ตอนที่ 2 นิทาน "ครอบครัวกับผลประโยชน์"

กระทู้สนทนา
จากนั้นเอฟได้ลงสมัครเรียนที่มหาวิทยาลัยที่เธอบอกแม่ไว้
พร้อมกับการหางานประจำทำแบบจริงจังทันที และเธอก็ได้งานด้วยค่าจ้าง 10,000/เดือน
ส่วนพีน้องสาวเธอ เธอขอให้พ่อเพิ่มเงินเดือนให้น้องจาก 5000 เป็น 5500/เดือน
และพ่อเธอยินดีเพื่อให้น้องได้เต็มที่กับการเรียน

ระหว่างนั้นเรา 3 คนได้ย้ายไปอยู่คอนโดแห่งหนึ่งของแม่แฟนเอฟ เป็นห้องชุดที่มี 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ
ซึ่งเหมาะมากเพราะเอฟได้งานทำอยู่หน้าปากซอยคอนโดพอดี ค่าเช่าเดือนละ 6,500 บาท
ถ้ารวมน้ำไฟแล้วจ่ายประมาณ 8,500 บาท เธอกับน้องสาวนอนในห้อง ส่วนพ่อตั้งเตียงด้านนอกห้องโถ่ง
เอฟตกลงกับพ่อว่าจะช่วยค่าเช่าจำนวน 3000/เดือน พ่อเธอจ่าย 5500/เดือน ด้วยค่าแรงที่เธอได้ไม่มากนัก
ไหนจะค่าเทอมที่เธอต้องส่งตัวเองอีก เพราะเอฟตัดสินใจหยุดกู้เรียน
และในบางเดือนเธอก็ส่งให้แม่อย่างน้อย 1,000 บาท พ่อของเธอเข้าใจตกลงตามนี้
เราใช้ชีวิตวนเช้าทำงานเย็นกลับบ้าน น้องไปเรียนเย็นกลับบ้านแบบนี้เรื่อยๆ
ซึ่งเอฟเองก็ช่วยน้องสาวจ่ายค่ากิจกรรมต่างๆบ้างเล็กน้อยเพราะน้องของเธอได้หางานเสริมทำเช่นกันในช่วงปิดเทอมใหญ่
จวบจนน้องพีเรียนจบม.6 และจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย พีเป็นคนชั่งเลือกและเลือกเกินตัวเสมอ เดิมทีน้องพีมีนิสัยค่อนข้างเฉื่องช้า
คิดวิเคราะห์แยกแยะไม่ค่อยเก่งเท่าเอฟ ดื้อเงียบและหัวรั้นไม่ค่อยฟังใครโดยเฉพาะคนในบ้าน แต่เป็นคนขยัน เรียนเก่ง ใฝ่ดี
ใครๆก็ชอบบอกว่าเธอ 2 คนต่างกันราวกับขั้วบวก ขั้วลบ
เพราะเหตุนี้จึงทำให้พีต้องผิดหวังในหลายๆเรื่อง พีตัดสินใจสมัครเข้าเรียนสาขา วิศวอุตสาหการ
ที่มหาลัยเอกชนแห่งหนึ่งไม่ไกลจากคอนโดมากนัก ด้วยค่าเทอมจำนวน 30k
พียังคงกู้เรียนเช่นเดิมด้วยค่าเทอมที่ก็แพงพอสมควร
แต่ในช่วงก่อนเปิดเทอมพีได้ทำงานพาร์ทไทม์เช่นกันเพื่อเก็บเงินบางส่วนไว้ใช้จ่ายส่วนตัวจิปาทะต่างๆ
จนกระทั่งเปิดเทอม พีได้เข้าไปศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยอย่างเต็มตัว

ตัดมาที่เอฟหลังจากที่เอฟทำงานมาได้ 6เดือนกว่า พี่ๆเพื่อนๆชมเอฟไม่ขาดปาก เธอขยัน หัวไวและเป็นคนที่มีไหวพริบดี
แต่สุดท้าย เอฟทนกับรายได้นั้นไม่ไหว เธอตัดสินใจหางานใหม่เพราะด้วยค่าใช้จ่ายในปัจจุบันและคิดว่าอนาคตอาจจะมีเพิ่มมากกว่านัก็เป็นได้
เอฟได้ไปสมัครงานบริษัทเคเบิ้ลแห่งหนึ่ง ในตำแหน่งจัดซื้อ เสนอเงินเดือน 13k ความยังเป็นสาวน้อยวัย 19 ย่าง 20
เอฟดีใจมากไม่รีรอ ตอบตกลงรับงานและแจ้งลาออกจากที่เดิมทันที เอฟได้ไปเริ่มงานใหม่
เธอทำงานได้ระยะเวลาครบ 1 เดือน ได้ตัดสินใจลาออก เพราะรู้สึกไม่ชอบบรรยากาศและสังคมขี้นินทาแทงข้างหลังกัน
ต้องบอกก่อนว่าในตอนนั้น เดิมทีเอฟเป็นคนนิสัยค่อนข้างใจร้อน แสดงสีหน้าชัดเจน เป็นคนตรงไปตรงมา
พูดจาไม่ค่อยคิดสักเท่าไหร่นัก แต่เธอก็ไม่ได้เลวร้ายกับใคร เป็นคนอัธยาศัยดี เข้ากับคนง่าย ยิ้มแย้มแจ่มใส
เพียงแต่ใครทำเธอก่อนเธอจะไม่ยอมเด็ดขาด หลังจากลาออก เอฟหางานใหมอยู่ 2-3 วัน ไม่นานก็มีคนติดต่อมา
เอฟเป็นคนเก่งมีพรสวรรค์เ เธอมักจะได้งานใหม่ที่ดีขึ้นเสมอ 
และแล้วเอฟก็ได้เจอกับบริษัทแห่งหนึ่งตำแหน่งงานพนักงานเอกสารนำเข้า-ส่งออก เสนอเงินเดือนให้เธอ 13k
แต่มีค่าคอมมิชชั่นให้ตาม%ของรายได้เซลล์ เอฟดีใจเหมือนเคย ตกลงรับงาน ถึงแม้จะเดินทางไกลกว่าเดิม 15 นาที
แต่เธอคิดว่าก็ดีกว่าตกงานขาดรายได้

ทุกคนคิดว่า ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปได้ดีใช่มั้ยล่ะคะ เอฟคงจะได้ทำงานที่ดีและมีชีวิตราบรื่น
แต่ยังค่ะ นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของจงวรยุ่งเหยิงกับคำว่ามีพ่อแม่เมื่อพร้อม ในอนาคตก็ว่าได้ค่ะ โปรดติดตามตอนต่อไป 🙏🙏
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่