ต่อจาก หนังสือ คู่มือปฎิบัติวัดท่าซุง เล่ม 2 อนุสสติ 5 ตอนที่ 3.1 https://ppantip.com/topic/43277142
อนุสสติ 5 ตอนที่ 3.2

สำหรับด้านความหลงของพระโสดาบัน ที่ขึ้นชื่อว่าหลงก็เพราะว่ายังมีความรักในเพศ ยังมีความอยากรวย เมื่อสักครู่นี้ข้ามคำว่าอยากรวยไป การอยากรวยของพระโสดาบัน คือต้องการความรวยในด้านสุจริตธรรมเท่านั้น เรียกว่าการทุจริตคิดร้ายคดโกงบุคคลอื่นใด ไม่มีในอารมณ์จิตของพระโสดาบัน ประกอบอาชีพด้วยความสุจริต เพราะอาศัยยังรักในความสวยสดงคงาม คือ รูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสระหว่างเพศ ยังมีอยู่ ยังมีความอยากรวย ยังมีความโกรธ ยังมีความหลง เพราะยังคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกยังมีของสวยของงาม การถือตัวถือตนแบบนี้จึงเชื่อว่ายังมีความหลง แต่ความหลงของพระโสดาบันนั้น ไม่สามารถ จะนำบุคคลผู้นั้น ในเวลาตายแล้วไปสู่อบายภูมิได้
จุดนี้ขอบรรคาท่านทั้งหลายผู้รับฟังจงจำไว้ว่า ความจริงอารมณ์ของพระโสดาบันนั้น ไม่แตกต่างกับชาวบ้านธรรมดาเท่าไรนัก ชาวบ้านธรรมดายังมีความรักในเพศ ยังมีสามีภรรยา แต่ทว่ายังมีการนอกใจสามี นอกใจภรรยา สำหรับพระโสดาบันไม่มี ชาวบ้านอยากรวยก็ยังมีการคดการโกง มีการยื้อแย่ง ฉกชิงวิ่งราวทรัพย์ สำหรับพระโสดาบัน ถ้าต้องการรวยก็รวยด้วยการสุจริต หากินด้วยความชอบธรรม ต่างกันตรงนี้
พระโสดาบันมีควานโกรธ ชาวบ้านโกรธแล้วก็ปรารถนาจะประทุษร้าย ถ้ามีโอกาสก็ประทุษร้ายบุคคลที่เราโกรธ ถ้าสามารถจะฆ่าได้ก็ฆ่า สำหรับพระโสดาบันมีแต่ความโกรธ การประทุษร้ายไม่มี การฆ่าการประหารกันไม่มี นี่ต่างกันกับชาวบ้าน
พระโสดาบันยังมีความหลง ตามที่กล่าวมาด้วยอาการที่ผ่านมาแล้ว แต่ทว่าพระโสดาบันก็ไม่ลืมคิดว่า เราจะต้องตาย เมื่อเราตายแล้วเราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจ ตอนนี้พระโสดาบันไม่เสียใจ ไม่เสียดาย ถือว่าถ้าตายเรามีความสุข นี่ขอท่านทั้งหลายจำอาการอารมณ์จิตที่เข้าถึงพระโสดาบันไว้ด้วย
ตอนนี้จะขอพูดอีกนิดหนึ่งถึงอารมณ์ความจริงของพระโสดาบัน ที่เรียกกันว่า
องค์ของพระโสดาบัน คำว่า
องค์ ก็ได้แก่อารมณ์จิตที่ทรงไว้อย่างนั้นอย่างแนบแน่นสนิท นั่นก็คือ
1.พระโสดาบันมีความเคารพในพระพุทธเจ้าอย่างจริงใจ ไม่คลายในความเคารพในพระพุทธเจ้า ไม่ว่าจะมีเหตุใด ๆ เกิดขึ้น ใครจะมาจ้างให้รางวัลมาก ๆ ให้กล่าวว่าพระพุทธเจ้าไม่ใช่พระพุทธเจ้า พระธรรมไม่ใช่พระธรรม พระสงฆ์ไม่ใช่พระสงฆ์ แม้แต่พูดเล่นพระโสดาบันก็ไม่พูด ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าท่านมีความเคารพในพระพุทธเจ้า มีความเคารพในพระธรรม มีความเคารพในพระอริยสงฆ์อย่างจริงใจ แต่ทว่าระวังให้ดี ถ้าพระสงฆ์เลว พระโสดาบันไม่ใส่ข้าวให้กิน
ตัวอย่างภิกษุโกสัมพีมีความประพฤติชั่ว ตอนนั้นมราวาสที่เป็นพระอริยเจ้านับหมื่น ไม่ยอมใส่ข้าวให้กิน เพราะถือว่าเป็นโจรปล้นพระพุทธศาสนา เป็นผู้ทำลายความดี ไม่ใช่ว่าเป็นพระอริยเจ้าแล้วละก็ จะเมตตาไปเสียทุกอย่าง ท่านเมตตาแต่คนดี หรือว่าบุคคลผู้ใดมีความประพฤติชั่ว แนะนำแล้วสามารถจะกลับตัวได้ พระโสดาบันก็เมตตา ถ้าเขาชั่วแนะนำแล้วไม่สามารถจะกลับตัวได้ พระโสดาบันก็ทรงอุเบกขาคือเฉย ไม่สงเคราะห์ โปรดจำอารมณ์ตรงนี้ไว้ให้ดี
และประการต่อไป พระโสดาบันมีศีลบริสุทธิ์ ขอพูดย่อให้สั้นว่าองค์ของพระโสดาบันก็คือ 1.มีความเคารพในพระพุทธเจ้า 2.มีความเคารพในพระธรรม 3.มีความเคารพในพระอริยสงฆ์ นี่จัดเป็นองค์มี 3 ประการ
แต่สิ่งที่จะแถมขึ้นมานั้นก็คือรักพระนิพพานเป็นอารมณ์ ทำทุกสิ่งทุกอย่างไม่หวังผลตอบแทน ไม่หวังความดีมีชื่อเสียงในชาติปัจจุบัน มีความรู้สึกต้องการอยู่อย่างเดียวว่า เราทำความดีทุกอย่างเพื่อพระนิพพานเท่านั้น
และอารมณ์จิตตอนนี้ขอบรรดาท่านพุทธบริษัท ภิกษุสามเณรทุกท่านต้องจำไว้ จงอย่าไปคิดว่าพระโสดาบันเลอเลิศไปถึงอารมณ์อรหันต์ โดยมากมักจะคิดว่า อารมณ์ของพระอรหันต์เป็นอารมณ์ของพระโลดาบัน ก็เลยทำกันไม่ถึง ไอ้นี่การคิดผิด ความจริงการเป็นพระโสดาบันนี่เป็นง่าย มีอารมณ์ไม่หนัก ที่หนักจริงๆก็คือศีลอย่างเดียว
ต่อนี้ไปรอพูดถึงอาการของพระโสดาบันที่จะพึงได้ พระโสดาบันจัดเป็น 3 ขั้นคือ
1. สัตตักขัตตุง สำหรับที่ท่านเป็นพระโสดาบันมีอารมณ์ยังอ่อน จะต้องเกิดและตายในระหว่างเทวดาหรือพรหมกับมนุษย์อีกอย่างละ 7 ชาติ เป็นมนุษย์ชาติที่ 7 จะเข้าถึงความเป็นอรหัตตผล
2.ถ้ามีอารมณ์เข้มแข็งปานกลาง ที่เรียกกันว่า
โกลังโกละ อย่างนี้จะทรงความเป็นเทวดาหรือมนุษย์อีกอย่างละ 3 ชาติ ครบเป็นมนุษย์ชาติที่ 3 เป็นพระอรหันต์
๓. สำหรับพระโสดาบันที่มีอารมณ์เข้มแข็งที่เรียกว่า
เอกพิชี นั่นก็จะเกิดเป็นเทวดาอีกครั้งเดียว มาเกิดเป็นมนุษย์แล้วก็เป็นพระอรหันต์
ที่พูดตามนี้หมายความว่า ท่านผู้นั้นเมื่อเป็นพระโสดาบันแล้ว เกิดใหม่ไม่ได้พบพระพุทธศาสนา จะต้องฝึกฝนตนเองอยู่เสมอทุกชาติ แต่ว่าความเป็นมิจฉาทิฏฐิในชาติต่อ ๆ ไป จะไม่มีแก่พระโสดาบัน เพราะว่าพระโสดาบันไม่มีสิทธิ์ที่จะไปเกิดเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน จะเกิดได้แค่ช่วงแห่งความเป็นมนุษย์กับเทวดาหรือพรหมสลับกันเท่านั้น เป็นอันว่าพระโสดาบันนี่ ถ้าท่านทั้งหลายพิจารณาให้ดีแล้ว ก็จะมีความรู้สึกว่าเป็นของไม่ยาก
หากว่าท่านจะถามว่า พระโสดาบันขั้นสัตตักขัตตุง โกลังโกละ และเอกพิชี มีอารมณ์ต่างกันอย่างไร ก็จะขอตอบว่า
พระโสดาบันขั้น
สัตตักขัตตุง มีจริยาคล้ายชาวบ้านธรรมดามาก ยังมีอารมณ์รุนแรงในความรัก ยังมีอารมณ์รุนแรงในความโลภ ในความโกรธ ในความหลง แต่ทว่าเป็นผู้มั่นคงในศีล ไม่ละเมิด
สำหรับพระโสดาบันชั้น
โกลังโกละ ขั้นโกลังโกละนี้มีอารมณ์เยือกเย็นมาก คือว่ามีความมั่นในคุณพระรัตนตรัย มีศีลมั่นคงมาก ความจริงเรื่องศีลนี้มั่นคงเหมือนกัน แต่ว่าจิตของท่านเบาบางในด้านความรัก ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความคำนึงถึงอารมณ์อย่างนี้มีอยู่แต่ก็น้อย ถ้ามีคู่ครองเขาจะโทษว่า กามคุณชักจะลดหย่อนลงไป ความสนใจในเพศ ความสนใจในความโลภ อารมณ์แห่งความโกรธ อารมณ์แห่งความหลงมันเบา กระทบไม่ค่อยจะมีความรู้สึก
สำหรับพระโสดาบันขั้น
เอกพิชี ในตอนนี้อารมณ์ของท่านผู้นั้น จะมีอารมณ์ธรรมดาอยู่มาก ขอท่านทั้งหลายโปรดอย่าลืมว่า พระอริยเจ้าจะเป็นฆราวาสก็ดี จะเป็นพระก็ดี จะเป็นเณรก็ดี จะเป็นคนมีจิตละเอียด ไม่ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา และไม่ขัดคำสั่ง ไม่ฝ่าฝืนกฎระเบียบวินัยและกฎหมาย อันนี้เป็นอารมณ์ของพระโสดาบันที่ท่านทั้งหลายจะพึงทราบ
สำหรับเอกพีชีนี่ความจริงมีอาการจิตใกล้พระสกิทาคามี แต่ทว่าสิ่งที่จะระงับไว้ได้นั้นกดด้วยกำลังของศีล มีความรู้สึกว่าเราจะต้องประคับประคองศีลของเราให้แจ่มใสอยู่เสมอ มองดูความรักระหว่างเพศ หรือว่าความร่ำรวย หรือว่าความโกรธ หรือหลงในระหว่างเพศ หลงในสภาวะต่าง ๆ เห็นว่าเป็นของไร้สาระ มีอารมณ์เบา ในความปรารถนาในสิ่งนั้น ๆ แต่ทว่าก็ยังมีความปรารถนาอยู่
เราจะบรรดาสาวกขององค์สมเด็จพระบรมครู เมื่อพูดมาถึงจุดนี้ วันนี้ก็คงไม่ได้อารมณ์แห่งการปฏิบัติ แต่ทว่าอารมณ์แห่งการปฏิบัติในความเป็นพระโสดาบัน ท่านฟังกันมาแล้ว 2 คืน ผมเองมีความรู้สึกว่า ท่านทั้งหลายคงจะรู้สึกว่าง่ายสำหรับท่าน แต่ถ้าหากว่าเห็นว่าอารมณ์ของพระโสดาบันยากนี่ ถ้าเป็นพระหรือเป็นเณร ผมไม่ถือว่าพระหรือว่าเณร ผมถือว่าเป็น
เถน เถนในที่นี้หมายความว่ามีสระเอนำหน้า มี ถ ถุง และ น หนู เขาแปลว่าหัวขโมย คือขโมยเอาเพศของพระอริยเจ้ามาหลอกลวงชาวบ้าน ตามปกติพระกับเณรนี่ต้องทรงศีลบริสุทธิ์อยู่แล้ว
เอาละพูดไปเวลามันเกินไป 1 นาที ก็ขอพอไว้แต่เพียงนี้ หวังว่าท่านทั้งหลายคงจะเข้าใจ ต่อแต่นี้ไปขอท่านทั้งหลายตั้งกายให้ตรง ดำรงจิตให้มั่น จะอยู่ในอิริยาบถใดก็ตาม นั่งก็ได้ ยืนก็ได้ เดินก็ได้ นอนก็ได้ ตามอัธยาศัย ทรงกำลังใจควบคุมอามณ์ความเป็นพระโสดาบันของท่านไว้ จนกว่าจะถึงเวลาที่ท่านเห็นว่าสมควร
สวัสดี
ลิงค์ทั้งหมด https://ppantip.com/profile/8483559#topics
หนังสือ คู่มือปฎิบัติวัดท่าซุง เล่ม 2 อนุสสติ 5 ตอนที่ 3.2
อนุสสติ 5 ตอนที่ 3.2
สำหรับด้านความหลงของพระโสดาบัน ที่ขึ้นชื่อว่าหลงก็เพราะว่ายังมีความรักในเพศ ยังมีความอยากรวย เมื่อสักครู่นี้ข้ามคำว่าอยากรวยไป การอยากรวยของพระโสดาบัน คือต้องการความรวยในด้านสุจริตธรรมเท่านั้น เรียกว่าการทุจริตคิดร้ายคดโกงบุคคลอื่นใด ไม่มีในอารมณ์จิตของพระโสดาบัน ประกอบอาชีพด้วยความสุจริต เพราะอาศัยยังรักในความสวยสดงคงาม คือ รูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสระหว่างเพศ ยังมีอยู่ ยังมีความอยากรวย ยังมีความโกรธ ยังมีความหลง เพราะยังคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกยังมีของสวยของงาม การถือตัวถือตนแบบนี้จึงเชื่อว่ายังมีความหลง แต่ความหลงของพระโสดาบันนั้น ไม่สามารถ จะนำบุคคลผู้นั้น ในเวลาตายแล้วไปสู่อบายภูมิได้
จุดนี้ขอบรรคาท่านทั้งหลายผู้รับฟังจงจำไว้ว่า ความจริงอารมณ์ของพระโสดาบันนั้น ไม่แตกต่างกับชาวบ้านธรรมดาเท่าไรนัก ชาวบ้านธรรมดายังมีความรักในเพศ ยังมีสามีภรรยา แต่ทว่ายังมีการนอกใจสามี นอกใจภรรยา สำหรับพระโสดาบันไม่มี ชาวบ้านอยากรวยก็ยังมีการคดการโกง มีการยื้อแย่ง ฉกชิงวิ่งราวทรัพย์ สำหรับพระโสดาบัน ถ้าต้องการรวยก็รวยด้วยการสุจริต หากินด้วยความชอบธรรม ต่างกันตรงนี้
พระโสดาบันมีควานโกรธ ชาวบ้านโกรธแล้วก็ปรารถนาจะประทุษร้าย ถ้ามีโอกาสก็ประทุษร้ายบุคคลที่เราโกรธ ถ้าสามารถจะฆ่าได้ก็ฆ่า สำหรับพระโสดาบันมีแต่ความโกรธ การประทุษร้ายไม่มี การฆ่าการประหารกันไม่มี นี่ต่างกันกับชาวบ้าน
พระโสดาบันยังมีความหลง ตามที่กล่าวมาด้วยอาการที่ผ่านมาแล้ว แต่ทว่าพระโสดาบันก็ไม่ลืมคิดว่า เราจะต้องตาย เมื่อเราตายแล้วเราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจ ตอนนี้พระโสดาบันไม่เสียใจ ไม่เสียดาย ถือว่าถ้าตายเรามีความสุข นี่ขอท่านทั้งหลายจำอาการอารมณ์จิตที่เข้าถึงพระโสดาบันไว้ด้วย
ตอนนี้จะขอพูดอีกนิดหนึ่งถึงอารมณ์ความจริงของพระโสดาบัน ที่เรียกกันว่า องค์ของพระโสดาบัน คำว่า องค์ ก็ได้แก่อารมณ์จิตที่ทรงไว้อย่างนั้นอย่างแนบแน่นสนิท นั่นก็คือ
1.พระโสดาบันมีความเคารพในพระพุทธเจ้าอย่างจริงใจ ไม่คลายในความเคารพในพระพุทธเจ้า ไม่ว่าจะมีเหตุใด ๆ เกิดขึ้น ใครจะมาจ้างให้รางวัลมาก ๆ ให้กล่าวว่าพระพุทธเจ้าไม่ใช่พระพุทธเจ้า พระธรรมไม่ใช่พระธรรม พระสงฆ์ไม่ใช่พระสงฆ์ แม้แต่พูดเล่นพระโสดาบันก็ไม่พูด ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าท่านมีความเคารพในพระพุทธเจ้า มีความเคารพในพระธรรม มีความเคารพในพระอริยสงฆ์อย่างจริงใจ แต่ทว่าระวังให้ดี ถ้าพระสงฆ์เลว พระโสดาบันไม่ใส่ข้าวให้กิน
ตัวอย่างภิกษุโกสัมพีมีความประพฤติชั่ว ตอนนั้นมราวาสที่เป็นพระอริยเจ้านับหมื่น ไม่ยอมใส่ข้าวให้กิน เพราะถือว่าเป็นโจรปล้นพระพุทธศาสนา เป็นผู้ทำลายความดี ไม่ใช่ว่าเป็นพระอริยเจ้าแล้วละก็ จะเมตตาไปเสียทุกอย่าง ท่านเมตตาแต่คนดี หรือว่าบุคคลผู้ใดมีความประพฤติชั่ว แนะนำแล้วสามารถจะกลับตัวได้ พระโสดาบันก็เมตตา ถ้าเขาชั่วแนะนำแล้วไม่สามารถจะกลับตัวได้ พระโสดาบันก็ทรงอุเบกขาคือเฉย ไม่สงเคราะห์ โปรดจำอารมณ์ตรงนี้ไว้ให้ดี
และประการต่อไป พระโสดาบันมีศีลบริสุทธิ์ ขอพูดย่อให้สั้นว่าองค์ของพระโสดาบันก็คือ 1.มีความเคารพในพระพุทธเจ้า 2.มีความเคารพในพระธรรม 3.มีความเคารพในพระอริยสงฆ์ นี่จัดเป็นองค์มี 3 ประการ
แต่สิ่งที่จะแถมขึ้นมานั้นก็คือรักพระนิพพานเป็นอารมณ์ ทำทุกสิ่งทุกอย่างไม่หวังผลตอบแทน ไม่หวังความดีมีชื่อเสียงในชาติปัจจุบัน มีความรู้สึกต้องการอยู่อย่างเดียวว่า เราทำความดีทุกอย่างเพื่อพระนิพพานเท่านั้น
และอารมณ์จิตตอนนี้ขอบรรดาท่านพุทธบริษัท ภิกษุสามเณรทุกท่านต้องจำไว้ จงอย่าไปคิดว่าพระโสดาบันเลอเลิศไปถึงอารมณ์อรหันต์ โดยมากมักจะคิดว่า อารมณ์ของพระอรหันต์เป็นอารมณ์ของพระโลดาบัน ก็เลยทำกันไม่ถึง ไอ้นี่การคิดผิด ความจริงการเป็นพระโสดาบันนี่เป็นง่าย มีอารมณ์ไม่หนัก ที่หนักจริงๆก็คือศีลอย่างเดียว
ต่อนี้ไปรอพูดถึงอาการของพระโสดาบันที่จะพึงได้ พระโสดาบันจัดเป็น 3 ขั้นคือ
1. สัตตักขัตตุง สำหรับที่ท่านเป็นพระโสดาบันมีอารมณ์ยังอ่อน จะต้องเกิดและตายในระหว่างเทวดาหรือพรหมกับมนุษย์อีกอย่างละ 7 ชาติ เป็นมนุษย์ชาติที่ 7 จะเข้าถึงความเป็นอรหัตตผล
2.ถ้ามีอารมณ์เข้มแข็งปานกลาง ที่เรียกกันว่า โกลังโกละ อย่างนี้จะทรงความเป็นเทวดาหรือมนุษย์อีกอย่างละ 3 ชาติ ครบเป็นมนุษย์ชาติที่ 3 เป็นพระอรหันต์
๓. สำหรับพระโสดาบันที่มีอารมณ์เข้มแข็งที่เรียกว่า เอกพิชี นั่นก็จะเกิดเป็นเทวดาอีกครั้งเดียว มาเกิดเป็นมนุษย์แล้วก็เป็นพระอรหันต์
ที่พูดตามนี้หมายความว่า ท่านผู้นั้นเมื่อเป็นพระโสดาบันแล้ว เกิดใหม่ไม่ได้พบพระพุทธศาสนา จะต้องฝึกฝนตนเองอยู่เสมอทุกชาติ แต่ว่าความเป็นมิจฉาทิฏฐิในชาติต่อ ๆ ไป จะไม่มีแก่พระโสดาบัน เพราะว่าพระโสดาบันไม่มีสิทธิ์ที่จะไปเกิดเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน จะเกิดได้แค่ช่วงแห่งความเป็นมนุษย์กับเทวดาหรือพรหมสลับกันเท่านั้น เป็นอันว่าพระโสดาบันนี่ ถ้าท่านทั้งหลายพิจารณาให้ดีแล้ว ก็จะมีความรู้สึกว่าเป็นของไม่ยาก
หากว่าท่านจะถามว่า พระโสดาบันขั้นสัตตักขัตตุง โกลังโกละ และเอกพิชี มีอารมณ์ต่างกันอย่างไร ก็จะขอตอบว่า
พระโสดาบันขั้น สัตตักขัตตุง มีจริยาคล้ายชาวบ้านธรรมดามาก ยังมีอารมณ์รุนแรงในความรัก ยังมีอารมณ์รุนแรงในความโลภ ในความโกรธ ในความหลง แต่ทว่าเป็นผู้มั่นคงในศีล ไม่ละเมิด
สำหรับพระโสดาบันชั้น โกลังโกละ ขั้นโกลังโกละนี้มีอารมณ์เยือกเย็นมาก คือว่ามีความมั่นในคุณพระรัตนตรัย มีศีลมั่นคงมาก ความจริงเรื่องศีลนี้มั่นคงเหมือนกัน แต่ว่าจิตของท่านเบาบางในด้านความรัก ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความคำนึงถึงอารมณ์อย่างนี้มีอยู่แต่ก็น้อย ถ้ามีคู่ครองเขาจะโทษว่า กามคุณชักจะลดหย่อนลงไป ความสนใจในเพศ ความสนใจในความโลภ อารมณ์แห่งความโกรธ อารมณ์แห่งความหลงมันเบา กระทบไม่ค่อยจะมีความรู้สึก
สำหรับพระโสดาบันขั้น เอกพิชี ในตอนนี้อารมณ์ของท่านผู้นั้น จะมีอารมณ์ธรรมดาอยู่มาก ขอท่านทั้งหลายโปรดอย่าลืมว่า พระอริยเจ้าจะเป็นฆราวาสก็ดี จะเป็นพระก็ดี จะเป็นเณรก็ดี จะเป็นคนมีจิตละเอียด ไม่ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา และไม่ขัดคำสั่ง ไม่ฝ่าฝืนกฎระเบียบวินัยและกฎหมาย อันนี้เป็นอารมณ์ของพระโสดาบันที่ท่านทั้งหลายจะพึงทราบ
สำหรับเอกพีชีนี่ความจริงมีอาการจิตใกล้พระสกิทาคามี แต่ทว่าสิ่งที่จะระงับไว้ได้นั้นกดด้วยกำลังของศีล มีความรู้สึกว่าเราจะต้องประคับประคองศีลของเราให้แจ่มใสอยู่เสมอ มองดูความรักระหว่างเพศ หรือว่าความร่ำรวย หรือว่าความโกรธ หรือหลงในระหว่างเพศ หลงในสภาวะต่าง ๆ เห็นว่าเป็นของไร้สาระ มีอารมณ์เบา ในความปรารถนาในสิ่งนั้น ๆ แต่ทว่าก็ยังมีความปรารถนาอยู่
เราจะบรรดาสาวกขององค์สมเด็จพระบรมครู เมื่อพูดมาถึงจุดนี้ วันนี้ก็คงไม่ได้อารมณ์แห่งการปฏิบัติ แต่ทว่าอารมณ์แห่งการปฏิบัติในความเป็นพระโสดาบัน ท่านฟังกันมาแล้ว 2 คืน ผมเองมีความรู้สึกว่า ท่านทั้งหลายคงจะรู้สึกว่าง่ายสำหรับท่าน แต่ถ้าหากว่าเห็นว่าอารมณ์ของพระโสดาบันยากนี่ ถ้าเป็นพระหรือเป็นเณร ผมไม่ถือว่าพระหรือว่าเณร ผมถือว่าเป็น เถน เถนในที่นี้หมายความว่ามีสระเอนำหน้า มี ถ ถุง และ น หนู เขาแปลว่าหัวขโมย คือขโมยเอาเพศของพระอริยเจ้ามาหลอกลวงชาวบ้าน ตามปกติพระกับเณรนี่ต้องทรงศีลบริสุทธิ์อยู่แล้ว
เอาละพูดไปเวลามันเกินไป 1 นาที ก็ขอพอไว้แต่เพียงนี้ หวังว่าท่านทั้งหลายคงจะเข้าใจ ต่อแต่นี้ไปขอท่านทั้งหลายตั้งกายให้ตรง ดำรงจิตให้มั่น จะอยู่ในอิริยาบถใดก็ตาม นั่งก็ได้ ยืนก็ได้ เดินก็ได้ นอนก็ได้ ตามอัธยาศัย ทรงกำลังใจควบคุมอามณ์ความเป็นพระโสดาบันของท่านไว้ จนกว่าจะถึงเวลาที่ท่านเห็นว่าสมควร สวัสดี
ลิงค์ทั้งหมด https://ppantip.com/profile/8483559#topics