เปิดภาพรวมหนี้ครัวเรือนไทย พบ ไตรมาส 3 ปี 2567 ครัวเรือนไทย มีหนี้รวม 16.3 ล้านล้าน NPL รวม 1.2 ล้านล้าน คิดเป็น 8.78% ต่อสินเชื่อรวม หนี้บัตรเครดิตสูงสุด 12.5% 1.5 แสนล้านบาท
จากแนวคิดของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ที่บอกว่าได้หารือกับ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการซื้อหนี้เสีย (NPLs) ออกจากระบบธนาคาร แล้วให้เอกชนมาบริหารโดยรัฐบาลไม่ต้องเสียงบประมาณทำให้ได้รับความสนใจจากสังคมอย่างมากถึงแนวทางและวิธีการว่าจะทำอย่างไร
ขณะที่ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ยอมรับว่ากำลังศึกษาเรื่องนี้และต้องมีการปรึกษากับหลายฝ่าย รวมทั้งสมาคมธนาคารไทย เพราะเกี่ยวข้องกับคนที่เป็นหนี้หลายล้านบัญชี
หนี้ครัวเรือนไตรมาส 3/67 มูลค่า 16.3 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ข้อมูลของหนี้ครัวเรือนไทยจากรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาส 4 และภาพรวมปี 2567 ที่เปิดเผยโดยสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พบว่า หนี้ครัวเรือนไทยในไตรมาส 3 ปี 2567 มีมูลค่า 16.34 ล้านล้านบาท ขยายตัว 0.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่สัดส่วนหนี้ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) อยู่ที่ 89.0%
โดยหนี้ครัวเรือนในไตรมาส 3 ปี 2567 มูลค่า 16.34 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น
หนี้เพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ มีมูลค่า 5.6 ล้านล้านบาท คิดเป็น 34.3% ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด
หนี้เพื่อยานยนต์ มีมูลค่า 1.7 ล้านล้านบาท คิดเป็น 10.2% ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด
หนี้เพื่อการประกอบธุรกิจ มีมูลค่า 2.9 ล้านล้านบาท คิดเป็น 17.7% ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด
4.หนี้เพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคล มีมูลค่า 4.6 ล้านล้านบาท คิดเป็น 28% ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด โดยแบ่งเป็น
สินเชื่อส่วนบุคคล มีมูลค่า 3.3 ล้านล้านบาท คิดเป็น 20% ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด
สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ มีมูลค่า 0.9 ล้านล้านบาท คิดเป็น 5.3% ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด
สินเชื่อบัตรเครดิต มีมูลค่า 0.5 ล้านล้านบาท คิดเป็น 2.8% ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด
5. สินเชื่ออื่นๆ มีมูลค่า 1.6 ล้านล้านบาท คิดเป็น 9.8% ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด
ทั้งนี้ สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้กำกับ คือ สินเชื่อที่ผู้ให้บริการต้องมาขอใบอนุญาตกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีหลักประกันหรือไม่มีหลักประกันที่ให้แก่บุคคลธรรมดา และไม่ได้ระบุวัตถุประสงค์ และไม่มีวัตถุประสงค์นำไปใช้ในการประกอบธุรกิจ เช่น สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ สินเชื่อบัตรกดเงินสด ขณะที่สินเชื่ออื่นๆ ประกอบด้วย สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ สินเชื่อเพื่อการศึกษา และสินเชื่อที่ไม่สามารถจำแนกวัตถุประสงค์ได้
หนี้เสียมูลค่า 1.2 ล้านล้าน บัตรเครดิตเป็นหนี้เสียมากที่สุด
ด้านคุณภาพสินเชื่อของครัวเรือน ในไตรมาส 3 ปี 2567 จากข้อมูลบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือเครดิตบูโร พบว่า มูลค่าสินเชื่อส่วนบุคคลที่ค้างชำระเกิน 90 วันขึ้นไป (NPLs) มีมูลค่า 1.2 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 8.78% ต่อสินเชื่อรวม ทั้งนี้ สินเชื่อบัตรเครดิตเป็นสินเชื่อที่ครัวเรือนมีการผิดนัดชำระหนี้มากที่สุด สะท้อนจากสัดส่วนหนี้ NPLs ต่อสินเชื่อรวม ที่สูงถึง 12.58% หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 150,960 ล้านบาท
โดยสัดส่วน NPLs ต่อสินเชื่อรวมแยกตามประเภทสินเชื่อ มีดังนี้
สินเชื่อที่อยู่อาศัย มีสัดส่วน 4.58% ต่อสินเชื่อรวม
สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ มีสัดส่วน 10.33% ต่อสินเชื่อรวม
สินเชื่อบัตรเครดิต คิดเป็น 12.58% ต่อสินเชื่อรวม
สินเชื่อส่วนบุคคล คิดเป็น 10.77% ต่อสินเชื่อรวม
สินเชื่อเพื่อการเกษตร คิดเป็น 5.90% ต่อสินเชื่อรวม
สินเชื่อเพื่อการพาณิชย์ คิดเป็น 12.25% ต่อสินเชื่อรวม
สินเชื่ออื่นๆ คิดเป็น 19.79% ต่อสินเชื่อรวม
ทั้งนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีมาตรการที่ช่วยเหลือหนี้บัตรเครดิต เช่น ตัดสินใจตรึงอัตราการ จ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิต (Minimum Payment) ไว้ที่ 8% ถึงสิ้นปี 2568 จากเดิมจะขึ้นเป็น 10% ต่อไปอีก 1 ปี
การแก้หนี้เสีย บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อส่วนบุคคล ที่ค้างชำระเกิน 120 วัน โดยรวมแก้หนี้ในครั้งเดียวได้ หากมีเจ้าหนี้หลายแห่ง ยอดหนี้รวมไม่เกิน 2 ล้านบาท สามารถขอลดดอกเบี้ย เหลือ 3%-5% ต่อปี และเปลี่ยนเป็นผ่อนจ่ายรายงวด สูงสุด 10 ปี โดยลูกหนี้ต้องมีรายได้ อายุไม่เกิน 70 ปี และไม่เป็นบุคคลล้มละลาย
นอกจากนี้ในโครงการคุณสู้เราช่วยยังมี มาตรการที่ “จ่าย ปิด จบ” ช่วยลดภาระหนี้ให้แก่ลูกหนี้บุคคลธรรมดาที่ NPL แต่มียอดคงค้างหนี้ไม่สูง (ไม่เกิน 5,000 บาท) โดยเป็นการปรับโครงสร้างหนี้ให้ลูกหนี้ชำระหนี้ขั้นต่ำเพียง 10% ของยอดหนี้คงค้างเพื่อปิดหนี้ได้ทันที
ส่องNPL 1.2 ล้านล้าน หนี้เสียบัตรเครดิตพุ่ง 12.5% ต่อสินเชื่อรวม
จากแนวคิดของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ที่บอกว่าได้หารือกับ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการซื้อหนี้เสีย (NPLs) ออกจากระบบธนาคาร แล้วให้เอกชนมาบริหารโดยรัฐบาลไม่ต้องเสียงบประมาณทำให้ได้รับความสนใจจากสังคมอย่างมากถึงแนวทางและวิธีการว่าจะทำอย่างไร
ขณะที่ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ยอมรับว่ากำลังศึกษาเรื่องนี้และต้องมีการปรึกษากับหลายฝ่าย รวมทั้งสมาคมธนาคารไทย เพราะเกี่ยวข้องกับคนที่เป็นหนี้หลายล้านบัญชี
หนี้ครัวเรือนไตรมาส 3/67 มูลค่า 16.3 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ข้อมูลของหนี้ครัวเรือนไทยจากรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาส 4 และภาพรวมปี 2567 ที่เปิดเผยโดยสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พบว่า หนี้ครัวเรือนไทยในไตรมาส 3 ปี 2567 มีมูลค่า 16.34 ล้านล้านบาท ขยายตัว 0.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่สัดส่วนหนี้ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) อยู่ที่ 89.0%
โดยหนี้ครัวเรือนในไตรมาส 3 ปี 2567 มูลค่า 16.34 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น
หนี้เพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ มีมูลค่า 5.6 ล้านล้านบาท คิดเป็น 34.3% ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด
หนี้เพื่อยานยนต์ มีมูลค่า 1.7 ล้านล้านบาท คิดเป็น 10.2% ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด
หนี้เพื่อการประกอบธุรกิจ มีมูลค่า 2.9 ล้านล้านบาท คิดเป็น 17.7% ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด
4.หนี้เพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคล มีมูลค่า 4.6 ล้านล้านบาท คิดเป็น 28% ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด โดยแบ่งเป็น
สินเชื่อส่วนบุคคล มีมูลค่า 3.3 ล้านล้านบาท คิดเป็น 20% ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด
สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ มีมูลค่า 0.9 ล้านล้านบาท คิดเป็น 5.3% ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด
สินเชื่อบัตรเครดิต มีมูลค่า 0.5 ล้านล้านบาท คิดเป็น 2.8% ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด
5. สินเชื่ออื่นๆ มีมูลค่า 1.6 ล้านล้านบาท คิดเป็น 9.8% ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด
ทั้งนี้ สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้กำกับ คือ สินเชื่อที่ผู้ให้บริการต้องมาขอใบอนุญาตกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีหลักประกันหรือไม่มีหลักประกันที่ให้แก่บุคคลธรรมดา และไม่ได้ระบุวัตถุประสงค์ และไม่มีวัตถุประสงค์นำไปใช้ในการประกอบธุรกิจ เช่น สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ สินเชื่อบัตรกดเงินสด ขณะที่สินเชื่ออื่นๆ ประกอบด้วย สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ สินเชื่อเพื่อการศึกษา และสินเชื่อที่ไม่สามารถจำแนกวัตถุประสงค์ได้
หนี้เสียมูลค่า 1.2 ล้านล้าน บัตรเครดิตเป็นหนี้เสียมากที่สุด
ด้านคุณภาพสินเชื่อของครัวเรือน ในไตรมาส 3 ปี 2567 จากข้อมูลบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือเครดิตบูโร พบว่า มูลค่าสินเชื่อส่วนบุคคลที่ค้างชำระเกิน 90 วันขึ้นไป (NPLs) มีมูลค่า 1.2 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 8.78% ต่อสินเชื่อรวม ทั้งนี้ สินเชื่อบัตรเครดิตเป็นสินเชื่อที่ครัวเรือนมีการผิดนัดชำระหนี้มากที่สุด สะท้อนจากสัดส่วนหนี้ NPLs ต่อสินเชื่อรวม ที่สูงถึง 12.58% หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 150,960 ล้านบาท
โดยสัดส่วน NPLs ต่อสินเชื่อรวมแยกตามประเภทสินเชื่อ มีดังนี้
สินเชื่อที่อยู่อาศัย มีสัดส่วน 4.58% ต่อสินเชื่อรวม
สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ มีสัดส่วน 10.33% ต่อสินเชื่อรวม
สินเชื่อบัตรเครดิต คิดเป็น 12.58% ต่อสินเชื่อรวม
สินเชื่อส่วนบุคคล คิดเป็น 10.77% ต่อสินเชื่อรวม
สินเชื่อเพื่อการเกษตร คิดเป็น 5.90% ต่อสินเชื่อรวม
สินเชื่อเพื่อการพาณิชย์ คิดเป็น 12.25% ต่อสินเชื่อรวม
สินเชื่ออื่นๆ คิดเป็น 19.79% ต่อสินเชื่อรวม
ทั้งนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีมาตรการที่ช่วยเหลือหนี้บัตรเครดิต เช่น ตัดสินใจตรึงอัตราการ จ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิต (Minimum Payment) ไว้ที่ 8% ถึงสิ้นปี 2568 จากเดิมจะขึ้นเป็น 10% ต่อไปอีก 1 ปี
การแก้หนี้เสีย บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อส่วนบุคคล ที่ค้างชำระเกิน 120 วัน โดยรวมแก้หนี้ในครั้งเดียวได้ หากมีเจ้าหนี้หลายแห่ง ยอดหนี้รวมไม่เกิน 2 ล้านบาท สามารถขอลดดอกเบี้ย เหลือ 3%-5% ต่อปี และเปลี่ยนเป็นผ่อนจ่ายรายงวด สูงสุด 10 ปี โดยลูกหนี้ต้องมีรายได้ อายุไม่เกิน 70 ปี และไม่เป็นบุคคลล้มละลาย
นอกจากนี้ในโครงการคุณสู้เราช่วยยังมี มาตรการที่ “จ่าย ปิด จบ” ช่วยลดภาระหนี้ให้แก่ลูกหนี้บุคคลธรรมดาที่ NPL แต่มียอดคงค้างหนี้ไม่สูง (ไม่เกิน 5,000 บาท) โดยเป็นการปรับโครงสร้างหนี้ให้ลูกหนี้ชำระหนี้ขั้นต่ำเพียง 10% ของยอดหนี้คงค้างเพื่อปิดหนี้ได้ทันที