SPOILER!!! World Embryo #88 - ตามหาฉันให้พบ...

กลับมาพบ Spoil เนื้อเรื่องแบบขี้เกียจๆ ของคนขี้เกียจๆ กันอีกเดือนนะครับ

ดูจากชื่อตอนบนหัวกระทู้คงเดากันได้แล้วแหงๆ ว่าตอนนี้จะเป็นเนื้อเรื่องของใคร เพราะงั้นตอนนี้ไม่ขออารัมภบทอะไรมาก นอกจากไปชม Spoil เนื้อหาตอนนี้กันได้เลยครับ ยิ้ม







- เปิดตอนมาต่อจากตอนที่แล้วที่ริคุกับเรน่าถอดจิตดำดิ่งลงไปในรังไหมเพื่อปลุกให้เนเน่ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง โดยมีผู้ใช้จิงกิทั้งหมดคอยคุ้มกันไม่ให้น้ำดำจากเอมบริโอเข้ามาทำอันตรายได้

- ในตอนนี้จะได้เห็นพาร์ทเสริมชิ้นใหม่ของโทโงที่ซาโกมิซึขนมาส่งให้ในตอนที่แล้วด้วย โดยพาร์ทเสริมชิ้นนี้มีชื่อว่า "บรอเดอร์" (ตั้งชื่อชั่วคราวตามตัวอักษรคาตาคานะเพราะไม่ชัวร์ว่ามาจากคำว่าอะไรกันแน่) เป็นจิงกิรูปร่างคล้ายมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่มีใบดาบติดหน้าติดหลัง (เท่สุดๆ ซิ่งฝ่าเข้าไปทีกวาดพวกน้ำดำจนราบเป็นแถบๆ ได้เลย)


มาดสุดเท่ของอาร์เชอร์โทโงหลังปลดผนึก Noble Phantasm ชิ้นใหม่จนได้เปลี่ยนคลาสเป็นไรเดอร์แทน

...กับแนวป้องกันของเหล่าผู้ใช้จิงกิ (โคลสอัพให้เห็นแต่ตัวเด่นๆ ของทีมเท่านั้นแฮะ)



- ตัดไปทางฝั่งริคุกับเรน่าที่กำลังถอดจิตให้ดำดิ่งลงไปในรังไหมอยู่ โดยระหว่างที่ดำดิ่งลงไปนั้น เรน่าก็อธิบายถึงเรื่องของคิวกิให้ริคุฟัง บอกว่าหน้าที่ของคิวกิคือการทำให้ "ร่างต้น" ที่เป็นพื้นฐานให้ตนเองเกิดมาฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้ง โดยระหว่างนั้นคิวกิจะดูดเอาความทรงจำของผู้คนมาหล่อเลี้ยงร่างกายให้เติบโต เมื่อเติบโตจนอายุเท่ากับอายุของร่างต้นตอนตาย ตัวคิวกิก็จะกลายเป็น "ร่างต้น" นั้นไปเลย (ตามที่ทาคาโอะเคยบอกกับริคุทุกอย่าง) เมื่อคิวกิกลายเป็นร่างต้นไปแล้ว บุคลิกของคิวกิก็จะถูกปิดผนึกไว้ และถูกดึงไปเก็บไว้ในมดลูกของร่างเนื้อ รวมทั้งอวัยวะต่างๆ ที่เป็นลักษณะทางกายภาพของคิวกิ (เช่น หู รยางค์ที่ปล่อยจากหู เป็นต้น) ก็จะถูกดึงไปเก็บไว้เช่นกัน เพื่อรอวันถือกำเนิดใหม่ในฐานะ "รังไหม" อีกครั้งเมื่อช่วงชีวิตในฐานะมนุษย์ของร่างต้นจบลง

*หมายเหตุ - เรียกง่ายๆ คือวงจรชีวิตของคิวกิจะเริ่มจากเป็นรังไหมก่อน จากนั้นถือกำเนิดโดยใช้ศพของร่างต้นเป็นแบบ รวบรวมความทรงจำเพื่อให้เติบโตถึงวัยเดียวกับร่างต้นตอนตาย เมื่อโตถึงวัยเดียวกับร่างต้น บุคลิกของคิวกิรวมถึงลักษณะทางกายภาพที่แสดงความเป็นคิวกิอย่างหูหรือรยางค์ก็จะหายไปโดยถูกผนึกไว้ในมดลูกของร่างต้น จากนั้นบุคลิกของร่างต้นก็จะเข้าแทนที่บุคลิกของคิวกิและกลายเป็นร่างต้นไปโดยสมบูรณ์ (แต่ยังสามารถใช้พลังและความสามารถของคิวกิได้อยู่) ใช้ชีวิตต่อไปเรื่อยๆ จนเมื่อถึงอายุขัยก็จะให้กำเนิดรังไหมออกมาจากมดลูก และกลายเป็นรังไหมอีกครั้ง

นี่เองคือสาเหตุว่าทำไมตลอดมาอามาเนะถึงไม่มีลักษณะทางกายภาพของคิวกิอยู่เลย ทั้งๆ ที่เป็นคิวกิมาแต่เกิด นั่นก็เพราะอามาเนะนั้นตายตั้งแต่ยังเป็นทารกและถูกใครบางคนใช้รังไหมชุบชีวิตขึ้นมา ดังนั้นเมื่อคืนชีพขึ้นมาในฐานะคิวกิ จึงใช้เวลาไม่นานในการเติบโตจนทันช่วงอายุที่ร่างต้นตาย ทำให้อามาเนะเติบโตมาโดยไม่มีลักษณะทางกายภาพของคิวกิอยู่เลย (แต่ยังมีพลังของคิวกิหลงเหลืออยู่ในร่าง)

โดยบุคลิกของคิวกิในร่างของอามาเนะก็คือ "เนเน่" ที่นักอ่านรู้จักกันดีนั่นเอง


- หลังจากนี้ก็จะตัดฉากเข้าสู่เรื่องราวใน "ความทรงจำ" ของอามาเนะซึ่งหลงเหลืออยู่ในรังไหม โดยเริ่มตั้งแต่เมื่อ 8 ปีก่อนตอนที่เอมบริโอตื่นขึ้นที่เกาะฮัตสึมิ จนถึง "เหตุการณ์ไฟไหม้โรงพยาบาลคาซามะเมื่อ 2 ปีก่อน"

- โดยเมื่อ 8 ปีก่อนในวันที่เอมบริโอตื่นขึ้นนั้น ผลจากการตื่นของเอมบริโอและการต่อสู้กันของคิวกิสองตน (จูริกับเอนเด) ที่เกาะฮัตสึมิได้ส่งผลกระทบถึงอามาเนะที่อยู่ไกลถึงโตเกียวด้วย ทำให้อามาเนะมีไข้สูงจนต้องนอนซมอยู่กับบ้าน

- และเมื่อฟื้นจากอาการไข้ ภาพที่อามาเนะมองเห็นก็คือ เอมบริโอที่ลอยอยู่สูงลิบเหนือหมู่เมฆ กับเคจขนาดมหึมาที่กางออกปกคลุมท้องฟ้า ซึ่งคนที่มองเห็นเอมบริโอและเคจบนท้องฟ้าก็มีเพียงแต่อามาเนะเท่านั้น (คนอื่นนอกเหนือจากนั้นไม่มีใครมองเห็นแม้แต่พวกผู้ใช้จิงกิเองก็ตาม)

- นับจากวันนั้น ชีวิตของอามาเนะก็กลายเป็นนรกอย่างแท้จริง เด็กสาวค่อยๆ ได้ความทรงจำต่างๆ ทั้งข้อมูลเกี่ยวกับของคิวกิ รวมถึงข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับเอมบริโอกลับคืนมาทีละน้อย และรู้ได้ทันทีว่าเอมบริโอคือสิ่งที่จะทำให้โลกทั้งใบต้องพบกับหายนะ ทว่า อามาเนะกลับไม่อาจบอกความจริงเรื่องนี้กับใครหรือหันหน้าไปปรึกษาใครได้ เพราะคนที่มองเห็นและรับรู้ถึงการมีอยู่ของเอมบริโอในตอนนั้นมีเพียงอามาเนะเพียงคนเดียวเท่านั้น อามาเนะจึงได้แต่แกล้งใส่หน้ากากใช้ชีวิตเหมือนปกติธรรมดา ยิ้มร่าเล่นหัวกับเพื่อนๆ กับครอบครัวไปวันๆ ขณะที่ในใจเก็บกักความหวาดกลัว ว้าเหว และความทุกข์ระทมจากการรับรู้ในสิ่งที่คนอื่นไม่รับรู้อยู่คนเดียว ไม่อาจหาเพื่อนช่วยเยียวยาจิตใจได้


อามาเนะกับชีวิตที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว



- แต่แล้ววันหนึ่งขณะอยู่ชั้นมัธยมต้น อามาเนะซึ่งตอนนั้นได้รู้จักกับหมอคาซามะ ฮารุกิพี่ชายของโทโงแล้ว ได้พบกับคนไข้ลอสต์รีบาวด์ซึ่งรักษาตัวอยู่ในแผนกจิตเวชของโรงพยาบาลคาซามะ และได้ใช้พลังของตนบรรเทาอาการให้คนไข้คนนั้นโดยบังเอิญ ผอ.ฮารุกิมาเห็นเข้าจึงขอร้องให้อามาเนะร่วมมือในการวิจัยเกี่ยวกับการรักษาอาการลอสต์รีบาวด์ของโรงพยาบาลที โดยรับปากว่าจะปิดบังเรื่องพลังของอามาเนะให้ อามาเนะที่ตอนนั้นสิ้นหวังท้อแท้กับการอยู่คนเดียวไม่มีใครเข้าใจอยู่แล้ว จึงตกปากรับคำไปอย่างง่ายดาย

- นับจากวันนั้น อามาเนะก็มาช่วยงานต่างๆ ในศูนย์วิจัยอาการลอสต์รีบาวด์อยู่เป็นประจำ ทั้งช่วยทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้ ทั้งดูแลผู้ป่วยที่อาการเบา ทั้งใช้พลังบรรเทาอาการของผู้ป่วยที่อาการหนัก ทั้งช่วยทดลองวิจัยหาทางรักษาอาการลอสต์รีบาวด์ การได้รู้ว่าตนเองไม่ได้อยู่ลำพังคนเดียวและการมีใครสักคนต้องการพลังของตน ทำให้จิตใจที่ค่อยๆ ตายอย่างช้าๆ เพราะความเหงาและความหวาดกลัวของอามาเนะเริ่มฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง (ในเรื่องจะมีบอกไว้เลยว่าความสัมพันธ์ระหว่างอามาเนะกับผอ.ฮารุกินั้นจะคล้ายกับความสัมพันธ์ระหว่างเรน่ากับริคุ และความสัมพันธ์ระหว่างคาราซาว่ากับทาคาโอะ คือเป็นลักษณะ "ผู้สมรู้ร่วมคิด" กัน)




- ทว่า การวิจัยหาทางรักษากลับไม่คืบหน้าไปถึงไหน แม้จะได้อามาเนะมาช่วยเหลือแล้วก็ตาม มิหนำซ้ำ จำนวนผู้ป่วยยังกลับเพิ่มขึ้นทุกวันๆ โดยที่ไม่อาจหาตัว "แหล่งแพร่" ที่คอยแพร่เชื้อคังชุได้ สถานการณ์ที่เลวร้ายลงทุกขณะส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของผอ.ฮารุกิอย่างหนัก และทำให้ผอ.เริ่มระแวงสงสัยขึ้นมาว่า "อามาเนะคือตัวจริงของแหล่งแพร่หรือเปล่า?" เนื่องจากอำนาจในการบรรเทาอาการลอสต์รีบาวด์ของอามาเนะ จนยากจะเชื่อว่าอามาเนะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องทั้งหมดนี้

- ขณะที่สถานการณ์ทุกด้านเริ่มจะเลวร้ายขึ้นนั้นเอง ชิซึคุอาจารย์ของเรน่าก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าอามาเนะในวันหนึ่ง ชิซึคุแนะนำตัวเองว่าเป็น "อดีตเจ้าบ้านอาริสึงาว่า หนึ่งในตระกูลสามเสาหลักแห่งเกาะฮัตสึมิ" และบอกว่ามีเรื่องอยากจะคุยกับอามาเนะ ทีแรกอามาเนะไม่ยอมคุยด้วยเพราะจำได้ว่าชิซึคุเป็นคนท่าทางน่าสงสัยที่เข้ามาป้วนเปี้ยนถามซอกแซกกับชิซึรุพี่สาวของตนอยู่บ่อยๆ แต่เมื่อถูกชิซึคุถามว่า "มองเห็นรังไหมขนาดยักษ์ลอยอยู่บนท้องฟ้าหรือเปล่า?" อามาเนะก็ชะงักไป

- ชิซึคุบอกต่อว่า พวกผู้ใช้จิงกิอย่างตัวเธอมองไม่เห็นรังไหมยักษ์...หรือที่จริงก็คือ "เอมบริโอ" (โลงศพ)...ก็จริง แต่หากปล่อยไว้ก็อาจเกิดอันตรายใหญ่หลวงตามมาได้ ดังนั้นชิซึคุจึงอยากรู้ว่าอามาเนะนั้นมองเห็นรังไหมขนาดยักษ์ที่ว่าหรือเปล่า (ตรงนี้ผมคาดว่าชิซึคุคงถามเพราะอยากรู้ว่าตอนนี้เอมบริโอปรากฏออกมาแล้วหรือยัง จะได้รีบแจ้งให้ทาง F.L.A.G. รับทราบเพื่อหาทางรับมือก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลายใหญ่โตนั่นแหละ)

- แต่อามาเนะเห็นชิซึคุเป็นแค่ใครที่ไหนไม่รู้จู่ๆ ก็โผล่มาพูดอะไรไม่รู้เรื่อง แถมยังถามแต่อะไรแปลกๆ ก็เลยโกหกไปว่า "ไม่เห็นค่ะ"

- ได้ยินอามาเนะตอบแบบนั้น ชิซึคุก็ทำท่าเหมือนไม่ติดใจสงสัยอะไรอีก และอวยพรให้อามาเนะมีความสุข พร้อมบอกว่าถ้ามีปัญหาไม่สบายใจอะไรเกี่ยวกับ "ร่างกายของตัวเอง" ก็มาคุยด้วยได้ ยินดีให้คำปรึกษาเสมอ ก่อนจะจากไปพร้อมทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้อามาเนะ ด้วยการมอบ "ฟิล์มเอ็กซเรย์ภายในมดลูกของอามาเนะที่มีบางอย่างคล้ายรังไหมก่อตัวอยู่" ไว้ให้พร้อมกับคำเตือนว่า "อย่าไว้ใจผอ.ฮารุกิมากนักจะดีกว่า"

- อามาเนะถึงกับช็อคที่ได้เห็นแผ่นฟิล์มนั้น เพราะรู้ว่าฟิล์มเอ็กซเรย์แผ่นนั้นผอ.ฮารุกิเป็นคนถ่ายเองกับมือ แต่ตอนนั้นผอ.กลับบอกว่าผลการเอ็กซเรย์ "ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ" แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายก็ปิดบังความลับบางอย่างจากตัวอามาเนะทั้งๆ ที่ปากบอกว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกันรู้ความลับระหว่างกันแท้ๆ

- เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้อามาเนะสับสน ไม่รู้ว่าควรจะเชื่อใจใครหรือไว้ใจใครอีกต่อไป (ถ้าจำได้ จะมีฉากหนึ่งในเล่ม 4 ที่อามาเนะตกบันไดทำกระเป๋าหล่น พอริคุทำท่าจะไปเก็บให้ ก็ตกใจลนลานคว้ากระเป๋ามากอดไว้กับตัว ซึ่งในเรื่องทิ้งให้คนอ่านคาดเดาเอาเองว่าสาเหตุเป็นเพราะในกระเป๋านั้นมีฟิล์มเอ็กซเรย์มดลูกของอามาเนะที่อามาเนะไม่อยากให้ใครเห็นอยู่ จึงได้ออกท่าทางลนลานผิดปกติตอนที่ริคุจะเดินเข้าไปหยิบกระเป๋า เป็นฉากหนึ่งที่แสดงถึงอาการหวาดระแวงไม่เชื่อใจใครของอามาเนะในตอนนั้นได้ชัดเจนมาก)

- แต่สุดท้าย ด้วยลูกฮึดจากคำสารภาพรักของริคุในวันนั้น (เหตุการณ์ในเล่ม 4) อามาเนะก็ตัดสินใจเลิกหนีความจริงและเป็นฝ่ายลุกขึ้นสู้บ้าง

- ดังนั้นในคืนนั้น (คืนที่โรงพยาบาลคาซามะไฟไหม้ และอามาเนะหายสาบสูญไป) อามาเนะจึงตัดสินใจไปเผชิญหน้ากับผอ.ฮารุกิตรงๆ แล้วถามถึงสาเหตุที่ปิดบังไม่ยอมบอกผลเอ็กซเรย์ ผอ.ฮารุกิถึงกับตาเหลือกเพราะไม่คิดว่าอามาเนะจะรู้ความจริงแล้ว แถมยังมีหลักฐานเป็นฟิล์มเอ็กซเรย์ที่ตัวเองเป็นคนถ่ายกับมือมาให้ดูคาตาอีก

- เห็นดังนั้น ผอ.ฮารุกิจึงยอมสารภาพแต่โดยดีว่าตัวเขานั้นแอบสืบประวัติของอามาเนะอย่างลับๆ มานานแล้ว เพราะสงสัยถึงความสามารถที่แปลกประหลาดไม่เหมือนกับผู้ใช้จิงกิของอามาเนะ จนได้รู้ว่าอามาเนะนั้นไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของครอบครัวซาซาโมริ รู้ถึงขั้นว่าอามาเนะเป็นเด็กที่รอดตายมาจากอุบัติเหตุรถชนกันจนไฟลุกท่วมถนน ซึ่งเด็กทารกธรรมดาๆ คนหนึ่งไม่น่าจะรอดมาได้เลย

- ผลจากการสืบสวนทั้งหมด ทำให้ผอ.ฮารุกิระแวงว่า "อามาเนะคือแหล่งแพร่ตัวจริงหรือเปล่า?" ขึ้นมา (อ่านถึงตรงนี้แว่บแรก ผมนึกในใจเลยว่า "ถ้าน้องเค้าเป็นแหล่งแพร่ตัวจริงนะครับ ป่านนี้คุณหมอได้เป็น 'ศพเดินได้' ในคอนโทรลของน้องเค้าแบบพวกร่างเปล่าในคอนโทรลของคาราซาว่าไปตั้งแต่คิดหาทางสืบประวัติของน้องเค้าแล้ว ไม่ได้มานั่งแจงสี่เบี้ยต่อหน้าน้องเค้าอย่างตอนนี้ร้อก")

- เห็นอีกฝ่ายระแวงตนไปถึงขั้นนั้น อามาเนะก็ลุกขึ้นทำท่าจะโต้แย้ง แต่ยังไม่ทันพูดอะไรก็วูบล้มไปเสียก่อน เพราะผอ.ฮารุกิแอบใส่ยานอนหลับปริมาณมากไว้ในชาที่ให้ดื่ม แถมยังติดตั้งแจมเมอร์พ็อดถึงสองเครื่องไว้ข้างๆ โซฟาที่อามาเนะนั่งเพื่อให้อามาเนะใช้พลังไม่ได้อีก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่