.....เย็นนี้ไปเดินกาดติ๊ด (ติ๊ด มาจากคำว่าทิตย์ หมายถึงวันอาทิตย์) ได้ถั่วแปจี หรือแปยีมาถุงหนึ่ง ลิตรเล็ก เป็นแปจีออกใหม่ราคาจะสูงนิดหนึ่ง ผมขออนุญาตไม่อธิบายความยาวไปว่าแปจีหรือแปยีมีความเป็นมาอย่างไร ถ้าสนใจลองเข้าดูที่พี่กู ผมเห็นพอมีบ้างนิดหน่อย
......บอกได้เพียงว่ามันเป็นถั่วชนิดหนึ่ง ที่เขาเอาเมล็ดไปแช่น้ำ แล้วบีบเปลือกออกนำไปทอด โรยด้วยเกลือป่น เค็ม ๆ มัน ๆ คอเบียร์ชอบนักแล
เมล็ดแปจีสด ๆ เขาก็นิยมเอามาแกงใส่กระดูกหมูหรือหมูสามชั้น ซึ่งมันก็ให้รสชาติแบบเมือง ๆ ที่อร่อยไปอีกแบบหนึ่ง
แปจีบีบเปลือกเรียบร้อยแล้ว จะเป็นแบบนี้
แปจีลิตรเล็ก 30 ชะอม 2 มัด 10 บาท มะเขือเทศในตู้เย็น แค่นี้ก็แกงได้แล้ว 1 หม้อ
เปิดหม้อ เจอน้ำต้มกระดูกมือห้า เอาง่าย ๆ คนละครึ่งก็แล้วกัน ปู่ขี้เกียจต้มแล้ว
เตรียมเครื่องแกง น้ำพริกแกงเมือง มีแค่นี้ ทั้งปีทั้งชาติ โขลกง่าย ๆ ไม่ต้องละเอียดมากนักก็ได้
จริง ๆ แล้ว กระดูกที่มีในหม้อก็น่าจะพอเพียงแล้ว ผมซอยสามชั้นเพิ่มอีกหน่อย ให้ครบสูตร
แบ่งน้ำแกงคนละครึ่งกับมือห้า ผมเติมน้ำลงในหม้อไปอีกหน่อย เอาน้ำพริกกับหมูลงต้ม
แล้วก็เอาแปจีที่เตรียมไว้ลงต้มด้วย โปรดสังเกต น้ำพริกจัดอยู่ในขั้นหยาบเลยทีเดียว
แต่งานนี้ต้มน้ำแกงนานมาก ต้มจนถั่วเปื่อย เพราะถ้าไม่ต้มนาน แปจี เขาจะมีกลิ่นเฉพาะตัวเขา
กินแล้วหมดอร่อยเลย นอกจากสุกเปื่อยแล้ว กลิ่นจะหายไป กลายเป็นอร่อย มัน มาแทน
พริกต้มนาน ๆ มันก็ละลายเละไปได้เหมือนกัน
เปิดไฟอ่อน ทิ้งไว้ ออกไปยืดเส้นยืดสาย รดน้ำต้นไม้ โชว์สวนดอกเล็ก ๆ ข้างถนน แบบอนาถาสักหน่อย
แล้วก็มาสำรวจตู้เย็นว่ามีอะไรที่พอจะเอาของเก่า มาทำกับข้าว ส่งไปชิงรางวัลเสี่ยประสานเขาหน่อย
ตู้ 1
ตู้ 2
เห็นแล้วมึน จะซื้อมาตุนอะไรกันนักกันหนา มาดูแกงดีกว่า เปื่อยหรือยัง ปรากฎว่าเปื่อยใช้ได้ ซอยมะเขือเทศใส่ลงไป
ชะอม ล้างน้ำเด็ดเตรียมไว้
ตามสูตร ชะอมปิดท้าย
แล้วปิดไฟ
โชว์ยั่วน้ำลายหน่อย
ชัด ๆ
ของมือห้า เอาน้ำแกงใส่หม้อ ทำไข่ดาวน้ำ ตักข้าวใส่ลงไป ครึ่งทัพพี กลายเป็น
"ข้าวต้มน้ำใส ไข่ดาวน้ำ" อิ่มปื๋อไปเรียบร้อยแล้ว
สวัสดีครับ
"แกงแปจี" แกงชื่อไม่หวือหวาแต่ว่าอร่อยแบบเมือง ๆ
......บอกได้เพียงว่ามันเป็นถั่วชนิดหนึ่ง ที่เขาเอาเมล็ดไปแช่น้ำ แล้วบีบเปลือกออกนำไปทอด โรยด้วยเกลือป่น เค็ม ๆ มัน ๆ คอเบียร์ชอบนักแล
เมล็ดแปจีสด ๆ เขาก็นิยมเอามาแกงใส่กระดูกหมูหรือหมูสามชั้น ซึ่งมันก็ให้รสชาติแบบเมือง ๆ ที่อร่อยไปอีกแบบหนึ่ง
แปจีบีบเปลือกเรียบร้อยแล้ว จะเป็นแบบนี้
แปจีลิตรเล็ก 30 ชะอม 2 มัด 10 บาท มะเขือเทศในตู้เย็น แค่นี้ก็แกงได้แล้ว 1 หม้อ
เปิดหม้อ เจอน้ำต้มกระดูกมือห้า เอาง่าย ๆ คนละครึ่งก็แล้วกัน ปู่ขี้เกียจต้มแล้ว
เตรียมเครื่องแกง น้ำพริกแกงเมือง มีแค่นี้ ทั้งปีทั้งชาติ โขลกง่าย ๆ ไม่ต้องละเอียดมากนักก็ได้
จริง ๆ แล้ว กระดูกที่มีในหม้อก็น่าจะพอเพียงแล้ว ผมซอยสามชั้นเพิ่มอีกหน่อย ให้ครบสูตร
แบ่งน้ำแกงคนละครึ่งกับมือห้า ผมเติมน้ำลงในหม้อไปอีกหน่อย เอาน้ำพริกกับหมูลงต้ม
แล้วก็เอาแปจีที่เตรียมไว้ลงต้มด้วย โปรดสังเกต น้ำพริกจัดอยู่ในขั้นหยาบเลยทีเดียว
แต่งานนี้ต้มน้ำแกงนานมาก ต้มจนถั่วเปื่อย เพราะถ้าไม่ต้มนาน แปจี เขาจะมีกลิ่นเฉพาะตัวเขา
กินแล้วหมดอร่อยเลย นอกจากสุกเปื่อยแล้ว กลิ่นจะหายไป กลายเป็นอร่อย มัน มาแทน
พริกต้มนาน ๆ มันก็ละลายเละไปได้เหมือนกัน
เปิดไฟอ่อน ทิ้งไว้ ออกไปยืดเส้นยืดสาย รดน้ำต้นไม้ โชว์สวนดอกเล็ก ๆ ข้างถนน แบบอนาถาสักหน่อย
แล้วก็มาสำรวจตู้เย็นว่ามีอะไรที่พอจะเอาของเก่า มาทำกับข้าว ส่งไปชิงรางวัลเสี่ยประสานเขาหน่อย
ตู้ 1
ตู้ 2
เห็นแล้วมึน จะซื้อมาตุนอะไรกันนักกันหนา มาดูแกงดีกว่า เปื่อยหรือยัง ปรากฎว่าเปื่อยใช้ได้ ซอยมะเขือเทศใส่ลงไป
ชะอม ล้างน้ำเด็ดเตรียมไว้
ตามสูตร ชะอมปิดท้าย
แล้วปิดไฟ
โชว์ยั่วน้ำลายหน่อย
ชัด ๆ
ของมือห้า เอาน้ำแกงใส่หม้อ ทำไข่ดาวน้ำ ตักข้าวใส่ลงไป ครึ่งทัพพี กลายเป็น
"ข้าวต้มน้ำใส ไข่ดาวน้ำ" อิ่มปื๋อไปเรียบร้อยแล้ว
สวัสดีครับ