ยายพายเรือ !!!!
บอย!! เป็นเด็กที่บ้าน อาศัยอยู่ใกล้ๆ กับวัดแห่งหนึ่ง แทว จ.พิษณุโลก ทุกๆวันบอยจะต้องเลิกเรียนแล้ว จะเดินผ่านวัด แทวบ้านอยู่เป็นประจำ ซึ้งนั้น ก็เป็นชีวิตประจำวันปกติของ เขาแล้วส่วนใหญ่ด้วยความที่ บอยเกิดและโตอยู่ที่นั้น บอยเลยไม่ค่อยกลัว ที่จะผ่านแทววัด ไม่ว่าจะดึกขนาดไหน
แต่วันนี้ !!! มีป้าย งานเทศการ มาติดที่กำแพงวัด แทวบ้าน ว่าคืนนี้จะมีงานวัด มีทั้ง ลิเก รำวง และที่ทำให้ บอย นั้นสนใจที่สุดคือ “หนังกลางแปลง” เลยนัดกลับเพื่อนอีก 2 คน ว่า วันนี้จะไปดูหนังด้วยกัน แล้วรีบกับบ้านไป เพื่อที่จะเปลี่ยน เสื้อผ้า แล้วขอแม่ ออกไปดูหนังกับ เพื่อน แต่ด้วย เวลา ที่หนังจะฉายนั้น เป็นเวลาที่ดึกมากๆ แม่ของบอยเลย บอกกับบอยว่า “ หนังมันเลิกดึกนะบอย !! ตอนกลางคืนผ่านหลังวัด ไฟมันไม่ค่อยมีด้วย แน่ใจนะว่ากลับได้” ด้วยความที่บอยโตมากับแทวๆ วัดบวกกับบ้านก็ไม่ได้ไกลกับวัดหนาดนั้น เลย บอกกับแม่ไปว่า “กลับได้แม่!! เดียวเอาจักรยานไปกับพวกไอ้เม่น กับ ไอ้นิล ไม่ต้องห่วง ” แม่ของบอย ก็ได้แต่ไว้ใจ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะเห็นว่า บ้านกับวัด มันก็ไม่ได้ไกล กันเท่าไร ใช้เวลาจากบ้านไปวัด ก็ แค่ประมาน 10-15 นาทีด้วย เลยบอกได้แค่ว่าให้บอยขับรถ ระวัง เท่านั้น
บอยรีบเข้าไปเปลี่ยน เสื้อผ้า แล้วรีบหยิบจักรยาน ออกมาทันที เพราะบอยได้นัดกับ เพื่อนๆ 2 คน ไว้ว่าจะไปเจอกันที่วัดเลย จะได้เดินเล่นในวัดก่อน หนังจะฉายด้วย
ในวัดก็เต็มไปด้วยของต่างๆ ขาย มากมาย และยังมีการแสดง ลิเก และก็รำวง นั้นทำให้บอยกับเพื่อนๆ สนุกกับงาน จนมาถึงช่วงเวลา 21.00 นาที ไฮไลย์(Highlight) ของงานวัดวันนี้ นั้นก็คือ “หนังกลางแปลง” ที่หลายๆคนนั้นรอดู ทุกคนเริ่มทยอย เดินไปหาที่นั้ง ของละคน บอยให้นิล เดินไปซื้อ เสื่อ ก่อนเข้าไปดูหนัง เพราะจะได้เดินไปจองที่กับเม่นก่อน ด้วยความที่อยากดูบอยกับเม่นเลยได้ที่นั้ง ตรงกลาง เพื่อดูหนังพอดี บอยให้เม่นเดินไปตามนิล ที่กำลังไปซื้อเสื่อ ว่ามาตรงนี้ เม่นเห็นว่านิลกำลังเดินมาพอดี เลยเดินไปรับนิล ที่ด้านหน้าทางเข้า เเล้วทั้ง 3 ก็ได้ดูหนังกัน
หนังเรื่องแรกฉายจบ เวลา ประมาณ 22.35 นาที เม่นบอกกับบอย “จะกลับรึยัง” ด้วยความที่บอยเองนานๆที จะได้ออกมาดูหนังกับเพื่อนๆ เลยยังไม่ค่อยอยากกลับเท่าไร เลยถามเม่นว่า “กลับดึกๆ หน่อยได้ไหม นานๆที จะได้ออกมาดูหนังด้วยกัน” นิลเองเมื่อได้ยินเพื่อนทั้ง 2 คนคุยกันเลยบอกกับเม่นไปว่า “เออ นั้นดิ พรุ่งนี้วันหยุดอยู่แล้ว พ่อกับแม่ก็รู้ว่า พวกเรา มาวัดกันด้วย ดึกหน่อย ไม่เป็นไรหลอก” เม่นด้วยความที่เห็นว่าเพื่อน 2 คนยังไม่อยากกลับเท่าไรเลยบอกกับบอยไปว่า “ได้ๆ อีกแค่ เรื่องเดียวพอนะ” บอยกับนิล เลยยิ้มให้เม่น ละบอกว่าเดียวไปซื้ิอน้ำมาให้ เม่นได้ยิน ก็เลยยิ้มกับไปให้เพื่อนทั้ง 2 คนแล้วก็บอกว่า “ เค งั้นกุเอาน้ำส้มนะ!!” หลังจากนั้นทั้ง 3 คนก็ได้ดูหนังกันอย่างสบายใจ
จนเวลาผ่านไป เริ่มจะดึกเกิน เม่น มองดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ แล้วก็บอกกับบอย ว่า “โห ไอ้บอย!! กุลืมดูเวลาเลย จะ 01.00 กว่าละ รีบกลับเลยเดียวแม่กุด่าแน่ !!! ” บอยรีบจับข้อมือของเม่นเพื่อมาดูเวลา ก็ตกใจ แล้วบอกให้เพื่อนๆรีบเดินออกไปจากที่ฉายหนัง ละออกทางหลังวัด เพื่อจะได้กลับกันเร็วขึ้น
ทั้ง 3 คนรีบจับจักรยาน ออกมาจากหลังวัดทันที ทั้ง 3 ก็ได้คุยกันถึงเรื่อง หนังที่ได้ดู กันมาตลอดทาง จนหยุดที่ ตีนสะพาน ก่อนจะข้ามไปอีกฝั่งของแม่น้ำ บอยได้หันไปมองที่ สัญญาณไฟจราจร ว่าใช้ได้ไหมแต่ว่า สัญญาณไฟจราจรนั้นก็กระพริบ สีเหลือง ออกมายังเดียว บอยหันไปคุยกับเพื่อนๆ และบอกว่าเดียวข้ามไปเลยเพราะว่าไม่มีรถมาหลอก แต่หลังจากที่บอยว่าจะหันไปบอกกับเพื่อน ก็ได้ยินเสียง คื้ดๆ!! คื้ด!!! บอยได้หันไปมองตามเสียงที่ได้ยิน แต่กับไม่เห็นอะไร เลย จึงหันไปที่เม่นและถามว่า “ ได้ยินเสียงอะไรป่าวว่ะ….? ” ไม่มีเสียงตอบกลับมาจากเม่นเลยสักนิด บอย เลยหันไปทาง นิล ก็เห็นนิลยืนนิ่ง ไปอีกคนเลย อุทานขึ้นมา “เป็น ห่าไรกัน” คื้ดๆ!! คื้ด!!! เสียงนั้น ยังคงได้ยินอยู่ในหูของบอย แต่ด้วยความสงสัย บอยเลยจอดจักรยาน แล้วว่าจะเดินไปที่เสียงนั้นดู นาทีนั้น!! เม่นก็จับไปที่แขนของบอย แล้วก็กระซิบ เบาๆกับบอยว่า “อย่าทิ้งจักรยาน เดียวพอมันผ่านไปแล้วจะได้ขับ ออกไปทัน” บอย งง กับคำพูดของเม่น ว่าอะไรจะผ่านไป แต่บอยก็ต้องหยุด สงสัยในคำพูดของเม่นทั้นที เมื่อเห็นว่า ริมฝั่ง ทางขึ้น ของแม่น้ำ มีหัวเรือหางยาว กำลังขึ้นมาจากแม่น้ำ ตรงมาที่ถนน ที่ทั้ง 3 คนกำลังจอดรถเพื่อที่จะ รอข้ามไปอีกฝั่งของสะพานอยู่ บอย ยืนตัวแข็งทันที แล้วได้แต่มอง ว่าสิ่งที่อยู่ตรง หน้ามันขึ้นมาบนนี้ได้ยังไง คื้ดๆ!! คื้ด!!! คื้ด!! ทั้ง 3 คนรู้สึก เวลาต้อนนี้มันนานเหลือเกิน พร้อมกับภาพตรงหน้าคือ เรือหางยาวรำหนึ่ง มีความยาวมาก ร่าวๆ 5-6 เมตรได้กำลังขึ้นมาบนถนน สักพัก!!!! พอเรือ เริ่มผ่านหน้าไปเรื่อยๆอย่างช้าๆ ก็เห็นว่า มียายแก่ คนหนึ่ง แต่งตัวในชุดคอกระเช้าสีส้ม กำลังพายเรือ ไปอย่างช้าๆ ผ่านหน้าบอยไป !!!
บอย งง กับสิ่ง ที่เห็นตรงหน้า ได้แต่มองตามยาย ไปจน หัวเรือที่ยายพาย นั้นได้ลงไปที่แม่น้ำ จังหวะที่เรือของยายกำลังจะลงไปที่แม่น้ำนั้นเอง ยาย ก็ได้หันมามองที่บอย ตาของยายไม่มีตาดำ แถมยังอ่าปากข้างเอาไว้ และจ้องมาที่บอยตลอดเวลา ขนาดที่ว่าดวงตาของยายนั้น ยังหันมามองได้ 160 องศา เพื่อที่จะมองหน้าบอยเลยที่เดียว…. เรือค่อยแล่นไปช้าลงไปที่แม่น้ำพร้อมกับเสียง คื้ดๆ!! บอยไม่รู้ว่า เวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว จนสุดท้ายก็เห็น ท้ายเรือ ว่ากำลังผ่านหน้าเขาไป เม่นรีบบอกบอยว่า ให้ขับจักรยาน ไปเลยทันที ที่ห่างเรือลงน้ำ บอยเมื่อได้ยินเสียงของเม่นแล้ว เลยรีบขับรถจักรยาน ไปในทันที ทั้ง 3 คน ขับกันโดนไม่หันกับไปมองกับสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้นและ ตรงไปที่บ้านของบอยทันที
เช้าวันรุ่งขึ้น แม่ของบอยก็เดินมาถามบอยที่ห้อง ว่าทำไม เมื่อคืนถึง เอะอะ เสียงดังกัน บอยด้วยความที่ตกใจและยังคงกลัวอยู่ ก็บอกกับแม่ไปแบบเสียสั่นๆ ถึงเหตุการณ์ เมื่อคืน ว่าเกิดอะไรขึ้นมั้ง แม่รู้ในทันทีเลยว่าบอยกับเพื่อนๆกับกันมา 01.00 กว่าแน่ๆเลย จึงพาเด็กๆทั้ง 3 คนไปที่วัด และให้หลวงตา อาบน้ำมนต์ให้
บอยด้วยความสงสัย ว่าสิ่งที่เห็นมันคือ อะไร ก็เลยถามกับหลวงตาไปว่ามันคืออะไร หลวงตายิ้มให้บอย แล้วก็บอกให้ถามเพื่อนที่มาด้วยกันดูเลยว่าอะไร และให้พาไปดูตรงที่เรือขึ้นมา นิลออกตัว ว่าจะพาบอยไปในที่เกิดเหตุการณ์ทั้งหมด แล้วก็พาไปดูตรงบริเวณที่เห็น หัวเรือขึ้นมา….. พอไปถึง เม่นชี้ไปที่ ใต้สะพาน ให้บอยดูแล้วก็ยกมือไหว้ บอยเลยมองเข้าไปใต้สะพาน ก็เห็นเหมือน จะมีศาล ไม่ใหญ่มาก ตั้งอยู่เกือบๆ ในสุด ของใต้สะพาน ป้ายที่เห็น เขียนว่า “ศาล ยายจง” บอย ถามนิลว่า “ศาลนี้ มาตั้งนานรึยัง?” นิลบอกกับบอยไปว่า “ ตั้งแต่พวกเรายังไม่เกิดกันเลย ” เม่นอธิบาย ให้บอยฟังถึงเรื่องทั้งหมด ว่า “ศาลนี้อยู่มาตั้งแต่สมัยก่อนแล้วเพราะ ยายจง แกยกที่ให้วัดไป ลูกหลานแกไม่พอใจว่า ยายจง ทำไมถึงยกที่ให้กับวัด แทนที่จะให้ลูกหลายเลย ทะเลาะ กันใหญ่โต สุดท้าย หลานชายคนลอง ที่แกเลี้ยงมา รับไม่ได้ ที่ไม่ได้สมบัติอะไร เลยเอามีดไปแทง ยายจง เเล้วก็เอาศพขึ้นเรือไปจอด ใต้สะพานตอนกลางคืน แล้วก็หนี้หายไป ชาวบ้านที่มาหาปลาตอนเช้าๆมาเจอเรือเลยเห็นว่า ยายจง แกตาย อยู่บนเรือ หลังจากนั้นก็มีเหตุการณ์ แปลกๆ ตลอด เลยตัดสิ้นกันให้ตั้งศาลให้ยายจงอยู่นะ….” บอยเข้าใจทุกอย่าง ที่เม่นบอกทั้งหมด แล้วก็ยกมือไหว้ศาล อีกคนหนึ่ง
หลังจากนั้น เรื่อง “ยายจงพายเรือ” ก็เป็นที่พูดถึงตลอด กับเหตุการณ์ต่างๆ ที่คนแทวนั้น พบเจอกัน จนถึงทุกวันนี้ !!!!!!!!!!!!
สวัดดีคับ ^ 0 ^
ผมผู้เขียนนะคับ เรื่องทั้งหมดนั้นเป็นประสบการณ์ ที่ผมได้ฟังมาจาก คนในวงเหล้าอีกที เลยเอามาเรียบเรียงใหม่ ให้พอเข้าใจง่ายขึ้น (รึป่าวนะ) อาจจะมีบาง ช่วงบางตอน ที่ ไม่ถูกใจไปบ้าง อันนี้ก็ต้องขอโทดมาก่อนเลยนะคับ เพราะผมก็เริ่มเขียนไม่นานเหมือนกัน ยังไงก็ฝากติดตาม ด้วยนะคับ ยังมีอีกหลายเรื่องเลย ที่ได้ฟังมาจากผู้หลักผู้ใหญ่แทวบ้านและอีกหลายๆที่เลย ยังไงก็ ติดชมได้เลยนะคับ (แต่ขอเป็นคำแนะนำจะดีมากเลย5555) ยังไปก็ขอสปอย ตอนต่อไปหน่อยนะคับ เกี่ยว กับ ป่า ที่ไม่ใช้ป่าลึก ละกันนะคับ 55555 ฝากติดตามด้วยนะคับ ขอบคุณ นะคับที่หลงเข้ามาอ่าน ดีใจมากๆเลย คับ 0-^-0
เรื่องผี ในวงเหล้า
บอย!! เป็นเด็กที่บ้าน อาศัยอยู่ใกล้ๆ กับวัดแห่งหนึ่ง แทว จ.พิษณุโลก ทุกๆวันบอยจะต้องเลิกเรียนแล้ว จะเดินผ่านวัด แทวบ้านอยู่เป็นประจำ ซึ้งนั้น ก็เป็นชีวิตประจำวันปกติของ เขาแล้วส่วนใหญ่ด้วยความที่ บอยเกิดและโตอยู่ที่นั้น บอยเลยไม่ค่อยกลัว ที่จะผ่านแทววัด ไม่ว่าจะดึกขนาดไหน
แต่วันนี้ !!! มีป้าย งานเทศการ มาติดที่กำแพงวัด แทวบ้าน ว่าคืนนี้จะมีงานวัด มีทั้ง ลิเก รำวง และที่ทำให้ บอย นั้นสนใจที่สุดคือ “หนังกลางแปลง” เลยนัดกลับเพื่อนอีก 2 คน ว่า วันนี้จะไปดูหนังด้วยกัน แล้วรีบกับบ้านไป เพื่อที่จะเปลี่ยน เสื้อผ้า แล้วขอแม่ ออกไปดูหนังกับ เพื่อน แต่ด้วย เวลา ที่หนังจะฉายนั้น เป็นเวลาที่ดึกมากๆ แม่ของบอยเลย บอกกับบอยว่า “ หนังมันเลิกดึกนะบอย !! ตอนกลางคืนผ่านหลังวัด ไฟมันไม่ค่อยมีด้วย แน่ใจนะว่ากลับได้” ด้วยความที่บอยโตมากับแทวๆ วัดบวกกับบ้านก็ไม่ได้ไกลกับวัดหนาดนั้น เลย บอกกับแม่ไปว่า “กลับได้แม่!! เดียวเอาจักรยานไปกับพวกไอ้เม่น กับ ไอ้นิล ไม่ต้องห่วง ” แม่ของบอย ก็ได้แต่ไว้ใจ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะเห็นว่า บ้านกับวัด มันก็ไม่ได้ไกล กันเท่าไร ใช้เวลาจากบ้านไปวัด ก็ แค่ประมาน 10-15 นาทีด้วย เลยบอกได้แค่ว่าให้บอยขับรถ ระวัง เท่านั้น
บอยรีบเข้าไปเปลี่ยน เสื้อผ้า แล้วรีบหยิบจักรยาน ออกมาทันที เพราะบอยได้นัดกับ เพื่อนๆ 2 คน ไว้ว่าจะไปเจอกันที่วัดเลย จะได้เดินเล่นในวัดก่อน หนังจะฉายด้วย
ในวัดก็เต็มไปด้วยของต่างๆ ขาย มากมาย และยังมีการแสดง ลิเก และก็รำวง นั้นทำให้บอยกับเพื่อนๆ สนุกกับงาน จนมาถึงช่วงเวลา 21.00 นาที ไฮไลย์(Highlight) ของงานวัดวันนี้ นั้นก็คือ “หนังกลางแปลง” ที่หลายๆคนนั้นรอดู ทุกคนเริ่มทยอย เดินไปหาที่นั้ง ของละคน บอยให้นิล เดินไปซื้อ เสื่อ ก่อนเข้าไปดูหนัง เพราะจะได้เดินไปจองที่กับเม่นก่อน ด้วยความที่อยากดูบอยกับเม่นเลยได้ที่นั้ง ตรงกลาง เพื่อดูหนังพอดี บอยให้เม่นเดินไปตามนิล ที่กำลังไปซื้อเสื่อ ว่ามาตรงนี้ เม่นเห็นว่านิลกำลังเดินมาพอดี เลยเดินไปรับนิล ที่ด้านหน้าทางเข้า เเล้วทั้ง 3 ก็ได้ดูหนังกัน
หนังเรื่องแรกฉายจบ เวลา ประมาณ 22.35 นาที เม่นบอกกับบอย “จะกลับรึยัง” ด้วยความที่บอยเองนานๆที จะได้ออกมาดูหนังกับเพื่อนๆ เลยยังไม่ค่อยอยากกลับเท่าไร เลยถามเม่นว่า “กลับดึกๆ หน่อยได้ไหม นานๆที จะได้ออกมาดูหนังด้วยกัน” นิลเองเมื่อได้ยินเพื่อนทั้ง 2 คนคุยกันเลยบอกกับเม่นไปว่า “เออ นั้นดิ พรุ่งนี้วันหยุดอยู่แล้ว พ่อกับแม่ก็รู้ว่า พวกเรา มาวัดกันด้วย ดึกหน่อย ไม่เป็นไรหลอก” เม่นด้วยความที่เห็นว่าเพื่อน 2 คนยังไม่อยากกลับเท่าไรเลยบอกกับบอยไปว่า “ได้ๆ อีกแค่ เรื่องเดียวพอนะ” บอยกับนิล เลยยิ้มให้เม่น ละบอกว่าเดียวไปซื้ิอน้ำมาให้ เม่นได้ยิน ก็เลยยิ้มกับไปให้เพื่อนทั้ง 2 คนแล้วก็บอกว่า “ เค งั้นกุเอาน้ำส้มนะ!!” หลังจากนั้นทั้ง 3 คนก็ได้ดูหนังกันอย่างสบายใจ
จนเวลาผ่านไป เริ่มจะดึกเกิน เม่น มองดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ แล้วก็บอกกับบอย ว่า “โห ไอ้บอย!! กุลืมดูเวลาเลย จะ 01.00 กว่าละ รีบกลับเลยเดียวแม่กุด่าแน่ !!! ” บอยรีบจับข้อมือของเม่นเพื่อมาดูเวลา ก็ตกใจ แล้วบอกให้เพื่อนๆรีบเดินออกไปจากที่ฉายหนัง ละออกทางหลังวัด เพื่อจะได้กลับกันเร็วขึ้น
ทั้ง 3 คนรีบจับจักรยาน ออกมาจากหลังวัดทันที ทั้ง 3 ก็ได้คุยกันถึงเรื่อง หนังที่ได้ดู กันมาตลอดทาง จนหยุดที่ ตีนสะพาน ก่อนจะข้ามไปอีกฝั่งของแม่น้ำ บอยได้หันไปมองที่ สัญญาณไฟจราจร ว่าใช้ได้ไหมแต่ว่า สัญญาณไฟจราจรนั้นก็กระพริบ สีเหลือง ออกมายังเดียว บอยหันไปคุยกับเพื่อนๆ และบอกว่าเดียวข้ามไปเลยเพราะว่าไม่มีรถมาหลอก แต่หลังจากที่บอยว่าจะหันไปบอกกับเพื่อน ก็ได้ยินเสียง คื้ดๆ!! คื้ด!!! บอยได้หันไปมองตามเสียงที่ได้ยิน แต่กับไม่เห็นอะไร เลย จึงหันไปที่เม่นและถามว่า “ ได้ยินเสียงอะไรป่าวว่ะ….? ” ไม่มีเสียงตอบกลับมาจากเม่นเลยสักนิด บอย เลยหันไปทาง นิล ก็เห็นนิลยืนนิ่ง ไปอีกคนเลย อุทานขึ้นมา “เป็น ห่าไรกัน” คื้ดๆ!! คื้ด!!! เสียงนั้น ยังคงได้ยินอยู่ในหูของบอย แต่ด้วยความสงสัย บอยเลยจอดจักรยาน แล้วว่าจะเดินไปที่เสียงนั้นดู นาทีนั้น!! เม่นก็จับไปที่แขนของบอย แล้วก็กระซิบ เบาๆกับบอยว่า “อย่าทิ้งจักรยาน เดียวพอมันผ่านไปแล้วจะได้ขับ ออกไปทัน” บอย งง กับคำพูดของเม่น ว่าอะไรจะผ่านไป แต่บอยก็ต้องหยุด สงสัยในคำพูดของเม่นทั้นที เมื่อเห็นว่า ริมฝั่ง ทางขึ้น ของแม่น้ำ มีหัวเรือหางยาว กำลังขึ้นมาจากแม่น้ำ ตรงมาที่ถนน ที่ทั้ง 3 คนกำลังจอดรถเพื่อที่จะ รอข้ามไปอีกฝั่งของสะพานอยู่ บอย ยืนตัวแข็งทันที แล้วได้แต่มอง ว่าสิ่งที่อยู่ตรง หน้ามันขึ้นมาบนนี้ได้ยังไง คื้ดๆ!! คื้ด!!! คื้ด!! ทั้ง 3 คนรู้สึก เวลาต้อนนี้มันนานเหลือเกิน พร้อมกับภาพตรงหน้าคือ เรือหางยาวรำหนึ่ง มีความยาวมาก ร่าวๆ 5-6 เมตรได้กำลังขึ้นมาบนถนน สักพัก!!!! พอเรือ เริ่มผ่านหน้าไปเรื่อยๆอย่างช้าๆ ก็เห็นว่า มียายแก่ คนหนึ่ง แต่งตัวในชุดคอกระเช้าสีส้ม กำลังพายเรือ ไปอย่างช้าๆ ผ่านหน้าบอยไป !!!
บอย งง กับสิ่ง ที่เห็นตรงหน้า ได้แต่มองตามยาย ไปจน หัวเรือที่ยายพาย นั้นได้ลงไปที่แม่น้ำ จังหวะที่เรือของยายกำลังจะลงไปที่แม่น้ำนั้นเอง ยาย ก็ได้หันมามองที่บอย ตาของยายไม่มีตาดำ แถมยังอ่าปากข้างเอาไว้ และจ้องมาที่บอยตลอดเวลา ขนาดที่ว่าดวงตาของยายนั้น ยังหันมามองได้ 160 องศา เพื่อที่จะมองหน้าบอยเลยที่เดียว…. เรือค่อยแล่นไปช้าลงไปที่แม่น้ำพร้อมกับเสียง คื้ดๆ!! บอยไม่รู้ว่า เวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว จนสุดท้ายก็เห็น ท้ายเรือ ว่ากำลังผ่านหน้าเขาไป เม่นรีบบอกบอยว่า ให้ขับจักรยาน ไปเลยทันที ที่ห่างเรือลงน้ำ บอยเมื่อได้ยินเสียงของเม่นแล้ว เลยรีบขับรถจักรยาน ไปในทันที ทั้ง 3 คน ขับกันโดนไม่หันกับไปมองกับสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้นและ ตรงไปที่บ้านของบอยทันที
เช้าวันรุ่งขึ้น แม่ของบอยก็เดินมาถามบอยที่ห้อง ว่าทำไม เมื่อคืนถึง เอะอะ เสียงดังกัน บอยด้วยความที่ตกใจและยังคงกลัวอยู่ ก็บอกกับแม่ไปแบบเสียสั่นๆ ถึงเหตุการณ์ เมื่อคืน ว่าเกิดอะไรขึ้นมั้ง แม่รู้ในทันทีเลยว่าบอยกับเพื่อนๆกับกันมา 01.00 กว่าแน่ๆเลย จึงพาเด็กๆทั้ง 3 คนไปที่วัด และให้หลวงตา อาบน้ำมนต์ให้
บอยด้วยความสงสัย ว่าสิ่งที่เห็นมันคือ อะไร ก็เลยถามกับหลวงตาไปว่ามันคืออะไร หลวงตายิ้มให้บอย แล้วก็บอกให้ถามเพื่อนที่มาด้วยกันดูเลยว่าอะไร และให้พาไปดูตรงที่เรือขึ้นมา นิลออกตัว ว่าจะพาบอยไปในที่เกิดเหตุการณ์ทั้งหมด แล้วก็พาไปดูตรงบริเวณที่เห็น หัวเรือขึ้นมา….. พอไปถึง เม่นชี้ไปที่ ใต้สะพาน ให้บอยดูแล้วก็ยกมือไหว้ บอยเลยมองเข้าไปใต้สะพาน ก็เห็นเหมือน จะมีศาล ไม่ใหญ่มาก ตั้งอยู่เกือบๆ ในสุด ของใต้สะพาน ป้ายที่เห็น เขียนว่า “ศาล ยายจง” บอย ถามนิลว่า “ศาลนี้ มาตั้งนานรึยัง?” นิลบอกกับบอยไปว่า “ ตั้งแต่พวกเรายังไม่เกิดกันเลย ” เม่นอธิบาย ให้บอยฟังถึงเรื่องทั้งหมด ว่า “ศาลนี้อยู่มาตั้งแต่สมัยก่อนแล้วเพราะ ยายจง แกยกที่ให้วัดไป ลูกหลานแกไม่พอใจว่า ยายจง ทำไมถึงยกที่ให้กับวัด แทนที่จะให้ลูกหลายเลย ทะเลาะ กันใหญ่โต สุดท้าย หลานชายคนลอง ที่แกเลี้ยงมา รับไม่ได้ ที่ไม่ได้สมบัติอะไร เลยเอามีดไปแทง ยายจง เเล้วก็เอาศพขึ้นเรือไปจอด ใต้สะพานตอนกลางคืน แล้วก็หนี้หายไป ชาวบ้านที่มาหาปลาตอนเช้าๆมาเจอเรือเลยเห็นว่า ยายจง แกตาย อยู่บนเรือ หลังจากนั้นก็มีเหตุการณ์ แปลกๆ ตลอด เลยตัดสิ้นกันให้ตั้งศาลให้ยายจงอยู่นะ….” บอยเข้าใจทุกอย่าง ที่เม่นบอกทั้งหมด แล้วก็ยกมือไหว้ศาล อีกคนหนึ่ง
หลังจากนั้น เรื่อง “ยายจงพายเรือ” ก็เป็นที่พูดถึงตลอด กับเหตุการณ์ต่างๆ ที่คนแทวนั้น พบเจอกัน จนถึงทุกวันนี้ !!!!!!!!!!!!
สวัดดีคับ ^ 0 ^
ผมผู้เขียนนะคับ เรื่องทั้งหมดนั้นเป็นประสบการณ์ ที่ผมได้ฟังมาจาก คนในวงเหล้าอีกที เลยเอามาเรียบเรียงใหม่ ให้พอเข้าใจง่ายขึ้น (รึป่าวนะ) อาจจะมีบาง ช่วงบางตอน ที่ ไม่ถูกใจไปบ้าง อันนี้ก็ต้องขอโทดมาก่อนเลยนะคับ เพราะผมก็เริ่มเขียนไม่นานเหมือนกัน ยังไงก็ฝากติดตาม ด้วยนะคับ ยังมีอีกหลายเรื่องเลย ที่ได้ฟังมาจากผู้หลักผู้ใหญ่แทวบ้านและอีกหลายๆที่เลย ยังไงก็ ติดชมได้เลยนะคับ (แต่ขอเป็นคำแนะนำจะดีมากเลย5555) ยังไปก็ขอสปอย ตอนต่อไปหน่อยนะคับ เกี่ยว กับ ป่า ที่ไม่ใช้ป่าลึก ละกันนะคับ 55555 ฝากติดตามด้วยนะคับ ขอบคุณ นะคับที่หลงเข้ามาอ่าน ดีใจมากๆเลย คับ 0-^-0