เปิด 10 ธุรกิจมาแรง2568 ท่องเที่ยว-สุขภาพ-อาหารสัตว์เลี้ยง และ ทุนจีนบุกไทย ร้านอาหาร-อสังหาฯ 5 ปีทะลุ 1.6 แสนล้าน

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดผลวิเคราะห์ธุรกิจมาแรงปี 2568 ชี้กลุ่มท่องเที่ยว-สุขภาพ-สัตว์เลี้ยง-สายมู-ภาพยนตร์-ตกแต่งอาคาร มาแรง พร้อมดัน Data Center-อีคอมเมิร์ซ และธุรกิจที่ปรึกษา เติบโตต่อเนื่อง

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า 
ธุรกิจที่มีความโดดเด่นและน่าจับตามองปี 2568 ออกเป็น 3 กลุ่มธุรกิจ 10 ประเภทธุรกิจ ประกอบด้วย 
กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์
กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมและเทคโนโลยี
กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการธุรกิจ
 
สำหรับกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์ ประกอบด้วย
           1. ธุรกิจการท่องเที่ยวและกิจกรรมในครอบครัว ได้แก่ ธุรกิจโรงแรมและที่พัก ธุรกิจร้านอาหาร/ผับบาร์ ธุรกิจการแสดงโชว์และความบันเทิง รวมทั้ง ธุรกิจกิจกรรมสำหรับครอบครัว เช่น โดยปี 2567 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่จำนวน 6,667 ราย เพิ่มขึ้น 7.38% มูลค่าทุนจดทะเบียนจัดตั้งใหม่ 16,253.16 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมของธุรกิจในปี 2566 มีมูลค่าสูงถึง 753,308.31 ล้านบาท 
 
           2. ธุรกิจ Health & Wellness เช่น ธุรกิจโรงพยาบาล/โรงพยาบาลเฉพาะทาง ธุรกิจทันตกรรม ธุรกิจกายภาพบำบัด และธุรกิจการดูแลสุขภาพอื่นๆ โดยปี 2566 ธุรกิจ health & wellness มีรายได้รวม 357,988.27 ล้านบาท และปี 2567 มีจำนวนนิติบุคคลจัดตั้งใหม่จำนวน 912 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 5,212.27 ล้านบาท 
 
           3. ธุรกิจสัตว์เลี้ยง เช่น ธุรกิจดูแลสัตว์เลี้ยง ผลิต/จำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยง และธุรกิจรักษาสัตว์เลี้ยง โดยปี 2567 มีจำนวนธุรกิจสัตว์เลี้ยงที่จัดตั้งขึ้นใหม่ จำนวน 206 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียน 400.12 ล้านบาท และรายได้รวมปี 2566 มีมูลค่า 76,066.28 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5,310.31 ล้านบาท 
 
            4. ธุรกิจสายมูฯ (มูเตลู) ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจสายมูฯ (มูเตลู) ยังคงมีการจดทะเบียนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2567 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่จำนวน 38 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 27.72 ล้านบาท โดยธุรกิจนี้ยังคงได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี ท่ามกลางความต้องการที่พึงทางด้านจิตใจ 
 
             5. ธุรกิจผลิตภาพยนตร์ เช่น ธุรกิจผลิตภาพยนต์และรายการโทรทัศน์ ธุรกิจตัดต่อภาพและเสียง ธุรกิจกราฟฟิกแอนิเมชันและเทคนิคพิเศษ และธุรกิจสอนการแสดง โดยปี 2567 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่จำนวน 293 ราย มีมูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 719.36 ล้านบาท  
 
             6. ธุรกิจปรับปรุงและตกแต่งอาคาร เช่น ธุรกิจออกแบบและตกแต่งภายใน ธุรกิจซ่อมแซมอาคาร โดยปัจจุบันผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะปรับปรุงที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น แทนการซื้ออสังหาริมทรัพย์ใหม่ โดยปี 2566 ธุรกิจปรับปรุงและตกแต่งอาคาร มีรายได้รวม 100,897.03 ล้านบาท โดยปี 2567 มีนิติบุคคลจัดตั้งใหม่จำนวน 993 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 1,510.21 ล้านบาท
ด้านกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีเป็นกลุ่มที่เป็นเทรนด์ธุรกิจของโลกที่ก้าวสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ก้าวข้ามขีดจำกัดและสามารถตอบสนองต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์และการดำเนินธุรกิจ ประกอบด้วย 

          7. ธุรกิจ Data Center และ Software เช่น ธุรกิจจัดทำซอฟต์แวร์สำเร็จรูป ธุรกิจบริการ Data Center ธุรกิจจัดทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โปรแกรมเว็บเพจ เป็นต้น โดยธุรกิจนี้ มีรายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยปี 2566 ธุรกิจ Data Center และ Software มีรายได้รวมอยู่ที่ 110,500.17 ล้านบาท 
 
           8. ธุรกิจ e-Commerce เช่น ธุรกิจขายปลีกทางอินเทอร์เน็ต ธุรกิจคลังสินค้าและการจัดเก็บสินค้า ธุรกิจตลาดกลางในการซื้อขายสินค้าหรือบริการ โดยวิธีสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ ธุรกิจ e-Commerce มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ปี 2567 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่จำนวน 2,219 ราย มีมูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 3,361.23 ล้านบาท โดยรายได้รวมในปี 2566 มีมูลค่า 279,787.83 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,442.28 ล้านบาท 
สุดท้ายกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการธุรกิจเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์เฉพาะด้านในการบริหารจัดการเรื่องต่างๆ ในการประกอบธุรกิจ การให้คำปรึกษา 
 
            9. ธุรกิจการบริหารจัดการธุรกิจ เช่น ธุรกิจสำนักงานบัญชี ธุรกิจสำนักงานกฎหมาย ธุรกิจการจ้างงานบุคคลภายนอก (outsource) โดยปี 2567 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่จำนวน 4,296 ราย มีมูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 6,521.44 ล้านบาท 
 
            10. ธุรกิจที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ธุรกิจให้คำปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม ธุรกิจการวิจัยและพัฒนาเชิงทดลอง ธุรกิจการให้บริการเกี่ยวกับสิทธิพิเศษอื่น ๆ โดยปี 2567 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่จำนวน 338 ราย มีมูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 1,832.10 ล้านบาท โดยปี 2566 ธุรกิจที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม มีรายได้รวม 41,408.69 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 เล็กน้อย แต่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562 - 2566)
ทั้งนี้ คาดว่าปี 2568 การประกอบธุรกิจของภาคธุรกิจจะมีอัตราการเติบโตที่ดีขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยต้องพิจารณารวมกับปัจจัยอื่นๆ และ ภูมิรัฐศาสตร์ต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศ เช่น เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจประเทศต่าง ๆ หรือปัจจัยเกื้อหนุนของเศรษฐกิจประเทศ 

อย่างไรก็ตาม ขอแนะนำว่า 10 ประเภทธุรกิจดังกล่าวข้างต้นน่าสนใจเป็นอย่างมาก โดยสามารถนำไปเป็นข้อมูลส่วนหนี่งสำหรับประกอบการตัดสินใจลงทุน แม้นอกจากกระแสธุรกิจที่กำลังได้รับความนิยมแล้ว ความชื่นชอบและความถนัดก็เป็นอีกคุณสมบัติที่ต้องคำนึง เนื่องการลงทุนมีความเสี่ยง การลงทุนทำธุรกิจต้องรอบคอบมากที่สุด 

Cr. https://www.thansettakij.com/economy/trade-agriculture/618595

ทุนจีนบุกไทย ลงทุนธุรกิจร้านอาหาร-อสังหาฯ 5 ปี ทะลุ 1.6 แสนล้าน

เปิดข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า การลงทุนของชาวจีนในประเทศไทย 5 ปีย้อนหลัง 2563-2567 ธุรกิจอสังหา-ร้านอาหาร มูลค่าทะลุ 1.6 แสนล้านบาท
จากข้อมูล กรมพัฒนาธุรกิจการค้า อัพเดตล่าสุด วันที่ 31 มกราคม 2568 มีการรายงานว่า การลงทุนของนิติบุคคลที่มีสัญชาติจีนร่วมลงทุนในประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563-2567 (ย้อนหลัง 5 ปี) พบว่า การลงทุนของจีนในธุรกิจอาหารและอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยมีแนวโน้มที่น่าสนใจ สำหรับ ธุรกิจร้านอาหาร ในปี 2567 มีมูลค่าการลงทุนในธุรกิจบริการด้านอาหารในภัตตาคาร/ร้านอาหารอยู่ที่ 8,119 ล้านบาท 

ปี 2566 มีมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 8,046 ล้านบาท 
ปี 2565 มีมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 6,581 ล้านบาท 
ปี 2564 มีมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 3,342 ล้านบาท 
ปี 2563 มีมูลค่าการลงทุนในธุรกิจเดียวกันนี้อยู่ที่ 3,468 ล้านบาท 
ซึ่งจากข้อมูลแสดงให้เห็นว่า จีนเข้ามาร่วมลงมุนในธุรกิจร้านอาหารมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2564-2567 
 
ด้าน ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในปี 2567 มีมูลค่าการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ 30,322 ล้านบาท 
ปี 2566 ที่มีมูลค่าการลงทุน 29,289 ล้านบาท 
ปี 2565 ที่มีมูลค่าการลงทุน 30,090 ล้านบาท
ปี 2564 ที่มีมูลค่าการลงทุน 25,490 ล้านบาท
ปี 2563 ที่มีมูลค่าการลงทุน 17,961 ล้านบาท 
ทั้งนี้ ภาพรวมการลงทุน ข้อมูลจากปี 2563 ถึง 2567 แสดงให้เห็นว่ามูลค่าการลงทุนของนิติบุคคลที่จัดตั้งใหม่และมีสัญชาติจีนร่วมลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีมูลค่าการลงทุนรวม 162,708 ล้านบาท 

นอกจากนี้ ประเภทธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่จีนเข้าไปลงทุนนั้นมีหลายประเภท เช่น การซื้อและการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัยและไม่ใช่เพื่อการพักอาศัย และการเช่าและการดำเนินการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัท 5 อันดับแรก ที่มีนักธุรกิจชาวจีนลงทุนมากที่สุด โดยพิจารณาจากทุนจดทะเบียน มีดังนี้
ซิตี้เรียลตี้ จำกัด มีทุนจดทะเบียน 14,810,000,000.00 บาท
ไทยยูเนี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด มีทุนจดทะเบียน 5,000,000,000.00 บาท
ทรีโอเนส อินดัสเทรียล จำกัด มีทุนจดทะเบียน 2,873,750,000.00 บาท
ซีจี คอร์เปอเรชั่น จำกัด มีทุนจดทะเบียน 2,750,000,000.00 บาท
บิ๊ก ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด มีทุนจดทะเบียน 1,619,117,490.00 บาท
ด้าน ธุรกิจร้านอาหาร บริษัท 5 อันดับแรก ที่มีนักธุรกิจชาวจีนลงทุนมากที่สุด โดยพิจารณาจากทุนจดทะเบียน มีดังนี้
เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มีทุนจดทะเบียน 441,265,000.00 บาท
สมาร์ท ยูไนเต็ด (ประเทศไทย) จำกัด มีทุนจดทะเบียน 350,000,000.00 บาท
จิ๋วซี ฮอทพอท จำกัด มีทุนจดทะเบียน 139,000,000.00 บาท
สิริแสงมณี จำกัด มีทุนจดทะเบียน 87,000,000.00 บาท
เดอะ พาร์ค เขาใหญ่ จำกัด มีทุนจดทะเบียน 62,500,000.00 บาท

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่