[SPOILER!!!] World Embryo ตอนที่ 83 - บนบ่าของผู้เล่นเกม

กระทู้สนทนา
กลับมาเจอกันอีกครั้งกับ Spoil เนื้อเรื่อง World Embryo ประจำเดือนนี้นะครับ

อนึ่ง เนื่องจากตอนนี้เป็นตอนที่ตัดไปตัดมาระหว่างฉากอดีต ฉากภาพในความทรงจำ กับฉากปัจจุบันอยู่เยอะพอควร ดังนั้นผมจะใช้วิธีเขียนไล่ตามไทม์ไลน์ที่เกิดขึ้นไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้ลำบากเวลาทำความเข้าใจนะครับ

ว่าแล้วก็ไปชม Spoil เนื้อหาตอนนี้กันได้เลยครับ






เปิดตอนมาต่อจากตอนที่แล้วที่โจ คลาร่า กับโทโงเปิดประตูผลุงเข้าไปเตรียมฉะกับศัตรู แต่ดันผ่าเจอกับคนที่คาดไม่ถึงอย่างตาของตัวเองกับโจผู้เป็นพี่ชายสมัยยังเด็กอยู่ข้างในแทนที่จะเป็นคังชุที่คิวกิอามาเนะวางไว้เป็นตัวหมาก

ฉากตัดไปทางฝั่งคลาร่าที่โดนกับดักของอามาเนะเข้าไปเต็มๆ จนโดนดึงเข้าไปในภาพความทรงจำของตนเองตอนยังเด็กสมัยยังใช้ชีวิตอยู่กับตาและโจผู้เป็นพี่ชายแค่สามคน (หมายเหตุ - จากตอนที่แล้วผมบอกไปว่าคุณตาคนนี้เป็นปู่ของโจกับคลาร่า แต่หลังจากอ่านเนื้อหาแล้ว ผมขอแก้ใหม่เป็น "ตา" ตั้งแต่ตอนนี้ไปครับ) ภาพที่เห็นตรงหน้า กระตุ้นเด็กสาวให้นึกย้อนไปถึงความทรงจำในวัยเด็กอันแสนยาวไกลในทันที

จำได้ว่าหลังจากมารดาของเธอเสียชีวิตไปเมื่อตอนที่เธออายุได้แค่ 4 ขวบ เธอกับพี่ชายซึ่งไม่มีญาติโยมที่ไหนอีกนอกจากญาติฝั่งแม่ก็ถูกนำตัวข้ามน้ำข้ามทะเลไปพบกับผู้เป็นตาซึ่งตนไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนในชีวิต ภาพชายชราท่าทางเคร่งขรึมเหมือนรูปปั้นนักรบดูดุดัน แถมยังล้อมกรอบด้วยกลุ่มชายชุดดำท่าทางเคร่งขรึมหลายสิบคนทำเอาทั้งโจที่ยังเป็นเด็กชายวัยละอ่อนในตอนนั้นถึงกับเครียดจนตัวเกร็งไม่กล้าพูดคุยด้วยด้วยรู้สึกเหมือนตนเองอยู่กันคนละโลก

คลาร่าเป็นคนแรกที่เอ่ยปากขึ้นท่ามกลางความเงียบอันน่าอึดอัดนั้น เธอถามออกไปว่าคุณตาเป็นคนเข้มงวดน่ากลัวหรือเปล่าคะ ทำเอาโจถึงกับสะดุ้งโหยงเพราะกลัวว่าผู้เป็นตาจะไม่พอใจ

คำถามซื่อๆ ไม่มีจริตมารยาของเด็กหญิงจุดรอยยิ้มขันที่มุมปากของชายชราในทันใด ใบหน้าเครียดเกร็งเหมือนรูปปั้นหินคลายลง พร้อมกับเอ่ยปากตอบออกไปว่าที่คลาร่าถามมานั้นจริงเลยทีเดียว

"เพราะถ้าไม่เข้มงวด ก็คงสร้างบริษัทให้ใหญ่โตหรือว่าจ้างคนมากมายขนาดนี้ไม่ไหวแน่ กระทั่งไปดูใจลูกสาวที่แต่งงานไปอยู่ที่ประเทศห่างไกลก็ยังทำไม่ได้...ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ"

พูดถึงตรงนี้ แววตาของชายชราก็หมองลงวูบหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปหาโจกับคลาร่า แล้วค้อมตัวลงโอบกอดทั้งสองคนไว้แน่น

"ทั้งอย่างนั้น เด็กคนนั้นก็ยังยินดีฝากฝังพวกหลานทั้งสองไว้กับตาโง่ๆ คนนี้" ชายชราเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงที่ฟังออกชัดเจนว่าพยายามข่มให้เรียบอย่างที่สุด "ยินดีต้อนรับสู่คิริชิม่าแฟมิลี่นะ"





หลังจากนั้น โจกับคลาร่าก็ใช้ชีวิตอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ของผู้เป็นตาโดยตลอด แม้จะไม่ค่อยมีเวลาให้มากนักเพราะเป็นถึงประธานบริษัทใหญ่มีภาระรับผิดชอบมากมาย แต่ตาก็เลี้ยงดูสองพี่น้องเป็นอย่างดีไม่ให้มีอะไรขาดตกบกพร่องแม้แต่อย่างเดียว มิหนำซ้ำยังมักเจียดเวลาว่างซึ่งมีอยู่น้อยนิดของตัวเองมาอยู่กับหลานทั้งสองเป็นประจำ ซึ่งสำหรับโจกับคลาร่าแล้ว ชีวิตในครอบครัวคิริชิม่าเรียกได้ว่าเป็นชีวิตที่แสนจะมีความสุขและร่มเย็นเป็นที่สุด เป็นช่วงเวลาที่ไม่มีสิ่งใดต้องหวาดกลัวหรือกังวลใจแม้แต่นิดเดียว

ทว่าไม่ช้า วิมานอันแสนสุขของสองพี่น้องก็ถึงคราวพังทลาย เมื่อคุณตาสุดที่รักต้องมาเสียชีวิตไปอีกคนหลังจากรับสองพี่น้องไปเลี้ยงได้เพียงไม่กี่ปี โดยก่อนจะตายนั้น คุณตาของทั้งสองได้เขียนพินัยกรรมไว้อย่างชัดเจนว่าจะยกทรัพย์สินของตนเองรวมถึงบริษัทให้โจกับคลาร่าทั้งหมด และฝากฝังให้อัลเบิร์ต ลูกชายของตนเองและเป็นน้าของโจกับคลาร่าช่วยจัดการดูแลทั้งคู่จนกว่าจะบรรลุนิติภาวะมีสิทธิ์ในการใช้ทรัพย์สินทั้งหมดด้วย ซึ่งอัลเบิร์ตก็รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะดูแลสองพี่น้องเป็นอย่างดีเหมือนอย่างที่คุณตาของทั้งคู่ดูแล

นั่นเป็นวันสุดท้ายที่โจกับคลาร่าได้มีโอกาสใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ก่อนที่ทุกอย่างจะหลุดลอยหายไปราวถูกกระชากไปจากมือ และผลักทั้งเธอและพี่ชายเข้าสู่วังวนแห่งการต่อสู้อันไร้ที่สิ้นสุดจวบจนปัจจุบัน


-----------------------------------------------------------------------------


ฉากตัดกลับมายังห้องเล่นเกมที่ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายคืออามาเนะกับสึคิชิโระนั่งเผชิญหน้ากันอยู่ สึคิชิโระเห็นภาพพวกโทโงเผชิญหน้ากับคนสำคัญของตัวเองแทนที่จะสู้กับศัตรูดังนั้นก็ออกอาการตะลึง ตบโต๊ะโครมแล้วตะโกนถามว่านี่มันบ้าอะไร ฝ่ายอามาเนะเอาตัวอะไรมาให้ผู้ใช้จิงกิสู้ด้วยกันแน่

"ก็คังชุยังไงล่ะ" อามาเนะตอบกลับด้วยน้ำเสียงแย้มยิ้ม แต่ดวงตาฉายแววเยาะเย้ยอย่างชัดเจน "จู่โจมด้วยการปิดกั้นความคิดของเป้าหมายไม่ให้รับรู้ตัวตนของตัวเองได้ แล้วทำการดึงความทรงจำแบบย้อนกลับ ทำให้แทนที่จะถูกดึงความทรงจำมา กลับเห็นภาพความทรงจำที่ตัวผู้ถูกดึงอยากเห็นมากที่สุดแทน ก็แค่ปฏิกิริยาตอบสนองง่ายๆ ที่จะทำงานเมื่อสัมผัสกับเคจของฝ่ายตรงข้ามโดยตรง"

คำอธิบายของอามาเนะทำเอาสึคิชิโระถึงกับหน้าซีดเผือด ด้วยเพิ่งเข้าใจในบัดนี้เองว่าทำไมอามาเนะถึงต้องออกกฎให้ผู้ใช้จิงกิที่ยังมีชีวิตอยู่ทุกคนต้องเข้าร่วมด้วย และทำไมถึงต้องออกกฎให้ผู้ใช้จิงกิทุกคนเคงเซย์ก่อนถึงค่อยเริ่มเกมกัน เพราะสำหรับผู้ใช้จิงกิแล้ว การเคงเซย์คือการเปิดใช้เคจอันเป็นความสามารถหลักโดยอัตโนมัติ เท่ากับว่าหากเคงเซย์แล้วเข้าไปอยู่ในรัศมีรับรู้ด้วยเคจของเจ้าคังชุนี้เมื่อไหร่ ก็เท่ากับโดนความสามารถย้อนทวนความทรงจำของคังชุเล่นงานในทันทีไม่มีโอกาสตอบโต้อะไรได้แม้แต่นิดเดียว

อามาเนะเห็นสีหน้าของสึคิชิโระดังนั้นก็ยิ่งยิ้มกว้างขึ้นไปอีก แล้วแกล้งเอ่ยปากยั่วต่อว่า

"ความทรงจำอันแสนสำคัญที่ยากจะถอยหนี...แบบนี้จะมีซักกี่คนที่กลับมาได้ด้วยกำลังของตนเองกันนะ"

สึคิชิโระได้แต่นิ่งอึ้งอย่างตะลึงลาน พูดอะไรไม่ออก ไม่มีปัญญาพูดอะไรออกต่อแผนการอันเหนือชั้นที่อีกฝ่ายวางล่อไว้ตั้งแต่ขั้นกำหนดกติกาก่อนจะเริ่มเกมเสียอีกนี้ ได้แต่เบิกตามองภาพเพื่อนพ้องทั้งหน่วยหลัก หน่วยย่อย ตลอดจนเหล่าหน่วยลงทะเบียนสำรองตกลงสู่วังวนความทรงจำอันแสนหวานของตนไปทีละคนๆ

โดยไม่ทันสังเกตแม้แต่น้อย ถึงกิริยาขบริมฝีปากราวกับกำลังเจ็บปวดยามเมื่อมองไปยังจอภาพจอหนึ่งบนผนังเบื้องหลังของตนเอง

ภาพของโทโงที่กำลังยิ้มแย้มร่าเริงพูดคุยกับพี่ชายที่ไม่มีตัวตน มีแต่เพียงความทรงจำที่ถูกบังคับให้มองเห็นเท่านั้น

เป็นกิริยาเจ็บปวดเพียงเล็กน้อยที่หากไม่ทันสังเกตจริงๆ คงไม่มีผู้ใดมองออกเป็นแน่

"โทโงคุง..." เด็กสาวผู้มีอำนาจเหนือคังชุทั้งปวงพึมพำในใจ "ตลอดมาเธอยังคงคิดถึงเรื่องของคุณฮารุกิตลอดมาเลยสินะ..."



ภาพที่ผู้ใช้จิงกิทุกคนมองเห็น




ส่วนนี่คือภาพที่เกิดขึ้นในความเป็นจริง เม่านอนไม่หลับ





ฉากตัดอีกครั้ง ไปทางฝั่งริคุซึ่งยังคงปลอดภัยไร้กังวลเพราะยังไม่ชนกับศัตรูตรงๆ ได้แต่ยืนอืดรอคำสั่งเปิดประตูเดินหน้าจากสึคิชิโระต่อไปเท่านั้น

ทว่าระหว่างที่ยืนรออยู่เฉยๆ นั้นเอง ริคุก็สัมผัสได้ ว่าแก่นจิงกิของนานามิในมือซ้ายของตนกลับอ่อนแสงลงกว่าเดิมจนผิดปกติ

โดยไม่ทันสังเกตแม้แต่น้อย ถึงเส้นใยแสงบางอย่างที่เกิดจากแก่นจิงกินับไม่ถ้วนกำลังก่อตัวอยู่เหนือศีรษะตนเอง และคอยฉวยโอกาสที่ริคุเผลอ ดูดเอา "สะเก็ดแสง" ออกไปจากแก่นจิงกิในมือซ้ายทีละน้อย แต่นิ่มนวลชนิดที่ว่าถ้าหากไม่คอยจับตาดูไว้ตลอดละก็คงไม่มีทางสังเกตเห็นเลย


---------------------------------------------------------------------------------


ฉากตัดอีกครั้ง กลับไปยังฝั่งอามาเนะกับสึคิชิโระที่ห้องเล่นเกม

"มาแล้ว...!" อามาเนะร้องตะโกนในใจเมื่อสัมผัสได้ถึงสะเก็ดแสงเล็กๆ จากแก่นจิงกิของริคุถูกดูดเข้าไปในเส้นใยแสงจากแก่นจิงกิที่ตนเองเก็บรวบรวมอยู่ เด็กสาวเก็บซ่อนกิริยาลิงโลดที่แผนการสำเร็จไว้อย่างแนบเนียน ขณะจ้องหน้าสึคิชิโระผู้ตีหน้าเครียดอยู่อีกฟากอย่างเงียบงัน

ฝ่ายสึคิชิโระเองก็เริ่มกลับมาเยือกเย็นอีกครั้งหลังจากเจอแผนการอันเหลือเชื่อของอามาเนะแบบไม่ทันตั้งตัวจนมึนงงไปพักใหญ่ๆ เด็กหนุ่มค่อยๆ ประมวลเหตุการณ์รวมถึงปัจจัยทั้งหลายที่เกิดขึ้นตั้งแต่ขั้นตอนตั้งกติกาเล่นเกมจนมาถึงเหตุการณ์เหลือเชื่อระหว่างเล่นซึ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ เมื่อครู่นี้ คิดทบทวนตลบไปมาในสมองอย่างละเอียดถึงความเชื่อมโยงต่างๆ ที่น่าจะเกี่ยวข้องกันอย่างสุดความสามารถ

...ทำไมหล่อนถึงเลือกใช้วิธียุ่งยากอย่างการหยุดผู้ใช้จิงกิไว้แทนที่จะใช้คาโมงาริ (คังชุดำ) ฆ่าพวกเขาไปเลย...?

...ทั้งที่วิธีนั้นเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการเผชิญหน้ากับพวกเราแท้ๆ...

...แล้วทำไมหล่อนจึงต้องใช้วิธีอ้อมค้อมแบบนี้ด้วย...


แล้วทันใดนั้น ก็มีบางอย่างวาบเข้ามาในสมองที่กำลังขบคิดอย่างสุดความสามารถของสึคิชิโระ

บางอย่างที่เห็นอยู่ชัดๆ ตั้งแต่แรก แต่ความคิดอันซับซ้อนอย่างคนทำหน้าที่ผู้บัญชาการและเสนาธิการอย่างเขากลับคิดซับคิดซ้อนเกินไปจนมองไม่เห็น

"สถานการณ์ที่ต่างฝ่ายต่างหยุดนิ่งทำอะไรไม่ได้ในตอนนี้ต่างหาก...คือสิ่งที่หล่อนต้องการ" เด็กหนุ่มร่ำร้องในใจ "เป็นแค่ละครตบตาเท่านั้น...ไม่มีความหมายอะไรกับเกมนี้เลย!!"

ทว่า เพิ่งจะมองเห็นคำตอบออกได้ไม่ทันไร อามาเนะ...ผู้มองออกเช่นกันว่าสึคิชิโระรู้ถึงจุดประสงค์บางส่วนของแผนการของเธอในตอนนี้แล้ว...ก็ออกปากเร่งให้สึคิชิโระเริ่มเล่นเกมต่อทันควัน มิหนำซ้ำยังจงใจพูดจายั่วยุไม่หยุดปากเพื่อรบกวนสมาธิของสึคิชิโระไม่ให้มีเวลาคิดอะไรเป็นเรื่องเป็นราวได้อีก

เจอสงครามประสาทแบบนี้เข้าไป จิตใจของสึคิชิโระที่เริ่มเยือกเย็นลงก็กลับร้อนรนขึ้นมาอีกครั้งด้วยความร้ายแรงของสถานการณ์ตรงหน้า ตลอดจนภาระทั้งหลายที่ต้องแบกรับไว้บนสองบ่าในฐานะผู้เล่นเกมที่มีหน้าที่ตัดสินความเป็นความตายของเพื่อนที่เป็นตัวหมากและผู้คนบนโลกทุกคน

แต่แล้ว ชั่วขณะที่ความคิดดำมืดทั้งหลายแหล่เริ่มจู่โจมจิตใจของสึคิชิโระนั้นเอง เด็กหนุ่มก็สัมผัสได้ว่ามีมือของใครบางคนยื่นมาแตะบ่าของเขา

...มือของใครคนหนึ่งซึ่งคอยอยู่เคียงข้างเขา...ช่วยเหลือเขาอยู่ตลอดเวลา...ไม่ว่าจะในยามสุขหรือยามเศร้าก็ตาม...

...มือของเธอคนนั้น...


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่