"เที่ยวไปกินไป by laser @ สิงคโปร์ เช็งเม้ง 2 : Mandai Columbarium"
เป็นตอนที่สองต่อจาก " เที่ยวไปกินไป by laser @ สิงคโปร์ 2024 : เช็งเม้ง 1 : ของฝากและการเดินทาง"
https://ppantip.com/topic/43137640
วันเสาร์ที่ 23-3-24 วันครบรอบสามปีของการกลับสู่อ้อมกอดพระเจ้าของ Christine
นัดกับ Anthony ที่ Mandai Crematorium and Columbarium เวลา 11.00 น.
7.25 น.ออกจาก The Inn at Temple Street
เดินทะลุซอยเล็ก ๆ ตรงข้ามที่พักไป Smith Street แล้วเลี้ยวซ้าย
ถึงสี่แยกตัดกับ Trengganu Street
รูปหล่อทองเหลืองกุลีหญิง (samsui) บนเสาที่แยก Smith Street ตัดกับ Trengganu Street
กำลังหาบตะกร้าใส่หิน ปูนและทรายที่ใช้ในการก่อสร้าง ในช่วงก่อตั้งอาณานิคม
เลี้ยวขวาไป Sago Street
เดินขึ้นบันไดเข้า Chinatown Complex
มีภาพ Mural Graffiti Art บนเสาอาคาร เป็นภาพของบรู๊ซ ลี
ไม่มีชื่อเจ้าของผลงานกำกับบนภาพ แต่มีคำว่า Shiok (อ่านว่า ซื่อโอเค)
ซึ่งเป็นคำ Singlish (Singapore+English) แปลว่า "ก็โอเค" มักใช้กับอาหารแปลว่า "อร่อยมาก/ดีมาก"
ชั้นใต้ดินเป็นตลาดสด เคยมาเดินเมื่อ 15 ปีก่อน
กินอาหารเช้าเสร็จแล้วค่อยพาแฟนมาเดิน
ขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นสอง ซึ่งเป็นส่วนของศูนย์อาหารที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์
เดินดูร้านค้า ร้านนี้ขายหมี่ผัดซีอิ๊ว มีลูกค้ายืนต่อแถวหลายคน
เท่าที่สังเกตุ อาหารเช้าของคนสิงคโปร์เน้นแป้ง
ร้านนี้มีมะเขือม่วง (Brinjal) ยัดไส้ฮื่อก้วย ซึ่งมักใส่ใน Yong Tau Fu
หรือเอาไปทอดราดซ้อสเปรี้ยวหวาน แบบร้านบุญตงกี่
หรือ ร้าน Tiong Barhu Chicken Rice
ที่ New Bridge Road ใกล้กับร้าน Song Fa Bak Kut Teh สิงคโปร์
ร้าน Hakka Yong Tau Fu ยังไม่เปิด
เนื่องจากมีพื้นที่กว้างใหญ่มาก แบ่งเป็นสี่ส่วนวกไปวกมาเหมือนเขาวงกต
เดินครั้งแรกอาจนึกว่ามีแค่ร้านรอบนอก แต่ความจริงยังมีร้านอีกมากหลบอยู่ด้านหลัง
เพื่อให้หาร้านได้ทั่วถึง จึงต้องมีป้ายบอกว่า "ด้านนี้ยังมีร้านอื่น ๆ"
ร้านอาหารปรุงสุกติดกันสองร้าน เป็นอาหารประเภท "小吃" หรืออาหารเบา ๆ เหมือนของว่างพออิ่ม
เดินวนอยู่นานกว่าจะเจอร้านที่ตั้งใจมากิน ซึ่งปกติเปิดตั้งแต่ก่อนเจ็ดโมงเช้า
คือ ร้าน Xiu Ji Kam Bilis Yong Tau Fu ร้านดังสองห้องติดกันของศูนย์อาหารแห่งนี้ ปรากฏว่าปิด
ปิดร้านนานห้าวัน สงสัยจะไปเช็งเม้งที่เมืองไทย
ร้านอาหารปรุงสุกอีกร้าน ขายอาหารประเภทของทอด เช่น ปาท่องโก๋ (油條)
ที่ใส่เป็นห่อ ๆ ดูคล้ายข้าวซอยตัดของทางเหนือ
ร้านหมึกรีดอบกรอบปรุงรส ทำกันสด ๆ ที่ร้าน แต่ห้ามถ่ายรูป
ราคาสูง คิดถูกที่ซื้อมาฝากเพื่อน ๆ
ชั้นวางถาดอาหารที่กินเสร็จแล้ว แยกอาหารฮาลาล
มีพนักงานคอยเก็บเศษอาหารใส่ถังและเช็ดโต๊ะ
ชั้นเหล่านี้มีกระจายอยู่หลายจุดทั่วศูนย์อาหาร
เดี๋ยวเจอกัน
ร้านเจียจี้เหม่ยขายอาหารเช้า หมายเลขร้าน คือ #02-166
เลขสองตัวแรก คือ หมายเลขชั้น เลขสามตัวหลัง คือ เลขที่ร้าน
ให้แฟนนั่งหน้าร้านแล้วไปเข้าคิว
เป็นธุรกิจครอบครัวที่เปิดมากว่า 80 ปี เริ่มจากรถเข็นใน Sago Street
ปัจจุบันสืบทอดโดยสามสาวพี่น้อง ร้านเปิดตั้งแต่หกโมงเช้าถึงสิบโมงเช้า
ฮื่อก้วยแบบสี่เหลี่ยมและเต้าหู้ก้อนทอด ในถาดติดกับถาดเส้นหมี่ผัดซีอิ๊ว
หมี่ผัดซีอิ๊ว SGD 1.30 ไม่เลือกไข่ดาว แต่เลือกโปะด้วยเต้าหู้ทอดและฮื่อก้วยชิ้นละ 80 เซ็นต์
เส้นหมี่ผัดกับซีอิ๊วราดด้วยซ้อสเค็มหวาน ถ้ากินเผ็ดคนขายจะราดซ้อสพริกไว้ด้านข้างจาน
Nonya Jang SGD 3.00 หรือบ๊ะจ่างแบบเปอรานากัน ด้านในเป็นไส้หมูย่างสับผัดซอสรสเค็ม
Peanut Cuttle fish Porridge โจ๊กใส่หมึกดองและถั่วลิสง SGD 3.50 ไม่ได้ลองยำแมงกะพรุน
เนื้อโจ๊กเนียนหอมซีอิ๊วแต่ไม่ข้น
ใส่หมึกดองเนื้อนุ่มตัดเป็นชิ้นห้าหกชิ้น
เป็นครั้งแรกที่กินโจ๊กใส่ถั่วลิสงต้ม อร่อยแปลกใหม่ดี
ถึงเวลาลองกาแฟร้าน 五十年代 (1950's Coffee/ร้านกาแฟทศวรรษ์ที่ 1950)
เลขที่ร้านคือ #02-048 เป็นร้านแนะนำของมิชลิน สิงคโปร์
ดำเนินกิจการการโดยผู้สูงวัย 3 คน แค่ขายกาแฟก็ทำไม่หยุด
และด้วยอายุที่มากขึ้น ปัจจุบันจึงไม่มีขนมปังปิ้ง ทั้งทาสังขยา เนย และเนยถั่ว รวมถึงไข่ลวก
ถึงคิวสั่ง Kopi-O SGD 1.30 ปกติใส่น้ำตาลทราย ต้องเน้นว่า "不加糖/No Sugar/ไม่ใส่น้ำตาล"
ส่วนของแฟนเป็น Kopi หรือกาแฟดำใส่นมข้นหวาน SGD 1.40
Kopi-O เป็นกาแฟคั่วกลางค่อนเข้ม ที่หอมไหม้เข้ม และมีความหนักแน่น หรือ Full Body มาก
ยังไม่หนักท้องต้องไปยืนต่อแถวอีกรอบ
เลือก Yam Cake with Chee Cheong Fun หรือขนมเผือก (Yam Cake)
กับ Chee Cheong Fun หรือก๋วยเตี๋ยวหลอด SGD 3.50
ก๋วยเตี๋ยวหลอดเป็นแผ่นแป้งม้วนกลมไม่มีไส้ตัดเป็นท่อน ๆ
ขนมเผือกเป็นเผือกบดผสมแป้ง นำไปนึ่งหั่นเป็นชิ้นไม่ทอด
ราดด้วยน้ำซีอิ๊วข้นรสเค็มหวาน โรยหน้าด้วยงาขาว เติมความเผ็ดได้
ขนมเผือกหอมเผือกอ่อน ๆ จานนี้อุดมไปด้วยแป้ง
ไปต่อแถวซื้อ Kopi-O อีกถ้วย
คนขายจะอุ่นถ้วยด้วยการตักน้ำร้อนราดใส่ถ้วยแล้วเททิ้ง
จากนั้นใช้กาปากยาว เทกาแฟจากถุงชงกาแฟบดหยาบส่วนแรกลงในถ้วย ประมาณสามส่วนสี่ถ้วย
ตามด้วยกาแฟส่วนที่สองลงไปผสม จากนั้นใส่จานรองบนถาดให้ลูกค้า
หอมเข้มอร่อย ถ้าไม่นับอารมณ์ของคนทำกาแฟขนาดที่ต้องขึ้นเสียงกลับแล้ว เป็นร้านที่สมควรแวะ
อิ่มแล้วต้องทำหน้าที่ไม่ให้โดนปรับ แม้จะมีข้อยกเว้นสำหรับผู้สูงวัย
ด้วยการยกถาดไปวางบนชั้นคืนถาดของศูนย์อาหารฝั่งอาหารไม่ฮาลาล
[CR] เที่ยวไปกินไป by laser @ สิงคโปร์ เช็งเม้ง 2 : Mandai Collabraium
เป็นตอนที่สองต่อจาก " เที่ยวไปกินไป by laser @ สิงคโปร์ 2024 : เช็งเม้ง 1 : ของฝากและการเดินทาง"
https://ppantip.com/topic/43137640
วันเสาร์ที่ 23-3-24 วันครบรอบสามปีของการกลับสู่อ้อมกอดพระเจ้าของ Christine
นัดกับ Anthony ที่ Mandai Crematorium and Columbarium เวลา 11.00 น.
7.25 น.ออกจาก The Inn at Temple Street
เดินทะลุซอยเล็ก ๆ ตรงข้ามที่พักไป Smith Street แล้วเลี้ยวซ้าย
ถึงสี่แยกตัดกับ Trengganu Street
รูปหล่อทองเหลืองกุลีหญิง (samsui) บนเสาที่แยก Smith Street ตัดกับ Trengganu Street
กำลังหาบตะกร้าใส่หิน ปูนและทรายที่ใช้ในการก่อสร้าง ในช่วงก่อตั้งอาณานิคม
เลี้ยวขวาไป Sago Street
เดินขึ้นบันไดเข้า Chinatown Complex
มีภาพ Mural Graffiti Art บนเสาอาคาร เป็นภาพของบรู๊ซ ลี
ไม่มีชื่อเจ้าของผลงานกำกับบนภาพ แต่มีคำว่า Shiok (อ่านว่า ซื่อโอเค)
ซึ่งเป็นคำ Singlish (Singapore+English) แปลว่า "ก็โอเค" มักใช้กับอาหารแปลว่า "อร่อยมาก/ดีมาก"
ชั้นใต้ดินเป็นตลาดสด เคยมาเดินเมื่อ 15 ปีก่อน
กินอาหารเช้าเสร็จแล้วค่อยพาแฟนมาเดิน
ขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นสอง ซึ่งเป็นส่วนของศูนย์อาหารที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์
เดินดูร้านค้า ร้านนี้ขายหมี่ผัดซีอิ๊ว มีลูกค้ายืนต่อแถวหลายคน
เท่าที่สังเกตุ อาหารเช้าของคนสิงคโปร์เน้นแป้ง
ร้านนี้มีมะเขือม่วง (Brinjal) ยัดไส้ฮื่อก้วย ซึ่งมักใส่ใน Yong Tau Fu
หรือเอาไปทอดราดซ้อสเปรี้ยวหวาน แบบร้านบุญตงกี่
หรือ ร้าน Tiong Barhu Chicken Rice
ที่ New Bridge Road ใกล้กับร้าน Song Fa Bak Kut Teh สิงคโปร์
ร้าน Hakka Yong Tau Fu ยังไม่เปิด
เนื่องจากมีพื้นที่กว้างใหญ่มาก แบ่งเป็นสี่ส่วนวกไปวกมาเหมือนเขาวงกต
เดินครั้งแรกอาจนึกว่ามีแค่ร้านรอบนอก แต่ความจริงยังมีร้านอีกมากหลบอยู่ด้านหลัง
เพื่อให้หาร้านได้ทั่วถึง จึงต้องมีป้ายบอกว่า "ด้านนี้ยังมีร้านอื่น ๆ"
ร้านอาหารปรุงสุกติดกันสองร้าน เป็นอาหารประเภท "小吃" หรืออาหารเบา ๆ เหมือนของว่างพออิ่ม
เดินวนอยู่นานกว่าจะเจอร้านที่ตั้งใจมากิน ซึ่งปกติเปิดตั้งแต่ก่อนเจ็ดโมงเช้า
คือ ร้าน Xiu Ji Kam Bilis Yong Tau Fu ร้านดังสองห้องติดกันของศูนย์อาหารแห่งนี้ ปรากฏว่าปิด
ปิดร้านนานห้าวัน สงสัยจะไปเช็งเม้งที่เมืองไทย
ร้านอาหารปรุงสุกอีกร้าน ขายอาหารประเภทของทอด เช่น ปาท่องโก๋ (油條)
ที่ใส่เป็นห่อ ๆ ดูคล้ายข้าวซอยตัดของทางเหนือ
ร้านหมึกรีดอบกรอบปรุงรส ทำกันสด ๆ ที่ร้าน แต่ห้ามถ่ายรูป
ราคาสูง คิดถูกที่ซื้อมาฝากเพื่อน ๆ
ชั้นวางถาดอาหารที่กินเสร็จแล้ว แยกอาหารฮาลาล
มีพนักงานคอยเก็บเศษอาหารใส่ถังและเช็ดโต๊ะ
ชั้นเหล่านี้มีกระจายอยู่หลายจุดทั่วศูนย์อาหาร
เดี๋ยวเจอกัน
ร้านเจียจี้เหม่ยขายอาหารเช้า หมายเลขร้าน คือ #02-166
เลขสองตัวแรก คือ หมายเลขชั้น เลขสามตัวหลัง คือ เลขที่ร้าน
ให้แฟนนั่งหน้าร้านแล้วไปเข้าคิว
เป็นธุรกิจครอบครัวที่เปิดมากว่า 80 ปี เริ่มจากรถเข็นใน Sago Street
ปัจจุบันสืบทอดโดยสามสาวพี่น้อง ร้านเปิดตั้งแต่หกโมงเช้าถึงสิบโมงเช้า
ฮื่อก้วยแบบสี่เหลี่ยมและเต้าหู้ก้อนทอด ในถาดติดกับถาดเส้นหมี่ผัดซีอิ๊ว
หมี่ผัดซีอิ๊ว SGD 1.30 ไม่เลือกไข่ดาว แต่เลือกโปะด้วยเต้าหู้ทอดและฮื่อก้วยชิ้นละ 80 เซ็นต์
เส้นหมี่ผัดกับซีอิ๊วราดด้วยซ้อสเค็มหวาน ถ้ากินเผ็ดคนขายจะราดซ้อสพริกไว้ด้านข้างจาน
Nonya Jang SGD 3.00 หรือบ๊ะจ่างแบบเปอรานากัน ด้านในเป็นไส้หมูย่างสับผัดซอสรสเค็ม
Peanut Cuttle fish Porridge โจ๊กใส่หมึกดองและถั่วลิสง SGD 3.50 ไม่ได้ลองยำแมงกะพรุน
เนื้อโจ๊กเนียนหอมซีอิ๊วแต่ไม่ข้น
ใส่หมึกดองเนื้อนุ่มตัดเป็นชิ้นห้าหกชิ้น
เป็นครั้งแรกที่กินโจ๊กใส่ถั่วลิสงต้ม อร่อยแปลกใหม่ดี
ถึงเวลาลองกาแฟร้าน 五十年代 (1950's Coffee/ร้านกาแฟทศวรรษ์ที่ 1950)
เลขที่ร้านคือ #02-048 เป็นร้านแนะนำของมิชลิน สิงคโปร์
ดำเนินกิจการการโดยผู้สูงวัย 3 คน แค่ขายกาแฟก็ทำไม่หยุด
และด้วยอายุที่มากขึ้น ปัจจุบันจึงไม่มีขนมปังปิ้ง ทั้งทาสังขยา เนย และเนยถั่ว รวมถึงไข่ลวก
ถึงคิวสั่ง Kopi-O SGD 1.30 ปกติใส่น้ำตาลทราย ต้องเน้นว่า "不加糖/No Sugar/ไม่ใส่น้ำตาล"
ส่วนของแฟนเป็น Kopi หรือกาแฟดำใส่นมข้นหวาน SGD 1.40
Kopi-O เป็นกาแฟคั่วกลางค่อนเข้ม ที่หอมไหม้เข้ม และมีความหนักแน่น หรือ Full Body มาก
ยังไม่หนักท้องต้องไปยืนต่อแถวอีกรอบ
เลือก Yam Cake with Chee Cheong Fun หรือขนมเผือก (Yam Cake)
กับ Chee Cheong Fun หรือก๋วยเตี๋ยวหลอด SGD 3.50
ก๋วยเตี๋ยวหลอดเป็นแผ่นแป้งม้วนกลมไม่มีไส้ตัดเป็นท่อน ๆ
ขนมเผือกเป็นเผือกบดผสมแป้ง นำไปนึ่งหั่นเป็นชิ้นไม่ทอด
ราดด้วยน้ำซีอิ๊วข้นรสเค็มหวาน โรยหน้าด้วยงาขาว เติมความเผ็ดได้
ขนมเผือกหอมเผือกอ่อน ๆ จานนี้อุดมไปด้วยแป้ง
ไปต่อแถวซื้อ Kopi-O อีกถ้วย
คนขายจะอุ่นถ้วยด้วยการตักน้ำร้อนราดใส่ถ้วยแล้วเททิ้ง
จากนั้นใช้กาปากยาว เทกาแฟจากถุงชงกาแฟบดหยาบส่วนแรกลงในถ้วย ประมาณสามส่วนสี่ถ้วย
ตามด้วยกาแฟส่วนที่สองลงไปผสม จากนั้นใส่จานรองบนถาดให้ลูกค้า
หอมเข้มอร่อย ถ้าไม่นับอารมณ์ของคนทำกาแฟขนาดที่ต้องขึ้นเสียงกลับแล้ว เป็นร้านที่สมควรแวะ
อิ่มแล้วต้องทำหน้าที่ไม่ให้โดนปรับ แม้จะมีข้อยกเว้นสำหรับผู้สูงวัย
ด้วยการยกถาดไปวางบนชั้นคืนถาดของศูนย์อาหารฝั่งอาหารไม่ฮาลาล
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้