นิทานดอกทานตะวันกับพระจันทร์บนฟ้า


กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ กลางทุ่งกว้างสีเขียว มีดอกไม้หนึ่งดอกชูช่อหยัดต้นอวดดอกสวยท้าตะวันอยู่ ดอกไม้ดอกนี้คือ “ดอกทานตะวัน”

ทุกๆ เช้า ดอกทานตะวันจะรีบตื่นมาคอยพระอาทิตย์ เธอจะยิ้มร่า บานดอกอวดกลีบสวยเต็มที่ เมื่อยามที่อาทิตย์แผดแสงมาให้ไออุ่นเธอมากที่สุด 

โดยเฉพาะในตอนเที่ยง ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า เธอนั้นได้หลงรักพระอาทิตย์เข้าแล้ว

แต่พอช่วงเวลาค่ำคืนที่ดวงอาทิตย์ร่ำลาท้องฟ้าไปแล้ว แม่ดอกทานตะวันน้อยก็จะเหี่ยวเฉาเศร้าใจลงทันที เธอเอาแต่มองฟ้าอย่างร้าวใจ 

และมองดวงจันทร์ด้วยใจริษยา

ทุกๆ ครั้งที่มองดวงจันทร์สีนวล เธอจะรู้สึกว่าดวงอาทิตย์ที่เธอเฝ้าฝันนั้น มีผู้เดียวเท่านั้นที่คู่ควร และใครผู้นั้นก็คือดวงจันทร์สีนวล 

ที่เธอกำลังน้อยเนื้อต่ำใจและริษยานั่นเอง “ใยดวงตาเจ้าจึงปริ่มด้วยน้ำตาอย่างนั้นเล่า” วันหนึ่งพื้นดินเอ่ยปากไถ่ถามดอกทานตะวันที่เขาอุ้มชูดูแล

“ท่านไม่เข้าใจหรอกพื้นดิน ฉันกำลังมีความรัก พร้อมๆ กับที่ฉันกำลังรู้สึกว่าผู้ที่ฉันรักนั้นเกินไขว่คว้า หนำซ้ำ ฉันรู้ดีว่าเขาผู้นั้นมีผู้ที่คู่ควรอยู่แล้ว” 

ดอกทานตะวันเหลือบมองดวงจันทร์อย่างเศร้าสร้อย

“บางที… ความรัก ไม่ใช่เพียงสิ่งที่เจ้าเห็น หรือรู้สึกเองหรอกนะ แม่ดอกทานตะวันน้อย” พื้นดินมองไปบนฟ้าบ้าง

“เพราะเป็นคนนอก ข้าจึงอาจเห็นอะไรชัดเจนกว่าเจ้า อย่าได้รู้สึกอิจฉาดวงจันทร์เลย เธอเป็นเพียงผู้ที่ถูกมองว่าเหมาะสมคู่ควรกับพระอาทิตย์เท่านั้น 

แต่เจ้าอย่าลืม แม้เธองามเด่นบนฟ้าเช่นเดียวกับดวงอาทิตย์ แต่เธอและดวงอาทิตย์มีเวลาให้กันเพียงน้อยนิด ต่างมีหน้าที่ ไม่เคยมีเวลาให้กัน

ดวงจันทร์ที่น่าสงสาร แม้งามเด่นยามราตรี แต่ความงามก็ทำให้เธอไม่มีเพื่อน ดาวดวงน้อยที่รายรอบเหล่านั้นก็ไม่มีใครหาญกล้ามาเป็นเพื่อนเธอ

และแม้แต่ตัวเจ้าเอง แม่ดอกทานตะวัน เจ้าก็เป็นเพียงดอกไม้ดอกน้อยที่บอบบาง เจ้ารู้บ้างหรือไม่ว่าดวงอาทิตย์สวยงาม และอบอุ่นที่เจ้าเฝ้าฝันนั้น 

เพียงเพราะมีระยะห่างที่แสนไกล เพราะเมื่ออยู่ใกล้ ความอุ่นก็จะร้อนมาก และแผดเผาเจ้าได้”

ดอกทานตะวันก้มหน้ามองผืนดิน

“ข้าขอโทษผืนดิน ที่กล่าวหาว่าท่านไม่รู้จักความรัก แท้จริงอาจเป็นข้ามากกว่าที่ไม่เข้าใจ”

“ไม่หรอกดอกทานตะวันน้อย ข้าเองก็ไม่ได้เข้าใจความรักมากมายขนาดนั้น อย่างที่ข้าบอกเจ้า เพราะข้ามองในฐานะคนนอก ข้าจึงมองได้กว้างกว่า

แต่หากเป็นเรื่องหัวใจของข้าเอง ข้าก็ไม่อาจเข้าใจอะไรเลย ไม่เคยเข้าใจว่าทำไมจึงยังรัก ยังหวังดี กับผู้ที่ไม่เคยแลมองข้า

คนที่ข้ารักเฝ้ามองแต่ข้างบน ไม่เคยก้มมามองข้า ผู้ที่เฝ้าดูแลและเคียงข้างเสมอ

ข้าไม่อาจเข้าใจเลย ว่าทำไมข้าไม่อาจเลิกรักเจ้าได้เลย แม่ดอกทานตะวัน” ผืนดินกระซิบแผ่วเบากับสายลม....
.
---------------------------------------------------------------------------------

📌ผมมองว่าเรื่องนี้ให้ข้อคิดเกี่ยวกับ มุมมองและการเลือกโฟกัสในชีวิต ผ่านเปรียบเทียบของดอกทานตะวัน ที่แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหน ก็ยังหันเข้าหาแสงเสมอ จึงลองสรุปข้อคิดที่ได้รับ ออกเป็น 3 ประเด็นดังนี้

- เลือกโฟกัสที่แง่บวก – ในชีวิตเราจะเจอทั้งเรื่องดีและร้าย ถ้าเลือกมองแต่ปัญหา ชีวิตก็จะเต็มไปด้วยความเครียด แต่ถ้าเลือกมองด้านที่ดี เราก็จะมีพลังใจมากขึ้น

- สิ่งที่เราให้ความสนใจ จะกำหนดความรู้สึกของเรา – ถ้ามองแต่สิ่งที่ขาด เราจะรู้สึกทุกข์ แต่ถ้าโฟกัสที่สิ่งที่เรามี เราจะรู้สึกพอใจและมีความสุขมากขึ้

- เหมือนดอกทานตะวัน หันเข้าหาแสงเสมอ – ชีวิตก็เหมือนกัน ถ้าเราเลือกมองหาโอกาสและสิ่งดี ๆ แม้ในวันที่มืดมน ก็ยังมีแสงสว่างให้เราเดินต่อไป
.

---------------------------------------------------------------------------------
🙏ขอขอบคุณนิทานจาก KMay สุเมษา จำรูญศิริ เว็บ GotoKnow 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่