เมื่อไหร่ที่รถยนต์ของคุณเกิดปัญหา ไม่ว่าจะเป็นอาการติดขัดเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุมา ปัญหาเหล่านี้ทำให้คุณต้องมองหา”อู่ซ่อมรถ”อย่างแน่นอน แต่ก่อนที่คุณจะนำรถยนต์ของคุณเข้าอู่ซ่อม ควรเช็คให้แน่ใจก่อนว่าอู่ซ่อมรถที่จะเลือกเข้าใช้บริการนั้น ต้องได้มาตรฐานและมีคุณภาพในการให้บริการเป็นอย่างดี รวมถึงความปลอดภัยในการดูแลรถยนต์ของคุณด้วย เพราะปัจจุบันอู่ซ่อมรถมีให้พบเห็นกันอยู่มากมาย
และอู่ซ่อมรถแต่ละที่ก็มีความเชี่ยวชาญในการซ่อมที่แตกต่างกันไป ตามแต่ละประเภทรถยนต์หรือยี่ห้อรถยนต์ ฉะนั้นหากคุณอยากให้รถยนต์ของคุณกลับมาอยู่ในสภาพที่น่าพึงพอใจคุณจึงจำเป็นต้องเลือกอู่ซ่อมรถที่ดีและเหมาะสมจะได้ไม่เสียใจในภายหลัง
นอกจากการพิจารณาเลือกอู่ที่เหมาะสมแล้ว สิ่งสำคัญที่ผู้บริโภคควรทราบคือการตรวจสอบรายละเอียดก่อนการซ่อม เช่น การประเมินราคาก่อนซ่อม ระยะเวลาในการซ่อม การตรวจสอบความถูกต้องของอะไหล่ ราคาของอะไหล่ที่มีความเหมาะสม ตลอดจนการรับประกันหลังซ่อม ที่จะต้องระบุในใบรายการการซ่อม เพราะธุรกิจอู่ซ่อมรถยนต์เป็นธุรกิจที่ถูกควบคุมหลักฐานการรับเงิน ตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจการให้บริการซ่อมรถยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมรายการในหลักฐานการรับเงิน พ.ศ. 2546 ที่อู่ซ่อมรถมีหน้าที่ต้องส่งมอบหลักฐานการรับเงินตามรายละเอียด ดังนี้
1) ชื่อ – ที่อยู่ ของผู้ประกอบธุรกิจอู่ซ่อมรถ
2) วัน เดือน ปี ที่ส่งมอบรถยนต์ให้ซ่อม และวัน เดือน ปี ที่รับมอบรถเมื่อซ่อมเสร็จ
3) วัน เดือน ปี ที่อู่ได้รับเงินจากเจ้าของรถหรือค่าตอบแทนการให้บริการซ่อมรถยนต์
4) รายละเอียดยี่ห้อ รุ่น หมายเลขเครื่องยนต์ หมายเลขตัวถัง และหมายเลขทะเบียนของรถยนต์ที่ซ่อม
5) ระยะเวลาการใช้ของรถยนต์ ในวันที่รับมอบเพื่อซ่อมและในวันที่ซ่อมเสร็จ
6) รายการที่ซ่อม
7) ค่าบริการซ่อมรถยนต์
8) กรณีเปลี่ยนอะไหล่ ต้องระบุรายการ ยี่ห้อ และสภาพของอะไหล่ที่เปลี่ยนและราคาอะไหล่
9) ระยะเวลาหรือระยะทางการรับประกันคุณภาพงานซ่อม และการรับประกันอะไหล่ที่เปลี่ยน
10) ลายมือชื่อของผู้มีอำนาจออกหลักฐานรับเงินในใบเสร็จรับเงิน
ดังนั้นหากอู่ซ่อมรถไม่ส่งมอบหลักฐานการซ่อมตามรายการที่มีข้างต้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน
1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้หากผู้บริโภคถูกอู่ซ่อมรถเอาเปรียบ สามารถรวบรวมเอกสารหลักฐาน ปรึกษาได้ที่สายด่วน สคบ. 1166 ทางเว็บไซต์ www.ocpb.go.th หรือร้องเรียนผ่านแอปพลิเคชัน OCPB Connect
รู้ก่อนปวดใจใช้บริการ “อู่ซ่อมรถ”
และอู่ซ่อมรถแต่ละที่ก็มีความเชี่ยวชาญในการซ่อมที่แตกต่างกันไป ตามแต่ละประเภทรถยนต์หรือยี่ห้อรถยนต์ ฉะนั้นหากคุณอยากให้รถยนต์ของคุณกลับมาอยู่ในสภาพที่น่าพึงพอใจคุณจึงจำเป็นต้องเลือกอู่ซ่อมรถที่ดีและเหมาะสมจะได้ไม่เสียใจในภายหลัง
นอกจากการพิจารณาเลือกอู่ที่เหมาะสมแล้ว สิ่งสำคัญที่ผู้บริโภคควรทราบคือการตรวจสอบรายละเอียดก่อนการซ่อม เช่น การประเมินราคาก่อนซ่อม ระยะเวลาในการซ่อม การตรวจสอบความถูกต้องของอะไหล่ ราคาของอะไหล่ที่มีความเหมาะสม ตลอดจนการรับประกันหลังซ่อม ที่จะต้องระบุในใบรายการการซ่อม เพราะธุรกิจอู่ซ่อมรถยนต์เป็นธุรกิจที่ถูกควบคุมหลักฐานการรับเงิน ตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจการให้บริการซ่อมรถยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมรายการในหลักฐานการรับเงิน พ.ศ. 2546 ที่อู่ซ่อมรถมีหน้าที่ต้องส่งมอบหลักฐานการรับเงินตามรายละเอียด ดังนี้
1) ชื่อ – ที่อยู่ ของผู้ประกอบธุรกิจอู่ซ่อมรถ
2) วัน เดือน ปี ที่ส่งมอบรถยนต์ให้ซ่อม และวัน เดือน ปี ที่รับมอบรถเมื่อซ่อมเสร็จ
3) วัน เดือน ปี ที่อู่ได้รับเงินจากเจ้าของรถหรือค่าตอบแทนการให้บริการซ่อมรถยนต์
4) รายละเอียดยี่ห้อ รุ่น หมายเลขเครื่องยนต์ หมายเลขตัวถัง และหมายเลขทะเบียนของรถยนต์ที่ซ่อม
5) ระยะเวลาการใช้ของรถยนต์ ในวันที่รับมอบเพื่อซ่อมและในวันที่ซ่อมเสร็จ
6) รายการที่ซ่อม
7) ค่าบริการซ่อมรถยนต์
8) กรณีเปลี่ยนอะไหล่ ต้องระบุรายการ ยี่ห้อ และสภาพของอะไหล่ที่เปลี่ยนและราคาอะไหล่
9) ระยะเวลาหรือระยะทางการรับประกันคุณภาพงานซ่อม และการรับประกันอะไหล่ที่เปลี่ยน
10) ลายมือชื่อของผู้มีอำนาจออกหลักฐานรับเงินในใบเสร็จรับเงิน
ดังนั้นหากอู่ซ่อมรถไม่ส่งมอบหลักฐานการซ่อมตามรายการที่มีข้างต้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน
1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้หากผู้บริโภคถูกอู่ซ่อมรถเอาเปรียบ สามารถรวบรวมเอกสารหลักฐาน ปรึกษาได้ที่สายด่วน สคบ. 1166 ทางเว็บไซต์ www.ocpb.go.th หรือร้องเรียนผ่านแอปพลิเคชัน OCPB Connect