เครดิตแหล่งข่าว/เจ้าของบทความโดย
https://www.dailynews.co.th/news/4397339/
การดื่มกาแฟด้วยถ้วยกระดาษ สัปดาห์ละ 4-5 วัน อาจทำให้คุณกลืนไมโครพลาสติกโดยไม่ได้ตั้งใจได้มากกว่า 1,000 อนุภาคในหนึ่งถ้วย
“กาแฟ” เครื่องดื่มยอดนิยมของผู้คนทั่วโลก โดยเฉพาะพนักงานออฟฟิศ ตามสถิติในไต้หวัน ประชากรกว่า 40% ดื่มกาแฟมากกว่า 1 แก้วต่อวัน และบริโภคกาแฟมากกว่า 2.85 พันล้านแก้วต่อปี แต่นักพันธุศาสตร์ ดร.เจื่องเกียมินห์ ได้ออกมาเตือนว่าการดื่มกาแฟหนึ่งถ้วยทุกวัน อาจทำให้เรากลืนอนุภาคพลาสติกที่มองไม่เห็นบนแก้วกระดาษเข้าไปด้วย เช่นเดียวกับการดื่มนมร้อน โกโก้ ชาร้อน ฯลฯ จากถ้วยกระดาษ อนุภาคเหล่านี้จะเข้าสู่ร่างกายมนุษย์อย่างเงียบๆ และในที่สุดก็จะเข้าไปอยู่ในเซลล์
ดร.เจื่องเกียมินห์ เตือนว่า “ถ้วยกาแฟกระดาษเป็นกับดักที่ผู้คนอาจไม่สังเกตเห็น ชั้นในของถ้วยกระดาษเคลือบด้วยโพลีเอทิลีน (PE) เดิมทีฟิล์มพลาสติกนี้ใช้สำหรับป้องกันการรั่วไหลของของเหลว แต่เมื่อสัมผัสกับอุณหภูมิสูง จากเครื่องดื่มที่มีกรด หรือแอลกอฮอล์ มันจะเร่งการปล่อยอนุภาคพลาสติกขนาดเล็กเข้าสู่กระแสเลือด และอวัยวะของมนุษย์อย่างเงียบๆ ในที่สุดก็จะติดอยู่ในเซลล์ และส่งผลต่อการทำงานของเซลล์”
จากการศึกษาวิจัยในปี 2022 ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Hazardous Materials พบว่าความเข้มข้นของไมโครพลาสติกในน้ำเพิ่มขึ้นถึง 723–1,489 อนุภาค หลังจากสัมผัสกับถ้วยเป็นเวลา 5 นาที และเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อระยะเวลาในการจัดเก็บเพิ่มขึ้น ขนาดของไมโครพลาสติกที่ถูกปล่อยออกมา ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงต่ำกว่า 50 ไมโครเมตร การเขย่าถ้วยในระหว่างการขนส่งหรือขณะดื่ม เป็นสาเหตุของการปล่อยสารนี้ นอกจากนี้ ผลการศึกษายังแสดงให้เห็นว่า ถ้วยปล่อยไมโครพลาสติกมากขึ้น เมื่อบรรจุเครื่องดื่มร้อนมากกว่าเครื่องดื่มเย็น จากผลการสำรวจพบว่า ผู้คนอาจกินไมโครพลาสติกโดยไม่ตั้งใจประมาณ 37,613–89,294 อนุภาคต่อปี จากการใช้ถ้วยแบบใช้แล้วทิ้งทุกๆ 4–5 วัน
ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ ทำให้เกิดความไม่สมดุลในการควบคุมพลังงานในเซลล์ และทำให้การเผาผลาญช้าลง ส่งผลให้มีแนวโน้มจะเหนื่อยล้า และน้ำหนักตัวมากขึ้น
ความผิดปกติของฮอร์โมนเพศ ส่งผลต่อเซลล์สืบพันธุ์ และส่งผลต่อการเจริญพันธุ์ได้
การตอบสนองของอินซูลินที่ไม่ดี ทำให้เซลล์ไม่สามารถประมวลผลน้ำตาลในเลือดได้อย่างเหมาะสม เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานได้
เซลล์ลำไส้ที่ดูดซับสารอาหารและขับของเสียออกไป แต่เมื่ออนุภาคพลาสติกสะสมอยู่ในเซลล์ลำไส้ ท่อส่งสารอาหารที่เคยเรียบก็จะเริ่มอุดตัน
จุลินทรีย์ในลำไส้ไม่สมดุล แบคทีเรียที่เป็นอันตรายเพิ่มขึ้น และแบคทีเรียที่มีประโยชน์ลดลง ทำให้เกิดอาการอาหารไม่ย่อย
การอักเสบของลำไส้ ซึ่งนำไปสู่โรคลำไส้รั่ว อาจทำให้เศษอาหารและสารพิษที่ไม่ย่อยเข้าสู่กระแสเลือดได้โดยตรง
ประสิทธิภาพการย่อยและดูดซึมลดลง ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะทุพโภชนาการ หรือเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ในระยะยาวได้
ดร.เจื่องเกียมินห์ กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า อนุภาคเหล่านี้เปรียบเสมือน “ฟิล์มพลาสติกที่มองไม่เห็น” ที่สะสมอยู่ในลำไส้ ทำให้ลำไส้อุดตันและไม่แข็งแรง ทำให้ระบบย่อยอาหารไม่ดี และอาจส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันได้ด้วย
ตับและไตมีหน้าที่กรองของเสียออกจากร่างกาย แต่เมื่อไมโครพลาสติกเข้าสู่เลือด อวัยวะที่ทำหน้าที่กำจัดสารพิษเหล่านี้ จะเหมือนกับการรับขยะที่ไม่สามารถประมวลผลได้ อนุภาคพลาสติกจะไม่สลายตัว และอาจส่งผลต่อการทำงานของระบบเผาผลาญของเซลล์
การอักเสบของเซลล์ตับส่งผลต่อความสามารถในการกำจัดสารพิษ
การทำงานของไตลดลง และการสะสมในระยะยาวอาจส่งผลต่อการขับยูเรีย
ความเครียดออกซิเดชันที่เพิ่มขึ้น ทำให้เซลล์แก่ก่อนวัย ส่งผลต่อการทำงานโดยรวมของร่างกาย
ดร.เจื่องเกียมินห์ ยกตัวอย่างว่า ก็เหมือนถังขยะที่เต็มไปด้วยถุงพลาสติกที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ จำนวนถุงที่เพิ่มมากขึ้น แต่ไม่สามารถนำออกได้ ทำให้ประสิทธิภาพของระบบสุขาภิบาลลดลงเรื่อยๆ แม้การดื่มกาแฟจากถ้วยกระดาษจะไม่ทำให้คุณป่วยทันที แต่หากทำเช่นนี้ทุกวัน อนุภาคพลาสติกเหล่านี้จะค่อยๆ เติมเต็มเซลล์ของมนุษย์ และส่งผลต่อการทำงานของเซลล์ เช่นเดียวกับขยะที่สะสมตามกาลเวลา มันไม่เพียงแต่ทำให้การทำงานของเซลล์ลดลง แต่ยังส่งผลต่อระบบต่อมไร้ท่อ ระบบย่อยอาหาร และแม้แต่ความสามารถในการกำจัดสารพิษของตับอีกด้วย
... สามารถติดตามบทความฉบับเต็มได้ที่ :
https://www.dailynews.co.th/news/4397339/
อันตราย !! อย่าดื่มกาแฟด้วยถ้วยกระดาษ
https://www.dailynews.co.th/news/4397339/
การดื่มกาแฟด้วยถ้วยกระดาษ สัปดาห์ละ 4-5 วัน อาจทำให้คุณกลืนไมโครพลาสติกโดยไม่ได้ตั้งใจได้มากกว่า 1,000 อนุภาคในหนึ่งถ้วย
“กาแฟ” เครื่องดื่มยอดนิยมของผู้คนทั่วโลก โดยเฉพาะพนักงานออฟฟิศ ตามสถิติในไต้หวัน ประชากรกว่า 40% ดื่มกาแฟมากกว่า 1 แก้วต่อวัน และบริโภคกาแฟมากกว่า 2.85 พันล้านแก้วต่อปี แต่นักพันธุศาสตร์ ดร.เจื่องเกียมินห์ ได้ออกมาเตือนว่าการดื่มกาแฟหนึ่งถ้วยทุกวัน อาจทำให้เรากลืนอนุภาคพลาสติกที่มองไม่เห็นบนแก้วกระดาษเข้าไปด้วย เช่นเดียวกับการดื่มนมร้อน โกโก้ ชาร้อน ฯลฯ จากถ้วยกระดาษ อนุภาคเหล่านี้จะเข้าสู่ร่างกายมนุษย์อย่างเงียบๆ และในที่สุดก็จะเข้าไปอยู่ในเซลล์
ดร.เจื่องเกียมินห์ เตือนว่า “ถ้วยกาแฟกระดาษเป็นกับดักที่ผู้คนอาจไม่สังเกตเห็น ชั้นในของถ้วยกระดาษเคลือบด้วยโพลีเอทิลีน (PE) เดิมทีฟิล์มพลาสติกนี้ใช้สำหรับป้องกันการรั่วไหลของของเหลว แต่เมื่อสัมผัสกับอุณหภูมิสูง จากเครื่องดื่มที่มีกรด หรือแอลกอฮอล์ มันจะเร่งการปล่อยอนุภาคพลาสติกขนาดเล็กเข้าสู่กระแสเลือด และอวัยวะของมนุษย์อย่างเงียบๆ ในที่สุดก็จะติดอยู่ในเซลล์ และส่งผลต่อการทำงานของเซลล์”
จากการศึกษาวิจัยในปี 2022 ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Hazardous Materials พบว่าความเข้มข้นของไมโครพลาสติกในน้ำเพิ่มขึ้นถึง 723–1,489 อนุภาค หลังจากสัมผัสกับถ้วยเป็นเวลา 5 นาที และเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อระยะเวลาในการจัดเก็บเพิ่มขึ้น ขนาดของไมโครพลาสติกที่ถูกปล่อยออกมา ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงต่ำกว่า 50 ไมโครเมตร การเขย่าถ้วยในระหว่างการขนส่งหรือขณะดื่ม เป็นสาเหตุของการปล่อยสารนี้ นอกจากนี้ ผลการศึกษายังแสดงให้เห็นว่า ถ้วยปล่อยไมโครพลาสติกมากขึ้น เมื่อบรรจุเครื่องดื่มร้อนมากกว่าเครื่องดื่มเย็น จากผลการสำรวจพบว่า ผู้คนอาจกินไมโครพลาสติกโดยไม่ตั้งใจประมาณ 37,613–89,294 อนุภาคต่อปี จากการใช้ถ้วยแบบใช้แล้วทิ้งทุกๆ 4–5 วัน
ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ ทำให้เกิดความไม่สมดุลในการควบคุมพลังงานในเซลล์ และทำให้การเผาผลาญช้าลง ส่งผลให้มีแนวโน้มจะเหนื่อยล้า และน้ำหนักตัวมากขึ้น
ความผิดปกติของฮอร์โมนเพศ ส่งผลต่อเซลล์สืบพันธุ์ และส่งผลต่อการเจริญพันธุ์ได้
การตอบสนองของอินซูลินที่ไม่ดี ทำให้เซลล์ไม่สามารถประมวลผลน้ำตาลในเลือดได้อย่างเหมาะสม เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานได้
เซลล์ลำไส้ที่ดูดซับสารอาหารและขับของเสียออกไป แต่เมื่ออนุภาคพลาสติกสะสมอยู่ในเซลล์ลำไส้ ท่อส่งสารอาหารที่เคยเรียบก็จะเริ่มอุดตัน
จุลินทรีย์ในลำไส้ไม่สมดุล แบคทีเรียที่เป็นอันตรายเพิ่มขึ้น และแบคทีเรียที่มีประโยชน์ลดลง ทำให้เกิดอาการอาหารไม่ย่อย
การอักเสบของลำไส้ ซึ่งนำไปสู่โรคลำไส้รั่ว อาจทำให้เศษอาหารและสารพิษที่ไม่ย่อยเข้าสู่กระแสเลือดได้โดยตรง
ประสิทธิภาพการย่อยและดูดซึมลดลง ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะทุพโภชนาการ หรือเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ในระยะยาวได้
ดร.เจื่องเกียมินห์ กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า อนุภาคเหล่านี้เปรียบเสมือน “ฟิล์มพลาสติกที่มองไม่เห็น” ที่สะสมอยู่ในลำไส้ ทำให้ลำไส้อุดตันและไม่แข็งแรง ทำให้ระบบย่อยอาหารไม่ดี และอาจส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันได้ด้วย
ตับและไตมีหน้าที่กรองของเสียออกจากร่างกาย แต่เมื่อไมโครพลาสติกเข้าสู่เลือด อวัยวะที่ทำหน้าที่กำจัดสารพิษเหล่านี้ จะเหมือนกับการรับขยะที่ไม่สามารถประมวลผลได้ อนุภาคพลาสติกจะไม่สลายตัว และอาจส่งผลต่อการทำงานของระบบเผาผลาญของเซลล์
การอักเสบของเซลล์ตับส่งผลต่อความสามารถในการกำจัดสารพิษ
การทำงานของไตลดลง และการสะสมในระยะยาวอาจส่งผลต่อการขับยูเรีย
ความเครียดออกซิเดชันที่เพิ่มขึ้น ทำให้เซลล์แก่ก่อนวัย ส่งผลต่อการทำงานโดยรวมของร่างกาย
ดร.เจื่องเกียมินห์ ยกตัวอย่างว่า ก็เหมือนถังขยะที่เต็มไปด้วยถุงพลาสติกที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ จำนวนถุงที่เพิ่มมากขึ้น แต่ไม่สามารถนำออกได้ ทำให้ประสิทธิภาพของระบบสุขาภิบาลลดลงเรื่อยๆ แม้การดื่มกาแฟจากถ้วยกระดาษจะไม่ทำให้คุณป่วยทันที แต่หากทำเช่นนี้ทุกวัน อนุภาคพลาสติกเหล่านี้จะค่อยๆ เติมเต็มเซลล์ของมนุษย์ และส่งผลต่อการทำงานของเซลล์ เช่นเดียวกับขยะที่สะสมตามกาลเวลา มันไม่เพียงแต่ทำให้การทำงานของเซลล์ลดลง แต่ยังส่งผลต่อระบบต่อมไร้ท่อ ระบบย่อยอาหาร และแม้แต่ความสามารถในการกำจัดสารพิษของตับอีกด้วย
... สามารถติดตามบทความฉบับเต็มได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/4397339/