รัฐบาลยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทย ประกาศเดินหน้าตามบัญชาทักษิณ
เตรียมจัดให้มีการทำประชามติ ก่อนลงมติวาระ 3
แก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทั้งฉบับ
กกต.ประเมินว่า อาจต้องใช้เงินถึง 2,000 ล้านบาท
หลายฝ่ายแสดงท่าทีไม่เห็นด้วย โดยมองว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์และ
พรรคเพื่อไทยควรต้องเคารพคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
และดำเนินการตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
ซึ่งหากต้องการจะแก้ไขรัฐธรรมนูญก็สามารถกระทำได้
ด้วยการเสนอแก้เป็นรายมาตรา
จะกี่สิบ กี่ร้อยมาตรา ก็เสนอเข้าสู่สภาได้ ไม่มีปัญหา
ต้องการแก้ไขประเด็นใด ก็เสนอชัดๆ ว่ากันตรงไปตรงมา โดยเปิดเผย
ผ่านรัฐสภาแต่มิใช่พยายามจะล้มรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แล้วจัดให้มี ส.ส.ร.
ที่ขึ้นกับฐานเสียงทางการเมืองของ สส. หรือ สว.เลือกตั้งในปัจจุบัน
จัดทำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ทั้งฉบับ เสมือนเซ็นเช็คเปล่าให้เฉยๆ
เหมือนฆ่ารัฐธรรมนูญทั้งฉบับ โดยอาศัย สส.ที่มีฐานอำนาจมาจาก
รัฐธรรมนูญนั้นเอง เข้าตำรา ลูกฆ่าแม่เจตนาที่ซ่อนไม่มิด คือ ต้องการ
จะปลดล็อกคดีทุจริตโกงกิน เปิดทางลบล้างความผิดทั้งปวงให้กับ
ทักษิณ ชินวัตร เพราะถ้าออกกฎหมายนิรโทษกรรมโดยที่รัฐธรรมนูญ
ปัจจุบันยังอยู่ การออกกฎหมายเช่นนั้นก็จะขัดรัฐธรรมนูญเสียเอง
และkikaทักษิณที่บังอาจกระทำเช่นนั้นย่อมจะถูกดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด
1) ผู้นำฝ่ายค้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เขียนจดหมายเปิดผนึกในเฟซบุ๊ค
แสดงความเห็นบางประเด็นเกี่ยวกับการทำประชามติดังกล่าว โดยระบุว่า
...การยุติความล้มเหลวทางการเมืองโดยประชาชน
เป็นเพียงสิ่งเดียวที่จะช่วยให้ประเทศของเราก้าวข้ามอุปสรรคที่ขวาง
ทางบ้านเมืองมานานหลายปีไม่ให้เดินไปข้างหน้า นั่นคือความต้องการอยู่
เหนือกฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งทุกคนสามารถทำได้
ด้วยการร่วมกันล้มประชามติที่นายกฯ ผู้เป็นน้องสาว
กำลังจะทำเพื่อรื้อรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ หวังลบมาตรา 309
เพื่อล้มคดีทั้งหลายของพี่ชาย นักโทษหากพี่น้องทำสำเร็จก็จะเป็น
ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการเมืองไทย เปรียบเสมือนการปฏิวัติโดย
ประชาชนตามระบบที่ไม่เสี่ยงต่อการเสียเลือดเนื้อ
เพื่อยืนยันว่าประชาชนและกฎหมายยิ่งใหญ่กว่าอำนาจเงินและอำนาจรัฐ...
2) น่าผิดหวัง... นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง
รีบออกมาตีกัน ส่อเจตนาโอบอุ้มการทำประชามติตามแนวทางของรัฐบาล
ตั้งแต่หัววันอ้างว่า การรณรงค์ไม่ให้ประชาชนไปใช้สิทธิในการลงประชามติ
แก้ไขรัฐธรรมนูญ อาจเข้าข่ายต้องห้ามตามพระริประกอบ
รัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ มาตรา 43แถมขู่สำทับว่า มีโทษ
จำคุก หรือทั้งจำทั้งปรับเมื่อไปดูมาตรา 43 ปรากฏว่า บัญญัติห้ามผู้ใด
กระทำการ ดังต่อไปนี้
(1) ก่อความวุ่นวายเพื่อให้การออกเสียงไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
(2) ให้ เสนอให้หรือสัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สิน
หรือผลประโยชน์อื่นอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด
เพื่อจะจูงใจให้ผู้มีสิทธิออกเสียงไม่ไปใช้สิทธิออกเสียง
หรือออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือไม่ออกเสียง
(3) หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ หรือใช้อิทธิพลคุกคาม เพื่อให้ผู้มีสิทธิ
ออกเสียงไม่ไปใช้สิทธิออกเสียง ออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่งหรือ
ไม่ออกเสียง...
จะเห็นว่า การรณรงค์ให้โหวตคว่ำประชามติ หรือแม้แต่เชิญชวน
ให้ประชาชนอยู่กับบ้าน ไม่ต้องออกไปร่วมสังฆกรรม ไม่ออกไป
ใช้สิทธิลงประชามติ โดยไม่ไปก่อความวุ่นวาย ย่อมไม่ใช่เรื่องผิด
กฎหมายในตัวเองมันจะผิดกฎหมายก็ต่อเมื่อมีการเสนอผลประโยชน์
จูงใจ สัญญาว่าจะให้ หรือใช้วิธีหลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ หรือใช้
อิทธิพลคุกคามถามว่า นางสดศรีเป็นถึง กกต. จะไม่รู้เชียวหรือ?
นางสดศรีไม่นึกห่วงว่าฝ่ายที่กุมอำนาจรัฐ กุมอำนาจทุน และมีอิทธิพล
ล้นเหลือในเวลานี้ เขาอาจจะ ให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้ หรือจัด
เตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นอันอาจคำนวณเป็นเงิน
ได้แก่ผู้ใด เพื่อจะจูงใจให้ผู้มีสิทธิออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือแม้
กระทั่งใช้สื่อของรัฐ สื่อkikaทักษิณ กลไกราชการ หลอกลวง บังคับ
ขู่เข็ญ หรือใช้อิทธิพลคุกคาม เพื่อให้ผู้มีสิทธิออกเสียงอย่างใดอย่าง
หนึ่ง มากกว่าละหรือ?
มองไม่เห็นหรือ... คนของพรรคเพื่อไทยก็ดี คนของรัฐบาลก็ดี
เริ่มใช้กลไกเครื่องมือใต้อาณัติ เพื่อจะทำให้คนออกมาลงประชามติ
สนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญของพวกตนอยู่แบบนี้ กกต.ไม่คิดจะจับตา
มองว่าอาจจะเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย เพื่อให้ผู้มีสิทธิออกเสียง
อย่างใดอย่างหนึ่ง บ้างหรือ?
3) ขอสนับสนุนแนวคิดและข้อเสนอแนะของ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต ดังปรากฏในบทความ เล่ห์ทักษิณ
อยู่ในเว็บไซต์แนวหน้า บอกไว้ว่าหากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ดึงดัน
เดินหน้าต่อไป ประชาชนที่รู้เท่าทัน มีสองทางเลือก
(1) อารยะขัดขืน อยู่กับบ้าน ไม่ออกมาลงประชามติ เพื่อให้จำนวน
ผู้ออกมาใช้สิทธิไม่ถึงครึ่งหนึ่งตามกฎหมายประชามติ
และประชามติต้องล้มไปในที่สุBR>(2) ออกไปลงประชามติ โดยไม่เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญ
ในเวลานี้ ไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือของระบอบทักษิณ
แต่ถ้ารัฐบาลยิ่งลักษณ์เหิมเกริมหรือคิด ด้านได้-อายอด ถึงขนาด
แก้กติกาประชามติ เพื่อเอื้ออำนวยให้สามารถผ่านประชามติได้ง่ายขึ้น
หวังชำเรารัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เพื่อเซ็นเช็คเปล่าให้กับการร่าง
รัฐธรรมนูญใหม่ของระบอบทักษิณ ประชาชนก็จะต้องใช้สิทธิทาง
กฎหมายอย่างเต็มที่ เพื่อพิทักษ์รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
เห็นด้วยอย่างยิ่ง ถูกต้องอย่างยิ่ง และไม่เห็นว่าจะมีประเด็นใดผิด
กฎหมายเลยไม่ไปก่อความวุ่นวาย ไม่มีการติดสินบน ซื้อเสียง
หรือใช้อิทธิพลอำนาจข่มขู่ ใช้วิธีรณรงค์บนพื้นฐานข้อเท็จจริง
ที่ถูกต้อง มันจะผิดกฎหมายได้อย่างไร?
ประการสำคัญ... ต้องไม่ลืมว่า
ฝ่ายรัฐบาลยิ่งลักษณ์ต่างหากที่กำลังพยายามจะล้มล้างแก้ไข
รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ในขณะที่ฝ่ายรณรงค์คว่ำบาตรการประชามติ
ครั้งนี้คือฝ่ายที่แสดงเจตนาจะปกป้องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
แบบนี้ ฝ่ายที่พิทักษ์รัฐธรรมนูญ ปกป้องรัฐธรรมนูญ
จะเป็นฝ่ายผิดกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญไปได้อย่างไร?
สารส้ม
http://www.naewna.com/politic/columnist/4546
เรื่องเดียวกัน ...จากแนวหน้า ...
แล้ว...ไอ้การทำ "ประชามติ" นี่ใครจะเป็นจะตาย ? กลัวเสียงข้างมากอีกแล้วหรือ
ล้มประชามติแก้รัฐธรรมนูญ ใครจะเป็นจะตาย? ....กวนน้ำให้ใส ...สารส้ม ...แนวหน้าออนไลน์
รัฐบาลยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทย ประกาศเดินหน้าตามบัญชาทักษิณ
เตรียมจัดให้มีการทำประชามติ ก่อนลงมติวาระ 3
แก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทั้งฉบับ
กกต.ประเมินว่า อาจต้องใช้เงินถึง 2,000 ล้านบาท
หลายฝ่ายแสดงท่าทีไม่เห็นด้วย โดยมองว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์และ
พรรคเพื่อไทยควรต้องเคารพคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
และดำเนินการตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
ซึ่งหากต้องการจะแก้ไขรัฐธรรมนูญก็สามารถกระทำได้
ด้วยการเสนอแก้เป็นรายมาตรา
จะกี่สิบ กี่ร้อยมาตรา ก็เสนอเข้าสู่สภาได้ ไม่มีปัญหา
ต้องการแก้ไขประเด็นใด ก็เสนอชัดๆ ว่ากันตรงไปตรงมา โดยเปิดเผย
ผ่านรัฐสภาแต่มิใช่พยายามจะล้มรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แล้วจัดให้มี ส.ส.ร.
ที่ขึ้นกับฐานเสียงทางการเมืองของ สส. หรือ สว.เลือกตั้งในปัจจุบัน
จัดทำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ทั้งฉบับ เสมือนเซ็นเช็คเปล่าให้เฉยๆ
เหมือนฆ่ารัฐธรรมนูญทั้งฉบับ โดยอาศัย สส.ที่มีฐานอำนาจมาจาก
รัฐธรรมนูญนั้นเอง เข้าตำรา ลูกฆ่าแม่เจตนาที่ซ่อนไม่มิด คือ ต้องการ
จะปลดล็อกคดีทุจริตโกงกิน เปิดทางลบล้างความผิดทั้งปวงให้กับ
ทักษิณ ชินวัตร เพราะถ้าออกกฎหมายนิรโทษกรรมโดยที่รัฐธรรมนูญ
ปัจจุบันยังอยู่ การออกกฎหมายเช่นนั้นก็จะขัดรัฐธรรมนูญเสียเอง
และkikaทักษิณที่บังอาจกระทำเช่นนั้นย่อมจะถูกดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด
1) ผู้นำฝ่ายค้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เขียนจดหมายเปิดผนึกในเฟซบุ๊ค
แสดงความเห็นบางประเด็นเกี่ยวกับการทำประชามติดังกล่าว โดยระบุว่า
...การยุติความล้มเหลวทางการเมืองโดยประชาชน
เป็นเพียงสิ่งเดียวที่จะช่วยให้ประเทศของเราก้าวข้ามอุปสรรคที่ขวาง
ทางบ้านเมืองมานานหลายปีไม่ให้เดินไปข้างหน้า นั่นคือความต้องการอยู่
เหนือกฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งทุกคนสามารถทำได้
ด้วยการร่วมกันล้มประชามติที่นายกฯ ผู้เป็นน้องสาว
กำลังจะทำเพื่อรื้อรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ หวังลบมาตรา 309
เพื่อล้มคดีทั้งหลายของพี่ชาย นักโทษหากพี่น้องทำสำเร็จก็จะเป็น
ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการเมืองไทย เปรียบเสมือนการปฏิวัติโดย
ประชาชนตามระบบที่ไม่เสี่ยงต่อการเสียเลือดเนื้อ
เพื่อยืนยันว่าประชาชนและกฎหมายยิ่งใหญ่กว่าอำนาจเงินและอำนาจรัฐ...
2) น่าผิดหวัง... นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง
รีบออกมาตีกัน ส่อเจตนาโอบอุ้มการทำประชามติตามแนวทางของรัฐบาล
ตั้งแต่หัววันอ้างว่า การรณรงค์ไม่ให้ประชาชนไปใช้สิทธิในการลงประชามติ
แก้ไขรัฐธรรมนูญ อาจเข้าข่ายต้องห้ามตามพระริประกอบ
รัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ มาตรา 43แถมขู่สำทับว่า มีโทษ
จำคุก หรือทั้งจำทั้งปรับเมื่อไปดูมาตรา 43 ปรากฏว่า บัญญัติห้ามผู้ใด
กระทำการ ดังต่อไปนี้
(1) ก่อความวุ่นวายเพื่อให้การออกเสียงไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
(2) ให้ เสนอให้หรือสัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สิน
หรือผลประโยชน์อื่นอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด
เพื่อจะจูงใจให้ผู้มีสิทธิออกเสียงไม่ไปใช้สิทธิออกเสียง
หรือออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือไม่ออกเสียง
(3) หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ หรือใช้อิทธิพลคุกคาม เพื่อให้ผู้มีสิทธิ
ออกเสียงไม่ไปใช้สิทธิออกเสียง ออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่งหรือ
ไม่ออกเสียง...
จะเห็นว่า การรณรงค์ให้โหวตคว่ำประชามติ หรือแม้แต่เชิญชวน
ให้ประชาชนอยู่กับบ้าน ไม่ต้องออกไปร่วมสังฆกรรม ไม่ออกไป
ใช้สิทธิลงประชามติ โดยไม่ไปก่อความวุ่นวาย ย่อมไม่ใช่เรื่องผิด
กฎหมายในตัวเองมันจะผิดกฎหมายก็ต่อเมื่อมีการเสนอผลประโยชน์
จูงใจ สัญญาว่าจะให้ หรือใช้วิธีหลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ หรือใช้
อิทธิพลคุกคามถามว่า นางสดศรีเป็นถึง กกต. จะไม่รู้เชียวหรือ?
นางสดศรีไม่นึกห่วงว่าฝ่ายที่กุมอำนาจรัฐ กุมอำนาจทุน และมีอิทธิพล
ล้นเหลือในเวลานี้ เขาอาจจะ ให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้ หรือจัด
เตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นอันอาจคำนวณเป็นเงิน
ได้แก่ผู้ใด เพื่อจะจูงใจให้ผู้มีสิทธิออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือแม้
กระทั่งใช้สื่อของรัฐ สื่อkikaทักษิณ กลไกราชการ หลอกลวง บังคับ
ขู่เข็ญ หรือใช้อิทธิพลคุกคาม เพื่อให้ผู้มีสิทธิออกเสียงอย่างใดอย่าง
หนึ่ง มากกว่าละหรือ?
มองไม่เห็นหรือ... คนของพรรคเพื่อไทยก็ดี คนของรัฐบาลก็ดี
เริ่มใช้กลไกเครื่องมือใต้อาณัติ เพื่อจะทำให้คนออกมาลงประชามติ
สนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญของพวกตนอยู่แบบนี้ กกต.ไม่คิดจะจับตา
มองว่าอาจจะเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย เพื่อให้ผู้มีสิทธิออกเสียง
อย่างใดอย่างหนึ่ง บ้างหรือ?
3) ขอสนับสนุนแนวคิดและข้อเสนอแนะของ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต ดังปรากฏในบทความ เล่ห์ทักษิณ
อยู่ในเว็บไซต์แนวหน้า บอกไว้ว่าหากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ดึงดัน
เดินหน้าต่อไป ประชาชนที่รู้เท่าทัน มีสองทางเลือก
(1) อารยะขัดขืน อยู่กับบ้าน ไม่ออกมาลงประชามติ เพื่อให้จำนวน
ผู้ออกมาใช้สิทธิไม่ถึงครึ่งหนึ่งตามกฎหมายประชามติ
และประชามติต้องล้มไปในที่สุBR>(2) ออกไปลงประชามติ โดยไม่เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญ
ในเวลานี้ ไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือของระบอบทักษิณ
แต่ถ้ารัฐบาลยิ่งลักษณ์เหิมเกริมหรือคิด ด้านได้-อายอด ถึงขนาด
แก้กติกาประชามติ เพื่อเอื้ออำนวยให้สามารถผ่านประชามติได้ง่ายขึ้น
หวังชำเรารัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เพื่อเซ็นเช็คเปล่าให้กับการร่าง
รัฐธรรมนูญใหม่ของระบอบทักษิณ ประชาชนก็จะต้องใช้สิทธิทาง
กฎหมายอย่างเต็มที่ เพื่อพิทักษ์รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
เห็นด้วยอย่างยิ่ง ถูกต้องอย่างยิ่ง และไม่เห็นว่าจะมีประเด็นใดผิด
กฎหมายเลยไม่ไปก่อความวุ่นวาย ไม่มีการติดสินบน ซื้อเสียง
หรือใช้อิทธิพลอำนาจข่มขู่ ใช้วิธีรณรงค์บนพื้นฐานข้อเท็จจริง
ที่ถูกต้อง มันจะผิดกฎหมายได้อย่างไร?
ประการสำคัญ... ต้องไม่ลืมว่า
ฝ่ายรัฐบาลยิ่งลักษณ์ต่างหากที่กำลังพยายามจะล้มล้างแก้ไข
รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ในขณะที่ฝ่ายรณรงค์คว่ำบาตรการประชามติ
ครั้งนี้คือฝ่ายที่แสดงเจตนาจะปกป้องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
แบบนี้ ฝ่ายที่พิทักษ์รัฐธรรมนูญ ปกป้องรัฐธรรมนูญ
จะเป็นฝ่ายผิดกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญไปได้อย่างไร?
สารส้ม
http://www.naewna.com/politic/columnist/4546
เรื่องเดียวกัน ...จากแนวหน้า ...
แล้ว...ไอ้การทำ "ประชามติ" นี่ใครจะเป็นจะตาย ? กลัวเสียงข้างมากอีกแล้วหรือ