ยายพายเรือ
บอยเป็นเด็กที่อาศัยอยู่ใกล้วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ทุกวันหลังเลิกเรียน เขาจะเดินผ่านวัดแถวบ้านจนเป็นเรื่องปกติ ด้วยความที่เติบโตมาในละแวกนั้น บอยจึงไม่เคยกลัว ไม่ว่าเวลาจะดึกแค่ไหน
แต่วันนี้มีป้ายงานวัดมาติดที่กำแพงวัด บอกว่าจะมีลิเก รำวง และที่ทำให้บอยสนใจที่สุดก็คือ “หนังกลางแปลง” เขาจึงรีบนัดเพื่อนอีกสองคนว่าจะไปดูหนังด้วยกัน
หลังจากกลับบ้านเปลี่ยนเสื้อผ้าและขออนุญาตแม่เรียบร้อย แม่เตือนเขาว่า
"ดึกๆ แล้วระวังนะลูก ทางหลังวัดไฟไม่ค่อยมี"
แต่บอยยืนยันว่าเขากลับได้ เพราะไปกับเพื่อนและบ้านก็อยู่ไม่ไกล แม่จึงปล่อยไป
คืนนั้น ทั้งสามคนสนุกสนานกับบรรยากาศงานวัด กินขนม ดูลิเก และเพลิดเพลินไปกับเสียงหัวเราะของผู้คน กระทั่งหนังกลางแปลงเริ่มฉาย พวกเขาปูเสื่อนั่งชมภาพยนตร์อย่างจดจ่อ
เวลาผ่านไปจนเกือบตีหนึ่ง เม่นเริ่มร้อนรน “โห! บอย นี่มันจะตีหนึ่งแล้ว รีบกลับเถอะ เดี๋ยวแม่ด่าแน่!”
บอยตกใจเมื่อเห็นเวลาบนนาฬิกาข้อมือ รีบบอกให้เพื่อนทั้งสองคนออกทางด้านหลังวัด เพราะเป็นทางลัดกลับบ้าน
ขณะขี่จักรยานผ่านสะพานที่ทอดข้ามแม่น้ำ ทั้งสามคนก็หยุดรอจังหวะข้ามถนน บอยมองสัญญาณไฟกระพริบสีเหลืองแล้วหันไปบอกเพื่อนว่า "ข้ามเลย ไม่มีรถหรอก"
แต่ทันใดนั้น—
"คื้ดๆ... คื้ดๆ..."
เสียงแปลกๆ ดังขึ้นจากริมฝั่งน้ำ บอยหันขวับไปมองแต่ไม่เห็นอะไร นิลกับเม่นก็นิ่งเงียบผิดปกติ ทำเอาบอยขนลุกซู่
"เป็นอะไรกัน?" เขาถาม แต่ไม่มีใครตอบ
เสียงนั้นยังคงดังต่อเนื่อง พร้อมกับภาพ หัวเรือหางยาว ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากแม่น้ำ!
เรือลำนั้นเคลื่อนขึ้นมาบนถนนอย่างช้าๆ ราวกับลอยได้ ขณะที่ทั้งสามยืนตัวแข็งทื่อ มองดูมันเลื่อนผ่านหน้าไป และที่หัวเรือ มี ยายแก่คนหนึ่ง นั่งพายอยู่
เธอสวมเสื้อคอกระเช้าสีส้ม ท่าทางนิ่งสงบ แต่สิ่งที่ทำให้หัวใจของบอยแทบหยุดเต้นคือ—
ยายคนนั้น... ไม่มีตาดำ!
ปากของเธออ้าออกเล็กน้อย และดวงตาสีขาวโพลนหันมาจ้องตรงมาที่บอยราวกับจะมองทะลุเข้ามาในจิตใจ
แต่ที่น่าสะพรึงที่สุดคือ ขณะที่เรือลอยต่ำลงไปที่แม่น้ำ ดวงตาของยายยังคงจ้องอยู่ไม่ละสายตา... ศีรษะของเธอหมุนตามราวกับสามารถบิดได้ 160 องศา!
"ไปกันเดี๋ยวนี้!" เม่นตะโกนลั่น ทั้งสามรีบกระโดดขึ้นจักรยานปั่นสุดแรง ไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับไปมอง
เช้าวันรุ่งขึ้น แม่ของบอยสังเกตเห็นอาการของลูกชายและเพื่อนๆ จึงพาพวกเขาไปให้หลวงตาที่วัดรดน้ำมนต์
เมื่อบอยถามว่าเมื่อคืนเขาเจออะไร หลวงตายิ้มบางๆ แล้วบอกให้ไปดูที่ใต้สะพาน
ที่นั่น มีศาลเล็กๆ ตั้งอยู่ปะปนกับต้นไม้รกครึ้ม บนป้ายเขียนไว้ว่า "ศาลยายจง"
เม่นอธิบายเสียงเบา "ยายจงเคยอาศัยอยู่แถวนี้นานมาแล้ว แกยกที่ให้วัด แต่หลานชายไม่พอใจ คิดว่าแกจะยกให้คนอื่นเลยฆ่า... ยายจงจะไม่ตามเขากลับไปอีก!
---
เรื่องผีในวงเหล้า
บอยเป็นเด็กที่อาศัยอยู่ใกล้วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ทุกวันหลังเลิกเรียน เขาจะเดินผ่านวัดแถวบ้านจนเป็นเรื่องปกติ ด้วยความที่เติบโตมาในละแวกนั้น บอยจึงไม่เคยกลัว ไม่ว่าเวลาจะดึกแค่ไหน
แต่วันนี้มีป้ายงานวัดมาติดที่กำแพงวัด บอกว่าจะมีลิเก รำวง และที่ทำให้บอยสนใจที่สุดก็คือ “หนังกลางแปลง” เขาจึงรีบนัดเพื่อนอีกสองคนว่าจะไปดูหนังด้วยกัน
หลังจากกลับบ้านเปลี่ยนเสื้อผ้าและขออนุญาตแม่เรียบร้อย แม่เตือนเขาว่า
"ดึกๆ แล้วระวังนะลูก ทางหลังวัดไฟไม่ค่อยมี"
แต่บอยยืนยันว่าเขากลับได้ เพราะไปกับเพื่อนและบ้านก็อยู่ไม่ไกล แม่จึงปล่อยไป
คืนนั้น ทั้งสามคนสนุกสนานกับบรรยากาศงานวัด กินขนม ดูลิเก และเพลิดเพลินไปกับเสียงหัวเราะของผู้คน กระทั่งหนังกลางแปลงเริ่มฉาย พวกเขาปูเสื่อนั่งชมภาพยนตร์อย่างจดจ่อ
เวลาผ่านไปจนเกือบตีหนึ่ง เม่นเริ่มร้อนรน “โห! บอย นี่มันจะตีหนึ่งแล้ว รีบกลับเถอะ เดี๋ยวแม่ด่าแน่!”
บอยตกใจเมื่อเห็นเวลาบนนาฬิกาข้อมือ รีบบอกให้เพื่อนทั้งสองคนออกทางด้านหลังวัด เพราะเป็นทางลัดกลับบ้าน
ขณะขี่จักรยานผ่านสะพานที่ทอดข้ามแม่น้ำ ทั้งสามคนก็หยุดรอจังหวะข้ามถนน บอยมองสัญญาณไฟกระพริบสีเหลืองแล้วหันไปบอกเพื่อนว่า "ข้ามเลย ไม่มีรถหรอก"
แต่ทันใดนั้น—
"คื้ดๆ... คื้ดๆ..."
เสียงแปลกๆ ดังขึ้นจากริมฝั่งน้ำ บอยหันขวับไปมองแต่ไม่เห็นอะไร นิลกับเม่นก็นิ่งเงียบผิดปกติ ทำเอาบอยขนลุกซู่
"เป็นอะไรกัน?" เขาถาม แต่ไม่มีใครตอบ
เสียงนั้นยังคงดังต่อเนื่อง พร้อมกับภาพ หัวเรือหางยาว ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากแม่น้ำ!
เรือลำนั้นเคลื่อนขึ้นมาบนถนนอย่างช้าๆ ราวกับลอยได้ ขณะที่ทั้งสามยืนตัวแข็งทื่อ มองดูมันเลื่อนผ่านหน้าไป และที่หัวเรือ มี ยายแก่คนหนึ่ง นั่งพายอยู่
เธอสวมเสื้อคอกระเช้าสีส้ม ท่าทางนิ่งสงบ แต่สิ่งที่ทำให้หัวใจของบอยแทบหยุดเต้นคือ—
ยายคนนั้น... ไม่มีตาดำ!
ปากของเธออ้าออกเล็กน้อย และดวงตาสีขาวโพลนหันมาจ้องตรงมาที่บอยราวกับจะมองทะลุเข้ามาในจิตใจ
แต่ที่น่าสะพรึงที่สุดคือ ขณะที่เรือลอยต่ำลงไปที่แม่น้ำ ดวงตาของยายยังคงจ้องอยู่ไม่ละสายตา... ศีรษะของเธอหมุนตามราวกับสามารถบิดได้ 160 องศา!
"ไปกันเดี๋ยวนี้!" เม่นตะโกนลั่น ทั้งสามรีบกระโดดขึ้นจักรยานปั่นสุดแรง ไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับไปมอง
เช้าวันรุ่งขึ้น แม่ของบอยสังเกตเห็นอาการของลูกชายและเพื่อนๆ จึงพาพวกเขาไปให้หลวงตาที่วัดรดน้ำมนต์
เมื่อบอยถามว่าเมื่อคืนเขาเจออะไร หลวงตายิ้มบางๆ แล้วบอกให้ไปดูที่ใต้สะพาน
ที่นั่น มีศาลเล็กๆ ตั้งอยู่ปะปนกับต้นไม้รกครึ้ม บนป้ายเขียนไว้ว่า "ศาลยายจง"
เม่นอธิบายเสียงเบา "ยายจงเคยอาศัยอยู่แถวนี้นานมาแล้ว แกยกที่ให้วัด แต่หลานชายไม่พอใจ คิดว่าแกจะยกให้คนอื่นเลยฆ่า... ยายจงจะไม่ตามเขากลับไปอีก!
---