ธุรกิจ ตรอ. (ตรวจสภาพรถ) ดีไหมครับ

กระทู้คำถาม
มีใครเคยทำ หรือรู้จักคนที่ทำอยู่บ้าง ผมลองคำนวนดูเห็นมีรายจ่ายคงที่อยู่ไม่กี่อย่าง เช่น ค่าแรง(ประมาณ5-8คน แล้วแต่ปริมาณลูกค้าแต่ละที่) ค่าเช่า(50,000 บาท ในที่ๆทำเลค่อนข้างดี)  น้ำไฟ ค่าเสื่อมเครื่องมือ ......... รวมรายจ่ายประมาณ ไม่เกิน 150,000 แต่รายรับมากกว่าพอสมควร
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
มันไม่ใช่แค่นั้นหนะสิครับ การที่เราจะเปิดได้ ต้องได้รับความเห็นชอบจากรมขนส่งก่อน จากนั้นต้องสอบผ่านการอบรม ตรอ. อีก ไหนจะเครื่องมือต่างๆ เช่นเครื่องตรวจวัดแรงเบรค(ลูกกลิ้ง) ตัวหนึ่งก็ใช่ถูกๆ ผมเคยถามร้านที่ตรวจประจำแถวบ้าน เค้าบอกตัวหนึ่งเหยียบล้านครับ ไหนจะเครื่องวัดระดับค่าไอเสียอีกก็หลายหมื่นบาท ที่สำคัญผมเคยถามเค้าแล้ว เค้าบอกกำไรส่วนใหญ่ได้มาจากการรับทำ ประกัน+พรบ. ควบคู่กับการตรวจสภาพครับ หักค่าตรวจ ค่าเสื่อมเครื่องมือ ค่าพนักงานไป เหลือกำไรไม่กี่สิบบาทเอง

อีกอย่าง ตรวจมั่วๆสุ่มสี่สุ่มห้า ประเภทขูดเลขตัวถังอย่างเดียว แล้วไปปริ้นค่าที่เก็บไว้ของรถคันอื่นที่ลักษณะใกล้เคียงกัน ทำให้แต่ผ่านๆ ระวังเจอขนส่งยกเลิกใบประกอบการ มันจะไม่คุ้มเสียเอานะครับ แรกๆผมก็เคยโมโหที่เค้าตรวจละเอียด ทั้งเบรค ทั้งไอเสีย ทั้งไฟหน้า และอุปกรณ์ส่วนควบต่างๆ อย่างรถผมแรงเบรกหลังจับไม่เท่ากัน เค้าไล่ให้ไปแก้ไขก่อนถึงจะออกใบรับรองให้ ตอนนั้นผมโกรธมากเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ แมร่งรถกุขับอยู่ทุกวัน พอจะจับอาการได้อยู่ แหม๋ว่ามาเบรกไม่อยู่ ถ้าเบรกไม่อยู่กุคงทิ่มท้ายชาวบ้านเค้าไปนานแล้ว ก็เลยไปตรวจอีกร้านใกล้ๆกัน ที่นี่เค้าไม่ทำอะไรเลย มาถึงก็ขูดๆเลขตัวถัง ก้นยังไม่ทันจะหย่อนถึงพื้นเลย พนักงานเรียกบอกว่าเสร็จแล้ว ผมมานั่งคิดทีหลัง เสียเงิน 200 บาทเท่ากัน แต่เค้าไม่ตรวจอะไรให้เลยมันดีไหมหละ ความปลอดภัยล้วนๆเลยนะ ไม่งั้นเค้าจะให้ตรวจสภาพทำไม หลังจากนั้นให้หลังประมาณสองอาทิตย์ ผมได้มีโอกาศเข้าอู่ให้เค้าเช็คเบรกหลังให้ ตามที่ ตรอ. ร้านแรกบอกว่าแรงเบรกไม่ผ่าน ช่างถอดออกมาแล้วผงะเลย พบว่าแม่ปั้มเบรกหลังรั่วครับ เกือบงานงอกแล้วไง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่