ส่องงบ TISCO ไตรมาส 1/68 คาดกำไร 1.59-1.64 พันลบ. ลดลง 5-8% เหตุตั้งสำรองฯพุ่ง

ส่องงบ TISCO ไตรมาส 1/68 คาดกำไร 1.59-1.64 พันลบ. ลดลง 5-8% เหตุตั้งสำรองฯพุ่ง




โบรกฯ ส่องงบไตรมาส 1/68 บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO คาดงบอ่อนแอ ทำกำไรอยู่ที่ 1.59-1.64 พันล้านบาท ลดลง 5-8% จากการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นตามความเสี่ยงสินเชื่อ และ NIM ลดลง แต่ยังเป็นหุ้นที่จ่ายปันผลสูงถึงระดับ 8%

DAOL คาดกำไร 1.61 พันลบ. ลดลง 7%

บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ประมาณการกำไรสุทธิ 1Q25E ของ TISCO ที่ 1.61 พันล้านบาท (-7% YoY, -5% QoQ) จากการตั้งสำรองฯที่เพิ่มขึ้น +64% YoY และ +36% QoQ ตามความเสี่ยงของสินเชื่อผลตอบแทนสูงที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับมี NIM ที่ลดลงมาอยู่ที่ 4.84% จากไตรมาสก่อนอยู่ที่ 4.90% เพราะ Loan yield ที่ลดลงจากโครงการคุณสู้เราช่วย รวมถึงมีการปล่อยสินเชื่อสมหวังลดลง

ด้านรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิเพิ่มขึ้น +4% YoY แต่ลดลง -8% QoQ เพราะไม่มีดีล IB และมี Bancassurance ลดลงตามยอดขายรถยนต์ ขณะที่กองทุนรวมยังเติบโตได้อยู่ ด้านสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้น +0.5% YoY จากสินเชื่อรายใหญ่ โดยเฉพาะจากกลุ่ม Real Estate และโรงไฟฟ้าเป็นหลัก ขณะที่สินเชื่อเช่าซื้อยังคงหดตัวลงตามภาวะอุตสาหกรรม รวมถึงสินเชื่อรายย่อยในส่วนของจำนำทะเบียนเริ่มปรับตัวลดลงเพรากังวลหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น ด้าน NPL เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.47% จากไตรมาสก่อนที่ 2.35% มาจากจำนำทะเบียนรถเป็นหลัก

ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2025E อยู่ที่ 6.8 พันล้านบาท ลดลง -1% YoY จากสำรองฯที่เพิ่มขึ้น ขณะที่เราคาดว่าแนวโน้มกำไร 2Q24E มีโอกาสที่จะลดลงทั้ง YoY และ QoQ จากสำรองฯที่จะเพิ่มขึ้นตามสินเชื่อผลตอบแทนสูงที่เพิ่มขึ้นราคาหุ้นเพิ่มขึ้น +7% และ +17% ช่วง 1 และ 3 เดือนที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับ SET เพราะตลาดหุ้นที่ผันผวนทำให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในหุ้นปันผลมากขึ้น ขณะที่ TISCO ยังยืนยันที่จะจ่ายปันผลในระดับสูงอย่างต่อเนื่องแม้ว่าแนวโน้มกำไรจะลดลง

ทั้งนี้ คาดว่า TISCO จะยังคงเป็นหุ้นที่มี Dividend yield สูงถึงระดับราว 8% (จ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง โดยจะ XD ช่วงเดือน ก.ย. และ เม.ย.) ยังคงคำแนะนำ “ถือ” TISCO และราคาเป้าหมายที่ 96.00 บาท อิง 2025E PBV ที่ 1.75x (+0.50SD above 10-yr average PBV)


บล.พาย มองงบอ่อนแอ ที่ 1.6 พันลบ. ลดลง 6.7%

บล.พาย คาดกำไรสุทธิใน 1Q25 ที่ 1.6 พันล้านบาท (-6.7% YoY, -5.3% QoQ) ปัจจัยกดดันกำไรปรับลดลง YoY และ QoQ เนื่องจาก (1) สำรองหนี้ฯ เพิ่มขึ้น จากการขยายสินเชื่อที่มีอัตราผลตอบแทนสูง (High yield loan) และคุณภาพสินเชื่อมีแนวโน้มอ่อนแอลง และ (2) รายได้ค่าธรรมเนียมชะลอตัวจากธุรกิจด้านตลาดทุน และ Bancassuarance


คาดสินเชื่อจะเติบโต 0.4% QoQ ชะลอตัวจาก +1% QoQ ใน 4Q24 หลังจากสินเชื่อสุทธิเดือน ม.ค.-ก.พ. เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.2% จากเดือน ธ.ค. 2024 มาจากการเติบโตของสินเชื่อบริษัทขนาดใหญ่ เช่าซื้อรถยนต์ใช้แล้ว และจักรยานยนต์ใหม่

ส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) แนวโน้มทรงตัว QoQ ที่ 5% เพราะแม้ควบคุมต้นทุนการเงินได้ แต่ผลกระทบจากการปรับลดดอกเบี้ย และโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” กดดันอัตราผลตอบแทนสินเชื่อ (loan yield) ลดลงได้

หนี้เสียมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวเปาะบาง เราคาดว่า NPL ratio จะปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ ที่ 2.4% และ Coverage ratio ลดลงต่อเนื่องที่ 151.4% โดย คาด Credit cost ใน 1Q25 ที่ 100 bps (+53 bps YoY, +43 bps QoQ)

ปี 2025 ยังเป็นปีที่ท้าทาย จาก (1) เศรษฐกิจฟื้นตัวเปาะบางกระทบการขยายสินเชื่อ (2) สำรองหนี้ฯ เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปี 2024 สะท้อนคุณภาพที่อ่อนแอทำให้จำเป็นต้องสร้างความแข็งแกร่งของงบดุล และ (3) ตลาดทุนแนวโน้มผันผวนสูงจากผลกระทบทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอก เราคาดว่ากำไรสุทธิปี 2025 ลดลง 5.5% YoY และแต่ด้วยฐานเงินกองทุนแข็งแกร่งทำให้จะสามารถจ่ายเงินปันผลสูงต่อเนื่อง คาด Dividend yield ที่ 7.4% ในปี 2025

TISCO ประกาศจ่ายเงินปันผลงวด 2H24 ที่ 5.75 บาท (XD 25 เม.ย. และจ่ายเงิน 16 พ.ค.) ส่งผลให้ในปี 2024 จ่ายปันผลรวม 7.75 บาท คิดเป็น Payout ratio ที่ 89.9%

คงคำแนะนำ "ถือ" มูลค่าพื้นฐาน 100 บาท ประเมินมูลค่าพื้นฐานที่ 100 บาท ด้วยวิธี GGM (ROE 15%, Terminal growth 2%) อิง 1.83x PBV’25E หรือ +0.25SD ของค่าเฉลี่ย 10 ปี (2015-2024)


KS มองกำไรที่ 1.59 พันลบ. ลดลง 8%

บล.กรุงศรี คาดการณ์กำไรสุทธิ 1Q25F คาดที่ 1.59 พันลบ. ลดลง -8%y-y และ -7% q-q เพราะค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) เพิ่มขึ้น จากการปรับเพิ่มไปสู่ระดับปกติ และคุณภาพสินทรัพย์อ่อนแอ โดยเฉพาะสินเชื่อรายย่อย NPL Ratio อยู่ที่ 2.40% เพิ่มจาก 4Q24 ที่ 2.35% สำหรับผลการดำเนินงานธุรกิจหลัก (PPOP) เพิ่มขึ้น +5% y-y และ +5% q-q จากการเพิ่มของ NIM การเพิ่มขึ้นของสินเชื่อรวม และการลดลงของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX)

มอง TISCO เป็นหุ้นปันผล โดยมีปันผลเด่น dividend yield สูงสุดติดอันดับ 1 ใน 2 ของกลุ่มธนาคารคาดที่ 8% โดย 2H24 จ่ายที่ 5.75 บ./หุ้น dividend yield ที่ 6% ขึ้น XD วันที่ 25/04/2025 คงคำแนะนำ NEUTRAL และคง TP25F ที่ 94 บ.


ASPS คาดกำไร 1.64 พันลบ. ลดลง 5.1%

ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส คาดกำไรสุทธิงวด 1Q68 ที่ 1.64 พันล้านบาท (-3.4% QOQ, -5.1% YOY) จาก CREDIT COST สูงขึ้น ตามระดับ NPL ที่เพิ่มขึ้น



ระดับ NPL คาดไว้ 2.5% จาก 2.4% ณ สิ้นงวดก่อน จากภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย ส่งผลต่อคุณภาพสินทรัพย์สินเชื่อรายย่อย อย่าง เช่าซื้อฯ และจำนำทะเบียน ด้าน มาตรการ คุณสู้ เราช่วย ยังอยู่ในช่วงของการลงทะเบียน ในขณะที่กลุ่มที่ลงทะเบียนและ ผ่านเงื่อนไข ยังต้องมีกระบวนการในการเซ็นสัญญาใหม่ จึงยังไม่เห็นผลบวกในงวดนี้ (หรืออาจมี TECHNICAL NPL ได้ จากการขาดจ่ายในช่วงระหว่างรอเซ็นสัญญาใหม่)

ทั้งนี้ หากกำไรสุทธิ 1Q68 เป็นไปตามคาด จะคิดเป็นสัดส่วน 24% ของประมาณการ กำไรทั้งปีฝ่ายวิจัย และ 25% ของ BB CONSENSUS ภายใต้แนวโน้มกำไร 2Q68 ดีขึ้น QOQ เพราะ FVTPL ตามฤดูกาล และ NIM ฟื้นตัวจาก COST OF FUND ต่ำลง เพราะ การ REPRICING เงินฝากประจำ ทำให้โอกาสถูก DOWNGRADE EARNING จาก ตลาดอย่างมีนัยฯ ในช่วง 3 เดือนข้างหน้ายังต่ำ ตามความเห็นฝ่ายวิจัย

ท่ามกลางความท้าทายของเศรษฐกิจมหภาค โดยเฉพาะช่วง 2H68และทิศทางสำรองที่ เป็นขาขึ้น หลังตั้งสำรองระดับต่ำในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่คาดว่า TISCO ยังสามารถ รักษาการจ่ายปันผลที่ 7.75 บาทต่อหุ้น ได้ผ่านการเพิ่ม DIVIDEND PAYOUT RATIO แนะนำ Neutral ราคาเป้าหมาย 102.00 บาท


คาดการณ์งบ TISCO งวดไตรมาส 1/68

โบรกเกอร์    กำไรสุทธิ    เปลี่ยนแปลง    เปลี่ยนแปลง    คำแนะนำ    ราคาเป้าหมาย
(ลบ.)    % YoY    % QoQ    (บาท)
ดาโอฯ    1,610    -7.00%    -5.00%    ถือ    96
พาย    1,600    -6.70%    -5.30%    ถือ    100
กรุงศรี    1,590    -8.00%    -7.00%    Neutral     94
เอเซีย พลัส    1,640    -5.10%    -3.40%    Neutral     102
รวบรวมโดย : สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย




--------------------------------------------------------------------------------

เงินกองทุน - กำไรสะสมแบงก์ไทย สูงปรี๊ด! ลุ้นปรับนโยบายปันผล - ซื้อหุ้นคืน

หลังจากธนาคารพาณิชย์ประกาศผลประกอบการประจำปี 67 ออกมา พบว่าข้อมูลเงินเม็ดเงินกองทุนค่อนข้างสูง ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มให้ความสนใจว่ามีโอกาสที่บรรดาธนาคารพาณิชย์ จะปรับเปลี่ยนนโยบายเงินปันผลเพิ่มเติม หรือมีนโยบายซื้อหุ้นคืนหรือไม่ ในภาวะตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลงแรง เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน

ขณะที่ก่อนหน้านี้ ธนาคารกสิกรไทย(KBANK) อยู่ระหว่างพิจารณานโยบายจ่ายเงินปันผล และการซื้อหุ้นคืน หลังโรดโชว์นักลงทุนส่วนใหญ่ให้ความสนใจถึงเงินกองทุนที่สูงเกินไป เมื่อเทียบกับเศรษฐกิจไทยที่ไม่เติบโต และให้ความสำคัญกับการสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมให้กับผู้ถือหุ้น พร้อมรอความชัดเจนการแก้หลักเกณฑ์จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดนโยบายซื้อหุ้นคืนที่เหมาะสมต่อไป

ทางด้าน ธนาคารทหารไทยธนชาต(TTB) ก็ประกาศซื้อหุ้นคืนแล้ว  โดยตั้งวงเงินซื้อหุ้นคืนรวมไม่เกิน 2.1 หมื่นล้านบาท ภายใน 3 ปี (ปี 68-70)

ทั้งนี้เมื่อพิจารณา นโยบายการจ่ายเงินปันผลของธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้ง 11 แห่ง พบว่า KBANK จ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 25% ของกำไรสุทธิ, SCB ไม่น้อยกว่า 30% ของกำไรสุทธิ, KTB จ่ายไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ, BBL จ่ายเมื่อผลประกอบการของธนาคารมีกำไร, TISCO จ่าย 50% หรือ สูงกว่าของกำไรสุทธิในแต่ละปี, KKP จ่ายเงินปันผลจากกำไรของงบการเงิน/ตามที่ประชุมเห็นควร

ด้าน BAY จ่ายโดยคำนึงถึงความเพียงพอของเงินกองทุนเป็นลำดับแรก และปัจจัยอื่น ๆ, CIMBT จ่ายเมื่อธนาคารมีผลกำไร-เงินสำรองตามข้อกำหนด, LHFG จ่ายโดยคำนึงถึงผลประกอบการ-ผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นในระยะยาว, TTB จ่ายโดยคำนึงถึงผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นในระยะยาว  และ CREDIT มีนโยบายช่วงปี 67-70 จ่ายปันผลอยู่ในช่วง 5 - 20% ของกำไรสุทธิในแต่ละปี


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่