
- ด้วยความที่ดูเวอร์ชั่นต้นฉบับอย่าง Last Shift (2014) มาแล้วจึงอดที่จะนำมาเปรียบเทียบกันกับเวอร์ชั่นล่าสุดที่ดูไปไม่ได้ว่าเวอร์ชั่นต้นฉบับก็ต้องดีกว่าในแง่ของความสดในด้านเนื้อหากับความสนุกในจังหวะ Jump Scared ที่จัดมาอย่างงามจนทำให้ผมตกใจแล้วเผลอร้อง เฮ้ย ออกมา แม้จะเดินตามรอยที่ปูไว้เกือบทุกประตูนิ้วตั้งแต่ Plot ยัน Scene สยอง แต่โดยรวมก็ยังคงมีอะไรให้ลุ้นติดตามระหว่างทางคล้ายกับอารมณ์ตอนดูเรื่อง Confession (2022) หนังเกาหลีที่ Remake มาจาก The Invisible Guest (2016) อยู่นั่นแหล่ะ รวมถึงมีสิ่งที่เพิ่มเข้าไปเพื่อไม่ให้ทับ Line เดิมก็คือ การใส่ปมของตัวละครเข้าไป joint ไม่ว่าจะเป็นตัวนางเอกหรือแก็งค์ถุงกระสอบเพื่อให้เห็นข้อต่างแล้วยังเพิ่มมิติในเนื้อหาให้มีมูลที่เห็นแล้วก็เกิดต่อมสงสัยเป็นระยะแทนที่จะเน้นไปที่ตัวบรรยากาศหรือการพุ่งที่จังหวะ Jump Scared อย่างเดียว

- ถ้าดูต้นฉบับมาจะทราบกันดีว่าตลอดเวลาที่ Run ไป 1 ชั่วโมง 31 นาทีจะสิงอยู่แต่ใน Location อย่างตัวสถานีตำรวจเกือบ 100% ที่เหลือจะมีแวะไปสังเกตุการณ์ข้างนอกบ้างนิด ๆ เพื่อเป็นส่วนประกอบให้ตัวปมมีพื้นที่ที่เราสามารถจับต้องได้ในแง่ของความเป็นมนุษย์ซึ่งมันก็ดีที่มีเหตุผลแต่ไปมากลายเป็นว่ามันดันไปแทรกความบันเทิงที่ผมอยากรู้เกินไปจนพลอยให้การเดินเรื่องมัน Drop ลงไปด้วยความยืดย้วยแถมเกิดอารมณ์หงุดหงิดตามมาว่าจะแวะไปรำพึงอาวรณ์อะไรกับความสัมพันธ์ของพ่อที่เคยเป็นตำรวจที่นี่กับแม่ที่จากเธอไปชาตินึงแล้วอะไรหนักหนา แทนที่จะลุ้นกันว่าเหล่าแก็งค์ถุงกระสอบจะโผล่ศีรษะมากวนประสาทนางเอกในขณะปฏิบัติหน้าที่ตามลำพังกันตอนไหน ? ให้นางเอกรู้ตัวว่ากำลังโดนรับน้องอยู่เนี่ย ตรงนี้แหล่ะที่ควรจะโฟกัส

- อีกอย่างที่ขัดใจอยู่คือการใส่ความเป็น Fantasy เข้าไปปนในบรรยากาศวังเวงอย่างหน้าตานิ่งว่ามันไปกลบความโหดที่กำลังจู่โจมตีไม่ว่าจะจังหวะมุมกล้องแบบ VHS หรือ Footage ที่ปรากฎเป็น Clip Video ก็ดี หรือ การแสดงท่าทางโชว์สัญลักษณ์ปกรณัมพิธีก็ตามจนโดดออกมาดูตลก ยังดีที่ได้บรรยากาศของตัว Location ที่กว้างขวางกว่าต้นฉบับแต่วังเวงไม่ต่างกันช่วยสร้างอารมณ์ให้เกิดอาการตื่นหลอนและกดดันไม่ทั่วท้องได้ไม่แพ้ต้นฉบับเช่นกัน คือ คิดสภาพถ้าตนเองเป็นนางเอกนั่งเฝ้าเวรตรงหน้าคอม จู่ ๆ เห็นคนเดินผ่านวงจรปิดไปอย่างไวแล้วรีบวิ่งออกไปดูปรากฏว่าไม่เจอใคร ? นี้จะทำยังไง ? แค่เจอใครไม่รู้เดินเข้ามาในสถานีหน้าตาเฉยอย่างกะมาเดินห้างทั้งที่กูเพิ่งวิ่งไปที่ประตูแต่เกิดล็อคตามสไตล์ของหนังแนวนี้แค่นี้ก็แยกไม่ออกแล้วว่าใครคนใครผีแม้กระทั่งน้อนหมู ? ถ้าไม่ประสาทรับประทานไปก่อน

- ที่พอใจเลยคือมีการใส่ Scene Action ลงไปในช่วงท้ายกระตุ้นต่อมความมันส์ว่ากูทนกับพวกไม่ไหวแล้วนะโว้ยเลยสวมวิญญาณเป็นอลิซกับพี่ยักษ์เดินถือลูกซองไล่ยิงแก็งค์ถุงกระสอบที่กำลังสนุกกับการเล่นจับกบปั่นหัวไม่เลิกราจนหมดความอดทนแล้วว่าพวกจะเอากับกูใช่ป่ะ ? ซึ่งมันตอบโจทย์ในแง่ของการใช้ทักษะวิชาชีพให้เป็นประโยชน์ดี ไม่ใช่ปล่อยให้พวกนั้นเล่นงานลูกเดียวเหมือนต้นฉบับ ขณะที่กำลังลุ้นในใจก็ลังเลเป็นระยะว่าจะจบเหมือนกันมั้ยวะ ? กระทั่งมีตัวละครนึงปรากฎโผล่กลางศึกก็เป็นอันรับทราบเลยว่าหวยจะออกเลขอะไร ?

- สรุป ชอบ โดยรวมยังคงความสนุกตามโครงที่วางไว้ ถึงไม่พีคขั้นสุดเหมือนต้นฉบับเพราะถูกปมฉุดไว้ แต่ปมระหว่างตัวนางเอกกับสถานที่ที่มีพวกแก็งค์ถุงกระสอบสิงสถิตย์ก็มีเหตุผลพอรับทราบอยู่ว่ามีที่มาแบบนี้ แม้ Details บางอย่างยังเคลียร์ไม่หมดหรือไม่ได้กล่าวแล้วปล่อยให้เป็นปริศนาธรรมเพื่อต่อยอดประกอบผลต่อไปอย่างไรก็สุดแท้แต่ อย่างน้อย Character ตัวหัวหน้าแก็งค์ที่ Design ได้น่าสนใจก็เป็นจุดเด่นที่สามารถเดินตามรอยรุ่นพรี่อย่าง Insidious ได้ไม่ยาก ถ้าสร้างต่อ

ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ : EMistique
[CR] ์No.141 Malum (2023) : รับน้อง สยองขวัญ (อ) เวร (จี)
- ด้วยความที่ดูเวอร์ชั่นต้นฉบับอย่าง Last Shift (2014) มาแล้วจึงอดที่จะนำมาเปรียบเทียบกันกับเวอร์ชั่นล่าสุดที่ดูไปไม่ได้ว่าเวอร์ชั่นต้นฉบับก็ต้องดีกว่าในแง่ของความสดในด้านเนื้อหากับความสนุกในจังหวะ Jump Scared ที่จัดมาอย่างงามจนทำให้ผมตกใจแล้วเผลอร้อง เฮ้ย ออกมา แม้จะเดินตามรอยที่ปูไว้เกือบทุกประตูนิ้วตั้งแต่ Plot ยัน Scene สยอง แต่โดยรวมก็ยังคงมีอะไรให้ลุ้นติดตามระหว่างทางคล้ายกับอารมณ์ตอนดูเรื่อง Confession (2022) หนังเกาหลีที่ Remake มาจาก The Invisible Guest (2016) อยู่นั่นแหล่ะ รวมถึงมีสิ่งที่เพิ่มเข้าไปเพื่อไม่ให้ทับ Line เดิมก็คือ การใส่ปมของตัวละครเข้าไป joint ไม่ว่าจะเป็นตัวนางเอกหรือแก็งค์ถุงกระสอบเพื่อให้เห็นข้อต่างแล้วยังเพิ่มมิติในเนื้อหาให้มีมูลที่เห็นแล้วก็เกิดต่อมสงสัยเป็นระยะแทนที่จะเน้นไปที่ตัวบรรยากาศหรือการพุ่งที่จังหวะ Jump Scared อย่างเดียว
- ถ้าดูต้นฉบับมาจะทราบกันดีว่าตลอดเวลาที่ Run ไป 1 ชั่วโมง 31 นาทีจะสิงอยู่แต่ใน Location อย่างตัวสถานีตำรวจเกือบ 100% ที่เหลือจะมีแวะไปสังเกตุการณ์ข้างนอกบ้างนิด ๆ เพื่อเป็นส่วนประกอบให้ตัวปมมีพื้นที่ที่เราสามารถจับต้องได้ในแง่ของความเป็นมนุษย์ซึ่งมันก็ดีที่มีเหตุผลแต่ไปมากลายเป็นว่ามันดันไปแทรกความบันเทิงที่ผมอยากรู้เกินไปจนพลอยให้การเดินเรื่องมัน Drop ลงไปด้วยความยืดย้วยแถมเกิดอารมณ์หงุดหงิดตามมาว่าจะแวะไปรำพึงอาวรณ์อะไรกับความสัมพันธ์ของพ่อที่เคยเป็นตำรวจที่นี่กับแม่ที่จากเธอไปชาตินึงแล้วอะไรหนักหนา แทนที่จะลุ้นกันว่าเหล่าแก็งค์ถุงกระสอบจะโผล่ศีรษะมากวนประสาทนางเอกในขณะปฏิบัติหน้าที่ตามลำพังกันตอนไหน ? ให้นางเอกรู้ตัวว่ากำลังโดนรับน้องอยู่เนี่ย ตรงนี้แหล่ะที่ควรจะโฟกัส
- อีกอย่างที่ขัดใจอยู่คือการใส่ความเป็น Fantasy เข้าไปปนในบรรยากาศวังเวงอย่างหน้าตานิ่งว่ามันไปกลบความโหดที่กำลังจู่โจมตีไม่ว่าจะจังหวะมุมกล้องแบบ VHS หรือ Footage ที่ปรากฎเป็น Clip Video ก็ดี หรือ การแสดงท่าทางโชว์สัญลักษณ์ปกรณัมพิธีก็ตามจนโดดออกมาดูตลก ยังดีที่ได้บรรยากาศของตัว Location ที่กว้างขวางกว่าต้นฉบับแต่วังเวงไม่ต่างกันช่วยสร้างอารมณ์ให้เกิดอาการตื่นหลอนและกดดันไม่ทั่วท้องได้ไม่แพ้ต้นฉบับเช่นกัน คือ คิดสภาพถ้าตนเองเป็นนางเอกนั่งเฝ้าเวรตรงหน้าคอม จู่ ๆ เห็นคนเดินผ่านวงจรปิดไปอย่างไวแล้วรีบวิ่งออกไปดูปรากฏว่าไม่เจอใคร ? นี้จะทำยังไง ? แค่เจอใครไม่รู้เดินเข้ามาในสถานีหน้าตาเฉยอย่างกะมาเดินห้างทั้งที่กูเพิ่งวิ่งไปที่ประตูแต่เกิดล็อคตามสไตล์ของหนังแนวนี้แค่นี้ก็แยกไม่ออกแล้วว่าใครคนใครผีแม้กระทั่งน้อนหมู ? ถ้าไม่ประสาทรับประทานไปก่อน
- ที่พอใจเลยคือมีการใส่ Scene Action ลงไปในช่วงท้ายกระตุ้นต่อมความมันส์ว่ากูทนกับพวกไม่ไหวแล้วนะโว้ยเลยสวมวิญญาณเป็นอลิซกับพี่ยักษ์เดินถือลูกซองไล่ยิงแก็งค์ถุงกระสอบที่กำลังสนุกกับการเล่นจับกบปั่นหัวไม่เลิกราจนหมดความอดทนแล้วว่าพวกจะเอากับกูใช่ป่ะ ? ซึ่งมันตอบโจทย์ในแง่ของการใช้ทักษะวิชาชีพให้เป็นประโยชน์ดี ไม่ใช่ปล่อยให้พวกนั้นเล่นงานลูกเดียวเหมือนต้นฉบับ ขณะที่กำลังลุ้นในใจก็ลังเลเป็นระยะว่าจะจบเหมือนกันมั้ยวะ ? กระทั่งมีตัวละครนึงปรากฎโผล่กลางศึกก็เป็นอันรับทราบเลยว่าหวยจะออกเลขอะไร ?
- สรุป ชอบ โดยรวมยังคงความสนุกตามโครงที่วางไว้ ถึงไม่พีคขั้นสุดเหมือนต้นฉบับเพราะถูกปมฉุดไว้ แต่ปมระหว่างตัวนางเอกกับสถานที่ที่มีพวกแก็งค์ถุงกระสอบสิงสถิตย์ก็มีเหตุผลพอรับทราบอยู่ว่ามีที่มาแบบนี้ แม้ Details บางอย่างยังเคลียร์ไม่หมดหรือไม่ได้กล่าวแล้วปล่อยให้เป็นปริศนาธรรมเพื่อต่อยอดประกอบผลต่อไปอย่างไรก็สุดแท้แต่ อย่างน้อย Character ตัวหัวหน้าแก็งค์ที่ Design ได้น่าสนใจก็เป็นจุดเด่นที่สามารถเดินตามรอยรุ่นพรี่อย่าง Insidious ได้ไม่ยาก ถ้าสร้างต่อ
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ : EMistique
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้