JJNY : ส.ส.ถกปัญหาฝุ่น PM2.5│ปริญญาชี้กกต.ไม่เอาปชช.│ทักษิณเจอพรรคส้ม ลั่นเชียงใหม่ไม่ใช่ของใคร│อั้นไม่อยู่!กาแฟขี้นราคา

ส.ส.ถกปัญหาฝุ่น PM2.5 ซัด รถเมล์ รถไฟฟ้าฟรีไม่มี แต่คือภาษีประชาชน-แก้ปัญหาปลายเหตุ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5024349
 
 
 
ส.ส. หารือปัญหาฝุ่น PM 2.5 จี้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาบรรเทาความเดือนร้อนประชาชน “กรวีร์” อยากเห็นมาตรการแก้ปัญาครอบคลุมทั่วประเทศไม่ใช่แค่กทม.ซัด รถเมล์ รถไฟฟ้าฟรีไม่มี แต่คือภาษีของปชช. ด้านส.ส.เพื่อไทย ทวงเงินสนับสนุนตัดอ้อยสดแก้ฝุ่นพิษ ที่เกษตรยังไม่ได้
 
เมื่อวันที่ 30 มกราคม ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม โดยก่อนเข้าสู่วาระการประชุม ได้เปิดให้สมาชิกหารือปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ โดย ส.ส. ส่วนใหญ่นำปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลระทบต่อสุขภาพประชาชนเข้าหารือ
 
เช่น นายธัญธร ธนินวัฒนาธร ส.ส.กทม. พรรคประชาชน หารือว่า จากสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะกรุงเทพฯ แม้รัฐบาลได้ใช้มาตรการโดยสารรถไฟฟ้าและรถเมลล์ฟรีแก่ประชาชน ซึ่งเห็นว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ จึงขอให้รัฐบาลเร่งตรวจสอบยานพาหนะเกิดควันดำอย่างจริงจัง และส่งเสริมการให้ยานยนต์พลังงานสะอาดให้เกิดขึ้นจริง เพื่อลดมลพิษทางอากาศอย่างยั่งยืน
 
ด้านนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย หารือว่า หลายจังหวัดเกือบทั่วประเทศได้รับผลกระทบจากปัญหาฝุ่น PM 2.5 ดังนั้น ขอให้รัฐบาลพิจารณาบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้ครอบคลุมทั่วประเทศ จึงอยากเห็นมาตรการในการช่วยเหลือ ไม่ใช่เฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯเท่านั้น และรถเมล์ รถไฟฟ้าที่ฟรี มันไม่มี แต่มันคือภาษีของประชาชน
 
ส่วนนายชัชวาล อภิรักษ์มั่นคง ส.ส.ขอนแก่น พรรคประชาชน หารือว่า ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ส่วนหนึ่งเกิดจากการเผาอ้อยของเกษตรกร จึงขอให้รัฐบาลหามาตรการดูแลด้านราคาและสร้างแรงจูงใจไม่ให้เผาอ้อยด้วยการนำใบอ้อยแปรรูปสร้างรายได้
 
ขณะที่นางเทียบจุฑา ขาวขำ ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย หารือว่า มีข้อร้องเรียนของชาวไร่อ้อยในอำเภอน้ำโสม อ.นายูง จ.อุดรธานี ทวงถามเงินสนับสนุนการตัดอ้อยสด อัตรา 120บาท/ตัน ซึ่งรัฐบาลเคยอนุมัติโครงการสนับสนุนให้เกษตรตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดปัญหาฝุ่นPM2.5 ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2564-2565 ต่อมาในฤดูการผลิตอ้อย ปี2566 คณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้อนุมัติโครงการนี้แล้ว แต่ยังไม่ได้รับเงิน เกษตรกรชาวไร้อ้อยตาดำๆ ที่ยังรอคอยโครงการสนับสนุนเงิน 120 บาท/ตัน ในปี2566-2567ที่ยังไม่ได้รับ ทั้งนี้ส่วนตัวได้ติดตามสอบถามทราบว่า มีการเสนอเข้าสู่ ครม.แล้ว จึงอยากฝากไปกระทรวงอุตสาหกรรม และครม. ได้เร่งรัดจัดเงินสนับสนุนโครงการนี้ด้วย



ปริญญา ชี้กกต. ไม่เอาปชช.เป็นที่ตั้ง จัดเลือกอบจ.วันเสาร์ บี้รับผิดชอบ ถ้าคนใช้สิทธิน้อยกว่ารอบก่อน
https://www.matichon.co.th/politics/local-election/news_5024141

ปริญญา เขียนกกต. ไม่เอาปชช.เป็นที่ตั้ง จัดเลือกตั้งวันเสาร์ บี้รับผิดชอบ ถ้าคนออกมาใช้สิทธิน้อยกว่ารอบก่อน 
 
เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568 ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อเขียนผ่านเฟซบุ๊กเรื่อง “ทำไม กกต. จัดการเลือกตั้งวันเสาร์ ราวกับกลัวคนไปเลือกตั้ง?” โดยระบุว่า 
 
การเลือกตั้งอบจ.คราวนี้ ผมเห็นว่า เรื่องที่เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดคือเรื่องที่ กกต.จัดการเลือกตั้งวันเสาร์ เพราะสร้างความไม่สะดวกอย่างยิ่งให้กับประชาชนที่ทำงานวันเสาร์และบ้านอยู่ต่างจังหวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลือกตั้งท้องถิ่นไม่มีการเลือกตั้งล่วงหน้าอยู่แล้วด้วย ซึ่งมีหลายประเด็นที่จะได้กล่าวดังต่อไปนี้
 
1.ปกติการเลือกตั้งจะจัดวันอาทิตย์ทั้งนั้น ไม่ว่าที่ประเทศไทย หรือประเทศไหน เพราะเป็นวันที่ประชาชนสะดวกที่สุด วันเสาร์นั้นแม้จะเป็นวันหยุดราชการ แต่เอกชนจำนวนมากก็ไม่ได้ให้เป็นวันหยุด หรือต่อให้วันเสาร์เป็นวันหยุดแต่ถ้าบ้านตามทะเบียนบ้านอยู่ต่างจังหวัดที่ไกลหน่อยก็อาจจะกลับไปเลือกตั้งไม่ทัน เราจึงไม่เคยมีการเลือกตั้งวันเสาร์มาก่อนเลย ทั้งที่จัดโดย กกต. ก่อนหน้านี้ หรือจัดโดยกระทรวงมหาดไทยในสมัยก่อน
2.ที่สำคัญการเลือกตั้งท้องถิ่นไม่มีเลือกตั้งล่วงหน้า หรือเลือกตั้งนอกเขต การเลือกตั้งท้องถิ่น จึงยิ่งต้องเลือกวันที่ประชาชนส่วนใหญ่สะดวกที่สุดคือวันอาทิตย์ ไม่ใช่วันเสาร์ ขนาดเลือกตั้ง ส.ส. มีเลือกตั้งล่วงหน้ายังเลือกวันอาทิตย์ แล้วเลือกตั้งท้องถิ่นไม่มีเลือกตั้งล่วงหน้า ทำไมจึงมาเลือกตั้งวันเสาร์เช่นนี้
 
3.เหตุผลของ กกต. คือ วันที่อาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นวันสุดท้ายที่จะจัดการเลือกตั้งได้ (พรบ. การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 11 กำหนดให้ต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 45 วันนับแต่วันที่นายก อบจ. หรือสมาชิกสภา อบจ. หมดวาระ วันเลือกตั้ง อบจ. ครั้งที่แล้วคือวันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม 2563 วาระ อบจ. คือ 4 ปีนับตั้งแต่วันเลือกตั้ง กกต. จึงเห็นว่า อบจ. ครบวาระวันที่ 19 ธันวาคม 2567 ดังนั้น เมื่อนับไป 45 วัน วันสุดท้ายจึงเป็นวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2568) แต่ กกต. ไม่ต้องการจัดการเลือกตั้งวันสุดท้ายที่ครบ 45 วัน เพราะหน่วยเลือกตั้งมี 90,000 หน่วย หากมีปัญหาที่นับคะแนนไม่เสร็จในคืนวันนั้น อาจจะทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะได้ เลยต้องมาเลือกตั้งวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อที่จะเผื่อไว้หนึ่งวัน
 
4.เหตุผลของ กกต. กล่าวมานี้เป็นเหตุผลที่รับฟังไม่ได้เลยเมื่อต้องมาแลกกับความไม่สะดวกของประชาชน เพราะมาตรา 11 ใช้คำว่า “ให้จัดการเลือกตั้งภายในสี่สิบห้าวัน” (โดยไม่มีคำว่าให้แล้วเสร็จ หรือต้องแล้วเสร็จ) การจัดการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ประชาชนส่วนใหญ่สะดวกกว่าวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ จึงยังอยู่ภายใน 45 วันตามที่กฎหมายกำหนด หากเกิดปัญหามีหน่วยใดนับคะแนนไม่เสร็จในคืนวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ก็ไม่ใช่เรื่องการไม่จัดการเลือกตั้งใน 45 วัน จะเป็นเรื่องเหตุสุดวิสัย หรือการทำงานไม่มีประสิทธิภาพของ กกต. เองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ไม่ใช่เรื่องการไม่จัดการเลือกตั้งภายใน 45 วัน
 
5.ตามพรบ. การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น มาตรา 76 ให้ กกต. มีอำนาจในการจัดให้มีการ ”ลงคะแนนโดยวิธีอื่นที่มิใช่การใช้บัตรเลือกตั้ง” ได้ ซึ่งมาตรา 76 เขียนไว้กว้างมาก เพราะ “โดยวิธีอื่น” คือวิธีใดก็ได้ ขอเพียง ”สามารถป้องกันการทุจริตในการเลือกตั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสะดวกกว่าการออกเสียงลงคะแนนด้วยบัตรเลือกตั้งและมีค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่า และเป็นวิธีการที่ประชาชนเข้าถึงได้โดยสะดวก“ ดังนั้น หาก กกต.จะเลือกวันเสาร์ ก็มีวิธีการเลือกตั้งลงคะแนนโดยวิธีอื่นที่สะดวกต่อประชาชนมาชดเชยกับการเลือกตั้งวันเสาร์ เช่น การเลือกตั้งนอกเขตโดยวิธีการทางอีเล็กโทรนิกส์ ก็จะทำให้คนที่ทำงานวันเสาร์ หรือบ้านตามทะเบียนบ้านอยู่ห่างไกล ยังสามารถใช้สิทธิเลือกตั้งได้ แต่ กกต. กลับจัดเลือกตั้งวันเสาร์ โดยไม่ยอมให้มีวิธีลงคะแนนแบบอื่นใดมาชดเชย ราวกับกลัวว่าประชาชนจะสะดวกเกินไป หรือกลัวว่าจะมีคนไปเลือกตั้งมาก
 
6. ประเทศไทยนั้นยังมีปัญหาเรื่องบ้านใหญ่ ระบบอุปถัมภ์ และกระสุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเลือกตั้งท้องถิ่น ทางแก้ไขคือต้องให้คนไปเลือกตั้งมากๆ ก็จะทำให้ระบบอุปถัมภ์ และกระสุน แพ้เสียงของประชาชนที่ไปเลือกตั้งโดยเจตน์จำนงค์เสรี ดังนั้น เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม กกต. จึงยิ่งต้องหาทางให้คนสะดวกในการไปเลือกตั้งให้มากที่สุด
 
7. แล้วเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่อง ควรหรือไม่ควร แต่เป็น เรื่อง ‘หน้าที่‘ ของ กกต. ที่ต้องอำนวยความสะดวกให้ประชาชนไปเลือกตั้ง เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้ประชาชนมีหน้าที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยการไม่ไปเลือกตั้งต้องเสียสิทธิบางประการ แต่ตอนนี้ กกต. ดูจะทำแต่เรื่องการอำนวยความสะดวกให้คนแจ้งเหตุที่ไม่ไปเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่เรื่องที่ต้องทำให้มากกว่าคือ การอำนวยความสะดวกให้คนไปเลือกตั้ง เพราะเหตุที่คนไม่ไปเลือกตั้งเพราะ กกต. จัดการเลือกตั้งวันเสาร์ และไม่มีวิธีเลือกตั้งวิธีอื่นให้ประชาชน ทั้งๆ ที่มีอำนาจทำได้
 
8. เราไม่ควรคิดไปในทางร้ายว่า กกต. ไม่อยากให้คนไปเลือกตั้งมาก แต่ไม่ว่าจะคิดในทางดีเพียงใด ก็ไม่มีทางเห็นได้เลยว่า กกต. ได้เอาประชาชนเป็นเป้าหมายในการทำงาน (หรือที่เรียกว่า citizen oriented) เพราะถ้าเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง จะต้องเลือกตั้งวันอาทิตย์ ไม่ใช่วันเสาร์ แล้วต้องอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนตามอำนาจหน้าที่ทำได้
 
9. ผมเห็นว่า ที่ กกต. ไม่เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง เพราะ กกต. ชุดนี้ (เช่นเดียวกับองค์กรอิสระอื่นๆ) ไม่ได้มาจากประชาชน ไม่ยึดโยงกับประชาชน ดังนั้น จึงไม่ค่อยคำนึงถึงประชาชน และไม่ต้องรับผิดชอบต่อประชาชน มีแต่ความอิสระ (ซึ่งถูกตั้งคำถามมากอยู่แล้ว) แต่ไม่มีความรับผิดชอบต่อประชาชน (accountability) และนี่คือปัญหาใหญ่ที่สุดของ กกต. และองค์กรอิสระทั้งหลายของรัฐธรรมนูญ 2560
 
10. การเขียนเรื่องนี้มิได้มุ่งไปที่การเปลี่ยนแปลงวันเลือกตั้งให้เป็นวันอาทิตย์ เนื่องจากเปลี่ยนแปลงไม่ทันแล้ว แต่มุ่งหมายที่จะให้สาธารณชนได้ช่วยกันตั้งคำถาม ติดตาม และประเมินผลการทำงานของ กกต. ที่สำคัญคือเพื่อไม่ให้ กกต. จัดการเลือกตั้งวันเสาร์อีกครับ เพราะถ้าครั้งนี้ทำได้คนไม่ว่าอะไร ต่อไปเราก็อาจจะได้เลือกตั้งวันเสาร์กันอีก และอาจจะลามไปถึงเลือกตั้ง ส.ส. ด้วย
 
11. วิธีการประเมินผลการทำงานของ กกต. ในการจัดการเลือกตั้ง อบจ. คราวนี้คือ ติดตามดูว่ามีการเลือกตั้ง อบจ. ครั้งนี้มีผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งน้อยกว่าคราวที่แล้วที่มีผู้ไปเลือกตั้ง 62 เปอร์เซ็นต์ หรือไม่ และเหตุที่คนไปเลือกตั้งไม่ได้ส่วนใหญ่คือเหตุผลอะไร เพราะเลือกตั้งวันเสาร์ใช่หรือไม่
12. ผมเห็นว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะถ้าจะให้ กกต. เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง หรือใส่ใจประชาชนมากกว่านี้ ประชาชนก็ต้องส่งเสียงให้ กกต. รับผิดชอบต่อประชาชนมากกว่านี้ และเรียกร้องความรับผิดชอบจาก กกต. ถ้าทำงานไม่ได้ผลครับ
 
เพราะที่เราต้องการไม่ใช่แค่ องค์กรอิสระที่มีความอิสระ (indepence) แต่เราต้องการองค์กรอิสระที่ทั้งอิสระ พร้อมกับรับผิดชอบต่อประชาชน (accountable independence) เรามาเริ่มต้นกันเลยที่ กกต. ครับ

https://www.facebook.com/prinya.thaewanarumitkul/posts/pfbid021VnennYrqmuThzCZhBqoaFWJXdHoJS3euV3U7StdbaiGv3p2uyUWoxcPTcit6fVul
 


ทักษิณ หาเสียงตลาดวโรรส เจอขบวนรถพรรคส้ม ตะโกนลั่นเชียงใหม่ไม่ใช่ของใคร
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9612756

ทักษิณ หาเสียงตลาดวโรรส พร้อมรับส้ม ‘ป้าศรี’ แฟนคลับรุ่นเดอะ เจอขบวนรถผู้สมัครพรรคส้ม โบกมือทักทายชูเบอร์หาเสียง ก่อนมีเสียงผู้ช่วยหาเสียงบอก “เชียงใหม่ไม่ใช่ของใคร”
 
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 30 ม.ค.2568 ที่จ.เชียงใหม่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทย เดินทางมา ตลาดวโรรส ท่ามกลางการจัดเทศกาลตรุษจีนไชน่าทาวน์นครเชียงใหม่
 
ทันทีที่มาถึง นายทักษิณ ได้ปรี่เข้าไปหานางอรุณศรี พวงพฤกษา หรือป้าศรี อายุ 84 ปี ที่รู้จักคุ้นเคยกันมานาน และเป็นบุคคลที่นายทักษิณ ต้องแวะมาหาทุกครั้งที่มาตลาดวโรรส จึงพูดคุยกันว่าตนได้ทำภาพนายทักษิณ ตั้งแต่ที่มาหาตอนออกจากโรงพยาบาลแรกๆ ที่เหลือเพียงภาพเดียว เพราะภาพอื่นถูกน้ำท่วมหมด นายทักษิณจึงเซ็นชื่อในรูปดังกล่าว และป้าศรีได้มอบส้ม 5 ลูก ให้นายทักษิณพร้อมอวยพร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่