เชื่อมือรัฐบาล! UBS อัพเกรดหุ้นไทย - ลิเบอเรเตอร์ ร่วมเชียร์ CPALL

KEY POINTS
หุ้นไทยคึกคัก! UBS Global Research เพิ่มน้ำหนักลงทุนชี้นโยบายรัฐบาลเพิ่มเชื่อมั่น-สิทธิภาษีใหม่หนุน
ชู 8 หุ้นเด่น AOT อัพไซด์สูงนำกลุ่ม
บล.ลิเบอเรเตอร์ เชียร์ "CPALL" พื้นฐานดี ราคาถูก

ตลอด 3 ปี หุ้นไทยทิ้งดิ่งอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี 2566 ดัชนีร่วง -252.81 จุด ติดลบ -15.15% ปิดที่ 1,415.85 จุด ต่อมาในปี 2567 ดัชนีลดลง -15.64 จุด ติดลบ -1.10% ปิดที่ 1,400.21 จุด

ร่วงลากยาวต่อเนื่องในช่วงต้นปี 2568 จนถึงปัจจุบัน ดัชนีร่วงแรง -224.04 จุด ติดลบ -16% แตะที่ 1,176.17 จุด เม็ดเงินลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศไหลออกสู่ตลาดที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า

แต่แล้วเหมือนแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์!
เมื่อ UBS Global Research ออกบทวิเคราะห์วันที่ 18 มีนาคม 2568 ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในประเทศไทย เป็น "Overweight" จาก "Neutral"
[img]https://image.posttoday.com/uploads/images/contents/w1024/2025/03/hC3jXPmE3UfzM84arRf7.webp?x-image-process=style/lg-webp[/img]
การเพิ่มน้ำหนักลงทุนดังกล่าว เนื่องด้วยปัจจัยสำคัญ อาทิ นโยบายรัฐบาล ทั้ง มาตรการกระตุ้นทางการคลัง การฟื้นตัวของการท่องเที่ยว และการฟื้นตัวของการบริโภคแบบ K-shaped จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับตลาด
รวมถึงการไถ่ถอนกองทุน LTF ที่หมดอายุในปี 2568 จะถูกชดเชยด้วยโครงการสิทธิประโยชน์ทางภาษีใหม่
ดังนั้น ความเสี่ยงด้านลบดูเหมือนได้ถูกสะท้อนในราคาไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ โดยมองมูลค่าหุ้นไทยใกล้กับระดับต่ำสุดในช่วงโควิด
[img]https://image.posttoday.com/uploads/images/contents/w1024/2025/03/zeSoyXgIpKuQrJZiwpqc.webp?x-image-process=style/lg-webp[/img]
"วิจิตร อารยะพิศิษฐ" นักกลยุทธ์การลงทุนฝ่ายวิจัย บล.ลิเบอเรเตอร์ เผยมุมมองกับ "โพสต์ทูเดย์" ว่า ตามที่มีบทวิเคราะห์จากต่างประเทศเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นไทยถือเป็นเรื่องที่ดีและช่วยกระตุ้นบรรยากาศการลงทุนให้กลับมาคึกคักได้

สิ่งที่เห็นด้วยก็คือเรื่อง LTF ที่มีเม็ดเงินใหม่เข้ามาแม้ยังไม่มากพอก็ตาม เพราะคนมีเงินซื้อน้อยมาก แต่ตลาดหุ้นไทยมีข้อดีคือเทรดไม่แพง พี/อี เพียง 12.3 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวถึง -2.0SD ถือเป็นระดับที่น่าทยอยสะสม

"คีย์เวิร์ดสำคัญคือปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียน เพราะหุ้นไทยเทรดใกล้ช่วงวิกฤติโควิด-19 ทั้งที่เศรษฐกิจยังคงเดินหน้าได้ดี พี/อีไม่แพง ดังนั้นคงต้องเน้นหุ้นพื้นฐานดี กำไรเติบโต ราคาอยู่โซนล่าง และมี Valuation น่าสนใจ" 

อย่างไรก็ดี หากพิจารณา 8 หุ้นดังกล่าวข้างต้น ยังคงเน้นหุ้นที่มีสตอรี่ที่น่าสนใจ ดังนั้นคงแนะนำ "ซื้อ" หุ้น "บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL" ให้ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 75 บาท

ด้วยแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2568 ของ CPALL คาดได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐฯ ทั้ง Easy e-Receipt และ Digital wallet โดยยอดขายต่อสาขาคาดยังคงแข็งแกร่งกว่ากลุ่ม

ขณะที่ Valuation ของหุ้น CPALL ในปัจจุบันเทรดเพียง PE 16.2 เท่า ถือว่าไม่แพงและต่ำกว่าค่าเฉลี่ย Forward PE ระยะยาวที่ 20 เท่า นั่นหมายความว่าราคาปัจจุบันอยู่ในระดับที่น่าทยอยสะสม

"หุ้น AOT แม้ราคาจะร่วงต่ำแต่ยังมีประเด็นที่น่าจับตาคือคิงพาวเวอร์ ดังนั้นมองว่าตัวที่น่าสนใจคงแนะนำ CPALL รองลงมาคือ CRC สื่อสารอย่าง TRUE ยังพอได้ ขณะที่หุ้นแบงก์ อย่าง KBANK และ KTB เรื่องราคาถือว่าถูกและน่าสนใจเช่นกันเพียงแต่ต้องขายก่อนปันผล"




แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่