กลับมาพบตอนใหม่ของเจ้าสาวแห่งทางสายไหมกันอีกรอบในเดือนนี้นะครับ
ถ้านับว่าเมื่อสองเดือนก่อนถือว่าเซอร์ไพรส์แล้ว เดือนนี้ (จริงๆ คือเดือนก.ค.ที่ผ่านมา) ต้องนับว่าเซอร์ไพรส์ยกกำลังสองครับ เพราะอ.โมริแกเล่นฟิต ปั่นเจ้าสาวฯ ตอนใหม่ออกมาต่อในเดือนนี้เลย เรียกง่ายๆ ปั่นรวดเดียว 3 เดือน 3 ตอน นับเป็นสปีดที่เร็วผิดหูผิดตาจากครั้งก่อนจริงๆ
แน่นอนว่าเนื้อเรื่องตอนนี้ก็เริ่มจะขมวดเข้าสู่ช่วงเนื้อหาเข้มๆ อีกครั้งแล้ว ส่วนจะเป็นยังไงนั้น ลองไปชมด้วยกันได้เลยครับ
ภาพเปิดตอนนี้
เห็นสีหน้าอามีร่าในภาพแล้วรู้สึกเจ็บปวดไปด้วยเลยจริงๆ แฮะ
เปิดตอนมาต่อจากตอนที่แล้วที่เผ่าเฮอร์กัลของอามีร่าร่วมมือกับเผ่าบาดันจะบุกไปถล่มเมืองที่พวกคาร์ลุคกับอามีร่าอาศัยอยู่เพื่อแย่งชิงดินแดนอันอุดมสมบูรณ์นั้นมาเป็นของตน
ฉากตัดกลับมาทางฝั่งหมู่บ้านของอามีร่า ซึ่งแต่ละคนต่างใช้ชีวิตประจำวันของตนเองไปเรื่อยๆ โดยไม่มีทีท่ารับรู้ถึงภยันตรายที่กำลังจะมาเยือนแม้แต่น้อย โดยในบ้านไอฮานนั้น อามีร่ากำลังตัดผมให้กับคาร์ลุค โดยมีบรรดาลูกชายลูกสาวของพี่สาวคาร์ลุค แม่ของคาร์ลุค กับพี่สาวของคาร์ลุคยืนดูอยู่ด้วย ฝีกรรไกรอันคล่องแคล่วของหญิงสาวทำเอาทั้งหมดในที่นั้นถึงกับตาค้างด้วยความทึ่งและความตะลึง แม่ของคาร์ลุคถึงกับออกปากทักว่าใช้กรรไกรได้คล่องดีจังนะ อามีร่าก็ตอบว่าที่เป็นแบบนี้ก็เพราะสมัยยังอยู่กับครอบครัวเคยช่วยงานตัดขนแกะอยู่บ่อยๆ ก็เลยเก่งเรื่องการใช้กรรไกรมาจนทุกวันนี้ (มีฉากตลกๆ นิดหน่อยตรงที่พอได้ยินแบบนั้น คาร์ลุคก็ถึงกับแอบนึกภาพในใจประมาณว่า
"นี่เราเป็นแกะให้เค้าตัดขนเรอะเนี่ย" ขึ้นมาด้วย)
หลังตัดผมเสร็จ คาร์ลุคก็เดินเลี่ยงไปคุยกับคนในครอบครัวที่นั่งอยู่ตรงระเบียงติดสวน ปล่อยให้หน้าที่เก็บกวาดเศษผมเป็นของอามีร่ากับทีเลเก้ (ตรงนี้มีฉากตลกอีกฉากตรงที่พี่สาวของคาร์ลุคเห็นคาร์ลุคตัดผมก็นึกได้ว่าประดาลูกชายตัวเองก็ไม่ได้ตัดผมมานานแล้ว เลยจะลงมือแสดงฝีกรรไกรซักหน่อย แต่บรรดาลูกชายรู้ดีว่าแม่ตัวเองตัดผมห่วยแค่ไหน เลยวิ่งกันป่าราบเป็นแถบๆ ทำเอาพี่สาวคาร์ลุคเดือดเป็นฟืนเป็นไฟเลยทีเดียว)
เก็บเศษผมเสร็จ อามีร่าก็เดินถือแจกันจะไปตักน้ำมาให้คนในบ้าน แต่พอเดินไปถึงจุดที่ไม่มีคนอยู่นั้นเอง ก็มีก้อนหินเล็กๆ ก้อนหนึ่งลอยมาโดนหลัง อามีร่าชะงักแล้วมองไปรอบๆ อย่างงุนงงว่าใครเป็นคนปาหินมา แล้วก็พบกับร่างคนร่างหนึ่งกำลังกวักมือเรียกหย็อยๆ อยู่หลังกองฟืนที่สุมอยู่ในตรอกมืดใกล้ๆ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นโจลุค ลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งของอามีร่านั่นเอง
ฝ่ายอามีร่าพอเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใครก็หน้าซีด หันซ้ายแลขวาทำท่าจะเรียกคน แต่โจลุคโบกมือห้ามพลางร้องเสียงหลง (เท่าที่น้ำเสียงที่กดจนแทบเป็นเสียงกระซิบจะทำได้) ว่าไม่ต้องกลัว เขาเข้ามาแค่คนเดียวไม่ได้พาคนอื่นมาด้วย และบอกว่าที่มานี่ก็เพราะมีเรื่องจะคุยด้วยเท่านั้น ยังไงก็มาคุยกันก่อนเถอะ อามีร่ายืนมองอย่างกล้าๆ กลัวๆ อยู่ครู่หนึ่งก็ยอมเดินเข้าไปหาโจลุคแต่โดยดี พร้อมถามอีกฝ่ายว่ามีธุระอะไรอีก ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าเธอไม่คิดจะกลับไปน่ะ โจลุคก็บอกว่างวดนี้พ่อของอามีร่ามาเองเลยนะ และบอกว่าตัวเองได้รับคำสั่งจากพ่อของอามีร่าให้มาเรียกตัวอามีร่ากลับไป ถึงต้องลอบเข้ามาในเมืองไม่ให้ใครเห็นแบบนี้ อามีร่าก็ย้ำหนักแน่นอีกครั้งว่าตัวเองไม่ยอมกลับไปเด็ดขาด ต่อให้เป็นคำสั่งของท่านพ่อก็ตาม
ได้ยินดังนั้นแทนที่โจลุคจะตกใจ กลับมีทีท่าโล่งอก แล้วบอกกับอามีร่าว่า ถ้างั้นก็ดีแล้ว ถ้าไม่คิดจะกลับมาก็ไม่ต้องมา เพราะสถานการณ์ทางด้านเผ่าเฮอร์กัลตอนนี้เริ่มจะย่ำแย่ลงทุกทีแล้ว
คำพูดของโจลุคสร้างความงุนงงให้กับอามีร่าเป็นอย่างมาก โจลุคก็เล่าให้อามีร่าฟังทุกอย่าง ทั้งเรื่องที่พ่อของอามีร่าไปร่วมมือกับเผ่าเฮอร์กัลขนอาวุธสงครามของพวกรัสเซียจะมาบุกถล่มเมืองแห่งนี้เพื่อยึดเอาดินแดนมาเป็นของตัว ทั้งเรื่องที่ตัวเองกับพวกอาเซลเชื่อว่าเผ่าเฮอร์กัลแค่โดนหลอกใช้เท่านั้นเอง และย้ำกับอามีร่าว่า งานนี้ไม่ใช่แค่การทะเลาะกันระหว่างญาติพี่น้องในครอบครัวอีกต่อไปแล้ว แต่เป็น
"สงครามแย่งชิงดินแดน" ของจริง
"เพราะงั้นรีบหนีไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลย อามีร่า" โจลุคกล่าวปิดท้ายหลังจากเล่าเรื่องทั้งหมดจบแล้ว
"ถ้าเป็นห่วงครอบครัว ก็พาครอบครัวหนีไปด้วย จะไปที่ไหนก็ได้ ขอแค่ออกจากเมืองนี้ไปก็พอ"
อามีร่าอึ้งพูดไม่ออก หันไปมองบ้านที่คาร์ลุคกับครอบครัวอย่างละล้าละลัง แล้วหันกลับมายืนนิ่งคิดอยู่ครู่เดียวก็บอกว่าไม่หนี โจลุคโวยวายลั่น ร้องว่าประสาทกลับไปแล้วรึไง นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ นะ อามีร่าก็ขยับปากจะอธิบาย แต่ไม่ทันอธิบายก็มีเสียงหวีดหวิวดังขึ้นตามด้วยเสียงตูมสนั่นและเสียงคนร้องอื้ออึงอย่างตกใจ ทั้งคู่สะดุ้งหันกลับไปมอง เห็นกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาจากตำแหน่งหนึ่งไกลออกไป
โจลุคถึงกับตาเหลือก เพราะรู้ชัดว่าเสียงเมื่อกี้เป็นเสียงปืนใหญ่แน่ๆ ชายหนุ่มหน้าซีดเมื่อสมองรับรู้ว่าพวกนั้นสั่งยิงปืนใหญ่เข้ามา ทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเขากับอามีร่ายังอยู่ในเมืองนี้ โจลุคหันไปเร่งอามีร่าให้รีบพาครอบครัวหนีไปจากเมืองโดยเร็ว เพราะงานนี้พวกนั้นคิดจะถล่มแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมแล้ว ลำพังแค่พวกเขาไม่มีทางช่วยอามีร่าได้แน่
แต่อามีร่าก็ยังย้ำคำเดิมว่าไม่หนี ยังไงเธอก็หนีไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะตอนนี้ชาวเมืองทุกคนกำลังเตรียมพร้อมรับมือข้าศึกอยู่ เท่ากับว่าคาร์ลุคสามีของเธอก็ต้องเข้าร่วมศึกนี้ด้วย ดังนั้น จะให้เธอตัดช่องน้อยแต่พอตัวหนีไปน่ะคงทำไม่ได้หรอก
"เพราะฉันเป็นภรรยาของเขาค่ะ"
เห็นอามีร่ายืนยันหนักแน่นแบบนั้น โจลุคก็หมดถ้อยคำจะเกลี้ยกล่อม ได้แต่โคลงหัวอย่างอ่อนใจ ตอนนั้นเอง คาร์ลุคที่ออกมาตามหาอามีร่าก็วิ่งผ่านมาทางนี้พอดี โจลุคเห็นคาร์ลุควิ่งเข้ามาใกล้ก็รีบหลบไป โดยก่อนจากไปก็แอบบอกข้อมูลด้านกำลังพลของฝ่ายตนไปว่า กำลังพลฝ่ายเผ่าบาดันนั้นมีทั้งหมด 80 คน แต่ละคนติดอาวุธครบมือโดยพกปืนกันถึงคนละ 2 กระบอก พร้อมด้วยปืนใหญ่อีก 18 กระบอก และกระสุนอีกเป็นกะตั๊ก แทบไม่มีทางใช้แผนถ่วงเวลารอให้อีกฝ่ายกระสุนหมดได้เลย
หลังโจลุคหลบไปแล้ว อามีร่าก็รีบออกไปหาคาร์ลุคทันที สองสามีภรรยาโผเข้าหากันอย่างยินดี ก่อนที่คาร์ลุคจะบอกข่าวกับภรรยาตนว่าตอนนี้เมืองกำลังถูกโจมตี โดยทุกคนรวมทั้งตัวคาร์ลุคคิดว่าเป็นทหารรัสเซียมาบุกเมือง อามีร่าได้ยินดังนั้นก็บอกคาร์ลุคว่าไม่ใช่ทหารรัสเซียหรอก แต่เป็นกองกำลังผสมระหว่างเผ่าบาดันกับเผ่าเฮอร์กัลต่างหาก คาร์ลุคก็งงว่าอามีร่ารู้เรื่องนั้นได้ยังไง แต่อามีร่าบอกว่าตอนนี้ไม่มีเวลาอธิบายเรื่องนั้น ก่อนจะบอกข้อมูลฝ่ายข้าศึกเท่าที่รู้มาจากโจลุคให้กับคาร์ลุคทั้งหมด โดยเพิ่มข้อมูลกำลังรบของเผ่าเฮอร์กัลไปด้วย (จากการประมาณการของอามีร่า เผ่าเฮอร์กัลน่าจะมีกำลังพลทั้งหมด 42 คน แต่ละคนล้วนเป็นนักรบเชี่ยวชาญด้านการใช้ดาบและการยิงธนูเหนือกว่าอามีร่าทั้งนั้น แทบไม่มีทางเข้าปะทะแบบซึ่งๆ หน้าได้เลย) และบอกถึงเป้าหมายของฝ่ายตรงข้ามที่คิดจะยึดเมืองนี้เอาไปเป็นของตัวเอง ไม่ได้มาเพื่อชิงตัวอามีร่าคืนแบบครั้งก่อน
คาร์ลุคถึงกับหน้าซีด แต่ยังไม่ทันพูดอะไรต่อก็มีเสียงตูมสนั่นอีกครั้ง เมื่อลูกปืนใหญ่ลูกหนึ่งตกลงใกล้ๆ บ้านของทั้งคู่พอดี อามีร่าเห็นดังนั้นก็เร่งให้คาร์ลุครีบเอาข้อมูลเกี่ยวกับข้าศึกไปบอกผู้ใหญ่คนอื่นโดยเร็ว คาร์ลุคละล้าละลังเป็นห่วงอยู่ครู่หนึ่งก็รีบออกวิ่งไปทั้งๆ ที่ไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก
เมื่อเห็นคาร์ลุคไปแล้ว อามีร่าก็วิ่งกลับเข้าบ้านไปหยิบเอาธนูกับกระบอกเก็บธนูมาผูกไว้กับตัวในลักษณะเตรียมออกรบ หญิงสาวผูกกระบอกธนูเข้ากับเอวอย่างคล่องแคล่วไม่ขัดเขิน แต่พอกำธนูปุ๊บก็ออกอาการสั่นขึ้นมา หญิงสาวต้องข่มอาการไว้อย่างเต็มที่กว่าจะเอาธนูในมือขึ้นคล้องไหล่ได้ ก่อนจะหันหลังกลับแล้ววิ่งออกจากบ้านไป
ตัดมาทางด้านคนในเมืองที่กำลังแตกตื่นกันอยู่ คาร์ลุคเอาข้อมูลฝ่ายข้าศึกที่อามีร่าบอกมามาบอกกับเจ้าเมืองทั้งหมด เจ้าเมืองได้ยินดังนั้นก็รีบสั่งการให้เตรียมพร้อมตีสกัดฝ่ายตรงข้ามทันที ภาพฉายให้เห็นผู้ชายในเมืองทุกคนระดมเอาอาวุธปืนทุกกระบอกที่มีในหมู่บ้านออกมาทั้งหมด ทั้งขนเอาปืนใหญ่ของตัวเองออกมาเตรียมรับมือเหมือนกัน บรรยากาศในฉากแทบไม่ต่างจากหนังสงครามยุคเก่าเลยทีเดียว
ฝ่ายคนในเมืองระดมพลกันเสร็จก็เฮโลกันไปตั้งแนวเตรียมยิงสวนฝ่ายตรงข้ามเต็มที่ ทัพสองฝ่ายตั้งประจัญหน้ากัน โดยฝ่ายกองกำลังผสมเผ่าบาดันกับเฮอร์กัลนั้นขึ้นไปตั้งทัพอยู่บนที่ราบสูงเหนือตำแหน่งของเมือง แล้วใช้ปืนใหญ่ยิงถล่มแบบปูพรมลงไปจนบ้านเรือนราบเป็นแถบๆ ฝ่ายคนในเมืองพยายามยิงปืนใหญ่สวน แต่อีกฝ่ายอยู่ในตำแหน่งสูงเกินกว่าที่ปืนใหญ่จะยิงถึง สภาพเลยกลายเป็นการยิงถล่มใส่เอาข้างเดียวไปแทน
- จบตอนที่ 31 -
อ่านตอนนี้จบแล้วลุ้นระทึกสุดๆ เลยแฮะว่าตอนต่อไปจะเป็นยังไง กับฉากเช็คดวงครั้งแรกในซีรี่ส์ของอ.โมริฉากนี้ ยิ่งเห็นภาพปืนใหญ่ยิงถล่มลงไปบ้านเละไปเป็นหลังๆ แบบในภาพสุดท้ายแล้วเสียวไส้ขึ้นมาเลยจริงๆ ว่างานนี้คงได้มีใครตายกันบ้างแน่ๆ ละ
ว่าแต่เห็นคาร์ลุคกับอามีร่าแยกกันฉากนี้แล้วมันเสียวไส้จนน่ากลัวยังไงไม่รู้แฮะ หวังว่าจะไม่ใช่ฉากลาจากกันไปหลายปีค่อยกลับมาเจอกันหลังคาร์ลุคเป็นผู้ใหญ่แล้วนา...
งานนี้ได้แต่ภาวนาว่า
"ตอน 32 จะมาเดือนหน้าทันทีแบบด่วนจี๋" ละครับ
แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าครับ
SPOILER!!! เจ้าสาวแห่งทางสายไหม ตอนที่ 31 - วันเสียงปืนแตก...
ถ้านับว่าเมื่อสองเดือนก่อนถือว่าเซอร์ไพรส์แล้ว เดือนนี้ (จริงๆ คือเดือนก.ค.ที่ผ่านมา) ต้องนับว่าเซอร์ไพรส์ยกกำลังสองครับ เพราะอ.โมริแกเล่นฟิต ปั่นเจ้าสาวฯ ตอนใหม่ออกมาต่อในเดือนนี้เลย เรียกง่ายๆ ปั่นรวดเดียว 3 เดือน 3 ตอน นับเป็นสปีดที่เร็วผิดหูผิดตาจากครั้งก่อนจริงๆ
แน่นอนว่าเนื้อเรื่องตอนนี้ก็เริ่มจะขมวดเข้าสู่ช่วงเนื้อหาเข้มๆ อีกครั้งแล้ว ส่วนจะเป็นยังไงนั้น ลองไปชมด้วยกันได้เลยครับ
ภาพเปิดตอนนี้
เห็นสีหน้าอามีร่าในภาพแล้วรู้สึกเจ็บปวดไปด้วยเลยจริงๆ แฮะ
เปิดตอนมาต่อจากตอนที่แล้วที่เผ่าเฮอร์กัลของอามีร่าร่วมมือกับเผ่าบาดันจะบุกไปถล่มเมืองที่พวกคาร์ลุคกับอามีร่าอาศัยอยู่เพื่อแย่งชิงดินแดนอันอุดมสมบูรณ์นั้นมาเป็นของตน
ฉากตัดกลับมาทางฝั่งหมู่บ้านของอามีร่า ซึ่งแต่ละคนต่างใช้ชีวิตประจำวันของตนเองไปเรื่อยๆ โดยไม่มีทีท่ารับรู้ถึงภยันตรายที่กำลังจะมาเยือนแม้แต่น้อย โดยในบ้านไอฮานนั้น อามีร่ากำลังตัดผมให้กับคาร์ลุค โดยมีบรรดาลูกชายลูกสาวของพี่สาวคาร์ลุค แม่ของคาร์ลุค กับพี่สาวของคาร์ลุคยืนดูอยู่ด้วย ฝีกรรไกรอันคล่องแคล่วของหญิงสาวทำเอาทั้งหมดในที่นั้นถึงกับตาค้างด้วยความทึ่งและความตะลึง แม่ของคาร์ลุคถึงกับออกปากทักว่าใช้กรรไกรได้คล่องดีจังนะ อามีร่าก็ตอบว่าที่เป็นแบบนี้ก็เพราะสมัยยังอยู่กับครอบครัวเคยช่วยงานตัดขนแกะอยู่บ่อยๆ ก็เลยเก่งเรื่องการใช้กรรไกรมาจนทุกวันนี้ (มีฉากตลกๆ นิดหน่อยตรงที่พอได้ยินแบบนั้น คาร์ลุคก็ถึงกับแอบนึกภาพในใจประมาณว่า "นี่เราเป็นแกะให้เค้าตัดขนเรอะเนี่ย" ขึ้นมาด้วย)
หลังตัดผมเสร็จ คาร์ลุคก็เดินเลี่ยงไปคุยกับคนในครอบครัวที่นั่งอยู่ตรงระเบียงติดสวน ปล่อยให้หน้าที่เก็บกวาดเศษผมเป็นของอามีร่ากับทีเลเก้ (ตรงนี้มีฉากตลกอีกฉากตรงที่พี่สาวของคาร์ลุคเห็นคาร์ลุคตัดผมก็นึกได้ว่าประดาลูกชายตัวเองก็ไม่ได้ตัดผมมานานแล้ว เลยจะลงมือแสดงฝีกรรไกรซักหน่อย แต่บรรดาลูกชายรู้ดีว่าแม่ตัวเองตัดผมห่วยแค่ไหน เลยวิ่งกันป่าราบเป็นแถบๆ ทำเอาพี่สาวคาร์ลุคเดือดเป็นฟืนเป็นไฟเลยทีเดียว)
เก็บเศษผมเสร็จ อามีร่าก็เดินถือแจกันจะไปตักน้ำมาให้คนในบ้าน แต่พอเดินไปถึงจุดที่ไม่มีคนอยู่นั้นเอง ก็มีก้อนหินเล็กๆ ก้อนหนึ่งลอยมาโดนหลัง อามีร่าชะงักแล้วมองไปรอบๆ อย่างงุนงงว่าใครเป็นคนปาหินมา แล้วก็พบกับร่างคนร่างหนึ่งกำลังกวักมือเรียกหย็อยๆ อยู่หลังกองฟืนที่สุมอยู่ในตรอกมืดใกล้ๆ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นโจลุค ลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งของอามีร่านั่นเอง
ฝ่ายอามีร่าพอเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใครก็หน้าซีด หันซ้ายแลขวาทำท่าจะเรียกคน แต่โจลุคโบกมือห้ามพลางร้องเสียงหลง (เท่าที่น้ำเสียงที่กดจนแทบเป็นเสียงกระซิบจะทำได้) ว่าไม่ต้องกลัว เขาเข้ามาแค่คนเดียวไม่ได้พาคนอื่นมาด้วย และบอกว่าที่มานี่ก็เพราะมีเรื่องจะคุยด้วยเท่านั้น ยังไงก็มาคุยกันก่อนเถอะ อามีร่ายืนมองอย่างกล้าๆ กลัวๆ อยู่ครู่หนึ่งก็ยอมเดินเข้าไปหาโจลุคแต่โดยดี พร้อมถามอีกฝ่ายว่ามีธุระอะไรอีก ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าเธอไม่คิดจะกลับไปน่ะ โจลุคก็บอกว่างวดนี้พ่อของอามีร่ามาเองเลยนะ และบอกว่าตัวเองได้รับคำสั่งจากพ่อของอามีร่าให้มาเรียกตัวอามีร่ากลับไป ถึงต้องลอบเข้ามาในเมืองไม่ให้ใครเห็นแบบนี้ อามีร่าก็ย้ำหนักแน่นอีกครั้งว่าตัวเองไม่ยอมกลับไปเด็ดขาด ต่อให้เป็นคำสั่งของท่านพ่อก็ตาม
ได้ยินดังนั้นแทนที่โจลุคจะตกใจ กลับมีทีท่าโล่งอก แล้วบอกกับอามีร่าว่า ถ้างั้นก็ดีแล้ว ถ้าไม่คิดจะกลับมาก็ไม่ต้องมา เพราะสถานการณ์ทางด้านเผ่าเฮอร์กัลตอนนี้เริ่มจะย่ำแย่ลงทุกทีแล้ว
คำพูดของโจลุคสร้างความงุนงงให้กับอามีร่าเป็นอย่างมาก โจลุคก็เล่าให้อามีร่าฟังทุกอย่าง ทั้งเรื่องที่พ่อของอามีร่าไปร่วมมือกับเผ่าเฮอร์กัลขนอาวุธสงครามของพวกรัสเซียจะมาบุกถล่มเมืองแห่งนี้เพื่อยึดเอาดินแดนมาเป็นของตัว ทั้งเรื่องที่ตัวเองกับพวกอาเซลเชื่อว่าเผ่าเฮอร์กัลแค่โดนหลอกใช้เท่านั้นเอง และย้ำกับอามีร่าว่า งานนี้ไม่ใช่แค่การทะเลาะกันระหว่างญาติพี่น้องในครอบครัวอีกต่อไปแล้ว แต่เป็น "สงครามแย่งชิงดินแดน" ของจริง
"เพราะงั้นรีบหนีไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลย อามีร่า" โจลุคกล่าวปิดท้ายหลังจากเล่าเรื่องทั้งหมดจบแล้ว "ถ้าเป็นห่วงครอบครัว ก็พาครอบครัวหนีไปด้วย จะไปที่ไหนก็ได้ ขอแค่ออกจากเมืองนี้ไปก็พอ"
อามีร่าอึ้งพูดไม่ออก หันไปมองบ้านที่คาร์ลุคกับครอบครัวอย่างละล้าละลัง แล้วหันกลับมายืนนิ่งคิดอยู่ครู่เดียวก็บอกว่าไม่หนี โจลุคโวยวายลั่น ร้องว่าประสาทกลับไปแล้วรึไง นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ นะ อามีร่าก็ขยับปากจะอธิบาย แต่ไม่ทันอธิบายก็มีเสียงหวีดหวิวดังขึ้นตามด้วยเสียงตูมสนั่นและเสียงคนร้องอื้ออึงอย่างตกใจ ทั้งคู่สะดุ้งหันกลับไปมอง เห็นกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาจากตำแหน่งหนึ่งไกลออกไป
โจลุคถึงกับตาเหลือก เพราะรู้ชัดว่าเสียงเมื่อกี้เป็นเสียงปืนใหญ่แน่ๆ ชายหนุ่มหน้าซีดเมื่อสมองรับรู้ว่าพวกนั้นสั่งยิงปืนใหญ่เข้ามา ทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเขากับอามีร่ายังอยู่ในเมืองนี้ โจลุคหันไปเร่งอามีร่าให้รีบพาครอบครัวหนีไปจากเมืองโดยเร็ว เพราะงานนี้พวกนั้นคิดจะถล่มแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมแล้ว ลำพังแค่พวกเขาไม่มีทางช่วยอามีร่าได้แน่
แต่อามีร่าก็ยังย้ำคำเดิมว่าไม่หนี ยังไงเธอก็หนีไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะตอนนี้ชาวเมืองทุกคนกำลังเตรียมพร้อมรับมือข้าศึกอยู่ เท่ากับว่าคาร์ลุคสามีของเธอก็ต้องเข้าร่วมศึกนี้ด้วย ดังนั้น จะให้เธอตัดช่องน้อยแต่พอตัวหนีไปน่ะคงทำไม่ได้หรอก
"เพราะฉันเป็นภรรยาของเขาค่ะ"
เห็นอามีร่ายืนยันหนักแน่นแบบนั้น โจลุคก็หมดถ้อยคำจะเกลี้ยกล่อม ได้แต่โคลงหัวอย่างอ่อนใจ ตอนนั้นเอง คาร์ลุคที่ออกมาตามหาอามีร่าก็วิ่งผ่านมาทางนี้พอดี โจลุคเห็นคาร์ลุควิ่งเข้ามาใกล้ก็รีบหลบไป โดยก่อนจากไปก็แอบบอกข้อมูลด้านกำลังพลของฝ่ายตนไปว่า กำลังพลฝ่ายเผ่าบาดันนั้นมีทั้งหมด 80 คน แต่ละคนติดอาวุธครบมือโดยพกปืนกันถึงคนละ 2 กระบอก พร้อมด้วยปืนใหญ่อีก 18 กระบอก และกระสุนอีกเป็นกะตั๊ก แทบไม่มีทางใช้แผนถ่วงเวลารอให้อีกฝ่ายกระสุนหมดได้เลย
หลังโจลุคหลบไปแล้ว อามีร่าก็รีบออกไปหาคาร์ลุคทันที สองสามีภรรยาโผเข้าหากันอย่างยินดี ก่อนที่คาร์ลุคจะบอกข่าวกับภรรยาตนว่าตอนนี้เมืองกำลังถูกโจมตี โดยทุกคนรวมทั้งตัวคาร์ลุคคิดว่าเป็นทหารรัสเซียมาบุกเมือง อามีร่าได้ยินดังนั้นก็บอกคาร์ลุคว่าไม่ใช่ทหารรัสเซียหรอก แต่เป็นกองกำลังผสมระหว่างเผ่าบาดันกับเผ่าเฮอร์กัลต่างหาก คาร์ลุคก็งงว่าอามีร่ารู้เรื่องนั้นได้ยังไง แต่อามีร่าบอกว่าตอนนี้ไม่มีเวลาอธิบายเรื่องนั้น ก่อนจะบอกข้อมูลฝ่ายข้าศึกเท่าที่รู้มาจากโจลุคให้กับคาร์ลุคทั้งหมด โดยเพิ่มข้อมูลกำลังรบของเผ่าเฮอร์กัลไปด้วย (จากการประมาณการของอามีร่า เผ่าเฮอร์กัลน่าจะมีกำลังพลทั้งหมด 42 คน แต่ละคนล้วนเป็นนักรบเชี่ยวชาญด้านการใช้ดาบและการยิงธนูเหนือกว่าอามีร่าทั้งนั้น แทบไม่มีทางเข้าปะทะแบบซึ่งๆ หน้าได้เลย) และบอกถึงเป้าหมายของฝ่ายตรงข้ามที่คิดจะยึดเมืองนี้เอาไปเป็นของตัวเอง ไม่ได้มาเพื่อชิงตัวอามีร่าคืนแบบครั้งก่อน
คาร์ลุคถึงกับหน้าซีด แต่ยังไม่ทันพูดอะไรต่อก็มีเสียงตูมสนั่นอีกครั้ง เมื่อลูกปืนใหญ่ลูกหนึ่งตกลงใกล้ๆ บ้านของทั้งคู่พอดี อามีร่าเห็นดังนั้นก็เร่งให้คาร์ลุครีบเอาข้อมูลเกี่ยวกับข้าศึกไปบอกผู้ใหญ่คนอื่นโดยเร็ว คาร์ลุคละล้าละลังเป็นห่วงอยู่ครู่หนึ่งก็รีบออกวิ่งไปทั้งๆ ที่ไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก
เมื่อเห็นคาร์ลุคไปแล้ว อามีร่าก็วิ่งกลับเข้าบ้านไปหยิบเอาธนูกับกระบอกเก็บธนูมาผูกไว้กับตัวในลักษณะเตรียมออกรบ หญิงสาวผูกกระบอกธนูเข้ากับเอวอย่างคล่องแคล่วไม่ขัดเขิน แต่พอกำธนูปุ๊บก็ออกอาการสั่นขึ้นมา หญิงสาวต้องข่มอาการไว้อย่างเต็มที่กว่าจะเอาธนูในมือขึ้นคล้องไหล่ได้ ก่อนจะหันหลังกลับแล้ววิ่งออกจากบ้านไป
ตัดมาทางด้านคนในเมืองที่กำลังแตกตื่นกันอยู่ คาร์ลุคเอาข้อมูลฝ่ายข้าศึกที่อามีร่าบอกมามาบอกกับเจ้าเมืองทั้งหมด เจ้าเมืองได้ยินดังนั้นก็รีบสั่งการให้เตรียมพร้อมตีสกัดฝ่ายตรงข้ามทันที ภาพฉายให้เห็นผู้ชายในเมืองทุกคนระดมเอาอาวุธปืนทุกกระบอกที่มีในหมู่บ้านออกมาทั้งหมด ทั้งขนเอาปืนใหญ่ของตัวเองออกมาเตรียมรับมือเหมือนกัน บรรยากาศในฉากแทบไม่ต่างจากหนังสงครามยุคเก่าเลยทีเดียว
ฝ่ายคนในเมืองระดมพลกันเสร็จก็เฮโลกันไปตั้งแนวเตรียมยิงสวนฝ่ายตรงข้ามเต็มที่ ทัพสองฝ่ายตั้งประจัญหน้ากัน โดยฝ่ายกองกำลังผสมเผ่าบาดันกับเฮอร์กัลนั้นขึ้นไปตั้งทัพอยู่บนที่ราบสูงเหนือตำแหน่งของเมือง แล้วใช้ปืนใหญ่ยิงถล่มแบบปูพรมลงไปจนบ้านเรือนราบเป็นแถบๆ ฝ่ายคนในเมืองพยายามยิงปืนใหญ่สวน แต่อีกฝ่ายอยู่ในตำแหน่งสูงเกินกว่าที่ปืนใหญ่จะยิงถึง สภาพเลยกลายเป็นการยิงถล่มใส่เอาข้างเดียวไปแทน
- จบตอนที่ 31 -
อ่านตอนนี้จบแล้วลุ้นระทึกสุดๆ เลยแฮะว่าตอนต่อไปจะเป็นยังไง กับฉากเช็คดวงครั้งแรกในซีรี่ส์ของอ.โมริฉากนี้ ยิ่งเห็นภาพปืนใหญ่ยิงถล่มลงไปบ้านเละไปเป็นหลังๆ แบบในภาพสุดท้ายแล้วเสียวไส้ขึ้นมาเลยจริงๆ ว่างานนี้คงได้มีใครตายกันบ้างแน่ๆ ละ
ว่าแต่เห็นคาร์ลุคกับอามีร่าแยกกันฉากนี้แล้วมันเสียวไส้จนน่ากลัวยังไงไม่รู้แฮะ หวังว่าจะไม่ใช่ฉากลาจากกันไปหลายปีค่อยกลับมาเจอกันหลังคาร์ลุคเป็นผู้ใหญ่แล้วนา...
งานนี้ได้แต่ภาวนาว่า "ตอน 32 จะมาเดือนหน้าทันทีแบบด่วนจี๋" ละครับ
แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าครับ