เมื่อวันที่ 21-11-2567 เวลาประมาณ 19.20 น. ผมกับแฟนนัดเพื่อนทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง เมื่อเดินทางถึงร้านอาหารได้จอดรถบริเวณหน้า MRT ห้วยขวางและป้ายรถเมล์ ในขณะที่ผมกำลังจอดรถได้มีชายสวมชุดสีดำ ลักษณะคล้ายชาวจีน ทำทีเป็นคุยโทรศัพท์และเดินเข้ามาข้างรถยนต์และทำการเปิดประตูรถด้านหลังคนนั่งข้างคนขับเอาไว้ รถผมจึงไม่ได้ถูกล็อคและในเวลา 19.26 น. ชายคนดังกล่าวเข้ามาลื้อค้นทรัพย์สินไปจากรถโดยใช้เวลาอยู่บนรถถึงเวลา 19.29 น. ซึ่งในขณะนั้นผมได้อยู่ที่ร้านอาหารแล้วและในเวลา 22.19 น. ได้มี SMS แจ้งเตือน ผมจึงรีบโทรไปอายัดบัตรและกลับไปที่รถในทันทีและแจ้งตำรวจในเวลาต่อมา ซึ่งทรัพย์สินของผมที่สูญหายหลังตรวจสอบพบว่ามีรายการดังนี้
1. บัตรเครดิต UOB Premier มีรายการถูกรูดใช้ไป 12 ครั้ง ติดต่อกันโดยรายการทั้งหมดเป็นสกุลเงินดูไบ (AED) ยอดรวม 577,591 บาท
2. บัตรกดเงินสด UOB Cash Plus ไม่ถูกใช้งาน อายัดก่อน
3. บัตรเครดิต KTC ไม่ถูกใช้งาน อายัดก่อน
4. บัตร ATM ของ SCB ไม่ถูกใช้งาน อายัดก่อน
และของแฟน
1. บัตรเครดิต KTC ถูกใช้งานเป็นเงินสกุลเวียดนาม แต่ทางธนาคารไม่อนุมัติเพราะรายการผิดปกติและเป็นสกุลเงินต่างชาติ
หลังเกิดรายการของบัตรเครดิต UOB Premier มีการโทรไปอายัดทันทีและธนาคารได้แจ้งว่าให้ดำเนินการแจ้งตำรวจแล้วนำหลักฐานมาทำรายการทักท้วงการใช้งานและรอดำเนินการ 90 - 120 วัน ซึ่งรายการที่เกิดขึ้นผมสังเกตุว่ามันผิดปกติและคิดว่ารายการเกิดจากเครื่องรูดบัตรของมิจฉาชีพ หลังจากรอการดำเนินการมาจนถึงวันที่ 28-01-2568 ทางธนาคารได้โทรมาแจ้งผลว่าทางร้านค้าปฏิเสธการคืนเงินและให้ผมเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด ผมจึงได้สอบถามถึงการดำเนินการต่อหลังจากนี้และธนาคารแจ้งกลับมาว่าจะมีทีมปรานอมหนี้ติดต่อมาอีกครั้ง
ผมช็อคและเสียความรู้สึกกับเหตุการณ์นี้มากเพราะหลังจากเกิดเรื่องพบว่ามีเพียงบัตรของธนาคาร UOB ที่เกิดความเสียหายแต่บัตรของ KTC ของแฟนไม่อนุมัติรายการตั้งแต่แรก ซึ่งทำให้เห็นว่าธนาคารไม่มีการ verify ตัวตนผู้ใช้ หรือ รายการที่เกิดขึ้นใดๆ ว่าผู้ใช้เป็นเจ้าของบัตรหรือใช้งานจริงหรือไม่ ได้แต่ให้เหตุผลมาว่าบัตรเครดิตก็เหมือนเงินสด ถ้าคุณลูกค้าเอาไปวางไว้แล้วสูญหายหรือโดนขโมยลูกค้าก็ต้องรับผิดชอบเอง ซึ่งเหตุผลนี้ผมไม่สามารถยอมรับได้เลย ผมใช้บริการธนาคารคุณเพราะคาดหวังถึงการบริการและความปลอดภัยแต่สิ่งที่ได้รับคือการผลักภาระความรับผิดชอบทั้งหมดให้กับผู้ใช้บริการ
ผมอยากสอบถามว่าหลังจากนี้ผมควรทำอย่างไรต่อไป ตอนนี้มีการร้องเรียนไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทย และ สคบ. แล้ว แต่สคบ. ก็ส่งเรื่องไปยังธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่ดี ซึ่งเท่าที่คุยกับธนาคารแห่งประเทศไทยมาสักพักก็ไม่ได้ความคืบหน้าใดๆ
หากท่านใดมีประสบการณ์หรือท่านทนายที่เคยดูแลคดีแบบนี้ รบกวนให้คำแน่ะนำหรือติดต่อมาด้วยครับ
ขอบคุณครับ
บัตรเครดิตถูกขโมยบนรถยนต์ หลังมีการใช้งานได้ทำการโทรอายัดบัตรและแจ้งความทันทีแต่ธนาคารให้เจ้าบัตรรับผิดชอบ?
1. บัตรเครดิต UOB Premier มีรายการถูกรูดใช้ไป 12 ครั้ง ติดต่อกันโดยรายการทั้งหมดเป็นสกุลเงินดูไบ (AED) ยอดรวม 577,591 บาท
2. บัตรกดเงินสด UOB Cash Plus ไม่ถูกใช้งาน อายัดก่อน
3. บัตรเครดิต KTC ไม่ถูกใช้งาน อายัดก่อน
4. บัตร ATM ของ SCB ไม่ถูกใช้งาน อายัดก่อน
และของแฟน
1. บัตรเครดิต KTC ถูกใช้งานเป็นเงินสกุลเวียดนาม แต่ทางธนาคารไม่อนุมัติเพราะรายการผิดปกติและเป็นสกุลเงินต่างชาติ
หลังเกิดรายการของบัตรเครดิต UOB Premier มีการโทรไปอายัดทันทีและธนาคารได้แจ้งว่าให้ดำเนินการแจ้งตำรวจแล้วนำหลักฐานมาทำรายการทักท้วงการใช้งานและรอดำเนินการ 90 - 120 วัน ซึ่งรายการที่เกิดขึ้นผมสังเกตุว่ามันผิดปกติและคิดว่ารายการเกิดจากเครื่องรูดบัตรของมิจฉาชีพ หลังจากรอการดำเนินการมาจนถึงวันที่ 28-01-2568 ทางธนาคารได้โทรมาแจ้งผลว่าทางร้านค้าปฏิเสธการคืนเงินและให้ผมเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด ผมจึงได้สอบถามถึงการดำเนินการต่อหลังจากนี้และธนาคารแจ้งกลับมาว่าจะมีทีมปรานอมหนี้ติดต่อมาอีกครั้ง
ผมช็อคและเสียความรู้สึกกับเหตุการณ์นี้มากเพราะหลังจากเกิดเรื่องพบว่ามีเพียงบัตรของธนาคาร UOB ที่เกิดความเสียหายแต่บัตรของ KTC ของแฟนไม่อนุมัติรายการตั้งแต่แรก ซึ่งทำให้เห็นว่าธนาคารไม่มีการ verify ตัวตนผู้ใช้ หรือ รายการที่เกิดขึ้นใดๆ ว่าผู้ใช้เป็นเจ้าของบัตรหรือใช้งานจริงหรือไม่ ได้แต่ให้เหตุผลมาว่าบัตรเครดิตก็เหมือนเงินสด ถ้าคุณลูกค้าเอาไปวางไว้แล้วสูญหายหรือโดนขโมยลูกค้าก็ต้องรับผิดชอบเอง ซึ่งเหตุผลนี้ผมไม่สามารถยอมรับได้เลย ผมใช้บริการธนาคารคุณเพราะคาดหวังถึงการบริการและความปลอดภัยแต่สิ่งที่ได้รับคือการผลักภาระความรับผิดชอบทั้งหมดให้กับผู้ใช้บริการ
ผมอยากสอบถามว่าหลังจากนี้ผมควรทำอย่างไรต่อไป ตอนนี้มีการร้องเรียนไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทย และ สคบ. แล้ว แต่สคบ. ก็ส่งเรื่องไปยังธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่ดี ซึ่งเท่าที่คุยกับธนาคารแห่งประเทศไทยมาสักพักก็ไม่ได้ความคืบหน้าใดๆ
หากท่านใดมีประสบการณ์หรือท่านทนายที่เคยดูแลคดีแบบนี้ รบกวนให้คำแน่ะนำหรือติดต่อมาด้วยครับ
ขอบคุณครับ