[CR] No.21 Tales of Terror from Tokyo : เรื่องเล่าชวนสยองกับ 8 ก๊วนผีของดีที่ญี่ปุ่น


หนังผีญี่ปุ่นยุค 2000 ในวัยเด็กที่ผมชอบมาก เปิดดูไม่ต่ำกว่า 3-4 รอบ ถึงแม้ว่าจะดูนานแล้วแต่ยังคงความสนุก ความประทับใจไม่เคยเปลี่ยน ที่โดดเด่นเลยคือ Concept แต่ละตอนมีความน่าสนใจตรงที่มีการหยิบเอาเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง ๆ จากผู้ชมทางบ้านที่ได้มาเล่า On Air ในรายการผีของญี่ปุ่นชื่อดังในอดีต ถูกนำมาเสนอเป็น Series 8 ตอน ผ่านฝีมือของผู้กำกับทั้ง 8 คน บางตอนจัดว่าสนุกมาก บางตอนก็น่าเบื่อไปหน่อยถึงขั้นย่ำแย่ไปเลยก็มี  แต่ภาพรวมดีกว่าที่คิด แถมยังคง Service ความบันเทิงด้านฉาก Location จังหวะเทคนิคด้วยการ Jump Scared ที่ติดตาผมมาถึงทุกวันนี้ โดยผมจะขอแยกรีวิวกันเป็น 8 ตอนสั้น ๆ ในแต่ละตอนไปเลยว่าจะเป็นอย่างไรกันบ้าง มีดังนี้

ตอนที่ 1 = เปิดเรื่องได้ดีเลย ปูปมต่าง ๆ ทิ้งไว้ได้น่าสนใจและน่าสงสัย สนุกกับการเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่คาดคิดในแต่ละฉากตลอดเวลา ขณะเดียวกันพูดถึงชีวิตคนทำงาน รปภ กะดึกท่ามกลางด้วยความโดดเดี่ยวและวังเวงของสถานที่ได้น่าติดตาม ที่ดีงามคือ การปรากฎตัวผีกับความหน้าตายของรปภหนุ่มเป็น Main ที่สำคัญของเรื่องที่โผล่มาได้ถูกที่ถูกเวลา แม้บางช่วงจะมาแบบจังหวะซิทคอมไปหน่อย บทสรุปที่หาทางลงชัดเจนแม้ว่าปมบางอย่างจะยังคลุมเครืออยู่ ก็ถือเป็นตอนเปิดตัวได้สวยงาม

ตอนที่ 2 = ค่อนข้างเฉย ๆ แต่ไม่ถึงกับแย่ใด ๆ กับตอนนี้ ทั้ง ๆ ที่ Story มีปมน่าสนใจ แต่การดำเนินเรื่องดูซื่อตรงเกินจนขัดหูขัดตาไปหน่อย ที่เห็นชัดคือ ตระกะความลำไยของ 3 สาวที่ทำตัวไร้สติน่ารำคาญได้ตลอดเวลา ที่มาของเรื่องไม่บอกเลยว่าต้นตอมาจากไหนแล้วมีวิธีจัดการยังไง ยังดีที่บรรยากาศข้างทางช่วยบิ๊วท์อารมณ์ให้รู้สึกถึงความน่ากลัวกับบางสิ่งบางอย่างได้เข้าท่าอยู่ แล้วมาตกม้าตายอีกทีตอนบทสรุปที่จบห้วนมากแถมปล่อยให้เป็นปริศนากับคนดูกันต่อไป

ตอนที่ 3 = แม้โทนเรื่องจะแตกต่างจาก 2 ตอนแรกตรงที่ตอนนี้มีความเป็น Drama ผสมกับ Mystery รองรับเรื่องให้มีมิติอย่างชัดเจน แถมมีประเด็นที่จริงจังมากขึ้นตรงที่พูดถึงคู่รักข้าวใหม่ปลามันของหนุ่มสาวอ๊อฟฟิศที่เพิ่งรู้จักกันจนย้ายมาอยู่ด้วยกัน แต่ละช่วงมีการพัฒนาความสัมพันธ์ไปทางไหนพร้อมกับปมที่ซ่อนอยู่ก็ค่อย ๆ เปิดเผยขึ้นพร้อมกับสันดานธาตุแท้ในใจคนเช่นกัน เป็นตอนที่ดูเรื่อย ๆ ชวนน้ำเน่าที่สุดแถมฉากผีหลอกก็มีนิดเดียวไม่น่ากลัวเท่าไหร่ บทสรุปทำได้ลงตัวทุกฝ่ายแต่ไม่ค่อย Make Sense เพราะ บางอย่างก็ยังเคลียร์ปมไม่ชัดเจน

ตอนที่ 4 = เป็นตอนที่สั้นที่สุดและงงที่สุด เรียกว่ามาเร็วเคลมเร็วจะดีกว่า เพราะ เราหาคำตอบอะไรจากตอนนี้ไม่ได้เลยว่าอะไรคืออะไร ซึ่งเส้นเรื่องมันมีแค่นี้จริง ๆ นอกจากดูเพื่อความบันเทิงจากการปะทะกันระหว่างแม่ที่ปกป้องลูกสาว VS เขา ? ที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ แค่เห็นหน้าตาซีดเซียวเหมือนไก่ต้มพร้อมกับรอยยิ้มชวนหลอนประสาทในเวลาอันน้อยนิดก็คุ้มแล้ว

ตอนที่ 5  = รับช่วงต่อจากตอนที่แล้วได้อย่างลื่นไหล แม้ส่วนตัวผมจะเฉย ๆ กับประเด็นใกล้ตัวอย่างมิตรภาพในวัยเรียน หรือ การร่ำลาจบการศึกษาอะไรทำนองนี้ ซึ่งก็ไม่ใช่ Keywords สำคัญอะไรแค่บอกผ่าน ๆ เท่านั้น แต่พอเข้าสู่เรื่องของผีล่ะก็สนุกขึ้นมาทันที แถมเดินเรื่องไว ไม่เวิ้นเว้อ ขณะเดียวกันก็ยังสงสัยอยู่ว่าสิ่งนั้นมาจากไหนซึ่งก็ไม่บอกอีกตามเคย แล้วที่ชอบอีกอย่างคือการนำจุดด้อยมาพลิกเป็นจุดเด่นเป็นวิธีที่ฉลาดมาก แค่ฉากนั้นฉากเดียวเป็นสิ่งที่ช่วยกลบข้อด้อยที่ผ่านมาได้ตั้งแต่ต้นจนจบทั้งหมด

ตอนที่ 6 = เกริ่นนำเรื่องน่าสนใจดี โดยเฉพาะเรื่องชีวิตวัยเรียนก็คล้ายกับตอนที่แล้ว แต่ที่ไม่เหมือนกันคือตอนนี้สำรวจ Detail เกี่ยวกับจิตใจคนลงลึกไปอีก แต่ก็มิได้นำพาอะไรต่อ ยังดีที่มีการใช้เทคนิคมุมกล้อง Handheld สำรวจแต่ละคนไปเรื่อย ๆ ตามแบบ Found Footage ที่เป็นกระแสจากเรื่อง The Blair Witch Project ซึ่งนำมาใช้ได้ดีผสมกับบรรยากาศมืด ๆ เก่า ๆ สไตล์ VHS ช่วยขยี้อารมณ์ให้รู้สึกหวาดระแวงเข้าไปอีก แถมบางช่วงก็นึกถึงเรื่อง ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ อยู่เหมือนกัน แม้บทสรุปจะจบห้วน ๆ ไปหน่อยแถมไม่บอกอีกว่าต้นเหตุมาจากอะไร แต่ทุก Scene ที่ผีปรากฎทำเอาขนลุกขวัญผวาเป็นอย่างมาก

ตอนที่ 7 = เป็นตอนที่ผมชอบที่สุด สนุกที่สุด และ น่ากลัวที่สุด ไม่มีช่วงไหนน่าเบื่อเลย เปิดเรื่องมาก็ทิ้งปมให้รู้สึกสงสัยขึ้นมาทันทีว่าจะเจอกับอะไรต่อจากนี้ แม้ตัวบทจะดูธรรมดาไปหน่อย ไม่ค่อยมีปมผูกโยงใยซับซ้อนอะไรมาก แต่ก็มีจุดสังเกตอยู่ข้างทางเป็นระยะ จุดเด่นคือมันสามารถไต่ระดับความน่ากลัวจากระดับน้อง ๆ ไปสู่ระดับใหญ่โตมโหฬารได้น่าติดตามภายในห้องอพาร์ทเมนต์ห้องเดียวก็สามารถสร้างบรรยากาศให้รู้สึกถึงความอึดอัดของตัวละครเอกแล้วยังรู้สึกกลัวการอยู่คนเดียวตามลำพังไปอีก แม้ปมต้นเหตุจะได้รับการคลี่คลายไปด้วยดี แต่ไม่พ้นเรื่องความอยากรู้ของคนอยู่ดี จึงนำไปสู่บทสรุปของปมทั้งหมดที่พีคแล้วพีคอีก

ตอนที่ 8 = เป็นตอนที่เป็นความหวังเดียวของหมู่บ้านแต่กลับทำได้น่าผิดหวังที่สุด เป็น Part ที่มีแต่ความ Drama แม่ลูกที่มีแต่น้ำล้วน ๆ ไม่ค่อยมีเนื้อให้น่าติดตามแถมไม่น่ากลัวอะไรอีกด้วย อย่างมากก็แค่บิ๊วท์ให้บรรยากาศพอหลอน ๆ ไปกับอารมณ์ผี Poltergeist ซะอย่างงั้น แถมไม่รู้สึกอินในความสัมพันธ์ที่มีต่อกันของทั้งคู่แม้แต่น้อย Sound ประกอบก็ชวนน้ำเน่าเหมือนนั่งดู ธรณีกรรแสงเวอร์ชั่นญี่ปุ่น ปมบางเบาไม่พอยังมีแต่ฉากสนทนาพร่ำเพรื่อตัวแม่ที่มีแต่พร่ำพรรณนาใคร่ครวญฝ่ายเดียว แต่ยังดีบ้างที่บทสรุปทุกอย่างจบได้เคลียร์ชัดเจน ไม่งั้นขี้เกียจจะดูต่อแล้ว
สรุป ภาพรวมทั้ง 8 ตอนถือว่าสนุกอยู่ แม้จะมีเวลาแค่ 1 ชั่วโมง 32 นาทีแต่ก็ทำหน้าที่ของมันไปรวดเร็วดี เดินเรื่องรวดเร็ว สั้น ๆ กระชับและน่าติดตาม แต่ละตอนมี Dialogue ที่แตกต่างกันแต่สามารถรับส่งไม้ต่อจากตอนหนึ่งสู่อีกตอนได้สวยงาม โดยเฉพาะเรื่องเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์จากการเจอภูตผีโดยตรงในประเทศญี่ปุ่น แต่ผมเสียดายตอนสุดท้ายมากที่สุด คิดว่าน่าจะเป็นตอนที่สามารถสรุป Concept ของเรื่องได้ทั้งหมด แต่ปรากฎว่าผิดหวังมาก ถ้าไปใส่กลางเรื่องคั่นกลางซักหน่อยก็พอได้ปรับจังหวะอารมณ์ตัดสลับกันไปบ้าง แต่นี้เล่นเอาตอนที่สนุกมาฉายต่อแถวเรียงกันแล้วพอมาถึงตอนสุดท้ายที่ทำได้ไม่เท่าตอนก่อนหน้านี้อีกมันเลยดู Fail ไปอย่างมาก

ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ เมื่อได้อ่านแล้ว สามารถกด Like กด Share รีวิวของผม EMCONCEPT เพื่อเป็นกำลังใจในการรีวิวครั้งต่อไปกันด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
ชื่อสินค้า:   Review By EMCONCEPT
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่