เรื่องราวของพวกเขา
-----------------------------------------
เป็นช่วงเวลาที่นานเพียงใดก็ไม่อาจรู้ได้ สำหรับเขาที่เฝ้ามองเธอเสมอมา
อาจจะตั้งแต่วันแรกที่เขามีลมหายใจ
หรือตั้งแต่วันแรกที่เขาถูกกำหนดให้มีรูปร่าง มีตัวตนขึ้นมา
หรืออาจจะตั้งแต่วันแรกที่บรรพบุรุษผู้สร้างเขาได้เกิดขึ้นมาบนโลกนี้
หรืออาจจะตั้งแต่วันแรกที่มนุษย์รู้จักการใช้ไฟก็เป็นได้
แต่ไม่ว่าเขาจะใช้เวลาเฝ้ามองเธอนานเพียงไหน
และไม่ว่าเขาจะต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่ในการเฝ้ามองเธอต่อไป
เขารู้เพียงว่า เขาทำได้เพียงเฝ้ามองอยู่ฝ่ายเดียวอย่างนี้...
อย่างไร้ตัวตนเยี่ยงนี้เท่านั้นแหละ
เขาไม่เคยเสียใจที่ความรักของเขาไม่เคยมีใครเห็น
เขาเองก็ไม่เคยเสียใจที่แม้แต่ตัวตนของเขาก็อาจจะไม่ได้มีตัวตนอยู่ด้วยซ้ำ
ในโลกของเธอที่มีแต่การแหงนขึ้นมามองบน
อย่างไรเล่าที่เธอจะมองหันหลังมามองตัวตนเล็ก ๆ และไร้ค่าอย่างเขาได้
แต่นั่นก็ไม่เป็นไรหรอก เพราะสำหรับเขาแล้ว
การที่ได้เห็นแม้แต่ด้านหลังของเธอในระยะไกล
ก็ยังดีกว่าไม่สามารถมองเห็นเธอได้เลย
เขาแค่เพียงเสียใจ ในวันที่ฟ้าร้องไห้และเธอต้องเปียกปอนอยู่ข้างนอกนั่น
เขาเห็นและจดจำภาพเหล่านั้นได้ดี ภาพที่เธอโดดเดี่ยว เปียกโชก
ฝืนประคองร่างตัวเองไว้ใต้เม็ดฝนที่กระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย
ไม่เงยหน้ามองฟ้าอย่างเด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่นอย่างที่เธอมักเป็น
ภาพที่ไม่มีเขาเคียงข้าง คอยปลอบโยนให้เธอได้ลุกขึ้นกลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง
ภาพที่ไม่มีเขาอยู่เคียงข้าง ในยามที่เธออ้างว้างและเหน็บหนาวที่สุด
เขาได้แต่เฝ้ามองเธอ ยื่นมือที่เธอไม่อาจมองเห็นเข้าไปโอบกอดเธอ...
โอบกอดเธอเพียงในใจ
หากแล้ว การสูญสลายและจากไปของสิ่งรอบข้าง ก็ทำให้เขาฉุกคิดได้ว่า
ชีวิตนั้นสั้นยิ่งนัก ความรู้สึกที่เขามีวันนี้
อาจจะต้องตายไปกับตัวเขาเมื่อไหร่ก็ได้หากไม่ได้บอกให้เธอได้รับรู้
และความรู้สึกทั้งหมดเหล่านั้นของเขาก็จะกลายเป็นสูญเปล่าและไร้ค่า
...สูญเปล่าและไร้ค่ายิ่งกว่าตัวเขาที่ทำได้แต่เฝ้ามองเธออยู่อย่างนี้
แต่เขาจะทำอย่างไรเพื่อให้เธอได้ยิน
ได้รับรู้ความรู้สึกและเรื่องราวอันงดงามทั้งหลายที่เขาได้แต่เก็บไว้กับตัวเขาเองได้เล่า
ในเมื่อเธอไม่เคยแม้แต่จะหันมามอง
ไม่เคยแม้แต่จะรับรู้ในตัวตนของเขาที่เฝ้ามองเธออยู่เสมอมาและเสมอไป
ยิ่งเวลาแห่งการครุ่นคิดผ่านไปเท่าไหร่
ยิ่งเขาต้องทนเห็นเธอเปียกปอนและเปลี่ยวเหงามากเท่าไหร่
และยิ่งเขาต้องทนมองเธอจากระยะไกลอย่างไร้ตัวตนอย่างนี้มากเท่าไหร่
เขาก็ยิ่งรู้ว่าความทุกข์ทรมานที่ไม่อาจปลอบประคองเธอได้นั้นยิ่งมีมากขึ้นเป็นทวีคูณ
ทุกข์ทรมานมากเกินกว่าที่เขาจะทนมองต่อไปได้อีก
และเขาจะทำอะไรได้...
เขาจะทำอย่างไรได้บ้างเพื่อให้เขาได้รับรู้ตัวตนของเขา
เขาจะทำอย่างไรได้บ้างเพื่อให้เธอเห็นถึงความรักอันบริสุทธิ์ที่เพาะบ่มอยู่เพียงในใจมานานแสนนาน
และเขาจะทำอย่างไรได้บ้างเพื่อให้เขาได้อยู่ในโลกของเธอ
โลกแห่งแสงสว่างของเธอ
แสงสว่าง...
แสงสว่างที่เธอเอาแต่จ้องมอง
เมื่อเธอชอบในแสงสว่างนั้น เขาจะทำให้ตัวเองมีแสงสว่างยิ่งกว่าที่เธอเคยเห็นในโลกของเธอ
ไม่รอช้า เปลวเพลิงลุกโชติช่วงบนหัวของเจ้าไม้ขีด
แม้จะร้อนจนไม่อาจทนไหว
แต่เขาก็เชื่อมั่นว่ามันจะคุ้มค่า
เธอจะมองมา
เธอจะเห็นเขา
และเธอจะยอมรับในความรู้สึกที่เขามีต่อเธอ
เปลวไฟเผาไล่ลงมาเรื่อย ๆ
หากไม้ขีดไฟอย่างเขาก็ยังกัดฟันที่จะยืนอย่างตระหง่านด้วยเชื่อในรอยยิ้มที่เขาจะได้เห็น ยามที่เธอเหลียวหลังหันมามองเป็นกำลังใจในการฝืนทน
หากเธอไม่มีวันหันมา…
เถ้าถ่านกองน้อย ๆ ทิ้งร่องรอยไว้ข้างปลักไม้ขีด
-----------------------------------------------------------------------
เขาไม่มีวันได้รับรู้ถึงหยดน้ำตาของเธอที่หลั่งไหลอย่างเงียบงัน
เธอรู้... รู้มาตลอด ว่ามีใครสักคนที่เฝ้ามองเธออยู่ห่าง ๆ
และใครคนนั้น รักเธออย่างบริสุทธิ์ใจ
แต่ความรักของเรามันไม่มีวันเป็นไปได้เลย
เธอไม่อาจยอมให้ไม่ขีดไฟตัวกระจ้อยร่อยมาทิ้งอนาคตที่สดใสกับดอกทานตะวันอย่างเธอ
ดอกทานตะวันที่ไม่อาจมีวันรักเขากลับได้ อย่างเธอ...
เธอทำได้เพียงใช้ชีวิตอย่างไม่หันหลังกลับ
เธอทำได้เพียงเฝ้ามองไปยังเบื้องบน
เธอทำได้เพียงใช้ชีวิตอย่างตัวคนเดียวอย่างทระนง
ด้วยหวังว่าวันหนึ่ง เขาจะยอมแพ้และล่าถอยไปเอง
เขาจะนำความรู้สึกที่บริสุทธิ์และมีค่านั้นไปใช้กับคนที่เห็นคุณค่าอย่างจริงใจ
หากเธอไม่เคยคิดเลยว่า สิ่งที่เธอได้ทำลงไปทั้งหมดนั้น
จะกลายเป็นการเริ่มต้นของจุดจบแก่ผู้ที่รักเธออย่างบริสุทธิ์ใจ
เธอเองก็คงทำได้เพียงกลั่นหยดน้ำตาเพื่อไว้อาลัยแก่การสูญเปล่าแห่งความรัก
แต่จะให้เธอทำเช่นไรได้อีกเล่า เมื่อเธอไม่ได้รักเขาและไม่อาจรักเขาได้ด้วย
เธอรักเพียงแต่พระอาทิตย์
พระอาทิตย์เบื้องบนนั้น สูงขึ้น สูงขึ้นไป
พระอาทิตย์ที่เธอไม่มีวันคู่เคียงกัน
ทุกวัน เธอทำได้เพียงต้อนรับพระอาทิตย์ขึ้นจากเบื้องตะวันออก
เฝ้ามองเขาเคลื่อนไปตามการหมุนแห่งกาลเวลา และส่งเขากลับบ้านในเบื้องทิศตะวันตก
แม้หลายต่อหลายครั้ง แสงอาทิตย์จะแรงจ้าจนแทบจะแผดเผาเธอกลายเป็นจุณ
แต่ความมั่นคงที่เธอมีให้กับพระอาทิตย์ก็ไม่เคยสั่นคลอน
ไม่ว่าฝนจะตกจนหนาวเหน็บ หรือแสงแดดนั้นจะแรงเสียจนแสบไปหมด
เธอก็ยังคงทำหน้าที่แห่งความภักดีอันบริสุทธิ์ เฝ้ามองการขึ้นมาและจากไปแห่งดวงดาวอันทรงคุณค่านั้น
เมื่อยามพายุโหมในค่ำคืนที่หนาวเหน็บ เธออ้างว้างและเปล่าเปลี่ยว ทั้งก็ยังย่อท้อต่อแรงลมที่ไม่อาจจะต้านไหว
แต่พระอาทิตย์ เพราะพระอาทิตย์ดวงนี้ ที่ทำให้เธอยังคงสู้ สู้ต่อแรงลม สู้ต่อความอ้างว้าง และสู้ต่อความหนาวเหน็บ
เธอจะยังคงหยั่งรากลึกและประคองลำต้นไว้ไม่ให้หักโค่นไปได้
เพราะเธอรู้เสมอว่า ไม่ว่าคืนนี้จะสาหัสเพียงไหน
ทุก ๆ รุ่งอรุณ พระอาทิตย์จะมาเยือน
ทุก ๆ ช่วงเวลาแห่งวัน พระอาทิตย์จะเคลื่อนไป
และทุก ๆ สนธยาพระอาทิตย์จะจากไป เพียงเพื่อเริ่มการมาเยือนใหม่อีกครั้ง
เธอไม่คิดปรารถนาที่จะได้อยู่เคียงข้างเขา เพราะการจากไปของไม้ขีดไฟก็เป็นบทเรียนที่น่าเศร้าเกินพอแล้วสำหรับจากตายจากของความรักอันบริสุทธิ์
ขอเพียงแค่ได้มองอยู่อย่างนี้ ทุกวันและทุกเวลาเรื่อยไป
ได้เห็นทุกการขึ้นจนถึงจุดที่สูงที่สุดและทุกการตกลงถึงจุดที่ต่ำที่สุดของเขา
ยามที่เขาห่างหายไปก็ได้เฝ้ารอให้เขากลับมา
ได้คิดถึงเขาและมีเขาเป็นพลังใจในวันที่พายุถาโถม
เพียงเท่านั้น ความรักอันบริสุทธิ์ที่เธอมีก็ได้รับการเติมเต็มจนเกินพอแล้วล่ะ
-----------------------------------------------------------------------
ดอกทานตะวันยังคงมองเขาเรื่อยมาจนเขาเองก็เริ่มชาชินเสียแล้ว
การจากไปของไม้ขีดไฟช่างเป็นเรื่องน่าเศร้า หากเขาก็คงไม่อาจทำอะไรได้ นอกจากเฝ้ามองผู้ลุ่มหลงในความรักจุดไฟเผาตัวเอง
ความรักนั้นมีค่าสักเพียงใดกันนะ ที่เรายอมแลกทั้งชีวิตของตัวเองเพื่อให้ความรักนั้นมีค่าและมีคนเห็นในคุณค่านั้น
ความรักของดอกทานตะวันเอง แม้จะทำให้เขาอึดอัด แต่เขาจะทำเช่นไรได้
เพราะแม้แต่พระอาทิตย์เอง ยังไม่เชื่อมั่นในความรักเลย
เขา “เคย” เชื่อมั่นในความรัก...
ความรักคืออะไร
ความรักคือการมอดไหม้ตัวเองไปเพื่อประกาศตัวตนของความรักแห่งเขา อย่างที่ไม้ขีดไฟเป็น
ความรักคือการเฝ้ามองอย่างไม่มีวันสิ้นสุดและได้แต่เพียงให้ความรักเก็บไว้ที่ตัวเขาเพียงผู้เดียว อย่างดอกทานตะวัน
หรือความรักคือการที่ไม่ต้องอยู่เคียงข้างกัน ไม่แม้แต่จะได้เห็นกันด้วยซ้ำ เพียงแค่รู้ถึงความรู้สึกอันบริสุทธิ์ใจที่มีให้เขาอย่างมั่นคงและไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
อย่างความรักของพระอาทิตย์
ความรักที่เคยเป็นของพระอาทิตย์
แม้ในใจเขาอึดอัดและอยากจะตะโกนลงไปบอกดอกทานตะวันมากเพียงใดว่า เขานั้นไม่ได้โพล่ขึ้นจากปลายฟ้าข้างทิศตะวันออก เคลื่อนไปตามกาลหมุนแห่งเวลา และตกลงไปใต้พื้นดินข้างทิศตะวันตก
เพราะในความจริงแล้ว เขาก็เพียงแค่อยู่เฉย ๆ หน้าที่ของเขาคือการหมุนรอบตัวเอง
มีเพียงโลกเท่านั้นแหละ ที่นอกจากจะหมุนรอบตัวเองแล้ว ยังคงหมุนรอบตัวเขาอีกด้วย
ดอกทานตะวันจึงได้มองเห็นเขาทุกวันจนเป็นกิจวัตรที่เขาอึดอัดใจ
และแม้ในใจของเขาเองก็อยากจะตะโกนไปให้ดอกทานตะวันได้ยินว่า เขาและเธอไม่อาจรักกันได้อย่างแน่นอน
เพราะนอกจากเขาจะไม่ได้รักเธอแล้ว เขาเองก็มีอานุภาพที่จะสามารถทำลายเธอให้แหลกละเอียดเป็นเพียงฝุ่นผงได้ด้วยอย่างที่เขาไม่ต้องการ
อานุภาพที่ทำให้เขาสูญเสียความรักของเขาไป
เปลวไฟที่ลุกโชติช่วงอย่างไม่มีวันดับ แม้ว่าจะเป็นราศีแห่งภาพลักษณ์และอำนาจที่เขามี
แต่ไม่เลย เขาไม่เคยพึงปรารถนามัน
อานุภาพที่เขาได้รับกลับย้อนทำลายล้างคนที่เขารักไปเสียเท่าไหร่แล้ว
และไม่นานนัก มันก็ได้แผดเผาความรู้สึกของเขาไปจนสิ้น
แม้การหมุนรอบตัวเขาของโลกจะทำให้เขาเวียนหัวและเบื่อหน่าย
หากโลกเล็ก ๆ ใบนี้ก็ได้นำพาความรักที่เขาไม่อาจครอบครองได้มาย้ำเตือนถึงการมีอยู่แห่งความรู้สึกของเขา...
ย้ำเตือนว่าครั้งหนึ่ง เขาได้รู้จักกับความรัก
แม้ดอกทานตะวันจะเห็นคุณค่าในการสูงขึ้นและตกลงของเขาในแต่ละวัน ในแต่ละการหมุนรอบตัวเองของโลก
แต่เธอกลับไม่เคยมองเห็นหรือแม้แต่จะใส่ใจต่อคนรักของเขา... คนที่เขาเคยรักอย่างพระจันทร์เลยอย่างนั้นหรือ
ทั้งที่ตำแหน่ง และเวลาของทั้งคู่เปลี่ยนเวียนกันไปอย่างนั้น
พระอาทิตย์ไม่อาจแม้แต่จะเฝ้ามองการหมุนไปของดวงจันทร์อย่างที่ดอกทานตะวันทำให้เขาด้วยซ้ำ
และเขาเองก็ไม่อาจจุดเพลิงเผาตัวเองเพื่อบูชาความรักอย่างที่ไม้ขีดไฟได้ทำแก่ดอกทานตะวันเสียด้วย
การหมุนตัวแต่ละครั้งของเขา เป็นไปด้วยความเร็วเฉพาะอย่างที่ควรจะเป็น เป็นไปอย่างเชื่องช้า
การพบกันของเขาและคนรักเก่าของเขาจึงเป็นเพียงการบังเอิญที่ได้มาพบเจอกันเพียงชั่วครู่แล้วต้องลาจากกันไป
เขาไม่อาจฉุดรั้งเธอไว้และทำให้เธอต้องมีรอยด่างอย่างที่ได้ทำกับเธอไว้ในครั้งก่อนอีกต่อไปแล้ว
แต่เขาก็รู้ว่า วันหนึ่ง เมื่อจุดสิ้นสุดแห่งพระอาทิตย์มาถึง
วันที่เขาจะตายตามความรู้สึกแห่งรักของเขาไปนั้น
เขาจะเผาผลาญซึ่งทุกสิ่ง
ซึ่งดอกทานตะวัน
ซึ่งเถ้าธุลีแห่งไม้ขีดไฟ
และซึ่งดวงจันทร์ที่เขายังห่วงใยอยู่เสมอ
พระอาทิตย์ทำได้เพียงหมุนรอบตัวเองอย่างแช่มช้าและเศร้าสร้อย
รอคอยวันที่ทุกความรักจะหมดสิ้นไปด้วยตัวของเขาเอง
Sun -flour
-----------------------------------------
เป็นช่วงเวลาที่นานเพียงใดก็ไม่อาจรู้ได้ สำหรับเขาที่เฝ้ามองเธอเสมอมา
อาจจะตั้งแต่วันแรกที่เขามีลมหายใจ
หรือตั้งแต่วันแรกที่เขาถูกกำหนดให้มีรูปร่าง มีตัวตนขึ้นมา
หรืออาจจะตั้งแต่วันแรกที่บรรพบุรุษผู้สร้างเขาได้เกิดขึ้นมาบนโลกนี้
หรืออาจจะตั้งแต่วันแรกที่มนุษย์รู้จักการใช้ไฟก็เป็นได้
แต่ไม่ว่าเขาจะใช้เวลาเฝ้ามองเธอนานเพียงไหน
และไม่ว่าเขาจะต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่ในการเฝ้ามองเธอต่อไป
เขารู้เพียงว่า เขาทำได้เพียงเฝ้ามองอยู่ฝ่ายเดียวอย่างนี้...
อย่างไร้ตัวตนเยี่ยงนี้เท่านั้นแหละ
เขาไม่เคยเสียใจที่ความรักของเขาไม่เคยมีใครเห็น
เขาเองก็ไม่เคยเสียใจที่แม้แต่ตัวตนของเขาก็อาจจะไม่ได้มีตัวตนอยู่ด้วยซ้ำ
ในโลกของเธอที่มีแต่การแหงนขึ้นมามองบน
อย่างไรเล่าที่เธอจะมองหันหลังมามองตัวตนเล็ก ๆ และไร้ค่าอย่างเขาได้
แต่นั่นก็ไม่เป็นไรหรอก เพราะสำหรับเขาแล้ว
การที่ได้เห็นแม้แต่ด้านหลังของเธอในระยะไกล
ก็ยังดีกว่าไม่สามารถมองเห็นเธอได้เลย
เขาแค่เพียงเสียใจ ในวันที่ฟ้าร้องไห้และเธอต้องเปียกปอนอยู่ข้างนอกนั่น
เขาเห็นและจดจำภาพเหล่านั้นได้ดี ภาพที่เธอโดดเดี่ยว เปียกโชก
ฝืนประคองร่างตัวเองไว้ใต้เม็ดฝนที่กระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย
ไม่เงยหน้ามองฟ้าอย่างเด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่นอย่างที่เธอมักเป็น
ภาพที่ไม่มีเขาเคียงข้าง คอยปลอบโยนให้เธอได้ลุกขึ้นกลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง
ภาพที่ไม่มีเขาอยู่เคียงข้าง ในยามที่เธออ้างว้างและเหน็บหนาวที่สุด
เขาได้แต่เฝ้ามองเธอ ยื่นมือที่เธอไม่อาจมองเห็นเข้าไปโอบกอดเธอ...
โอบกอดเธอเพียงในใจ
หากแล้ว การสูญสลายและจากไปของสิ่งรอบข้าง ก็ทำให้เขาฉุกคิดได้ว่า
ชีวิตนั้นสั้นยิ่งนัก ความรู้สึกที่เขามีวันนี้
อาจจะต้องตายไปกับตัวเขาเมื่อไหร่ก็ได้หากไม่ได้บอกให้เธอได้รับรู้
และความรู้สึกทั้งหมดเหล่านั้นของเขาก็จะกลายเป็นสูญเปล่าและไร้ค่า
...สูญเปล่าและไร้ค่ายิ่งกว่าตัวเขาที่ทำได้แต่เฝ้ามองเธออยู่อย่างนี้
แต่เขาจะทำอย่างไรเพื่อให้เธอได้ยิน
ได้รับรู้ความรู้สึกและเรื่องราวอันงดงามทั้งหลายที่เขาได้แต่เก็บไว้กับตัวเขาเองได้เล่า
ในเมื่อเธอไม่เคยแม้แต่จะหันมามอง
ไม่เคยแม้แต่จะรับรู้ในตัวตนของเขาที่เฝ้ามองเธออยู่เสมอมาและเสมอไป
ยิ่งเวลาแห่งการครุ่นคิดผ่านไปเท่าไหร่
ยิ่งเขาต้องทนเห็นเธอเปียกปอนและเปลี่ยวเหงามากเท่าไหร่
และยิ่งเขาต้องทนมองเธอจากระยะไกลอย่างไร้ตัวตนอย่างนี้มากเท่าไหร่
เขาก็ยิ่งรู้ว่าความทุกข์ทรมานที่ไม่อาจปลอบประคองเธอได้นั้นยิ่งมีมากขึ้นเป็นทวีคูณ
ทุกข์ทรมานมากเกินกว่าที่เขาจะทนมองต่อไปได้อีก
และเขาจะทำอะไรได้...
เขาจะทำอย่างไรได้บ้างเพื่อให้เขาได้รับรู้ตัวตนของเขา
เขาจะทำอย่างไรได้บ้างเพื่อให้เธอเห็นถึงความรักอันบริสุทธิ์ที่เพาะบ่มอยู่เพียงในใจมานานแสนนาน
และเขาจะทำอย่างไรได้บ้างเพื่อให้เขาได้อยู่ในโลกของเธอ
โลกแห่งแสงสว่างของเธอ
แสงสว่าง...
แสงสว่างที่เธอเอาแต่จ้องมอง
เมื่อเธอชอบในแสงสว่างนั้น เขาจะทำให้ตัวเองมีแสงสว่างยิ่งกว่าที่เธอเคยเห็นในโลกของเธอ
ไม่รอช้า เปลวเพลิงลุกโชติช่วงบนหัวของเจ้าไม้ขีด
แม้จะร้อนจนไม่อาจทนไหว
แต่เขาก็เชื่อมั่นว่ามันจะคุ้มค่า
เธอจะมองมา
เธอจะเห็นเขา
และเธอจะยอมรับในความรู้สึกที่เขามีต่อเธอ
เปลวไฟเผาไล่ลงมาเรื่อย ๆ
หากไม้ขีดไฟอย่างเขาก็ยังกัดฟันที่จะยืนอย่างตระหง่านด้วยเชื่อในรอยยิ้มที่เขาจะได้เห็น ยามที่เธอเหลียวหลังหันมามองเป็นกำลังใจในการฝืนทน
หากเธอไม่มีวันหันมา…
เถ้าถ่านกองน้อย ๆ ทิ้งร่องรอยไว้ข้างปลักไม้ขีด
-----------------------------------------------------------------------
เขาไม่มีวันได้รับรู้ถึงหยดน้ำตาของเธอที่หลั่งไหลอย่างเงียบงัน
เธอรู้... รู้มาตลอด ว่ามีใครสักคนที่เฝ้ามองเธออยู่ห่าง ๆ
และใครคนนั้น รักเธออย่างบริสุทธิ์ใจ
แต่ความรักของเรามันไม่มีวันเป็นไปได้เลย
เธอไม่อาจยอมให้ไม่ขีดไฟตัวกระจ้อยร่อยมาทิ้งอนาคตที่สดใสกับดอกทานตะวันอย่างเธอ
ดอกทานตะวันที่ไม่อาจมีวันรักเขากลับได้ อย่างเธอ...
เธอทำได้เพียงใช้ชีวิตอย่างไม่หันหลังกลับ
เธอทำได้เพียงเฝ้ามองไปยังเบื้องบน
เธอทำได้เพียงใช้ชีวิตอย่างตัวคนเดียวอย่างทระนง
ด้วยหวังว่าวันหนึ่ง เขาจะยอมแพ้และล่าถอยไปเอง
เขาจะนำความรู้สึกที่บริสุทธิ์และมีค่านั้นไปใช้กับคนที่เห็นคุณค่าอย่างจริงใจ
หากเธอไม่เคยคิดเลยว่า สิ่งที่เธอได้ทำลงไปทั้งหมดนั้น
จะกลายเป็นการเริ่มต้นของจุดจบแก่ผู้ที่รักเธออย่างบริสุทธิ์ใจ
เธอเองก็คงทำได้เพียงกลั่นหยดน้ำตาเพื่อไว้อาลัยแก่การสูญเปล่าแห่งความรัก
แต่จะให้เธอทำเช่นไรได้อีกเล่า เมื่อเธอไม่ได้รักเขาและไม่อาจรักเขาได้ด้วย
เธอรักเพียงแต่พระอาทิตย์
พระอาทิตย์เบื้องบนนั้น สูงขึ้น สูงขึ้นไป
พระอาทิตย์ที่เธอไม่มีวันคู่เคียงกัน
ทุกวัน เธอทำได้เพียงต้อนรับพระอาทิตย์ขึ้นจากเบื้องตะวันออก
เฝ้ามองเขาเคลื่อนไปตามการหมุนแห่งกาลเวลา และส่งเขากลับบ้านในเบื้องทิศตะวันตก
แม้หลายต่อหลายครั้ง แสงอาทิตย์จะแรงจ้าจนแทบจะแผดเผาเธอกลายเป็นจุณ
แต่ความมั่นคงที่เธอมีให้กับพระอาทิตย์ก็ไม่เคยสั่นคลอน
ไม่ว่าฝนจะตกจนหนาวเหน็บ หรือแสงแดดนั้นจะแรงเสียจนแสบไปหมด
เธอก็ยังคงทำหน้าที่แห่งความภักดีอันบริสุทธิ์ เฝ้ามองการขึ้นมาและจากไปแห่งดวงดาวอันทรงคุณค่านั้น
เมื่อยามพายุโหมในค่ำคืนที่หนาวเหน็บ เธออ้างว้างและเปล่าเปลี่ยว ทั้งก็ยังย่อท้อต่อแรงลมที่ไม่อาจจะต้านไหว
แต่พระอาทิตย์ เพราะพระอาทิตย์ดวงนี้ ที่ทำให้เธอยังคงสู้ สู้ต่อแรงลม สู้ต่อความอ้างว้าง และสู้ต่อความหนาวเหน็บ
เธอจะยังคงหยั่งรากลึกและประคองลำต้นไว้ไม่ให้หักโค่นไปได้
เพราะเธอรู้เสมอว่า ไม่ว่าคืนนี้จะสาหัสเพียงไหน
ทุก ๆ รุ่งอรุณ พระอาทิตย์จะมาเยือน
ทุก ๆ ช่วงเวลาแห่งวัน พระอาทิตย์จะเคลื่อนไป
และทุก ๆ สนธยาพระอาทิตย์จะจากไป เพียงเพื่อเริ่มการมาเยือนใหม่อีกครั้ง
เธอไม่คิดปรารถนาที่จะได้อยู่เคียงข้างเขา เพราะการจากไปของไม้ขีดไฟก็เป็นบทเรียนที่น่าเศร้าเกินพอแล้วสำหรับจากตายจากของความรักอันบริสุทธิ์
ขอเพียงแค่ได้มองอยู่อย่างนี้ ทุกวันและทุกเวลาเรื่อยไป
ได้เห็นทุกการขึ้นจนถึงจุดที่สูงที่สุดและทุกการตกลงถึงจุดที่ต่ำที่สุดของเขา
ยามที่เขาห่างหายไปก็ได้เฝ้ารอให้เขากลับมา
ได้คิดถึงเขาและมีเขาเป็นพลังใจในวันที่พายุถาโถม
เพียงเท่านั้น ความรักอันบริสุทธิ์ที่เธอมีก็ได้รับการเติมเต็มจนเกินพอแล้วล่ะ
-----------------------------------------------------------------------
ดอกทานตะวันยังคงมองเขาเรื่อยมาจนเขาเองก็เริ่มชาชินเสียแล้ว
การจากไปของไม้ขีดไฟช่างเป็นเรื่องน่าเศร้า หากเขาก็คงไม่อาจทำอะไรได้ นอกจากเฝ้ามองผู้ลุ่มหลงในความรักจุดไฟเผาตัวเอง
ความรักนั้นมีค่าสักเพียงใดกันนะ ที่เรายอมแลกทั้งชีวิตของตัวเองเพื่อให้ความรักนั้นมีค่าและมีคนเห็นในคุณค่านั้น
ความรักของดอกทานตะวันเอง แม้จะทำให้เขาอึดอัด แต่เขาจะทำเช่นไรได้
เพราะแม้แต่พระอาทิตย์เอง ยังไม่เชื่อมั่นในความรักเลย
เขา “เคย” เชื่อมั่นในความรัก...
ความรักคืออะไร
ความรักคือการมอดไหม้ตัวเองไปเพื่อประกาศตัวตนของความรักแห่งเขา อย่างที่ไม้ขีดไฟเป็น
ความรักคือการเฝ้ามองอย่างไม่มีวันสิ้นสุดและได้แต่เพียงให้ความรักเก็บไว้ที่ตัวเขาเพียงผู้เดียว อย่างดอกทานตะวัน
หรือความรักคือการที่ไม่ต้องอยู่เคียงข้างกัน ไม่แม้แต่จะได้เห็นกันด้วยซ้ำ เพียงแค่รู้ถึงความรู้สึกอันบริสุทธิ์ใจที่มีให้เขาอย่างมั่นคงและไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
อย่างความรักของพระอาทิตย์
ความรักที่เคยเป็นของพระอาทิตย์
แม้ในใจเขาอึดอัดและอยากจะตะโกนลงไปบอกดอกทานตะวันมากเพียงใดว่า เขานั้นไม่ได้โพล่ขึ้นจากปลายฟ้าข้างทิศตะวันออก เคลื่อนไปตามกาลหมุนแห่งเวลา และตกลงไปใต้พื้นดินข้างทิศตะวันตก
เพราะในความจริงแล้ว เขาก็เพียงแค่อยู่เฉย ๆ หน้าที่ของเขาคือการหมุนรอบตัวเอง
มีเพียงโลกเท่านั้นแหละ ที่นอกจากจะหมุนรอบตัวเองแล้ว ยังคงหมุนรอบตัวเขาอีกด้วย
ดอกทานตะวันจึงได้มองเห็นเขาทุกวันจนเป็นกิจวัตรที่เขาอึดอัดใจ
และแม้ในใจของเขาเองก็อยากจะตะโกนไปให้ดอกทานตะวันได้ยินว่า เขาและเธอไม่อาจรักกันได้อย่างแน่นอน
เพราะนอกจากเขาจะไม่ได้รักเธอแล้ว เขาเองก็มีอานุภาพที่จะสามารถทำลายเธอให้แหลกละเอียดเป็นเพียงฝุ่นผงได้ด้วยอย่างที่เขาไม่ต้องการ
อานุภาพที่ทำให้เขาสูญเสียความรักของเขาไป
เปลวไฟที่ลุกโชติช่วงอย่างไม่มีวันดับ แม้ว่าจะเป็นราศีแห่งภาพลักษณ์และอำนาจที่เขามี
แต่ไม่เลย เขาไม่เคยพึงปรารถนามัน
อานุภาพที่เขาได้รับกลับย้อนทำลายล้างคนที่เขารักไปเสียเท่าไหร่แล้ว
และไม่นานนัก มันก็ได้แผดเผาความรู้สึกของเขาไปจนสิ้น
แม้การหมุนรอบตัวเขาของโลกจะทำให้เขาเวียนหัวและเบื่อหน่าย
หากโลกเล็ก ๆ ใบนี้ก็ได้นำพาความรักที่เขาไม่อาจครอบครองได้มาย้ำเตือนถึงการมีอยู่แห่งความรู้สึกของเขา...
ย้ำเตือนว่าครั้งหนึ่ง เขาได้รู้จักกับความรัก
แม้ดอกทานตะวันจะเห็นคุณค่าในการสูงขึ้นและตกลงของเขาในแต่ละวัน ในแต่ละการหมุนรอบตัวเองของโลก
แต่เธอกลับไม่เคยมองเห็นหรือแม้แต่จะใส่ใจต่อคนรักของเขา... คนที่เขาเคยรักอย่างพระจันทร์เลยอย่างนั้นหรือ
ทั้งที่ตำแหน่ง และเวลาของทั้งคู่เปลี่ยนเวียนกันไปอย่างนั้น
พระอาทิตย์ไม่อาจแม้แต่จะเฝ้ามองการหมุนไปของดวงจันทร์อย่างที่ดอกทานตะวันทำให้เขาด้วยซ้ำ
และเขาเองก็ไม่อาจจุดเพลิงเผาตัวเองเพื่อบูชาความรักอย่างที่ไม้ขีดไฟได้ทำแก่ดอกทานตะวันเสียด้วย
การหมุนตัวแต่ละครั้งของเขา เป็นไปด้วยความเร็วเฉพาะอย่างที่ควรจะเป็น เป็นไปอย่างเชื่องช้า
การพบกันของเขาและคนรักเก่าของเขาจึงเป็นเพียงการบังเอิญที่ได้มาพบเจอกันเพียงชั่วครู่แล้วต้องลาจากกันไป
เขาไม่อาจฉุดรั้งเธอไว้และทำให้เธอต้องมีรอยด่างอย่างที่ได้ทำกับเธอไว้ในครั้งก่อนอีกต่อไปแล้ว
แต่เขาก็รู้ว่า วันหนึ่ง เมื่อจุดสิ้นสุดแห่งพระอาทิตย์มาถึง
วันที่เขาจะตายตามความรู้สึกแห่งรักของเขาไปนั้น
เขาจะเผาผลาญซึ่งทุกสิ่ง
ซึ่งดอกทานตะวัน
ซึ่งเถ้าธุลีแห่งไม้ขีดไฟ
และซึ่งดวงจันทร์ที่เขายังห่วงใยอยู่เสมอ
พระอาทิตย์ทำได้เพียงหมุนรอบตัวเองอย่างแช่มช้าและเศร้าสร้อย
รอคอยวันที่ทุกความรักจะหมดสิ้นไปด้วยตัวของเขาเอง