เบื่อ(ทักษิณ)จุงเบย ...... แต่คุณอภิสิทธิ์ ไม่เบื่อนะคะ ... ไม่เชื่ออ่านดู

กระทู้สนทนา
ผ่าทางตันประเทศไทย "อภิสิทธิ์" แง้มประตูปรองดอง  ....วิเคราะห์การเมือง  ...ไทยรัฐออนไลน์

นับเป็นนักการเมืองอีกคนที่มีบทบาทโดดเด่นระดับแถวหน้า
ของเมืองไทย  

เป็นนายกรัฐมนตรีในยุควิกฤติบ้านเมือง เจอมรสุมทางการเมือง
เข้าไปหลายลูก

ปัจจุบันนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
เป็นผู้นำฝ่ายค้าน มีคดีต่างๆจ่อคอหอยอยู่ เพราะถูกกล่าวหา
สมัยเป็นผู้นำสั่งสลายการชุมนุม นปช.ปี 53

สถานการณ์การเมืองยังติดหล่มความขัดแย้ง ยังไม่เห็นแสงสว่าง
ที่ปลายอุโมงค์ มาวันนี้นายอภิสิทธิ์ได้จุดไม้ขีดไฟแห่งความคิด
เสนอผ่าทางตันประเทศไทยว่า

“ปี 2555 ก็มีคนออกมาทำนายทายทักว่าจะเกิดนั่นเกิดนี่ แต่ก็ผ่านมาได้
เบื้องต้นอยู่ที่คนมีอำนาจคือรัฐบาล ที่ผ่านมา 7–8 ปี
นายกฯทราบแล้วว่าเรื่องอะไรที่เป็นปัญหาของสังคม และเป็นเรื่องยาก
ที่จะให้เห็นด้วยทุกคน ซึ่งไม่มีผลกระทบกับคนในวงกว้าง ในมุมมอง
ของคนที่คัดค้านมีผลกระทบต่อระบบ รัฐบาลต้องตัดสินใจพักวาง
หรือเก็บไปเลยยิ่งดี เอาเวลามาทุ่มเททำงานแก้ปัญหาส่วนรวม  
ชนวนความขัดแย้งในบ้านเมืองปลดง่ายนิดเดียว รัฐบาลบอกเลยว่า
เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญการออก พ.ร.บ. นิรโทษกรรมจะทำเฉพาะ
ประเด็นที่ทุกฝ่ายเห็นสอดคล้องกันเท่านั้น เช่น เห็นด้วยที่จะนิรโทษกรรม

ผู้ที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่เกี่ยวกับคดีก่อการร้าย ฆาตกรรม ทุจริต”

รัฐธรรมนูญมาตราไหนมีปัญหาให้บอกมา พิจารณากันไป แต่
มาตรา 309 จะแก้ไขไม่ได้ อย่าเอาเรื่องผลประโยชน์บุคคล
คดีความหรือก่อให้เกิดปัญหาการลบล้างอำนาจศาลเข้ามาเกี่ยวข้อง

ถ้ารัฐบาลจะแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ พรรคประชาธิปัตย์มีจุดยืนว่า
อย่ากระทบต่อสถาบัน อย่ากระทบความเป็นอิสระของตุลาการ
และอย่ามีผลลบล้างคดีความต่างๆ ขอแค่นี้จบ

“แต่พวกคุณให้ไม่ได้ มันก็เป็นเครื่องยืนยันแสดงเจตนาว่า คุณคิดจะทำเรื่องพวกนี้
นี้คือปัญหาของความขัดแย้ง ดังนั้นการเมืองปีนี้จะดีหรือร้ายขึ้นอยู่กับทุกคน
เบื้องต้นต้องอยู่ที่รัฐบาลซึ่งเป็นฝ่ายกุมอำนาจ และที่ผ่านมา 7–8 ปี
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทราบเรื่องที่เป็นปัญหาของสังคมแล้ว
และเป็นเรื่องยากที่จะให้เห็นด้วยทุกคน ซึ่งไม่มีผลกระทบกับคนในวงกว้าง...

...ในมุมมองของคนที่คัดค้านแก้ไขรัฐธรรมนูญว่ามีผลกระทบต่อระบบ
รัฐบาลต้องตัดสินใจพักวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือเก็บไปเลยยิ่งดี
จริงๆแล้วเรื่องที่อ้างนำไปสู่ความปรองดองล้วนนำไปสู่ความขัดแย้ง
ถ้าหยุดหมดทุกอย่างจบ แล้วเอาเวลามาทุ่มเททำงานแก้ปัญหาส่วนรวม
เอาไปวางระบบของประเทศเพื่ออนาคต ทบทวนนโยบายของรัฐบาลที่มีปัญหา...

...แต่ถ้าเอาประเด็นโลดโผนเข้ามา สถานการณ์มันก็โลดโผน ผมเข้าใจว่า
ที่ประเด็นโลดโผนทั้งหลายวันนี้ มันไม่จบเพราะความต้องการของคุณทักษิณ
(พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) เป้าหมายหรือประเด็นคือมุ่งไปที่คืนเงิน
4.6 หมื่นล้านบาท”

ฝ่ายค้านชุดนี้ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลมากที่สุด ไม่เคยขัดขวางการปฏิบัติ
ภารกิจในพื้นที่ต่างๆของรัฐบาล ไม่เคยส่งเสริมยุยงให้คนทำผิดกฎหมาย  
ยืนยันว่านโยบายของรัฐบาลเสียงข้างมากก็ทำไป ฝ่ายค้านมีหน้าที่วิพากษ์
วิจารณ์นำเสนอทางเลือก วันข้างหน้า

ขึ้นอยู่กับประชาชนว่าจะเข้าใจหรือไม่

หากเป็นเช่นนี้การเมืองก็จะดี ประชาชนก็สบายใจ และหากเริ่มกำหนด
ทิศทางแข่งขันกันพัฒนาว่าประเทศเราจะเป็นอย่างไร เชื่อว่าประชาชน
ส่วนใหญ่จะดีใจมาก แต่ถ้าหากรัฐบาลไม่พักวาง ปมความขัดแย้ง
มันก็จะย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2548 ที่ผ่านมา คำถามคือยังไม่พออีกหรือ

มาวันนี้ฝ่ายค้านก้าวพ้น พ.ต.ท.ทักษิณไปแล้ว แต่รัฐบาลยังก้าวไม่พ้น
เพราะชอบเอาเรื่องปรองดอง การแก้ไขรัฐธรรมนูญขึ้นมา มันคือการก้าว
ไม่พ้น  เพราะยกเอาเรื่องส่วนตัวขึ้นมา เพื่อไปช่วยล้างคดีให้พรรคพวก
ด้วยการล้มมาตรา 309


พวกผมมีคดีอยู่ยังไม่ล้างคดีให้ตัวเองเลย คุณเสนอมาผมก็ยังไม่เอา
พวกคุณก็ทำกันบ้างสิ นักเลงหน่อย ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่

ไม่ชอบ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นการส่วนตัว ไม่เกี่ยว โดยส่วนตัวไม่มีอะไรกัน
ใครเข้ามาผมก็ว่าอย่างนี้เหมือนกัน เพราะไม่ควรที่จะมีใครอยู่เหนือกฎหมาย

ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่าถูก คตส.กลั่นแกล้ง ผมก็บอกว่าดีเอสไอกลั่นแกล้ง
ผม แต่ไปให้ศาลตัดสินสิครับ ศาลจะตัดสินตามที่คู่ความทั้งสองฝ่ายต่อสู้
เมื่อศาลตัดสินแล้วอยากให้นักการเมืองทุกคนยอมรับก็จบ ผมกับคุณสุเทพ
เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ อดีตรองนายกฯ
ดูแลฝ่ายความมั่นคง ก็บอกไปแล้วหากศาลตัดสินประหารก็ประหาร
จำคุกก็จำคุก ผมไม่หนีไปต่างประเทศ ไม่มาปลุกระดมก่อความวุ่นวาย

ดังนั้น ประเด็นต่างๆในอดีต ก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม
ถ้าทุกคนทุกฝ่ายยอมรับ กระบวนการยุติธรรมก็เดินต่อไป ผมและคุณสุเทพ
เรามองว่าเราถูกกลั่นแกล้ง สิ่งที่แจ้งข้อหาพวกเรามันไม่สมเหตุผล
ไม่ตรงตามความจริง ไม่มีข้อกฎหมายรองรับแต่ผมชินต่อลักษณะ

การใช้อำนาจนิยมเช่นนี้ เคยเห็นในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
มาแล้ว ถ้าคิดที่จะสร้างอาณาจักรแห่งความกลัว ผมว่าคิดผิด
สุดท้ายคนที่จะอยู่ไม่ได้เองคือคนที่ทำของพวกนี้ มีบทพิสูจน์มาแล้ว
และจะพิสูจน์กันให้เห็นอีกรัฐบาลจะต้องแก้ไขพฤติกรรมหลายอย่าง
อย่าปล่อยให้ลุกลามจนเกิดการเผชิญหน้า และบานปลายไปจนเกิด
การสร้างเงื่อนไขให้มีการยึดอำนาจ รัฐบาลอย่าไปสร้างเงื่อนไขให้
เขามาใช้เป็นข้ออ้างได้หรือไม่ ทั้งการทุจริต การละเมิดสถาบัน
การแทรกแซงองค์กรอิสระ การยึดอำนาจที่ผ่านมาล้วนมาจากเหตุผล
เดิมๆ 3-4 ข้อดังกล่าว

คนที่สร้างเงื่อนไขเหล่านี้ขึ้นมาก็ต้องรับผิดชอบต่อสังคม

เช่นเดียวกัน เพราะคุณเป็นคนสร้างขึ้นมา ดังนั้นถ้าไม่อยากให้มี
การยึดอำนาจ เราต้องมาช่วยกันทำในวันนี้ มันเป็นความรับผิดชอบ
ของทุกส่วนทุกฝ่าย การยึดอำนาจไม่ควรจะมีแล้ว และพวกผมก็
ไม่เคยเห็นด้วยกับการยึดอำนาจ

ที่ผมเป็นห่วงอีกเรื่องก็คือบทบาทผู้นำประเทศ

ที่ยังสลัดภาพไม่หลุดว่าเป็นตัวของตัวเองหรือไม่  เป็นตัวจริงแค่ไหน
อันนี้ไม่เป็นผลดี

และอยากให้ผู้นำเอาใจใส่เนื้อหาสาระประเด็นต่างๆมากขึ้น ไม่ใช่คนวิจารณ์
ว่าพูดผิด พูดถูกอะไร คนเราผิดพลาดกันได้ ถ้าพูดผิดโดยสะท้อนถึงความ
ไม่รู้ ก็ไม่เป็นไร เพราะผมบอกแล้วว่านายกฯไม่ใช่เทวดาที่จะต้องรู้ไปทุกเรื่อง
แต่ไม่รู้แล้วยังไม่เอาใจใส่ที่จะเรียนรู้ อันนี้น่าเป็นห่วง

รวมทั้งยุทธศาสตร์การเมืองของพรรคเพื่อ-ไทยและคนใกล้ชิดคือ
กันนายกฯออกจากเรื่องยุ่งๆยากๆ แล้วให้ไปทำเรื่องอื่นเพื่อภาพจะได้เด่น
ซึ่งก็ได้ผลทางการเมืองแต่มันส่งผลเสียหายต่อบ้านเมือง
เพราะปัญหาใหญ่ของชาติมันไม่เคยถูกยกมาสะสาง

“นายกฯ ต้องคิดแล้วจะลอยตัวอีกนานแค่ไหน ตัวท่านเองอาจจะลอยตัวไปได้
แต่สุดท้ายคนที่แบกรับผลทุกอย่างทั้งหมดก็คือพวกเราทุกคน และสุดท้ายจะ
ถึงตัวนายกฯ และรัฐบาล”

สุดท้ายก็อยากสื่อสารไปถึง  พ.ต.ท. ทักษิณด้วยว่า “ผมขอฝากอย่างเดียวว่า
ขอโอกาสให้ประเทศไทยเถอะ ผมเชื่อว่า เงินๆ ทองๆ คุณทักษิณไม่ได้
เดือดร้อนแล้ว ผมเชื่อว่าถ้าคุณทักษิณ  ยอมรับสิ่งที่ทำผิดไปยอมรับกฎหมายไทย
แล้วกลับมา สังคมไทยก็จะมีวิธีการให้อภัย

ผมบอกคุณทักษิณว่าพวกผมอยู่ในเงื่อนไขทุกอย่างที่พวกผมเรียกร้อง
ต่อคุณทักษิณ เพราะวันนี้คุณทักษิณก็เล่นงานพวกผมเต็มที่อยู่แล้ว
ผมก็ชวนมาทำให้เห็นเถอะว่าพวกเราไม่ได้คิดถึงตัวเอง แต่ต้องให้
โอกาสประเทศชาติ

พอหรือยังครับกับความวุ่นวายความสูญเสียที่เกิดขึ้นเพียง

เพราะความต้องการบางอย่างของคุณ ผมว่ามันเกินพอแล้วสำหรับคนไทย

อย่าเห็นแก่ตัว ฝากแค่นี้ แล้วถ้าคิดว่าถ้าคุณคิดได้อย่างนี้ปี 2556
คนไทยจะได้มีความสุขกันเสียที สำหรับคนที่มีเงินทองเยอะ
ผมคิดว่าในใจไม่ได้เป็นสุขหรอก

อยากเป็นสุขก็ลองทบทวนตัวเองและกลับมาคิด ยังไม่สายเกินไป”.

ทีมข่าวการเมือง

http://www.thairath.co.th/column/pol/wikroh/319859

สาวแว่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่