ผมเดินทางด้วยรถไฟฟ้าทุกวัน เห็นโฆษณาคอลลาเจนผงยี่ห้อหนึ่งทุกวัน
แล้วรู้สึกปวดตับ ไต ไส้พุง เป็นอย่างมาก ในฐานะนักวิทยาศาสตร์ หรือ
อย่างน้อยก็ทำงานที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ สิ่งเหล่านี้มัน
เป็นเรื่องที่เห็นแล้วรู้สึกละเหี่ยใจ
ในโฆษณาไม่ได้พูดว่ากินผลิตภัณฑ์ของเขาเข้าไปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นหรือ
ให้ผลอย่างไรก็จริง แต่เนื้อความในโฆษณามันสื่อว่า กินแล้วสวย น่ารัก
ขาว กระจ่างใส หน้าเต่งตึงเด้ง ถึงขนาดพี่โดมต้องเดินมาทัก!
โฆษณาทางสื่อสาธารณะ เขาไม่ได้บอกว่ากินแล้วได้อะไร มีแต่ผู้บริโภคคิด
ไปเอง . . . (แต่ในหน้าเว็บกลับเป็นหนังคนละม้วน โฆษณาเกินจริงมาก)
คอลลาเจน เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง โปรตีนเมื่อถูกย่อยแล้ว สุดท้ายจะได้
เป็นกรดอะมิโน ซึ่งร่างกายเราเอาไปเป็นสารตั้งต้นในการผลิตโปรตีนรูป
แบบต่าง ๆ การกินคอนลาเจนไม่ได้หมายความว่าร่างกายเราดูดซึมคอล-
ลาเจนทั้งดุ้นนั้นเข้าไปได้ ร่างกายเราดูดซึมกรดอะมิโนเท่านั้น มิหนำซ้ำ
คอลลาเจนยังเป็นโปรตีนที่มีขนาดใหญ่ อย่าว่าแต่ในลำไส้เลย เอามาทา
ผิวเป็นครีมก็ไม่ซึมเข้าไปหรอก
คอลลาเจนบริสุทธิ์ที่สกัดมาจากหอยทะเลน้ำลึก ปลาทะเลน้ำลึก หรือจะ
เป็นเนื้อยูนิคอร์น ต่อให้เป็นสิงห์สาราสัตว์ในหิมพานต์ก็เถอะ มันก็ไม่ต่าง
อะไรไปจากคอลลาเจนหนังหมูหรอก!
อยากได้คอลลาเจนเยอะ ๆ ก็กินหนังหมูก็ได้ ถูกและได้เยอะกว่า เพียงแต่
มันไม่ได้ไง "คอลลาเจนจากหนังหมูสกัด" มันดูไม่ดีเท่า "คอลลาเจนจาก
ปลาทะเลน้ำลึก"
การตลาดล้วน ๆ
เมื่อเรามีอายุมากขึ้น กลไกการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังจะเสื่อมลง เช่น
ในผู้สูงอายุ ที่ไม่ได้มีภาวะขาดกรดอะมิโนเลย ดังนั้น การกินคอลลาเจนเข้า
ไปมาก ๆ ก็ไม่ได้ช่วยให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังมากขึ้นหรอก
เพราะสังขารมันเสื่อมแล้ว
จริง ๆ เรื่องนี้ ไม่ต้องใช้นักวิชาการ แพทย์ นักโภชนาการ หรือผู้เชี่ยวชาญ
มาบอกหรอกว่าคอลลาเจนมันคืออะไรและกินเข้าไปได้อะไร เพียงแค่ใช้ความ
รู้ระดับประถมศึกษา ที่เรียนรู้เกี่ยวกับร่างกายมาใช้ก็น่าจะคิดได้แล้วว่า เจ้า
คอลลาเจนมันเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ย่อยแล้วได้กรดอะมิโน ซึ่งไม่เหลือสภาพ
ความเป็นคอลลาเจนอีกแล้ว และก็ไม่ได้หมายความว่าร่างกายเราจะเอากรด
อะมิโนที่ได้ไปสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังเสมอไปด้วย
ขอแนบบทความเอาให้อ่านเพิ่มเติม
http://www.vcharkarn.com/varticle/42058
ขอบคุณครับ
เห็นโฆษณาคอลลาเจนลวงโลกบนรถไฟฟ้าแล้วมันปวดตับ
แล้วรู้สึกปวดตับ ไต ไส้พุง เป็นอย่างมาก ในฐานะนักวิทยาศาสตร์ หรือ
อย่างน้อยก็ทำงานที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ สิ่งเหล่านี้มัน
เป็นเรื่องที่เห็นแล้วรู้สึกละเหี่ยใจ
ในโฆษณาไม่ได้พูดว่ากินผลิตภัณฑ์ของเขาเข้าไปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นหรือ
ให้ผลอย่างไรก็จริง แต่เนื้อความในโฆษณามันสื่อว่า กินแล้วสวย น่ารัก
ขาว กระจ่างใส หน้าเต่งตึงเด้ง ถึงขนาดพี่โดมต้องเดินมาทัก!
โฆษณาทางสื่อสาธารณะ เขาไม่ได้บอกว่ากินแล้วได้อะไร มีแต่ผู้บริโภคคิด
ไปเอง . . . (แต่ในหน้าเว็บกลับเป็นหนังคนละม้วน โฆษณาเกินจริงมาก)
คอลลาเจน เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง โปรตีนเมื่อถูกย่อยแล้ว สุดท้ายจะได้
เป็นกรดอะมิโน ซึ่งร่างกายเราเอาไปเป็นสารตั้งต้นในการผลิตโปรตีนรูป
แบบต่าง ๆ การกินคอนลาเจนไม่ได้หมายความว่าร่างกายเราดูดซึมคอล-
ลาเจนทั้งดุ้นนั้นเข้าไปได้ ร่างกายเราดูดซึมกรดอะมิโนเท่านั้น มิหนำซ้ำ
คอลลาเจนยังเป็นโปรตีนที่มีขนาดใหญ่ อย่าว่าแต่ในลำไส้เลย เอามาทา
ผิวเป็นครีมก็ไม่ซึมเข้าไปหรอก
คอลลาเจนบริสุทธิ์ที่สกัดมาจากหอยทะเลน้ำลึก ปลาทะเลน้ำลึก หรือจะ
เป็นเนื้อยูนิคอร์น ต่อให้เป็นสิงห์สาราสัตว์ในหิมพานต์ก็เถอะ มันก็ไม่ต่าง
อะไรไปจากคอลลาเจนหนังหมูหรอก!
อยากได้คอลลาเจนเยอะ ๆ ก็กินหนังหมูก็ได้ ถูกและได้เยอะกว่า เพียงแต่
มันไม่ได้ไง "คอลลาเจนจากหนังหมูสกัด" มันดูไม่ดีเท่า "คอลลาเจนจาก
ปลาทะเลน้ำลึก"
การตลาดล้วน ๆ
เมื่อเรามีอายุมากขึ้น กลไกการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังจะเสื่อมลง เช่น
ในผู้สูงอายุ ที่ไม่ได้มีภาวะขาดกรดอะมิโนเลย ดังนั้น การกินคอลลาเจนเข้า
ไปมาก ๆ ก็ไม่ได้ช่วยให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังมากขึ้นหรอก
เพราะสังขารมันเสื่อมแล้ว
จริง ๆ เรื่องนี้ ไม่ต้องใช้นักวิชาการ แพทย์ นักโภชนาการ หรือผู้เชี่ยวชาญ
มาบอกหรอกว่าคอลลาเจนมันคืออะไรและกินเข้าไปได้อะไร เพียงแค่ใช้ความ
รู้ระดับประถมศึกษา ที่เรียนรู้เกี่ยวกับร่างกายมาใช้ก็น่าจะคิดได้แล้วว่า เจ้า
คอลลาเจนมันเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ย่อยแล้วได้กรดอะมิโน ซึ่งไม่เหลือสภาพ
ความเป็นคอลลาเจนอีกแล้ว และก็ไม่ได้หมายความว่าร่างกายเราจะเอากรด
อะมิโนที่ได้ไปสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังเสมอไปด้วย
ขอแนบบทความเอาให้อ่านเพิ่มเติม
http://www.vcharkarn.com/varticle/42058
ขอบคุณครับ