ประโยคในบริบทเหล่านี้ทำเราเข้าใจผิดบ่อยมาก ๆ ครับ และคิดว่าทำไมฝรั่งดูโหดร้ายจัง
- "
I broke my arm."
อันนี้คือเขาไม่ได้หักแขนตัวเองนะครับ มันหมายถึง "
แขนหัก" จากอุบัติเหตุ
- "
I cut my finger."
อันนี้ก็ไม่ได้ตัดนิ้วตัวเอง แต่หมายถึง "
มีดบาดนิ้ว"
- "
I burnt my hand."
ไม่ได้เผามือตัวเองนะ แต่หมายความว่า "
น้ำร้อนมันลวก" ครับ
- "
I twisted my ankle."
ก็ไม่ได้บิดข้อตัวเอง แต่หมายถึงเกิดอาการข้อเคล็ด หรือ "
ข้อเท้าแพลง" (อาจบอกว่า I sprained my ankle. ก็ความหมายเดียวกัน)
โอเค ถึงตรงนี้น่าจะ get the idea แต่มาดูเพิ่มเติมเผื่อไว้ครับ
- "
I bit my tongue." = เผลอกันลิ้นตัวเอง
- "
I stubbed my toe." = เผลอเดินเอานิ้วเท้าไปชน (This is the most painful thing!)
- "
I bumped my head." = เผลอเดินเอาหัวไปชนบางอย่าง
แต่จริง ๆ จะพูดให้เคลียร์ขึ้นมาหน่อยก็ได้ครับ เช่น I cut my finger
while I was cooking. หรือเปลี่ยนเป็น passive voice เช่น My arm
was broken. / My hand
got burnt. (สะกด burned ก็ได้) ก็จะเคลียร์มากขึ้น (สำหรับคนไทย) ว่าไม่ได้ตั้งใจทำเองแต่เป็นเพราะเหตุอย่างอื่นครับ
ถ้าทำตัวเองจริง ๆ จะเพิ่มคำว่า
own (ด้วยตัวเอง) เข้ามาครับ เช่น
I broke my own arm. /
I cut my own finger. อะไรแบบนี้ อันนี้แหละโหดร้ายของจริง 555
มีคนเคยถามว่า "
ประเด็นน่าสนใจคือทำไมฝรั่งถึงใช้ประโยคแบบนั้น ที่มาของความคิดหรือวัฒนธรรมเป็นมาอย่างไร"
สามารถอธิบายได้ในหลักแกรมมาร์ครับ เช่นประโยค
I cut my finger. แม้เราไม่ได้ "ตั้งใจ" ทำมีดบาดตัวเอง (I didn't cut my finger
on purpose.) แต่เราก็เป็นคนทำอยู่ดีครับ (but I did it
accidentally.) เลยใช้เป็นประโยค active voice ไปได้เลย แต่อย่างที่บอกคืออาจจะพูดเป็น passive voice ก็ได้ เช่น "
I got my finger cut." หรือ "
My finger got cut." (แต่ประโยคนี้อาจถูกตีความว่าคนอื่นเป็นคนมาทำก็ได้)
หรืออธิบายในเชิงความหมายของคำศัพท์คือ
cut,
break มันไม่ได้มีความหมายของ
การตั้งใจ อยู่ในนั้น แต่มันหมายความว่า บาดและหัก เท่านั้นครับ ดังนั้นแม้เกิดขึ้นโดยอุบัติเหตุ ก็สามารถแต่งประโยคแบบ active voice (I cut my finger. / I broke my arm.) ได้
คนไทยเราจะพูดว่า
แขนหัก (เหมือนแขนมันหักด้วยตัวเอง / แต่จริง ๆ ฝรั่งก็พูดว่า
My arm broke. เหมือนกันครับ) แต่
มีดบาด ถ้าไปแปลว่า "
The knife cut my finger." ก็อาจจะฟังแปลกนิดหน่อยครับ (เหมือนมีดมันตั้งใจมาบาดเราเอง)
"
ไม่จำเป็นต้องรู้หมดทุกอย่างในวันนี้ แค่รู้มากขึ้นกว่าเมื่อวานก็พอ"
Stay tuned!
JGC.
"I broke my arm." / "I cut my finger." ไม่ได้แปลว่า ฉันหักแขน/ตัดนิ้วตัวเอง (ประโยคที่ฝรั่งกับคนไทยพูดไม่เหมือนกัน)
- "I broke my arm."
อันนี้คือเขาไม่ได้หักแขนตัวเองนะครับ มันหมายถึง "แขนหัก" จากอุบัติเหตุ
- "I cut my finger."
อันนี้ก็ไม่ได้ตัดนิ้วตัวเอง แต่หมายถึง "มีดบาดนิ้ว"
- "I burnt my hand."
ไม่ได้เผามือตัวเองนะ แต่หมายความว่า "น้ำร้อนมันลวก" ครับ
- "I twisted my ankle."
ก็ไม่ได้บิดข้อตัวเอง แต่หมายถึงเกิดอาการข้อเคล็ด หรือ "ข้อเท้าแพลง" (อาจบอกว่า I sprained my ankle. ก็ความหมายเดียวกัน)
โอเค ถึงตรงนี้น่าจะ get the idea แต่มาดูเพิ่มเติมเผื่อไว้ครับ
- "I bit my tongue." = เผลอกันลิ้นตัวเอง
- "I stubbed my toe." = เผลอเดินเอานิ้วเท้าไปชน (This is the most painful thing!)
- "I bumped my head." = เผลอเดินเอาหัวไปชนบางอย่าง
แต่จริง ๆ จะพูดให้เคลียร์ขึ้นมาหน่อยก็ได้ครับ เช่น I cut my finger while I was cooking. หรือเปลี่ยนเป็น passive voice เช่น My arm was broken. / My hand got burnt. (สะกด burned ก็ได้) ก็จะเคลียร์มากขึ้น (สำหรับคนไทย) ว่าไม่ได้ตั้งใจทำเองแต่เป็นเพราะเหตุอย่างอื่นครับ
ถ้าทำตัวเองจริง ๆ จะเพิ่มคำว่า own (ด้วยตัวเอง) เข้ามาครับ เช่น I broke my own arm. / I cut my own finger. อะไรแบบนี้ อันนี้แหละโหดร้ายของจริง 555
มีคนเคยถามว่า "ประเด็นน่าสนใจคือทำไมฝรั่งถึงใช้ประโยคแบบนั้น ที่มาของความคิดหรือวัฒนธรรมเป็นมาอย่างไร"
สามารถอธิบายได้ในหลักแกรมมาร์ครับ เช่นประโยค I cut my finger. แม้เราไม่ได้ "ตั้งใจ" ทำมีดบาดตัวเอง (I didn't cut my finger on purpose.) แต่เราก็เป็นคนทำอยู่ดีครับ (but I did it accidentally.) เลยใช้เป็นประโยค active voice ไปได้เลย แต่อย่างที่บอกคืออาจจะพูดเป็น passive voice ก็ได้ เช่น "I got my finger cut." หรือ "My finger got cut." (แต่ประโยคนี้อาจถูกตีความว่าคนอื่นเป็นคนมาทำก็ได้)
หรืออธิบายในเชิงความหมายของคำศัพท์คือ cut, break มันไม่ได้มีความหมายของ การตั้งใจ อยู่ในนั้น แต่มันหมายความว่า บาดและหัก เท่านั้นครับ ดังนั้นแม้เกิดขึ้นโดยอุบัติเหตุ ก็สามารถแต่งประโยคแบบ active voice (I cut my finger. / I broke my arm.) ได้
คนไทยเราจะพูดว่า แขนหัก (เหมือนแขนมันหักด้วยตัวเอง / แต่จริง ๆ ฝรั่งก็พูดว่า My arm broke. เหมือนกันครับ) แต่ มีดบาด ถ้าไปแปลว่า "The knife cut my finger." ก็อาจจะฟังแปลกนิดหน่อยครับ (เหมือนมีดมันตั้งใจมาบาดเราเอง)
"ไม่จำเป็นต้องรู้หมดทุกอย่างในวันนี้ แค่รู้มากขึ้นกว่าเมื่อวานก็พอ"
Stay tuned!
JGC.