กลับมาเจอกันอีกครั้งกับ Spoil เนื้อเรื่อง World Embryo ประจำเดือนนี้ + สวัสดีปีใหม่ 2013 กันล่วงหน้านะครับ
ทีแรกกะจะเก็บไว้ลงช่วงปีใหม่รวดเดียวไปเลย แต่เผอิญตอนนี้เขียนเสร็จเร็วกว่าที่คิด แถมเห็นมีหลายท่านอยู่เฝ้าบอร์ดในช่วงปีใหม่นี้อีก เลยตัดสินใจรีบๆ ลงไปเลยดีกว่า จะได้พักผ่อนได้สบายๆ ไม่ต้องมีเรื่องพะวักพะวนอะไรมากมายอีก
ก็ถือเป็น Spoil ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กันละนะครับสำหรับตอนนี้ เผลอๆ จะเป็น Spoil ปีใหม่ครั้งสุดท้ายของเรื่องนี้ด้วยซ้ำ เพราะดูจากเนื้อหาของตอนแล้ว มีความเป็นไปได้สูงมากที่เรื่องนี้จะจบในปีหน้านี้เลย ด้วยเหตุนี้ จนกว่าจะถึงตอนจบที่ไม่รู้จะมาเมื่อไหร่ในปีหน้า (หรืออาจจะปีถัดไป) ผมในฐานะคน Spoil เรื่องนี้แบบบ้าเลือดมาตลอด...แม้จะขาดตกบางตอนไปบ้างเพราะเวลาว่างไม่มี...ก็ขอฝากตัวกับท่านผู้ติดตามกระทู้ Spoil เรื่องนี้กันต่อไปอีกปีนะครับ ขอให้ทุกท่านมีความสุขในปีใหม่นี้กันทุกคนนะครับ
ว่าแล้วก็ไปชมตอนใหม่กันได้เลยครับ
เปิดตอนมาต่อจากตอนที่แล้วที่ริคุกับพลพรรคผู้ใช้จิงกิทั้งหมดมารวมตัวกัน ณ สถานที่นัดพบเพื่อเผชิญหน้ากับคิวกิอามาเนะและ
"เอมบริโอ"โดยเมื่อมาถึง อามาเนะก็ขึ้นขี่หลังสุโอ คังชุดำรูปร่างคล้ายหมาป่ายักษ์พาหนะคู่ใจของตนกระโจนลงมาจากเอมบริโอด้วยท่วงท่าองอาจสง่างามดุจนางพญา ไม่นำพาต่อบรรดาเฮลิคอปเตอร์จู่โจมของกองกำลังป้องกันตนเองนับสิบลำซึ่งบินวนคุมเชิงอยู่รอบเอมบริโอเลยแม้แต่น้อย ไม่แม้แต่จะชายตามองเสียด้วยซ้ำ ราวกับฝูงเฮลิคอปเตอร์เหล่านั้นเป็นเพียงแมลงหวี่แมลงวันไต่ตอมอยู่รอบตัวเท่านั้น
กิริยานั่งพาหนะกระโจนพรวดออกมาในที่โล่งราวกับไม่เกรงกลัวต่อปืนกลอากาศยานหรือมิซไซล์ของอามาเนะทำเอาบรรดาทหารที่อยู่บนฮ.ถึงกับขบกรามกัดฟันด้วยความเดือดดาล ในใจนึกอยากจะสาดทั้งปืนกลทั้งมิซไซล์ถล่มเข้าใส่ทั้งอามาเนะทั้งเอมบริโอ้เสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่ลงเอยเมื่อนึกได้ถึงความพินาศของกองทัพต่างๆ ทั่วทั้งโลกที่หาญเข้าต่อกรกับเอมบริโอตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา นิ้วของบรรดาทหารแต่ละนายก็ได้แต่คาอยู่ที่ปุ่มสั่งยิงปืนกลกับมิซไซล์เพียงเท่านั้น ไม่มีกระสุนนัดไหนกระดิกออกจากรังเพลิงแม้แต่นัดเดียว
เมื่อไร้การต่อต้านจากกองกำลังป้องกันตนเองเช่นนี้ อามาเนะก็บังคับสุโอให้ร่อนลงอย่างช้าๆ ผ่านฝูงฮ.เหล่านั้น ก่อนจะลงจอดอย่างนิ่มนวลต่อหน้าริคุกับพลพรรคซึ่งยืนรออยู่หน้าตึกแฝดอันเป็นสถานที่นัดพบ โดยเมื่อลงจอดเสร็จ อามาเนะก็หันไปส่งรอยยิ้มนุ่มนวลเหมือนพี่สาวยิ้มให้น้องชายพร้อมถามด้วยน้ำเสียงคล้ายเป็นห่วงว่าเมื่อคืนหลับสบายดีมั้ย ริคุตอบกลับด้วยรอยยิ้มแค่นๆ ว่าพี่อามาเนะนั่นแหละได้นอนพักมั่งรึเปล่า มัวแต่ออกทัวร์รอบโลกตลอดหนึ่งอาทิตย์แบบนี้
ได้ยินเด็กหนุ่มที่ตัวเองรักเหมือนน้องแสดงกิริยาห้าวเป้งใส่แบบนั้น อามาเนะก็ยิ้มขันแล้วตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยจนน่าขนลุกว่า ตลอดช่วงเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ตัวเองออกเดินทางไปรอบโลกพร้อมเอมบริโอนั้น เธอได้เห็นการแพร่เชื้อเป็นวงกว้างในแต่ละพื้นที่อย่างชัดเจน และบอกต่ออีกว่า ตอนนี้เธอรวบรวม
"ความทรงจำ" ของผู้ที่กลายเป็นคังชุได้เป็นจำนวนถึง 40 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลกทั้งหมดแล้ว
"และวันนี้ ณ สถานที่นี้ละ ที่จะเป็นจุดจบของโลกใบนี้" เด็กสาวว่าพร้อมกับกางมือชูขึ้นไปในอากาศด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้มราวกับตกอยู่ในห้วงภวังค์
"ต่อให้ปิดหูปิดตาแค่ไหน คนที่เฝ้าสังเกตมาตลอดคงเข้าใจสินะ ว่ามนุษย์ทั้งโลกจะกลายเป็นพวกเดียวกับเรา...ณ สถานที่แห่งนี้แล้ว..."คำประกาศราวกับจะโอ้อวดของอามาเนะทำเอาซาโตมิหนึ่งในผู้ใช้จิงกิทนไม่ได้ลุกขึ้นตอบโต้ทันควัน แต่สึคิชิโระปฏิกิริยาเร็วกว่า รีบเข็นรถออกมาขวางระหว่างซาโตมิกับอามาเนะไว้พร้อมกล่าวแทรกขึ้นว่าพูดจาโอเวอร์ซะยังกับละครแบบนั้นมันต่างกับยั่วยุตรงไหนกัน อามาเนะเห็นเด็กหนุ่มท่าทางสุขุมคนหนึ่งกล้าลุกขึ้นต่อปากต่อคำกับตนดังนั้นก็นึกแปลกใจ หันไปถามสึคิชิโระว่าเขาเป็นใคร สึคิชิโระก็ประกาศชื่อเสียงเรียงนามของตนออกไป (พร้อมบอกตำแหน่งของตนเองในตอนนี้ว่าเป็น
"ผู้ควบคุมและดูแลผู้ใช้จิงกิทุกคน" ด้วย)
แนะนำตัวเสร็จ สึคิชิโระก็บอกกับอามาเนะว่า ข้อมูลเรื่องกฎกติกาของเกมในครั้งนี้ที่อามาเนะส่งมาให้นั้นตัวเขาได้แจกจ่ายให้ผู้ใช้จิงกิทุกคนอ่านกันหมดแล้วเพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมจริงๆ อามาเนะก็ตอบว่า
"ก็สาบานกันไว้ด้วย 'สัตย์สาบานในฐานะนักดาบ' แล้วนี่นา" ว่าจบก็หันไปยิ้มให้ริคุที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วถามว่า "ใช่มั้ย? ริตจัง"ได้ยินดังนั้น ริคุก็ได้แต่ยืนสบตาหญิงสาวผู้เป็นรักแรกของตนนิ่ง ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดจากปาก แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายอยู่ภายใน
...เรามีเรื่องอยากจะถามอยู่มากมาย...
...แต่ต่อให้ถามไป พี่อามาเนะก็คงไม่ตอบเราหรอก...
...คงตอบเรากลับมาแบบนี้แน่ๆ...
...ว่า "ต้องชนะชั้นให้ได้ซะก่อน ชั้นถึงจะยอมตอบคำถาม" ...
...นั่นคือสัตย์สาบานในฐานะนักดาบสินะ...คิดได้ดังนั้น ริคุก็ยกแขนซ้ายขึ้นในระดับอกพร้อมกำหมัดแน่นจนเกิดเสียงดังกึก ท่วงท่าหนักแน่นไม่ผิดอะไรกับนักดาบหรืออัศวินยามให้สัตย์สาบานต่อคู่ต่อสู้ในการดวลอาวุธถึงชีวิต
"ดี!" อามาเนะออกปากชมเมื่อได้เห็นริคุแสดงทีท่าแน่วแน่ไม่หวั่นไหว
"ถ้างั้นไปกันได้เลย!"ว่าจบ อามาเนะก็ชูมือขวาขึ้นเหนือศีรษะตรงไปยังเอมบริโอที่ลอยอยู่บนฟ้า พลันก็บังเกิดแสงสว่างวาบปกคลุมรอบกลุ่มผู้ใช้จิงกิทั้งหมดที่รวมตัวกันอยู่ ณ ที่นั้น
และเมื่อแสงสว่างนั้นดับลง ก็ไม่มีร่างของผู้ใดอยู่ ณ ตำแหน่งซึ่งเหล่าผู้ใช้จิงกิยืนอยู่เมื่อครู่อีกต่อไป
ความตะลึงพรึงเพริดบังเกิดขึ้นในหมู่หน่วยสนับสนุนของ F.L.A.G. ทันที พวกโอเปอเรเตอร์ที่อยู่ที่ฐานใหญ่ต่างพยายามค้นหาสัญญาณของผู้ใช้จิงกิทุกคนกันจ้าละหวั่น แต่ไม่ว่าจะหาเท่าไหร่ก็ไม่อาจหาเจอได้เลย
"ทุกคนหายไปไหนกันแน่!!" เสียงโอเปอเรเตอร์คนหนึ่งร้องออกมาอย่างห้ามความตกตะลึงไว้ไม่อยู่
ได้ยินดังนั้น เอนเดซึ่งใช้ความสามารถของตนองตรวจจับการเคลื่อนไหวของเอมบริโอจากกองภูเขาทีวีอยู่เช่นกันก็เอ่ยปากขึ้นว่า
"อยู่ในเอมบริโอค่ะ"
[SPOILER!!!] World Embryo ตอนที่ 82 - ยั่วเย้า
ทีแรกกะจะเก็บไว้ลงช่วงปีใหม่รวดเดียวไปเลย แต่เผอิญตอนนี้เขียนเสร็จเร็วกว่าที่คิด แถมเห็นมีหลายท่านอยู่เฝ้าบอร์ดในช่วงปีใหม่นี้อีก เลยตัดสินใจรีบๆ ลงไปเลยดีกว่า จะได้พักผ่อนได้สบายๆ ไม่ต้องมีเรื่องพะวักพะวนอะไรมากมายอีก
ก็ถือเป็น Spoil ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กันละนะครับสำหรับตอนนี้ เผลอๆ จะเป็น Spoil ปีใหม่ครั้งสุดท้ายของเรื่องนี้ด้วยซ้ำ เพราะดูจากเนื้อหาของตอนแล้ว มีความเป็นไปได้สูงมากที่เรื่องนี้จะจบในปีหน้านี้เลย ด้วยเหตุนี้ จนกว่าจะถึงตอนจบที่ไม่รู้จะมาเมื่อไหร่ในปีหน้า (หรืออาจจะปีถัดไป) ผมในฐานะคน Spoil เรื่องนี้แบบบ้าเลือดมาตลอด...แม้จะขาดตกบางตอนไปบ้างเพราะเวลาว่างไม่มี...ก็ขอฝากตัวกับท่านผู้ติดตามกระทู้ Spoil เรื่องนี้กันต่อไปอีกปีนะครับ ขอให้ทุกท่านมีความสุขในปีใหม่นี้กันทุกคนนะครับ
ว่าแล้วก็ไปชมตอนใหม่กันได้เลยครับ
เปิดตอนมาต่อจากตอนที่แล้วที่ริคุกับพลพรรคผู้ใช้จิงกิทั้งหมดมารวมตัวกัน ณ สถานที่นัดพบเพื่อเผชิญหน้ากับคิวกิอามาเนะและ "เอมบริโอ"
โดยเมื่อมาถึง อามาเนะก็ขึ้นขี่หลังสุโอ คังชุดำรูปร่างคล้ายหมาป่ายักษ์พาหนะคู่ใจของตนกระโจนลงมาจากเอมบริโอด้วยท่วงท่าองอาจสง่างามดุจนางพญา ไม่นำพาต่อบรรดาเฮลิคอปเตอร์จู่โจมของกองกำลังป้องกันตนเองนับสิบลำซึ่งบินวนคุมเชิงอยู่รอบเอมบริโอเลยแม้แต่น้อย ไม่แม้แต่จะชายตามองเสียด้วยซ้ำ ราวกับฝูงเฮลิคอปเตอร์เหล่านั้นเป็นเพียงแมลงหวี่แมลงวันไต่ตอมอยู่รอบตัวเท่านั้น
กิริยานั่งพาหนะกระโจนพรวดออกมาในที่โล่งราวกับไม่เกรงกลัวต่อปืนกลอากาศยานหรือมิซไซล์ของอามาเนะทำเอาบรรดาทหารที่อยู่บนฮ.ถึงกับขบกรามกัดฟันด้วยความเดือดดาล ในใจนึกอยากจะสาดทั้งปืนกลทั้งมิซไซล์ถล่มเข้าใส่ทั้งอามาเนะทั้งเอมบริโอ้เสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่ลงเอยเมื่อนึกได้ถึงความพินาศของกองทัพต่างๆ ทั่วทั้งโลกที่หาญเข้าต่อกรกับเอมบริโอตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา นิ้วของบรรดาทหารแต่ละนายก็ได้แต่คาอยู่ที่ปุ่มสั่งยิงปืนกลกับมิซไซล์เพียงเท่านั้น ไม่มีกระสุนนัดไหนกระดิกออกจากรังเพลิงแม้แต่นัดเดียว
เมื่อไร้การต่อต้านจากกองกำลังป้องกันตนเองเช่นนี้ อามาเนะก็บังคับสุโอให้ร่อนลงอย่างช้าๆ ผ่านฝูงฮ.เหล่านั้น ก่อนจะลงจอดอย่างนิ่มนวลต่อหน้าริคุกับพลพรรคซึ่งยืนรออยู่หน้าตึกแฝดอันเป็นสถานที่นัดพบ โดยเมื่อลงจอดเสร็จ อามาเนะก็หันไปส่งรอยยิ้มนุ่มนวลเหมือนพี่สาวยิ้มให้น้องชายพร้อมถามด้วยน้ำเสียงคล้ายเป็นห่วงว่าเมื่อคืนหลับสบายดีมั้ย ริคุตอบกลับด้วยรอยยิ้มแค่นๆ ว่าพี่อามาเนะนั่นแหละได้นอนพักมั่งรึเปล่า มัวแต่ออกทัวร์รอบโลกตลอดหนึ่งอาทิตย์แบบนี้
ได้ยินเด็กหนุ่มที่ตัวเองรักเหมือนน้องแสดงกิริยาห้าวเป้งใส่แบบนั้น อามาเนะก็ยิ้มขันแล้วตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยจนน่าขนลุกว่า ตลอดช่วงเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ตัวเองออกเดินทางไปรอบโลกพร้อมเอมบริโอนั้น เธอได้เห็นการแพร่เชื้อเป็นวงกว้างในแต่ละพื้นที่อย่างชัดเจน และบอกต่ออีกว่า ตอนนี้เธอรวบรวม "ความทรงจำ" ของผู้ที่กลายเป็นคังชุได้เป็นจำนวนถึง 40 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลกทั้งหมดแล้ว
"และวันนี้ ณ สถานที่นี้ละ ที่จะเป็นจุดจบของโลกใบนี้" เด็กสาวว่าพร้อมกับกางมือชูขึ้นไปในอากาศด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้มราวกับตกอยู่ในห้วงภวังค์ "ต่อให้ปิดหูปิดตาแค่ไหน คนที่เฝ้าสังเกตมาตลอดคงเข้าใจสินะ ว่ามนุษย์ทั้งโลกจะกลายเป็นพวกเดียวกับเรา...ณ สถานที่แห่งนี้แล้ว..."
คำประกาศราวกับจะโอ้อวดของอามาเนะทำเอาซาโตมิหนึ่งในผู้ใช้จิงกิทนไม่ได้ลุกขึ้นตอบโต้ทันควัน แต่สึคิชิโระปฏิกิริยาเร็วกว่า รีบเข็นรถออกมาขวางระหว่างซาโตมิกับอามาเนะไว้พร้อมกล่าวแทรกขึ้นว่าพูดจาโอเวอร์ซะยังกับละครแบบนั้นมันต่างกับยั่วยุตรงไหนกัน อามาเนะเห็นเด็กหนุ่มท่าทางสุขุมคนหนึ่งกล้าลุกขึ้นต่อปากต่อคำกับตนดังนั้นก็นึกแปลกใจ หันไปถามสึคิชิโระว่าเขาเป็นใคร สึคิชิโระก็ประกาศชื่อเสียงเรียงนามของตนออกไป (พร้อมบอกตำแหน่งของตนเองในตอนนี้ว่าเป็น "ผู้ควบคุมและดูแลผู้ใช้จิงกิทุกคน" ด้วย)
แนะนำตัวเสร็จ สึคิชิโระก็บอกกับอามาเนะว่า ข้อมูลเรื่องกฎกติกาของเกมในครั้งนี้ที่อามาเนะส่งมาให้นั้นตัวเขาได้แจกจ่ายให้ผู้ใช้จิงกิทุกคนอ่านกันหมดแล้วเพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมจริงๆ อามาเนะก็ตอบว่า "ก็สาบานกันไว้ด้วย 'สัตย์สาบานในฐานะนักดาบ' แล้วนี่นา" ว่าจบก็หันไปยิ้มให้ริคุที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วถามว่า "ใช่มั้ย? ริตจัง"
ได้ยินดังนั้น ริคุก็ได้แต่ยืนสบตาหญิงสาวผู้เป็นรักแรกของตนนิ่ง ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดจากปาก แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายอยู่ภายใน
...เรามีเรื่องอยากจะถามอยู่มากมาย...
...แต่ต่อให้ถามไป พี่อามาเนะก็คงไม่ตอบเราหรอก...
...คงตอบเรากลับมาแบบนี้แน่ๆ...
...ว่า "ต้องชนะชั้นให้ได้ซะก่อน ชั้นถึงจะยอมตอบคำถาม" ...
...นั่นคือสัตย์สาบานในฐานะนักดาบสินะ...
คิดได้ดังนั้น ริคุก็ยกแขนซ้ายขึ้นในระดับอกพร้อมกำหมัดแน่นจนเกิดเสียงดังกึก ท่วงท่าหนักแน่นไม่ผิดอะไรกับนักดาบหรืออัศวินยามให้สัตย์สาบานต่อคู่ต่อสู้ในการดวลอาวุธถึงชีวิต
"ดี!" อามาเนะออกปากชมเมื่อได้เห็นริคุแสดงทีท่าแน่วแน่ไม่หวั่นไหว "ถ้างั้นไปกันได้เลย!"
ว่าจบ อามาเนะก็ชูมือขวาขึ้นเหนือศีรษะตรงไปยังเอมบริโอที่ลอยอยู่บนฟ้า พลันก็บังเกิดแสงสว่างวาบปกคลุมรอบกลุ่มผู้ใช้จิงกิทั้งหมดที่รวมตัวกันอยู่ ณ ที่นั้น
และเมื่อแสงสว่างนั้นดับลง ก็ไม่มีร่างของผู้ใดอยู่ ณ ตำแหน่งซึ่งเหล่าผู้ใช้จิงกิยืนอยู่เมื่อครู่อีกต่อไป
ความตะลึงพรึงเพริดบังเกิดขึ้นในหมู่หน่วยสนับสนุนของ F.L.A.G. ทันที พวกโอเปอเรเตอร์ที่อยู่ที่ฐานใหญ่ต่างพยายามค้นหาสัญญาณของผู้ใช้จิงกิทุกคนกันจ้าละหวั่น แต่ไม่ว่าจะหาเท่าไหร่ก็ไม่อาจหาเจอได้เลย
"ทุกคนหายไปไหนกันแน่!!" เสียงโอเปอเรเตอร์คนหนึ่งร้องออกมาอย่างห้ามความตกตะลึงไว้ไม่อยู่
ได้ยินดังนั้น เอนเดซึ่งใช้ความสามารถของตนองตรวจจับการเคลื่อนไหวของเอมบริโอจากกองภูเขาทีวีอยู่เช่นกันก็เอ่ยปากขึ้นว่า
"อยู่ในเอมบริโอค่ะ"