"เหยื่อรายที่ 9"
แต่งโดย: "ณ เสียงฝน"
ผมสะกดรอยตามเธอมาอาทิตย์หนึ่งแล้ว เธอหน้าตาสะสวยแต่เป็นคนเงียบๆ ไม่ช่างพูดจนน่ารำคาญเหมือนผู้หญิงสมัยนี้
เธอเป็นพนักงานเซเว่น เข้างานห้าโมงเย็นออกงานตีสอง หลังเลิกงาน เธอเดินกลับบ้านที่เช่าอยู่คนเดียวลำพังห่างออกไปไม่ไกล
เข้าทางผมเลย..
หลังแอบมองมาสักพัก ผมแน่ใจว่าเธอไม่มีแฟนหรือคนใกล้ตัวที่ไหน แม้แต่เพื่อนสนิทสักคนก็ไม่มี นั่นยิ่งทำให้ง่ายเข้าไปใหญ่
หลังจัดแจงวิ่งรถเอาชิ้นส่วนศพเหยื่อคนที่แปดไปทิ้งคลองห่างออกไปสามจังหวัด ผมขับกลับบ้านด้วยความเหนื่อยอ่อน การใช้ชีวิตแบบผมไม่ง่ายนัก แต่ผมระมัดระวังเสมอ
ตั้งแต่สมัยมัธยม ทั้งครอบครัว เพื่อนบ้าน และเพื่อนๆ ที่โรงเรียนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าผมหน้าตาดี เกิดมาหล่อเหมือนเทพบุตร ประกอบกับรูปร่างสูงโปร่งแต่ไม่ผอมแห้ง ไม่ว่าจะไปที่ไหนหรือทำอะไร ก็ดูเหมือนจะเรียกความสนใจจากผู้คนรอบกายอยู่เป็นนิจ ไม่ว่าใครก็อยากรู้จัก อยากอยู่ใกล้ผม
แต่พวกเขาไม่รู้เลย ว่าผมมีงานอดิเรกที่ออกจะแปลกอยู่สักหน่อย ผมใช้ความหล่อล่า ทรมาน และสุดท้ายปลิดชีวิตเหยื่อผู้หญิงมาแล้วหลายคน มันเป็นดั่งน้ำหล่อเลี้ยงชีวิตผม เหมือนอาหารที่ชีวิตนี้จะขาดเสียไม่ได้ ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อได้ยังไงถ้าไม่ได้ฆ่ าคน
เวลาตอนนี้ประมาณห้าทุ่มครึ่ง ร้านเซเว่นสาขาที่เธอทำงานตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองออกมาหน่อย พอดึกจะไม่ค่อยมีลูกค้าเหมือนสาขาอื่น ผมตัดสินใจเข้าหาเธอ
"สวัสดีครับ" ผมพูดก่อนวางมาม่าสองห่อกับช็อกโกแลตราคาแพงสองชิ้นบนเคาน์เตอร์
เธอหยิบสินค้ามาแสกนทีละชิ้นเงียบๆ โดยไม่ได้สบตาผมเลยด้วยซ้ำ "สามร้อยห้าสิบบาทค่ะ" เธอพูดพลางหยิบสินค้าใส่ถุง
ผมยื่นเงินให้เธอ ระหว่างรอเงินทอน ผมหยิบช็อกโกแลตชิ้นหนึ่งออกมาจากถุงแล้วยื่นให้เธอ
คราวนี้เธอเหลือบตามองผมเต็มตาเป็นครั้งแรก
"อ่ะ.. ผมให้ ดึกแล้ว คงหิวแย่" ผมพูดพร้อมรอยยิ้ม เหยื่อของผมใจละลายทุกรายเวลาเห็นฟันขาวราวไข่มุกเรียงตัวกันสวยสมบูรณ์แบบของผม
เธอขมวดคิ้วพลางมองผมงงๆ
"ผมให้" ผมพูดพลางยื่นมือไปจับมือเธอแล้วดึงมารับช็อกโกแลตจากมือผม "ผมชื่อเจ คุณชื่ออะไรครับ"
เธอมองผมนิ่งนาน สีหน้าครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนดูระยิบระยับน่าค้นหาทำเอาผมแทบเคลิ้ม
"เอิร์น" เธอพูดในที่สุด
"เอิร์น" ผมพูดตามพลางพยักหน้า "วันนี้เลิกงานกี่โมงเหรอครับ ผมขอไปส่งคุณกลับบ้านได้ไหม"
เธอมองผมนิ่งๆ อยู่เป็นนานก่อนตอบ "บ้านฉันอยู่ไม่ไกล กลับเองได้ค่ะ" เธอพูด วางช็อกโกแลตที่ผมเอาใส่มือให้เมื่อกี้ไว้บนเคาน์เตอร์อย่างไม่ใส่ใจก่อนหันไปจัดระเบียบสินค้าที่วางอยู่ใกล้ๆ
'เล่นตัวเสียด้วย' ผมคิดในใจพลางยิ้มมุมปาก น่าสนใจแฮะ.. ปกติ กับสาวๆ ส่วนมาก แค่ผมพูดด้วยไม่กี่คำก็อ่อนระทวยวิ่งตามกลับบ้านแล้ว แต่ผู้หญิงคนนี้แทบไม่อยากพูดกับผมด้วยซ้ำ
"โอเค งั้นผมไปล่ะ แต่ผมจะกลับมาทุกวันจนกว่าเอิร์นจะใจอ่อน คืนนี้ฝันดีนะครับ" ผมพูดพร้อมรอยยิ้มละลายใจสาวก่อนเดินออกจากร้าน
ทุกวันหลังจากนั้น ผมกลับไปที่เซเว่นในเวลาเดิม ซื้อของกินราคาแพงๆ ให้เอิร์น เธอปฏิเสธทุกครั้ง แต่ก็เริ่มผ่อนคลายกับผมมากขึ้น จนเข้าวันที่ห้า ผมเห็นเธอยิ้มเป็นครั้งแรก
"หืม.. ยิ้มเป็นด้วยเหรอเนี่ย" ผมหยอก "ยิ้มแบบนี้บ่อยๆ ได้ไหม" ผมพูดยิ้มๆ "วันนี้ให้ผมไปส่งเอิร์นที่บ้านนะครับ" ผมรุก
เธอนิ่งคิดสักพักก่อนพยักหน้า
--
พอขับมาถึงตึกหอพัก ผมอาสาเดินขึ้นไปส่งเอิร์นที่ห้องตามแผน เธอไม่ขัดข้อง
"ผมขอเข้าไปกินกาแฟหน่อยได้ไหม ง่วงน่าดู กลัวจะขับกลับไม่ไหว" ผมถามน้ำเสียงน่าเห็นใจ
นั่นเป็นตอนที่ผมเห็นเธอยิ้มมุมปากนิดๆ แทบมองไม่เห็น เธอไขล็อก เปิดประตูกว้างและหันมามองผม
ผมยิ้มก่อนเดินเข้าไปข้างใน 'ง่ายกว่าที่คิดแฮะ กูก็นึกว่าจะแน่' ผมคิดในใจ
ห้องของเอิร์นเรียบง่าย มีแต่โซฟา โต๊ะวางของ ตู้เย็นขนาดเล็กและเตียงนอนที่มุมห้อง
ผมลงนั่งบนโซฟาขณะรอเธอชงกาแฟ ที่นี่เงียบน่าดู แต่ก็อย่างว่า นี่ก็เกือบตีสามแล้ว ผมแตะมีดพกในกระเป๋ากางเกงพลางคิดในใจ 'เงียบๆ หยิ่งๆ แบบนี้ อยากรู้นักว่าเวลากำลังจะตายจะยังหยิ่งได้อยู่ไหม'
เอิร์นเดินมาหาพร้อมถ้วยกาแฟสองแก้วในมือ เธอยื่นแก้วหนึ่งมาให้ผมก่อนลงนั่งข้างๆ พลางจิบกาแฟเงียบๆ
ผมซดกาแฟหอมๆ อยู่สักพักก่อนถาม "อยู่คนเดียวแบบนี้ไม่กลัวเหรอครับ"
เธอเหลือบตาขึ้นมองจากริมถ้วยกาแฟควันฉุยก่อนยิ้มอ่อน "กลัวอะไรคะ? พวกโรคจิตชอบทรมานผู้หญิงไร้ทางสู้น่ะเหรอ" เธอพูดเรื่อยๆ
ผมเลิกคิ้วก่อนรู้สึกมึนๆ หางตาขวากระตุกยิกๆ แขนขาเริ่มชา
"ฉันได้กลิ่นเลือดตั้งแแต่คุณเดินเข้าร้านมาครั้งแรกแล้ว" เธอพูดต่อพลางจิบกาแฟ "สนุกมากเหรอที่ได้ทรมานคนที่เขาไม่มีทางสู้"
ผมพยายามลุกยืน แต่มือเท้าหนักอึ้ง ผมขยับออกห่างจนหลังติดที่วางแขนโซฟา หัวหมุนติ้วเหมือนกำลังรถไฟเหาะในสวนสนุก "มะ--หมายความว่าไง?"
เธอเลิกคิ้วก่อนยิ้มกว้างขึ้นอีกนิด "นั่งนิ่งๆ เถอะ ยามันแรง ขยับเขยื้อนมากไปเดี๋ยวก็ได้ตกโซฟาพอดี" เธอโน้มตัวเข้าใกล้ จมูกโด่งเล็กเรียวห่างจากจมูกผมไม่ถึงคืบ เธอยกมือหนึ่งขึ้นปัดปอยผมออกจากหน้าผากผม "ฆ่ ามากี่ศพแล้วล่ะ กลิ่นเลือดถึงแรงแบบนี้" เธอจ้องลึกเข้าไปในตาผม
"ตอนแรกก็กะว่าจะไม่ยุ่งแล้ว ฉันอยู่ของฉันเงียบๆ แต่คุณเทียวกลับมาทุกคืน.. จะฆ่ากันให้ได้เลย" เธอหัวเราะก่อนหุบยิ้มกะทันหัน ตาสีน้ำตาลอ่อนมีประกายระยับตอนนี้เรืองแสงออกเหลือง
"เสียชาติเกิด เกิดเป็นคนทั้งทีดันทำตัวเหมือนสัตว์นรก" เธอพูด น้ำเสียงพิลึกวิปลาสคล้ายคนเป็นสิบพูดพร้อมกันเป็นหนึ่งเดียว
"ทั้งที่สัตว์นรกอย่างฉัน.. อยากจะได้เป็นมนุษย์ธรรมดากับเขาบ้าง" เสียงวิปลาสดังก้องในหู ก่อนปากกระจับได้รูปอ้ากว้างขึ้นทุกที
ผมทันได้เห็นฟันยาวเหมือนใบเลื่อยเป็นสิบแถวข้างในก่อนสติดับวูบ
-- จบ --
📚ติดตามกันไว้ เพื่ออ่านตอนต่อๆ ไป ✅️
ℹ️ ไม่อนุญาตให้นำไปเผยแพร่ เปลี่ยนแปลง ดัดแปลง ทำซ้ำ ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร
#tiktok #tiktokviral #เรื่องสั้น #หลอน #น่ากลัว #ผี #เรื่องเล่า #หักมุม #สยองขวัญ #เรื่องผี
"เหยื่อรายที่ 9" - เรื่องสั้นสยองขวัญ
"เหยื่อรายที่ 9"
แต่งโดย: "ณ เสียงฝน"
ผมสะกดรอยตามเธอมาอาทิตย์หนึ่งแล้ว เธอหน้าตาสะสวยแต่เป็นคนเงียบๆ ไม่ช่างพูดจนน่ารำคาญเหมือนผู้หญิงสมัยนี้
เธอเป็นพนักงานเซเว่น เข้างานห้าโมงเย็นออกงานตีสอง หลังเลิกงาน เธอเดินกลับบ้านที่เช่าอยู่คนเดียวลำพังห่างออกไปไม่ไกล
เข้าทางผมเลย..
หลังแอบมองมาสักพัก ผมแน่ใจว่าเธอไม่มีแฟนหรือคนใกล้ตัวที่ไหน แม้แต่เพื่อนสนิทสักคนก็ไม่มี นั่นยิ่งทำให้ง่ายเข้าไปใหญ่
หลังจัดแจงวิ่งรถเอาชิ้นส่วนศพเหยื่อคนที่แปดไปทิ้งคลองห่างออกไปสามจังหวัด ผมขับกลับบ้านด้วยความเหนื่อยอ่อน การใช้ชีวิตแบบผมไม่ง่ายนัก แต่ผมระมัดระวังเสมอ
ตั้งแต่สมัยมัธยม ทั้งครอบครัว เพื่อนบ้าน และเพื่อนๆ ที่โรงเรียนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าผมหน้าตาดี เกิดมาหล่อเหมือนเทพบุตร ประกอบกับรูปร่างสูงโปร่งแต่ไม่ผอมแห้ง ไม่ว่าจะไปที่ไหนหรือทำอะไร ก็ดูเหมือนจะเรียกความสนใจจากผู้คนรอบกายอยู่เป็นนิจ ไม่ว่าใครก็อยากรู้จัก อยากอยู่ใกล้ผม
แต่พวกเขาไม่รู้เลย ว่าผมมีงานอดิเรกที่ออกจะแปลกอยู่สักหน่อย ผมใช้ความหล่อล่า ทรมาน และสุดท้ายปลิดชีวิตเหยื่อผู้หญิงมาแล้วหลายคน มันเป็นดั่งน้ำหล่อเลี้ยงชีวิตผม เหมือนอาหารที่ชีวิตนี้จะขาดเสียไม่ได้ ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อได้ยังไงถ้าไม่ได้ฆ่ าคน
เวลาตอนนี้ประมาณห้าทุ่มครึ่ง ร้านเซเว่นสาขาที่เธอทำงานตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองออกมาหน่อย พอดึกจะไม่ค่อยมีลูกค้าเหมือนสาขาอื่น ผมตัดสินใจเข้าหาเธอ
"สวัสดีครับ" ผมพูดก่อนวางมาม่าสองห่อกับช็อกโกแลตราคาแพงสองชิ้นบนเคาน์เตอร์
เธอหยิบสินค้ามาแสกนทีละชิ้นเงียบๆ โดยไม่ได้สบตาผมเลยด้วยซ้ำ "สามร้อยห้าสิบบาทค่ะ" เธอพูดพลางหยิบสินค้าใส่ถุง
ผมยื่นเงินให้เธอ ระหว่างรอเงินทอน ผมหยิบช็อกโกแลตชิ้นหนึ่งออกมาจากถุงแล้วยื่นให้เธอ
คราวนี้เธอเหลือบตามองผมเต็มตาเป็นครั้งแรก
"อ่ะ.. ผมให้ ดึกแล้ว คงหิวแย่" ผมพูดพร้อมรอยยิ้ม เหยื่อของผมใจละลายทุกรายเวลาเห็นฟันขาวราวไข่มุกเรียงตัวกันสวยสมบูรณ์แบบของผม
เธอขมวดคิ้วพลางมองผมงงๆ
"ผมให้" ผมพูดพลางยื่นมือไปจับมือเธอแล้วดึงมารับช็อกโกแลตจากมือผม "ผมชื่อเจ คุณชื่ออะไรครับ"
เธอมองผมนิ่งนาน สีหน้าครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนดูระยิบระยับน่าค้นหาทำเอาผมแทบเคลิ้ม
"เอิร์น" เธอพูดในที่สุด
"เอิร์น" ผมพูดตามพลางพยักหน้า "วันนี้เลิกงานกี่โมงเหรอครับ ผมขอไปส่งคุณกลับบ้านได้ไหม"
เธอมองผมนิ่งๆ อยู่เป็นนานก่อนตอบ "บ้านฉันอยู่ไม่ไกล กลับเองได้ค่ะ" เธอพูด วางช็อกโกแลตที่ผมเอาใส่มือให้เมื่อกี้ไว้บนเคาน์เตอร์อย่างไม่ใส่ใจก่อนหันไปจัดระเบียบสินค้าที่วางอยู่ใกล้ๆ
'เล่นตัวเสียด้วย' ผมคิดในใจพลางยิ้มมุมปาก น่าสนใจแฮะ.. ปกติ กับสาวๆ ส่วนมาก แค่ผมพูดด้วยไม่กี่คำก็อ่อนระทวยวิ่งตามกลับบ้านแล้ว แต่ผู้หญิงคนนี้แทบไม่อยากพูดกับผมด้วยซ้ำ
"โอเค งั้นผมไปล่ะ แต่ผมจะกลับมาทุกวันจนกว่าเอิร์นจะใจอ่อน คืนนี้ฝันดีนะครับ" ผมพูดพร้อมรอยยิ้มละลายใจสาวก่อนเดินออกจากร้าน
ทุกวันหลังจากนั้น ผมกลับไปที่เซเว่นในเวลาเดิม ซื้อของกินราคาแพงๆ ให้เอิร์น เธอปฏิเสธทุกครั้ง แต่ก็เริ่มผ่อนคลายกับผมมากขึ้น จนเข้าวันที่ห้า ผมเห็นเธอยิ้มเป็นครั้งแรก
"หืม.. ยิ้มเป็นด้วยเหรอเนี่ย" ผมหยอก "ยิ้มแบบนี้บ่อยๆ ได้ไหม" ผมพูดยิ้มๆ "วันนี้ให้ผมไปส่งเอิร์นที่บ้านนะครับ" ผมรุก
เธอนิ่งคิดสักพักก่อนพยักหน้า
--
พอขับมาถึงตึกหอพัก ผมอาสาเดินขึ้นไปส่งเอิร์นที่ห้องตามแผน เธอไม่ขัดข้อง
"ผมขอเข้าไปกินกาแฟหน่อยได้ไหม ง่วงน่าดู กลัวจะขับกลับไม่ไหว" ผมถามน้ำเสียงน่าเห็นใจ
นั่นเป็นตอนที่ผมเห็นเธอยิ้มมุมปากนิดๆ แทบมองไม่เห็น เธอไขล็อก เปิดประตูกว้างและหันมามองผม
ผมยิ้มก่อนเดินเข้าไปข้างใน 'ง่ายกว่าที่คิดแฮะ กูก็นึกว่าจะแน่' ผมคิดในใจ
ห้องของเอิร์นเรียบง่าย มีแต่โซฟา โต๊ะวางของ ตู้เย็นขนาดเล็กและเตียงนอนที่มุมห้อง
ผมลงนั่งบนโซฟาขณะรอเธอชงกาแฟ ที่นี่เงียบน่าดู แต่ก็อย่างว่า นี่ก็เกือบตีสามแล้ว ผมแตะมีดพกในกระเป๋ากางเกงพลางคิดในใจ 'เงียบๆ หยิ่งๆ แบบนี้ อยากรู้นักว่าเวลากำลังจะตายจะยังหยิ่งได้อยู่ไหม'
เอิร์นเดินมาหาพร้อมถ้วยกาแฟสองแก้วในมือ เธอยื่นแก้วหนึ่งมาให้ผมก่อนลงนั่งข้างๆ พลางจิบกาแฟเงียบๆ
ผมซดกาแฟหอมๆ อยู่สักพักก่อนถาม "อยู่คนเดียวแบบนี้ไม่กลัวเหรอครับ"
เธอเหลือบตาขึ้นมองจากริมถ้วยกาแฟควันฉุยก่อนยิ้มอ่อน "กลัวอะไรคะ? พวกโรคจิตชอบทรมานผู้หญิงไร้ทางสู้น่ะเหรอ" เธอพูดเรื่อยๆ
ผมเลิกคิ้วก่อนรู้สึกมึนๆ หางตาขวากระตุกยิกๆ แขนขาเริ่มชา
"ฉันได้กลิ่นเลือดตั้งแแต่คุณเดินเข้าร้านมาครั้งแรกแล้ว" เธอพูดต่อพลางจิบกาแฟ "สนุกมากเหรอที่ได้ทรมานคนที่เขาไม่มีทางสู้"
ผมพยายามลุกยืน แต่มือเท้าหนักอึ้ง ผมขยับออกห่างจนหลังติดที่วางแขนโซฟา หัวหมุนติ้วเหมือนกำลังรถไฟเหาะในสวนสนุก "มะ--หมายความว่าไง?"
เธอเลิกคิ้วก่อนยิ้มกว้างขึ้นอีกนิด "นั่งนิ่งๆ เถอะ ยามันแรง ขยับเขยื้อนมากไปเดี๋ยวก็ได้ตกโซฟาพอดี" เธอโน้มตัวเข้าใกล้ จมูกโด่งเล็กเรียวห่างจากจมูกผมไม่ถึงคืบ เธอยกมือหนึ่งขึ้นปัดปอยผมออกจากหน้าผากผม "ฆ่ ามากี่ศพแล้วล่ะ กลิ่นเลือดถึงแรงแบบนี้" เธอจ้องลึกเข้าไปในตาผม
"ตอนแรกก็กะว่าจะไม่ยุ่งแล้ว ฉันอยู่ของฉันเงียบๆ แต่คุณเทียวกลับมาทุกคืน.. จะฆ่ากันให้ได้เลย" เธอหัวเราะก่อนหุบยิ้มกะทันหัน ตาสีน้ำตาลอ่อนมีประกายระยับตอนนี้เรืองแสงออกเหลือง
"เสียชาติเกิด เกิดเป็นคนทั้งทีดันทำตัวเหมือนสัตว์นรก" เธอพูด น้ำเสียงพิลึกวิปลาสคล้ายคนเป็นสิบพูดพร้อมกันเป็นหนึ่งเดียว
"ทั้งที่สัตว์นรกอย่างฉัน.. อยากจะได้เป็นมนุษย์ธรรมดากับเขาบ้าง" เสียงวิปลาสดังก้องในหู ก่อนปากกระจับได้รูปอ้ากว้างขึ้นทุกที
ผมทันได้เห็นฟันยาวเหมือนใบเลื่อยเป็นสิบแถวข้างในก่อนสติดับวูบ
-- จบ --
📚ติดตามกันไว้ เพื่ออ่านตอนต่อๆ ไป ✅️
ℹ️ ไม่อนุญาตให้นำไปเผยแพร่ เปลี่ยนแปลง ดัดแปลง ทำซ้ำ ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร
#tiktok #tiktokviral #เรื่องสั้น #หลอน #น่ากลัว #ผี #เรื่องเล่า #หักมุม #สยองขวัญ #เรื่องผี