เปิดรายงาน กมธ.ยุติธรรม พิรุธประมูล 396 โรงพัก
ที่มา - ข้อสังเกตของรายงานการศึกษาตรวจสอบกรณีโครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัย (แฟลต) 163 แห่ง และโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) 396 หลังทั่วประเทศ วงเงิน 6,672 ล้านบาท ของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การยุติธรรมและการตำรวจ วุฒิสภา ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ และรายงานที่ประชุมวุฒิสภาเพื่อส่งให้รัฐบาลและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการต่อไป
คณะกรรมาธิการได้พิจารณาศึกษากรณีโครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัย (แฟลต) และโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) แล้วมีข้อสังเกต ดังนี้
1) การเปลี่ยนแปลงการประมูลจากการประมูลโดยส่วนกลางแบบรวมการครั้งเดียว โดยแยกการเสนอราคาเป็นรายภาค (ภาค 1-ภาค 9) เพื่อให้การดำเนินการประกวดราคาเปิดกว้าง และเปิดโอกาสผู้รับจ้างในส่วนกลางและภูมิภาคเข้าร่วมแข่งขันการเสนอราคาด้วยความเป็นธรรม ส่วนการดำเนินการประกวดราคา การทำสัญญา การบริหารสัญญา รวมทั้งการเบิกจ่ายเงินค่าก่อสร้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองพลาธิการและสรรพาวุธจะเป็นผู้ดำเนินการ (เสนอโดย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขณะนั้น) ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงการประมูลเป็นการประมูลด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยกองโยธาธิการ สำนักงานส่งกำลังบำรุง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นหน่วยงานจัดจ้างก่อสร้างทุกอาคารรวมกันในครั้งเดียว เนื่องจากคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติวงเงินมาครั้งเดียว การดำเนินการจัดจ้างจึงมีความจำเป็นต้องดำเนินการประกาศประกวดราคาจัดจ้างก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 หลัง ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ในครั้งเดียว (เสนอโดย พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขณะนั้น)
คณะกรรมาธิการไม่เห็นด้วย เพราะการจัดจ้างโดยวิธีการดังกล่าวปรากฏให้เห็นแน่ชัดแล้วในปัจจุบันว่า ทำให้เกิดปัญหาต่อการทำงานตามสัญญาจ้าง เนื่องจากผู้รับจ้างมีรายเดียว และมีที่ทำการงานอยู่ที่เดียว แต่ต้องทำงานจ้างโดยการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจทั้งหมด 396 หลัง ซึ่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ ผู้รับจ้างจึงไม่สามารถดำเนินการให้มีประสิทธิภาพตามสัญญาได้และอาจจะทำให้เกิดความเสียหายกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากผู้รับจ้างไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญา และส่งมอบงานได้ทันตามกำหนด จึงเห็นว่าการดำเนินการด้วยวิธีการประกาศประกวดราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ในครั้งเดียว (แบบรวมการที่ส่วนกลาง) เป็นวิธีการที่ไม่เหมาะสม
2) ข้อบกพร่องของสัญญาจ้างก่อสร้างโครงการอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 หลัง (สัญญาเลขที่ ยธ. 13/2554) คือ ไม่มีการกำหนดระยะเวลาให้ผู้ว่าจ้างต้อง
ส่งมอบพื้นที่ให้แล้วเสร็จก่อนการริเริ่มดำเนินการตามสัญญาของผู้รับจ้าง ทำให้บางแห่งส่งมอบพื้นที่ให้กับผู้รับจ้างล่าช้าและจะเป็นเหตุให้ผู้รับจ้างขอขยายระยะเวลาการทำงานได้
3) การดำเนินการก่อสร้างโครงการอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 หลัง มีบางแห่งได้ดำเนินการก่อสร้างแล้ว แต่บางแห่งยังไม่ได้ดำเนินการเลย จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ผู้รับจ้างจะไม่สามารถทำงานได้แล้วเสร็จตามที่กำหนดระยะเวลา และส่งมอบงานไม่ทันตามกำหนดระยะเวลาในสัญญา และอาจมีความเสี่ยงสูงต่อการทิ้งงาน ดังนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องติดตามและตรวจสอบการทำงานของผู้รับจ้าง บริหารสัญญาและบังคับให้เป็นไปตามสัญญาโดยเคร่งครัด ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
4) จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ผู้รับจ้างได้กระทำผิดสัญญาจ้างโดยมีการจ้างเหมาช่วง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ว่าจ้าง (ตามสัญญาข้อ 8 ของสัญญาก่อสร้างโครงการอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 หลัง สัญญาเลขที่ ยธ. 13/2554)
5) การขยายเวลาทำงานให้กับผู้รับจ้าง ผู้ว่าจ้างต้องพิจารณาให้ขยายเวลาได้เฉพาะสถานีตำรวจที่ยังไม่ได้ส่งมอบพื้นที่ให้กับผู้รับจ้างเท่านั้น ส่วนที่มีการส่งมอบพื้นที่ และได้มีการดำเนินการก่อสร้างแล้วหากไม่แล้วเสร็จไม่ควรให้ขยายเวลาทำงาน แต่ต้องบังคับตามสัญญาโดยเคร่งครัด
6) ตามสัญญาจ้างผู้รับจ้างเมื่อเปรียบเทียบกับราคาจากการเบิกจ่ายเมื่องานก่อสร้างสถานีตำรวจเสร็จสิ้นจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับการจ้างเหมาช่วงมีส่วนต่างค่อนข้างมาก เช่น สถานีตำรวจขนาดใหญ่ ราคาเบิกจ่ายฯ คือ 26,725,000 บาท จ้างช่วงเป็นเงิน 20,000,000 บาท สถานีตำรวจขนาดกลาง ราคาเบิกจ่ายฯ คือ 14,468,000 บาท จ้างช่วงเป็นเงิน 10,000,000 บาท คณะกรรมาธิการจึงเห็นว่าน่าจะมีการทุจริตในการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) ส่งผลต่อมาตรฐานการก่อสร้างที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) ดังกล่าว
7) จากข้อเท็จจริงดังกล่าว คณะกรรมาธิการเห็นควรเสนอเรื่องต่อรัฐบาลและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
คณะกรรมาธิการจึงขอเสนอรายงานการพิจารณาศึกษากรณีโครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัย (แฟลต) และโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) พร้อมด้วยข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการตามรายงานนี้ต่อที่ประชุมวุฒิสภา เพื่อพิจารณาหากที่ประชุมได้พิจารณาและให้ความเห็นชอบแล้ว ขอได้โปรดแจ้งไปยังรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
พล.ต.ท.มาโนช ไกรวงศ์
ประธาน กมธ.การยุติธรรมและการตำรวจ วุฒิสภา
รายงานฉบับนี้เป็นการดำเนินการภายหลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากตำรวจในทุกกองบัญชาการภาคต่างๆ เข้ามาตั้งแต่ต้นปี พ.ศ.2555 คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การยุติธรรมและการตำรวจ วุฒิสภา จึงได้ตรวจสอบทั้งจากเอกสารข้อร้องเรียน รวมทั้งการลงพื้นที่ตรวจสอบ และวุฒิสภามีมติเห็นตรงกันว่า โครงการดำเนินการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) 396 แห่งทั่วประเทศ วงเงิน 6,672 ล้านบาท ส่อเค้าที่จะมีการทุจริต จากการตรวจสอบพบว่า มีความชัดเจนในการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์การประมูล จากเดิมให้มีการประมูลแบบรวมครั้งเดียวโดยส่วนกลาง แต่แยกเสนอราคาเป็นรายภาคตั้งแต่ ภาค 1-ภาค 9 เสนอในช่วง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เป็น ผบ.ตร.ในขณะนั้น มี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกฯในขณะนั้น เป็นผู้ลงนามเห็นชอบ แต่กลับมีการเปลี่ยนมาเป็นการประมูลด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์รวมเป็นครั้งเดียว ในสมัย พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทน ผบ.ตร ในขณะนั้น มีนายสุเทพเป็นผู้ลงนาม อนุมัติ โดยมี บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด เป็นผู้รับจ้างรายเดียว
นอกจากนี้ ในสัญญายังระบุให้จ่ายเงินค่าจ้างล่วงหน้า 15% แก่ผู้รับเหมาเป็นเงิน 877.2 ล้านบาท และหากทำงานไม่เสร็จตามกำหนดในสัญญาจะต้องเสียค่าปรับในอัตราวันละ 8.548 ล้านบาท จากนั้นมีการจ้างเหมาช่วงในกองบัญชาการต่างๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ว่าจ้าง จนเกิดปัญหาการก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ ผู้รับเหมามีการทิ้งงาน กมธ.จึงมติเห็นชอบตรงกันว่า โครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) 396 หลัง ส่อมีการทุจริต จากนี้จะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการนำข้อเสนอในรายงานฉบับดังกล่าวไปดำเนินการตรวจสอบหาผู้กระทำผิดต่อไป
ที่มา:มติชนออนไลน์
อ่านรายงานของคณะกรรมมาธิการยุติธรรมและการตำรวจวุฒิสภาได้ตามลิง
http://library.senate.go.th/document/mSubject/Ext19/19258_0001.PDF
เพิ่มเติมร่างประกาศtorโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน)
http://www.gprocurement.go.th/06_torview_egp/view_tor.php?id=86894
เปิดรายงาน กมธ.ยุติธรรม พิรุธประมูล 396 โรงพัก
ที่มา - ข้อสังเกตของรายงานการศึกษาตรวจสอบกรณีโครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัย (แฟลต) 163 แห่ง และโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) 396 หลังทั่วประเทศ วงเงิน 6,672 ล้านบาท ของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การยุติธรรมและการตำรวจ วุฒิสภา ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ และรายงานที่ประชุมวุฒิสภาเพื่อส่งให้รัฐบาลและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการต่อไป
คณะกรรมาธิการได้พิจารณาศึกษากรณีโครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัย (แฟลต) และโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) แล้วมีข้อสังเกต ดังนี้
1) การเปลี่ยนแปลงการประมูลจากการประมูลโดยส่วนกลางแบบรวมการครั้งเดียว โดยแยกการเสนอราคาเป็นรายภาค (ภาค 1-ภาค 9) เพื่อให้การดำเนินการประกวดราคาเปิดกว้าง และเปิดโอกาสผู้รับจ้างในส่วนกลางและภูมิภาคเข้าร่วมแข่งขันการเสนอราคาด้วยความเป็นธรรม ส่วนการดำเนินการประกวดราคา การทำสัญญา การบริหารสัญญา รวมทั้งการเบิกจ่ายเงินค่าก่อสร้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองพลาธิการและสรรพาวุธจะเป็นผู้ดำเนินการ (เสนอโดย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขณะนั้น) ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงการประมูลเป็นการประมูลด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยกองโยธาธิการ สำนักงานส่งกำลังบำรุง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นหน่วยงานจัดจ้างก่อสร้างทุกอาคารรวมกันในครั้งเดียว เนื่องจากคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติวงเงินมาครั้งเดียว การดำเนินการจัดจ้างจึงมีความจำเป็นต้องดำเนินการประกาศประกวดราคาจัดจ้างก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 หลัง ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ในครั้งเดียว (เสนอโดย พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขณะนั้น)
คณะกรรมาธิการไม่เห็นด้วย เพราะการจัดจ้างโดยวิธีการดังกล่าวปรากฏให้เห็นแน่ชัดแล้วในปัจจุบันว่า ทำให้เกิดปัญหาต่อการทำงานตามสัญญาจ้าง เนื่องจากผู้รับจ้างมีรายเดียว และมีที่ทำการงานอยู่ที่เดียว แต่ต้องทำงานจ้างโดยการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจทั้งหมด 396 หลัง ซึ่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ ผู้รับจ้างจึงไม่สามารถดำเนินการให้มีประสิทธิภาพตามสัญญาได้และอาจจะทำให้เกิดความเสียหายกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากผู้รับจ้างไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญา และส่งมอบงานได้ทันตามกำหนด จึงเห็นว่าการดำเนินการด้วยวิธีการประกาศประกวดราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ในครั้งเดียว (แบบรวมการที่ส่วนกลาง) เป็นวิธีการที่ไม่เหมาะสม
2) ข้อบกพร่องของสัญญาจ้างก่อสร้างโครงการอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 หลัง (สัญญาเลขที่ ยธ. 13/2554) คือ ไม่มีการกำหนดระยะเวลาให้ผู้ว่าจ้างต้อง
ส่งมอบพื้นที่ให้แล้วเสร็จก่อนการริเริ่มดำเนินการตามสัญญาของผู้รับจ้าง ทำให้บางแห่งส่งมอบพื้นที่ให้กับผู้รับจ้างล่าช้าและจะเป็นเหตุให้ผู้รับจ้างขอขยายระยะเวลาการทำงานได้
3) การดำเนินการก่อสร้างโครงการอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 หลัง มีบางแห่งได้ดำเนินการก่อสร้างแล้ว แต่บางแห่งยังไม่ได้ดำเนินการเลย จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ผู้รับจ้างจะไม่สามารถทำงานได้แล้วเสร็จตามที่กำหนดระยะเวลา และส่งมอบงานไม่ทันตามกำหนดระยะเวลาในสัญญา และอาจมีความเสี่ยงสูงต่อการทิ้งงาน ดังนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องติดตามและตรวจสอบการทำงานของผู้รับจ้าง บริหารสัญญาและบังคับให้เป็นไปตามสัญญาโดยเคร่งครัด ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
4) จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ผู้รับจ้างได้กระทำผิดสัญญาจ้างโดยมีการจ้างเหมาช่วง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ว่าจ้าง (ตามสัญญาข้อ 8 ของสัญญาก่อสร้างโครงการอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 หลัง สัญญาเลขที่ ยธ. 13/2554)
5) การขยายเวลาทำงานให้กับผู้รับจ้าง ผู้ว่าจ้างต้องพิจารณาให้ขยายเวลาได้เฉพาะสถานีตำรวจที่ยังไม่ได้ส่งมอบพื้นที่ให้กับผู้รับจ้างเท่านั้น ส่วนที่มีการส่งมอบพื้นที่ และได้มีการดำเนินการก่อสร้างแล้วหากไม่แล้วเสร็จไม่ควรให้ขยายเวลาทำงาน แต่ต้องบังคับตามสัญญาโดยเคร่งครัด
6) ตามสัญญาจ้างผู้รับจ้างเมื่อเปรียบเทียบกับราคาจากการเบิกจ่ายเมื่องานก่อสร้างสถานีตำรวจเสร็จสิ้นจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับการจ้างเหมาช่วงมีส่วนต่างค่อนข้างมาก เช่น สถานีตำรวจขนาดใหญ่ ราคาเบิกจ่ายฯ คือ 26,725,000 บาท จ้างช่วงเป็นเงิน 20,000,000 บาท สถานีตำรวจขนาดกลาง ราคาเบิกจ่ายฯ คือ 14,468,000 บาท จ้างช่วงเป็นเงิน 10,000,000 บาท คณะกรรมาธิการจึงเห็นว่าน่าจะมีการทุจริตในการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) ส่งผลต่อมาตรฐานการก่อสร้างที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) ดังกล่าว
7) จากข้อเท็จจริงดังกล่าว คณะกรรมาธิการเห็นควรเสนอเรื่องต่อรัฐบาลและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
คณะกรรมาธิการจึงขอเสนอรายงานการพิจารณาศึกษากรณีโครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัย (แฟลต) และโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) พร้อมด้วยข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการตามรายงานนี้ต่อที่ประชุมวุฒิสภา เพื่อพิจารณาหากที่ประชุมได้พิจารณาและให้ความเห็นชอบแล้ว ขอได้โปรดแจ้งไปยังรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
พล.ต.ท.มาโนช ไกรวงศ์
ประธาน กมธ.การยุติธรรมและการตำรวจ วุฒิสภา
รายงานฉบับนี้เป็นการดำเนินการภายหลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากตำรวจในทุกกองบัญชาการภาคต่างๆ เข้ามาตั้งแต่ต้นปี พ.ศ.2555 คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การยุติธรรมและการตำรวจ วุฒิสภา จึงได้ตรวจสอบทั้งจากเอกสารข้อร้องเรียน รวมทั้งการลงพื้นที่ตรวจสอบ และวุฒิสภามีมติเห็นตรงกันว่า โครงการดำเนินการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) 396 แห่งทั่วประเทศ วงเงิน 6,672 ล้านบาท ส่อเค้าที่จะมีการทุจริต จากการตรวจสอบพบว่า มีความชัดเจนในการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์การประมูล จากเดิมให้มีการประมูลแบบรวมครั้งเดียวโดยส่วนกลาง แต่แยกเสนอราคาเป็นรายภาคตั้งแต่ ภาค 1-ภาค 9 เสนอในช่วง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เป็น ผบ.ตร.ในขณะนั้น มี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกฯในขณะนั้น เป็นผู้ลงนามเห็นชอบ แต่กลับมีการเปลี่ยนมาเป็นการประมูลด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์รวมเป็นครั้งเดียว ในสมัย พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทน ผบ.ตร ในขณะนั้น มีนายสุเทพเป็นผู้ลงนาม อนุมัติ โดยมี บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด เป็นผู้รับจ้างรายเดียว
นอกจากนี้ ในสัญญายังระบุให้จ่ายเงินค่าจ้างล่วงหน้า 15% แก่ผู้รับเหมาเป็นเงิน 877.2 ล้านบาท และหากทำงานไม่เสร็จตามกำหนดในสัญญาจะต้องเสียค่าปรับในอัตราวันละ 8.548 ล้านบาท จากนั้นมีการจ้างเหมาช่วงในกองบัญชาการต่างๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ว่าจ้าง จนเกิดปัญหาการก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ ผู้รับเหมามีการทิ้งงาน กมธ.จึงมติเห็นชอบตรงกันว่า โครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) 396 หลัง ส่อมีการทุจริต จากนี้จะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการนำข้อเสนอในรายงานฉบับดังกล่าวไปดำเนินการตรวจสอบหาผู้กระทำผิดต่อไป
ที่มา:มติชนออนไลน์
อ่านรายงานของคณะกรรมมาธิการยุติธรรมและการตำรวจวุฒิสภาได้ตามลิง http://library.senate.go.th/document/mSubject/Ext19/19258_0001.PDF
เพิ่มเติมร่างประกาศtorโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน)
http://www.gprocurement.go.th/06_torview_egp/view_tor.php?id=86894