจงในวันนี้พบว่าตรงกับเอกสารที่พนักงานสอบสวนได้สอบสวนไว้
ซึ่งไม่พบว่าพล.ต.อ.พงศพัศเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการกำหนดให้การจัดจ้างโครงการก่อสร้างเป็นสัญญาเดียว แต่ปรากฎเป็น พล.ต.ท.ธีรยุทธ กิตติวัฒน์ ที่มีชื่อเกี่ยวข้องกับTORฉบับหลังที่มีนายสุเทพ
ทุจริตโรงพักร้าง ใครผิด ???
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย แถลงข่าวที่รัฐสภาโดยนำเอกสารมาประกอบทั้งหมด 4 ชิ้น คือ เอกสารของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช.ในเรื่องการขยายเวลาการก่อสร้างให้กับ บ.พีซีซีฯ สัญญาว่าจ้างการก่อสร้าง มติครม. 7 ส.ค.55 และ หลักเกณฑ์การขยายเวลาของกระทรวงการคลัง เพื่อชี้ให้เห็นถึงปัญหาการก่อสร้างโรงพักทั่วประเทศ 396 แห่ง ไม่เสร็จว่า ที่ผ่านมาได้เคยถาม ร.ต.อ.เฉลิม แล้วแต่ไม่เคยได้รับคำตอบนอกจากคำสาบาน หากเรื่องนี้ตนทำผิดตนขอลาออกและไปกระโดดน้ำตายที่สะพานพุธ โดยยืนยันว่าการออกมาแถลงข่าวครั้งนี้เป็นการทำเพื่อประเทศชาติ พร้อมกับนำโปสเตอร์ประจาน “โครงการโรงพัก 396 แห่ง ทั่วประเทศ 5,848 ล้านบาท อย่าปล่อยให้ “คอร์รัปชั่น”ลอยนวล ติดทั่วกรุงเทพ พร้อมคัทเอาท์ขนาดใหญ่ด้วย โดยจะติดจนกว่าจะหาคนผิดมาลงโทษได้ ซึ่งอาจทำให้มีคนกล่าวหาว่าตนไม่มีมารยาทแต่ตนไม่โกงเงินแผ่นดิน
หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ยังกล่าวด้วยว่า เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบโดยเรียงลำดับถึงการขยายเวลาสามครั้งว่า ในครั้งที่สามนั้น นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและรมว.คลังได้มีหนังสือเสนอให้ความช่วยเหลือผู้ก่อสร้างในพื้นที่ภาคใต้อันเกิดจากปัญหาอุทกภัยโดย จากนั้นครม.มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดย สตช.ก็ได้อนุมัติให้ขยายเวลา 60 วันตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังเสนอ แต่ที่น่าสนใจคือมีการตัดหลักเกณฑ์ที่เสนอโดยกระทรวงการคลังออกไป 4 ข้อ คือ 4.5-4.9 ทำให้การขยายเวลาดังกล่าวไม่เป็นไปตามมติ ครม.เพราะมีการตัดส่วนที่เป็นโทษเอาเฉพาะที่เป็นคุณกับผู้รับเหมามาใช้ เช่น ข้อ 4.7 กำหนดให้คณะกรรมการว่าด้วยพัสดุเป็นผู้ตีความ กลับตัดออกเพื่อไม่ให้มีการตรวจสอบ และ 4.6 กำหนดว่าหากผู้รับจ้างไม่ปฏิบัติตามสัญญาและไม่เคยเข้ามาทำงานในสถานที่ก่อสร้างดังกล่าว ก็ตัดออก เพื่อเอื้อประโยชน์ในการขยายเวลาก่อสร้างให้กับบริษัทพีซีซีฯ
“ที่สำคัญคือการขยายเวลาเกิดขึ้นในยุค พล.ต.อ.อดุลย์ เป็น ผบ.ตร.แล้ว การดำเนินการเรื่องนี้จึงไม่เกี่ยวกับมารยาท แต่เป็นความรับผิดชอบตามกฎหมาย เพราะมีการตัดสาระสำคัญ ไม่ปฏิบัติตามมติ ครม.แต่กลับไปขยายเวลาให้กับผู้รับเหมาทั้งที่ไม่สามารถก่อสร้างได้แล้วเสร็จและยังไม่ยกเลิกสัญญาด้วย อีกทั้งยังมีการอนุมัติขยายเวลาให้กับ บ.พีซีซี โดยเลือกพิจารณาเฉพาะหลักเกณฑ์ที่เป็นคุณกับผู้รับเหมา ถือเป็นการทำประโยชน์กับผู้รับเหมาไม่ใช่ประเทศชาติ เพราะแทนที่จะบอกเลิกสัญญาเพราะบริษัทไม่สามารถก่อสร้างได้เสร็จตามสัญญา ทั้งที่หัวหน้าส่วนราชการสามารถทำได้แต่กลับไม่ทำ ทำให้รัฐเสียหายไม่ได้รับเงินค่าปรับที่ควรได้ันละ 5.8 ล้านบาทนาน 60 วันในสมัยที่พล.ต.อ.อดุลย์ เป็น ผบ.ตร.” นายชูวิทย์ กล่าว
นายชูวิทย์ ยังกล่าวถึงป้ายประจานการก่อสร้างโรงพักทั่วประเทศไม่เสร็จว่า ใครจะว่าอย่างไรตนไม่สนใจเพราะใช้เงินของตัวเองเผาเล่น จะติดป้ายบนทางด่วนป้ายละสี่แสน เพราะตนสนเรื่องโกง เนื่องจาก สตช.ตัดสาระสำคัฐออก ไม่ทำตามมติครม.ในการขยายเวลาการก่อสร้างให้กับบริษัทพีซีซีฯ โดยยืนยันว่าการติดป้ายดังกล่าวไม่ได้เป็นการให้คุณให้โทษผู้สมัครรายใดที่กำลังอยู่ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่า กทม. เพราะเป็นคนละประเด็นกัน ที่ตนทำเนื่องจากต้องการให้ความรู้ประชาชนว่ามีคนชั่วคอร์รัปชั่นโครงการก่อสร้างโรงพักทั่วประเทศที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ พร้อมกับตำหนิ นายธาริตเพ็งดิษฐ์อธิบดีดีเอสไอ ที่เปิดแถลงข่าววันอาทิตย์คู่กับผู้สมัครเบอร์ 9 รับประกันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ทำให้นายธาริตไม่มีความน่าเชื่อถืออีกแล้ว มีการปกป้องบุคคลหลายคนจนหาคนผิดไม่เจอ เพราะธาริตการันตีว่าถูกหมด รวมทั้ง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ด้วย จึงอยากให้สื่อติดตามประเด็นให้ถูกต้องอย่าหลงประเด็น เพราะการขยายสัญญาในยุค พล.ต.อ.อดุลย์ เป็นการดำเนินการที่มิชอบมีความผิดจงใจช่วยผู้รับเหมา
ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ เคยออกมายืนยันว่าเรื่องการขยายเวลาการก่อสร้างไม่เคยมีการพิจารณาใน ครม.นั้น นายชูวิทย์ กล่าวว่า ใครเชื่อ ร.ต.อ.เฉลิมก็ออกลูกเป็นลิง เพราะตนมีเอกสารที่เป็นมติ ครม.ชัดเจนจะบอกว่า ครม.ไม่เคยพิจารณาได้อย่างพร้อม ทั้งนี้ยืนยันว่าการก่อสร้างที่ไม่เสร็จนั้นไม่ได้เป็นปัญหาที่มีการสัญญาแบบรวมที่ส่วนกลางแทนการประกวดราคารายภาคตามที่ดีเอสไอระบุ แต่เป็นปัญหาจากการบริหารที่ชุ่ยใช้ไ่ม่ได้ ไม่ปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ ซึ่งตนเห็นว่านายธาริต แกล้งหลงประเด็น เพื่อเบี่ยงเบนประเด็น เพราะความผิดในเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับหนังสือสัญญาแต่อยู่ที่การบริหารสัญญา โดยนายธาริตปฏิบัติหน้าที่แบบเลือกที่รักมักที่ชัง แบ่งพรรคแบ่งพวกทำให้ไม่ดำเนินการกับผู้กระทำความผิด และยืนยันว่า พล.ต.อ.อดุลย์ ต้องรับผิดชอบด้วย ซึ่งหากใครเห็นว่าสิ่งที่ตนแถลงข่าวไม่ถูกต้องจะไปฟ้องร้องดำเนินคดีก็ได้ หากตนแพ้คดียินดีลาออก เพราะมีความมั่นใจในเอกสารและยังมีภาคสอง ภาคสาม ภาคสี่ที่จะเปิดเผยต่อไปอีก
สัญญาก่อสร้างโรงพักทั่วประเทศ 396 แห่งระหว่างบ.พีซีซีกับ สตช.
1.) ระยะเวลาการก่อสร้างตามสัญญาเริ่ม 25 มี.ค.54 - 17 มิ.ย.55
2.) มีการขยายเวลาการก่อสร้างครั้งแรกลงนามในวันที่ 23 ส.ค.54 ขยายเวลา 30 วัน จาก 17 มิ.ย.55-17 ก.ค.55 ในยุคที่ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิศรี เป็น ผบ.ตร. ภายใต้การบริหารของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
3.) ขยายเวลาการก่อสร้างครั้งที่สองลงนามวันที่ 25 พ.ค.55 ขยายเวลา 180 วัน จาก 17 ก.ค.55-13 ม.ค.56 ในยุคที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ เป็น ผบ.ตร. ภายใต้การบริหารของรัฐบาลยิ่งลักษณ์
4.) ขยายเวลาการก่อสร้างครั้งที่สามลงนามวันที่ 7 พ.ย.55 ขยายเวลา 60 วันจาก 13 มค.56-14 มี.ค.56 ในยุคที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เป็น ผบ.ตร. ภายใต้การบริหารของรัฐบาลยิ่งลักษณ์
http://webboard.serithai.net/topic/30984-%E0%B8%8A%E0%B8%B9%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%8C-%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%A2%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%97-%E0%B8%A0/
ส่วนการต่อสัญญาก่อสร้างรอบที่ 3 ให้กับบริษัท พีซีซี ดิเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ตามมติครม.วันที่ 7 สิงหาคม 2555 ระยะเวลา 60 วัน โดยมีกำหนดส่งมอบงานในวันที่ 14 มีนาคม 2556 ว่า หนังสือดังกล่าวลงนามโดย พล.ต.ท.สุพร พันธ์เสือ ผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง ซึ่งปฏิบัติหน้าที่แทนผบ.ตร. แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)กลับมีการตัดหลักเกณฑ์ที่เป็นโทษต่อผู้รับเหมาออก เหลือเพียงหลักเกณฑ์ที่เป็นคุณต่อผู้รับเหมาไว้ อาทิ ช่วยเหลือผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคใต้เนื่องจากประสบอุทกภัย ใน 10 จังหวัด แต่สตช.กับใช้หลักการนี้เป็นสัญญาเดียวกันทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังไม่ปฏิบัติตามมติครม.วันที่ 7 สิงหาคม 2555 ข้อ 1.6 ที่ระบุว่า หากผู้รับจ้างไม่ปฏิบัติตามสัญญาและยังไม่เคยเข้ามาในทำงาน ในสถานที่ก่อสร้างดังกล่าวโดยไม่มีเหตุอันควร จนกระทั่งเกิดเหตุอุทกภัย ผู้รับจ้างไม่อาจของรับความช่วยเหลือได้ ยังคงให้ถือปฏิบัติตามเดิม ก็ไม่ต้องขยายสัญญาและยกเลิกสัญญาได้
"เหตุใดสตช.จึงไม่ยกยกเลิกสัญญา เพราะมีเหตุให้เชื่อได้ว่า ผู้รับจ้างไม่สามารถทำงานได้เสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยหัวหน้าส่วนราชการสามารถบอกยกเลิกได้ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2552 ข้อที่ 137 แต่กลับใช้ระเบียบข้อที่ 139 โดยการงดหรือลดค่าปรับให้กับคู่สัญญา ซึ่งเป็นเงินวันละ 5.8ล้านบาท ถือว่าเป็นคุณกับผู้รับเหมา" นายชูวิทย์ กล่าว
วันเดียวกัน ที่รัฐสภา นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งกระทู้ถาม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี โดย นายศิริโชค ได้นำเอกสารการประมูล มาชี้แจงในที่ประชุม พร้อมถามว่า จากเอกสารที่มีตัวเลขการประมูลที่ไม่แตกต่างกันมากนัก จะมีการฮั้วประมูลได้อย่างไร
อีกทั้ง มีเอกสารที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในสมัยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ทำหนังสือขอความเห็นชอบโครงการจากการประมูลรายภาค รวบเป็นรายเดียว
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม ตอบกระทู้ด้วยถ้อยคำสาปแช่ง กลางสภา ว่า กลุ่มพวกใดที่ได้ประโยชน์จากโครงการนี้ ขอให้เกิดแต่ความหายนะ พร้อมปฏิเสธว่าตนเองปกป้อง พล.ต.อ.พงศพัศ ว่าไม่เกี่ยวข้องกับสัญญาโครงการ แต่ต้องให้ความเป็นธรรม เพราะจะกระทบต่อการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
บางส่วนจากลิงค์นี้
http://www.manager.co.th/daily/viewnews.aspx?NewsID=9560000019413
"ธาริต"เปิดชื่อคนทำ TOR รวมสัญญาโรงพักทดแทน "จูดี้"ไม่เกี่ยว เผย"เพรียวพันธ์-อดุลย์"รับมรดกบาป
วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 เวลา 16:29:38 น.
วันนี้(10 ก.พ.56) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครพรรคเพื่อไทย หมายเลข9 ยื่นเอกสารหลักฐานและเข้าชี้แจงต่อ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ กรณีถูกพาดพิง ในฐานะที่เคยเป็นประธานคณะกรรมการกำหนดขอบเขตของงาน(TOR) ในโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน396หลังทั่วประเทศในสมัยดำรงตำแหน่งเป็นพล.ต.ท. ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(บร.11)
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า อยากจะใช้เวลาเต็มที่ในการหาเสียง แต่ในวันนี้ต้องเข้ามาชี้แจงแสดงความบริสุทธิ์และมอบเอกสารหลักฐานในช่วงที่เป็นประธานTOR เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน (ซึ่งในขณะนั้นยังคงสัญญาประมูลเป็นรายภาค) หลังจากที่มีบางฝ่ายนำเสนอไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น พร้อมยืนยันจะไม่ดำเนินการฟ้องร้องเอาความกับใคร เนื่องจากต้องการหาเสียงอย่างสร้างสรรค์
ด้านนายธาริต กล่าวว่า จากการตรวจสอบเอกสารนั้นพบว่ามีหลักฐานยืนยันได้ว่าในวันที่4 พ.ค.2552 สำนักงานตำรวจแห่งชาติแต่งตั้งให้ พล.ต.ท.พงศพัศ เป็นประธานคณะกรรมการกำหนดขอบเขตของงาน(TOR) ซึ่งต่อมาในวันที่18 พ.ค.52 คณะกรรมการร่างขอบเขตของงาน ได้ประชุมและพิจารณาถึงข้อดีข้อเสียและมีมติเห็นชอบโดยส่วนกลางและแยกการเสนอราคาเป็นรายภาค จากนั้น วันที่29 พ.ค.52 พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ในขณะนั้นได้ทำหนังสือกราบเรียนนายกรัฐมนตรีเพื่อเสนอแยกเป็นรายภาค โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เห็นชอบตามเสนอเมื่อวันที่9มิ.ย.52
ต่อมาในวันที่2ก.ย.52 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้นำร่างขอบเขตงาน(TOR) ลงประกาศในเว็บไซด์ของหน่วยงานและกรมบัญชีกลาง ปรากฎว่าไม่มีผู้ใดวิจารณ์หรือให้ข้อเสนอแนะ ซึ่งทางเทคนิคแสดงว่าเป็นที่ยอมรับและพอใจกับทุกฝ่าย จนกระทั่งเมื่อวันที่18 พ.ย.52 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทน ผบ.ตร.ได้มีหนังสือกราบเรียนนายกรัฐมนตรี เพื่อทราบ โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เห็นชอบตามเสนอโดยอนุมัติยกเลิกการดำเนินการแยกการเสนอรายภาคและอนุมัติให้จัดจ้างก่อสร้างทุกอาคารรวมกันในครั้งเดียว เมื่อวันที่20พ.ย.52
นายธาริต กล่าวว่า จากการตรวจสอบเอกสารหลักฐานที่พล.ต.อ.พงศพัศ ได้นำเข้าชี้แจงในวันนี้พบว่าตรงกับเอกสารที่พนักงานสอบสวนได้สอบสวนไว้ ซึ่งไม่พบว่าพล.ต.อ.พงศพัศเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการกำหนดให้การจัดจ้างโครงการก่อสร้างเป็นสัญญาเดียว แต่ปรากฎเป็น พล.ต.ท.ธีรยุทธ กิตติวัฒน์ ที่มีชื่อเกี่ยวข้องกับTORฉบับหลังที่มีนายสุเทพ