ทองคำพุ่งแรง! คนไทยแห่ลงทุนทอง ต่างชาติเซ็ง SET เสี่ยงดอยยาว
ในช่วงที่ผ่านมา ราคาทองคำพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้กระแสการลงทุนทองคำในประเทศไทยร้อนแรงสุดขีด นักลงทุนไทยจำนวนมากหันไปถือทองคำแทนการลงทุนในตลาดหุ้น หลังจากเห็นสัญญาณบวกที่ชัดเจนว่าราคาทองอาจยังไปต่ออีกไกล
ขณะที่ฝั่งต่างชาติที่ลงทุนในตลาดหุ้นไทย (SET) เมื่อวันอังคารที่ผ่านทา กลับพบว่าเทรนด์ยังไม่สู้ดีนัก หลังดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยมีแนวโน้มอ่อนตัวอย่างต่อเนื่อง การไหลออกของเงินทุนจากหุ้นไปสู่ทองคำทำให้ SET เผชิญแรงกดดันมหาศาล นักลงทุนเริ่มหวั่นใจว่าอาจต้อง “ดอยยาว” เพราะกระแสเงินทุนหมุนไปลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยแทน
ทองคำพุ่งไม่หยุด ทะลุแนวต้านต่อเนื่อง
การที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง มีปัจจัยหนุนจากหลายด้าน ทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความไม่แน่นอน ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ สิ่งเหล่านี้กระตุ้นให้นักลงทุนทั่วโลกแห่เข้าซื้อทองคำเป็นที่หลบภัย ซึ่งสะท้อนไปยังตลาดไทยเช่นกัน
นักวิเคราะห์มองว่า ทองคำอาจยังคงเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง หากสัญญาณเศรษฐกิจโลกยังไม่ชัดเจน หรือธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ไม่รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ย นักลงทุนไทยที่เห็นโอกาสจึงทยอยเข้าซื้อทองคำมากขึ้นเรื่อย ๆ
ต่างชาติเซ็ง SET เสี่ยงดอยหนัก
ขณะที่ทองคำกำลังไปได้สวย ตลาดหุ้นไทยกลับต้องเผชิญกับแรงขายและความกังวลด้านเศรษฐกิจ นักลงทุนต่างชาติเริ่มลดพอร์ตการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เนื่องจากขาดปัจจัยบวกหนุน และยังมีความเสี่ยงจากทิศทางดอกเบี้ยที่อาจยังทรงตัวในระดับสูง
ดัชนี SET ที่เคยได้รับแรงหนุนจากกลุ่มนักลงทุนในประเทศ ตอนนี้กลับเจอแรงเทขายต่อเนื่อง เพราะเม็ดเงินส่วนหนึ่งไหลไปสู่ทองคำ นักลงทุนบางส่วนเริ่มกลัวว่าอาจต้องติดดอยหุ้นไปอีกนาน หากตลาดยังไร้ปัจจัยหนุนที่ชัดเจน
นักลงทุนควรทำอย่างไรต่อ?
สำหรับนักลงทุนที่ถือหุ้นใน SET อาจต้องจับตาปัจจัยเสี่ยงอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะนโยบายเศรษฐกิจของไทยและต่างประเทศ รวมถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย หากตลาดหุ้นยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจน อาจต้องระวังแรงเทขายต่อเนื่อง
ส่วนผู้ที่สนใจลงทุนทองคำ แม้ราคาจะปรับขึ้นสูง แต่ก็ต้องคำนึงถึงความผันผวนในระยะสั้น หาก Fed มีท่าทีเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับดอกเบี้ย ราคาทองอาจผันผวนได้เช่นกัน ดังนั้น การลงทุนทองคำควรมีแผนรับมือ ไม่ไล่ซื้อในจุดสูงสุด
เหตุผลที่คนแห่ลงทุนทองคำ
ในช่วงที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน ราคาทองคำมักจะเป็นที่จับตามองของนักลงทุน เพราะเป็นสินทรัพย์ที่สามารถรักษามูลค่าได้ในระยะยาว และยังช่วยป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อได้ดี ต่อไปนี้คือเหตุผลหลักที่ทำให้ทองคำเป็นที่นิยมในการลงทุน
1. ทองแท่งดีกว่าทองรูปพรรณสำหรับการลงทุน
หากเป้าหมายคือการลงทุน ทองคำแท่งเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าทองรูปพรรณ เนื่องจากเวลาขายจะได้ราคาสูงกว่า เพราะไม่มีค่ากำเหน็จหรือค่าทำงานที่ถูกหักออกไป ต่างจากทองรูปพรรณที่เวลาซื้อจะมีค่ากำเหน็จ แต่เวลาขายกลับได้ราคาต่ำกว่าทองแท่ง
➡ แนะนำ: หากต้องการเก็งกำไรหรือเก็บเป็นสินทรัพย์ระยะยาว ให้เลือกซื้อทองคำแท่ง
2. ทองรูปพรรณเหมาะสำหรับคนที่อยากใส่เป็นเครื่องประดับ
สำหรับคนที่ต้องการใช้ทองเป็นเครื่องประดับ ทองรูปพรรณเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม แต่ต้องเข้าใจว่าหากนำไปขาย ราคาจะถูกกดลงเพราะมีค่ากำเหน็จ ดังนั้น ทองรูปพรรณเหมาะสำหรับการใช้งานมากกว่าการลงทุน
➡ แนะนำ: ซื้อทองรูปพรรณหากต้องการใส่เป็นเครื่องประดับและไม่ได้เน้นเก็งกำไร
3. ราคาทองคำขึ้นในระยะยาวตามเงินเฟ้อ
หากมองในระยะยาว (10 ปีขึ้นไป) ราคาทองคำมักจะปรับตัวขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ นั่นหมายความว่าแม้ราคาทองอาจมีความผันผวนในระยะสั้น แต่ถ้าถือครองไว้เป็นเวลานาน ทองคำสามารถรักษามูลค่าและให้ผลตอบแทนที่ดีได้
➡ แนะนำ: หากมีเป้าหมายลงทุนระยะยาว การถือทองไว้ในพอร์ตเป็นตัวเลือกที่ดี
4. ทองคำช่วยป้องกันเงินเสื่อมค่า เป็น Store of Value
หนึ่งในเหตุผลหลักที่นักลงทุนถือทองคำคือ “Store of Value” หรือการรักษามูลค่าของเงินในระยะยาว ทองคำช่วยคานอำนาจเงินเฟ้อ ไม่ให้เงินสดที่ถืออยู่เสื่อมค่าลงไปกับกาลเวลา นักลงทุนจึงควรมีทองคำไว้เป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตการลงทุนในสัดส่วน 10-30%
➡ แนะนำ: ควรจัดสรรพอร์ตให้มีทองคำอย่างน้อย 10-30% เพื่อกระจายความเสี่ยง
5. ทองคำขายง่ายกว่าอสังหาริมทรัพย์ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ
เวลาที่เศรษฐกิจแย่ ราคาทองคำมักพุ่งสูงขึ้น เพราะนักลงทุนแห่เข้าซื้อเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ทำให้ทองคำมีสภาพคล่องสูง เวลาต้องการขายสามารถขายได้ง่ายกว่าการขายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งอาจต้องใช้เวลานานกว่าจะหาผู้ซื้อได้
➡ แนะนำ: ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ง่าย ควรมีติดพอร์ตไว้
6. ควรออม Bitcoin (BTC) ควบคู่ไปกับทองคำ
นอกจากทองคำแล้ว นักลงทุนยุคใหม่เริ่มให้ความสนใจกับ Bitcoin (BTC) ซึ่งถูกมองว่าเป็น “ทองคำดิจิทัล” เนื่องจากมีจำนวนจำกัดและสามารถช่วยป้องกันเงินเฟ้อได้เช่นกัน การกระจายการลงทุนในทองคำและ BTC จึงเป็นทางเลือกที่ช่วยเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
➡ แนะนำ: ลงทุนใน BTC ควบคู่กับทองคำ เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างความมั่งคั่งในอนาคต
ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ และสามารถขายเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ง่าย นักลงทุนควรพิจารณาถือทองคำในพอร์ตสัดส่วน 10-30% และกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์อื่น เช่น Bitcoin เพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโตทางการเงิน
การที่คนไทยแห่ลงทุนทองคำอาจส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยซบเซาต่อเนื่อง นักลงทุนต่างชาติที่ยังติดหุ้นอาจต้องเจอภาวะดอยยาวหาก SET ไม่สามารถฟื้นตัวได้เร็วพอ ในขณะที่ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนไทย แต่ก็ต้องจับตาดูปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดการปรับฐานในอนาคต
ทองจะไปต่อ หุ้นจะดอยยาว หรือถึงเวลาสลับขั้วการลงทุน? นักลงทุนต้องประเมินความเสี่ยงให้ดี!
คนไทยแห่ไปลงทุนทองคำ ต่างชาติเซ็ง ลงทุน SET หวั่นเตรียมดอยยาว ๆ หลังทองทะยานไปไม่หยุด !
ในช่วงที่ผ่านมา ราคาทองคำพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้กระแสการลงทุนทองคำในประเทศไทยร้อนแรงสุดขีด นักลงทุนไทยจำนวนมากหันไปถือทองคำแทนการลงทุนในตลาดหุ้น หลังจากเห็นสัญญาณบวกที่ชัดเจนว่าราคาทองอาจยังไปต่ออีกไกล
ขณะที่ฝั่งต่างชาติที่ลงทุนในตลาดหุ้นไทย (SET) เมื่อวันอังคารที่ผ่านทา กลับพบว่าเทรนด์ยังไม่สู้ดีนัก หลังดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยมีแนวโน้มอ่อนตัวอย่างต่อเนื่อง การไหลออกของเงินทุนจากหุ้นไปสู่ทองคำทำให้ SET เผชิญแรงกดดันมหาศาล นักลงทุนเริ่มหวั่นใจว่าอาจต้อง “ดอยยาว” เพราะกระแสเงินทุนหมุนไปลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยแทน
ทองคำพุ่งไม่หยุด ทะลุแนวต้านต่อเนื่อง
การที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง มีปัจจัยหนุนจากหลายด้าน ทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความไม่แน่นอน ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ สิ่งเหล่านี้กระตุ้นให้นักลงทุนทั่วโลกแห่เข้าซื้อทองคำเป็นที่หลบภัย ซึ่งสะท้อนไปยังตลาดไทยเช่นกัน
นักวิเคราะห์มองว่า ทองคำอาจยังคงเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง หากสัญญาณเศรษฐกิจโลกยังไม่ชัดเจน หรือธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ไม่รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ย นักลงทุนไทยที่เห็นโอกาสจึงทยอยเข้าซื้อทองคำมากขึ้นเรื่อย ๆ
ต่างชาติเซ็ง SET เสี่ยงดอยหนัก
ขณะที่ทองคำกำลังไปได้สวย ตลาดหุ้นไทยกลับต้องเผชิญกับแรงขายและความกังวลด้านเศรษฐกิจ นักลงทุนต่างชาติเริ่มลดพอร์ตการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เนื่องจากขาดปัจจัยบวกหนุน และยังมีความเสี่ยงจากทิศทางดอกเบี้ยที่อาจยังทรงตัวในระดับสูง
ดัชนี SET ที่เคยได้รับแรงหนุนจากกลุ่มนักลงทุนในประเทศ ตอนนี้กลับเจอแรงเทขายต่อเนื่อง เพราะเม็ดเงินส่วนหนึ่งไหลไปสู่ทองคำ นักลงทุนบางส่วนเริ่มกลัวว่าอาจต้องติดดอยหุ้นไปอีกนาน หากตลาดยังไร้ปัจจัยหนุนที่ชัดเจน
นักลงทุนควรทำอย่างไรต่อ?
สำหรับนักลงทุนที่ถือหุ้นใน SET อาจต้องจับตาปัจจัยเสี่ยงอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะนโยบายเศรษฐกิจของไทยและต่างประเทศ รวมถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย หากตลาดหุ้นยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจน อาจต้องระวังแรงเทขายต่อเนื่อง
ส่วนผู้ที่สนใจลงทุนทองคำ แม้ราคาจะปรับขึ้นสูง แต่ก็ต้องคำนึงถึงความผันผวนในระยะสั้น หาก Fed มีท่าทีเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับดอกเบี้ย ราคาทองอาจผันผวนได้เช่นกัน ดังนั้น การลงทุนทองคำควรมีแผนรับมือ ไม่ไล่ซื้อในจุดสูงสุด
เหตุผลที่คนแห่ลงทุนทองคำ
ในช่วงที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน ราคาทองคำมักจะเป็นที่จับตามองของนักลงทุน เพราะเป็นสินทรัพย์ที่สามารถรักษามูลค่าได้ในระยะยาว และยังช่วยป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อได้ดี ต่อไปนี้คือเหตุผลหลักที่ทำให้ทองคำเป็นที่นิยมในการลงทุน
1. ทองแท่งดีกว่าทองรูปพรรณสำหรับการลงทุน
หากเป้าหมายคือการลงทุน ทองคำแท่งเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าทองรูปพรรณ เนื่องจากเวลาขายจะได้ราคาสูงกว่า เพราะไม่มีค่ากำเหน็จหรือค่าทำงานที่ถูกหักออกไป ต่างจากทองรูปพรรณที่เวลาซื้อจะมีค่ากำเหน็จ แต่เวลาขายกลับได้ราคาต่ำกว่าทองแท่ง
➡ แนะนำ: หากต้องการเก็งกำไรหรือเก็บเป็นสินทรัพย์ระยะยาว ให้เลือกซื้อทองคำแท่ง
2. ทองรูปพรรณเหมาะสำหรับคนที่อยากใส่เป็นเครื่องประดับ
สำหรับคนที่ต้องการใช้ทองเป็นเครื่องประดับ ทองรูปพรรณเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม แต่ต้องเข้าใจว่าหากนำไปขาย ราคาจะถูกกดลงเพราะมีค่ากำเหน็จ ดังนั้น ทองรูปพรรณเหมาะสำหรับการใช้งานมากกว่าการลงทุน
➡ แนะนำ: ซื้อทองรูปพรรณหากต้องการใส่เป็นเครื่องประดับและไม่ได้เน้นเก็งกำไร
3. ราคาทองคำขึ้นในระยะยาวตามเงินเฟ้อ
หากมองในระยะยาว (10 ปีขึ้นไป) ราคาทองคำมักจะปรับตัวขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ นั่นหมายความว่าแม้ราคาทองอาจมีความผันผวนในระยะสั้น แต่ถ้าถือครองไว้เป็นเวลานาน ทองคำสามารถรักษามูลค่าและให้ผลตอบแทนที่ดีได้
➡ แนะนำ: หากมีเป้าหมายลงทุนระยะยาว การถือทองไว้ในพอร์ตเป็นตัวเลือกที่ดี
4. ทองคำช่วยป้องกันเงินเสื่อมค่า เป็น Store of Value
หนึ่งในเหตุผลหลักที่นักลงทุนถือทองคำคือ “Store of Value” หรือการรักษามูลค่าของเงินในระยะยาว ทองคำช่วยคานอำนาจเงินเฟ้อ ไม่ให้เงินสดที่ถืออยู่เสื่อมค่าลงไปกับกาลเวลา นักลงทุนจึงควรมีทองคำไว้เป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตการลงทุนในสัดส่วน 10-30%
➡ แนะนำ: ควรจัดสรรพอร์ตให้มีทองคำอย่างน้อย 10-30% เพื่อกระจายความเสี่ยง
5. ทองคำขายง่ายกว่าอสังหาริมทรัพย์ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ
เวลาที่เศรษฐกิจแย่ ราคาทองคำมักพุ่งสูงขึ้น เพราะนักลงทุนแห่เข้าซื้อเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ทำให้ทองคำมีสภาพคล่องสูง เวลาต้องการขายสามารถขายได้ง่ายกว่าการขายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งอาจต้องใช้เวลานานกว่าจะหาผู้ซื้อได้
➡ แนะนำ: ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ง่าย ควรมีติดพอร์ตไว้
6. ควรออม Bitcoin (BTC) ควบคู่ไปกับทองคำ
นอกจากทองคำแล้ว นักลงทุนยุคใหม่เริ่มให้ความสนใจกับ Bitcoin (BTC) ซึ่งถูกมองว่าเป็น “ทองคำดิจิทัล” เนื่องจากมีจำนวนจำกัดและสามารถช่วยป้องกันเงินเฟ้อได้เช่นกัน การกระจายการลงทุนในทองคำและ BTC จึงเป็นทางเลือกที่ช่วยเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
➡ แนะนำ: ลงทุนใน BTC ควบคู่กับทองคำ เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างความมั่งคั่งในอนาคต
ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ และสามารถขายเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ง่าย นักลงทุนควรพิจารณาถือทองคำในพอร์ตสัดส่วน 10-30% และกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์อื่น เช่น Bitcoin เพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโตทางการเงิน
การที่คนไทยแห่ลงทุนทองคำอาจส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยซบเซาต่อเนื่อง นักลงทุนต่างชาติที่ยังติดหุ้นอาจต้องเจอภาวะดอยยาวหาก SET ไม่สามารถฟื้นตัวได้เร็วพอ ในขณะที่ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนไทย แต่ก็ต้องจับตาดูปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดการปรับฐานในอนาคต
ทองจะไปต่อ หุ้นจะดอยยาว หรือถึงเวลาสลับขั้วการลงทุน? นักลงทุนต้องประเมินความเสี่ยงให้ดี!