คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12  (ที่มา:มติชนรายวัน 4 ก.พ.2556)


การกำหนดคุณสมบัติผู้เข้าประมูลงานก่อสร้างหน่วยราชการ มี 2 ลักษณะ

1.คือหน่วยราชการ หน่วยงานต่างๆ อาทิ กรมทางหลวง กรมชลประทาน
บริษัท ท่าอากาศยานไทย ขึ้นทะเบียนบริษัทรับเหมาก่อสร้างเอาไว้อยู่แล้ว
แบ่งเป็นประเภทต่างๆ ผู้รับเหมาชั้น 1, 2, 3, 4, 5

แต่ละชั้นถือเป็นการแบ่งเกรดการเข้าประมูลงาน ยกตัวอย่าง ผู้รับเหมาชั้น 5 อาจ
มีสิทธิยื่นซองประมูลงานได้ไม่เกิน 50 ล้านบาท, ชั้น 4 ไม่เกิน 70 ล้านบาท,
ชั้น 1 ประมูลงานได้ทุกวงเงิน

2.หน่วยงานต่างๆ มิได้ขึ้นทะเบียน ผู้รับเหมาไว้ อาจกำหนดคุณลักษณะพิเศษ
หรือสเปกให้เหมาะสมลักษณะโครงการที่จะประมูล

การประมูลก่อสร้าง สถานีตำรวจ (ทดแทน) 396 แห่ง ที่เป็นข่าวอื้อฉาวขณะนี้
อยู่ในลักษณะที่ 2 เนื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้ขึ้นทะเบียนผู้รับเหมา
ก่อสร้างไว้ จึงเปิดกว้างให้บริษัทรับเหมาเข้าร่วมเสนอราคา

ทั้งนี้ การประมูลลักษณะที่ 2 นี้ มีระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง กำหนดคุณสมบัติ
บริษัทรับเหมาก่อสร้าง เพื่อเป็นหลักประกันส่วนราชการ และสกัดการกีดกัน
บริษัทที่เข้าร่วมประมูล ต้องมีผลงานขั้นต่ำ ผ่านการรับงานก่อสร้างมาแล้วไม่
น้อยกว่าร้อยละ 25 สูงสุดไม่เกินร้อยละ 50 ของมูลค่าโครงการ

แล้วแต่ส่วนราชการจะไปกำหนดตามกรอบนี้

หากคิดขั้นต่ำสุด การประมูลสร้างโรงพัก 396 แห่ง มูลค่า 5.8 พันล้านบาท
หมายความว่า บริษัทที่จะผ่านคุณสมบัติเบื้องต้น ต้องเคยผ่านงานรับเหมา
ก่อสร้างมูลค่า 1,450 ล้านบาทมาแล้ว

ประเด็นนี้อาจเป็นร่องรอยชี้ว่ามีความผิดปกติหรือไม่ หากตั้งไว้ต่ำเพื่อเอื้อ
รายหนึ่งรายใด หรือสูงเกินไปเพื่อกีดกันรายเล็ก

เรื่องการจ่ายค่าจ้างล่วงหน้า สัญญาโครงการนี้ ตกลงจ่ายบริษัทพีซีซีฯคู่สัญญา
ที่ประมูลได้งาน ร้อยละ 15 ของราคาค่าจ้าง หรือ 877.2 ล้านบาท

การจ่ายค่าจ้างล่วงหน้านี้ถือเป็นเรื่องปกติ เพื่อให้ผู้รับเหมามีเงินทุนหมุนเวียน
เบื้องต้น ซึ่งระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง วางกรอบการจ่ายล่วงหน้าต่ำสุดคือ 5%
สูงสุด 15% ขณะที่ทุกวันนี้ หน่วยราชการส่วนใหญ่จ่ายล่วงหน้า 10%

การจ่ายเต็มแม็ก 15% ให้กับพีซีซีฯจึงมีเครื่องหมายคำถามเช่นเดียวกับการ
เปลี่ยนแปลงการประมูล จากรายภาค 1-9 รวบเป็นโครงการเดียว เรื่องนี้โดย
หลักแล้ว การจะนำมารวมกันหรือไม่ พิจารณาจาก เป็นงานเร่งด่วน ที่ต้อง
ซอยย่อย กระจายงานเพื่อให้รวดเร็วหรือไม่ และมีผลกระทบต่อชิ้นงานหรือไม่

เช่นบางโครงการ อย่างก่อสร้างสนามบิน จำเป็นต้องรวบเป็นโครงการเดียว
สมมุติแบ่งเป็น 3 โครงการ สัญญาก่อสร้างรันเวย์ อาคารที่พักผู้โดยสารเสร็จ
หมด แต่หอบังคับการบินสัญญาเดียวไม่เสร็จ ก็เท่ากับงานยังไม่เสร็จสมบูรณ์
เปิดให้บริการไม่ได้ เนื่องจากลักษณะการใช้งานสัมพันธ์กัน

แต่หากเป็นการก่อสร้าง เช่น บ้านพัก หรือแม้แต่โรงพัก ที่เมื่อแห่งใดแห่งหนึ่ง
สร้างเสร็จแล้ว สามารถเปิดใช้งานได้ ไม่ต้องรอแห่งอื่นๆ ให้เสร็จพร้อมๆ กัน
ลักษณะนี้โดยหลัก มักจะไม่รวบมาเป็นโครงการเดียว

หลักราชการ และระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างระบุไว้อย่างนี้ ทั้งเรื่องคุณสมบัติ
เบื้องต้นบริษัทที่จะเข้าร่วมประมูล เงินค่าจ้างล่วงหน้า หรือแม้แต่หลักการ
และเหตุผลการซอย หรือรวบโครงการ

เรื่องพวกนี้หน่วยราชการสามารถยืดหยุ่น หย่อน-ตึงตามระเบียบได้ทุกอย่าง
หากไม่เกิดปัญหาตามมาร่องรอยก็ย่อมลบเลือน

เมื่อไหร่เกิดปัญหาขึ้นกับโครงการ เมื่อนั้นสืบสาวราวเรื่องอาจพบสิ่งบ่ง
ชี้ความไม่ปกตินัก จากร่องรอยเหล่านี้ เหมือนกรณีที่เกิดขึ้น

นี่ยังไม่นับรวมที่บริษัทรับเหมาก่อสร้างระดับยักษ์ใหญ่ประเทศไทย แสดงความ
ประหลาดใจ "พีซีซีฯ" เป็นใครมาจากไหน ถึงได้งานใหญ่ระดับ 5.8 พันล้าน

เพราะเป็นที่รู้ๆ กันว่า งานระดับ 5 พันล้านขึ้นไป เมืองไทยมีบริษัทยักษ์ใหญ่
ไม่เกิน 5 แห่งเท่านั้น ที่รับงานแล้วทำได้ อาทิ ช.การช่าง อิตัลไทยฯ ซิโนทัยฯ

"พีซีซีฯ" ไม่เป็นที่รู้จัก แต่คว้างานใหญ่ ย่อมถือว่าไม่ธรรมดา

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1359979622&grpid=&catid=02&subcatid=0207

การจัดซื้อจัดจ้างต้องเป็นไปตามระเบียบพัสดุค่ะ ...หวานใจพี่สาว
เคยเป็นผู้รับผิดชอบระเบียบนี้อยู่หลายปี  ... เขาบอกว่าเรื่องนี้ผิดปกติค่ะ
ไม่ผิดนะคะ  ...คุณม่วงคัน  แต่ผิดปกติค่ะ ...
ระเบียบ...ที่ว่านี้  การสร้างขึ้นมา  มีหลายฝ่ายประชุมร่วมกัน  มีทั้งอัยการ
กระทรวงการคลัง  สำนักงบประมาณ  รวมทั้งฝ่ายผู้รับเหมาด้วย
หากจะตรวจสอบเรื่องนี้กัน ...กรรมการระเบียบพัสดุ ...ที่วันนี้กระทรวงการคลัง
รับผิดชอบ  ต้องร่วมตรวจสอบด้วยค่ะ  

เชิญคุณตระการฟ้า...และคุณ วอน  ร่วมสนทนา นะคะ ....
พิเศษสำหรับฝ่ายnonแดง  ...ค่ะ
เสี้ยม ...เกรียน ..ไหม  และคนแปะนี่  "แก่กะโหลกกะลา" หรือเปล่า