ขอแชร์ประสบการณ์ หลอนนนนนนน
ก่อนอื่น เพื่อนๆ พี่ๆ มีความเชื่อ เกี่ยวกับโลกวิญญาณมากน้อย เเค่ไหนค่ะ โดยส่วนตัว เรา 50 50 เนื่องจาก ในบ้างอย่างก็มีหลักวิทยาศาสตร์ มาหักล้างได้ ปัจจุบันเลยไม่ค่อยกลัว เเต่ไม่ ลบหลู่
เราเป็นคนที่เห็นบ้าง เเว็บๆ ตอนเด็ก ค่อยข้างที่จะกลัว พอโตมา ความกลัวก็ได้จางหายไปตาม ยุคสมัย...
ย้อนกลับไปประมาณ 9 ปี ตอนนั้นเราอยู่มัธยม ที่โรงเรียน ดัง จังหวัดอุดรธานี ในช่วงนั้น ในตัวจังหวัด จะมี 3 โรงเรียนที่ฮิตๆ ลองเดาดูนะคะ..
เรื่องมีอยู่ว่า ช่วงนั้น เราอาศัยกับครอบครัวพี่ชาย ที่บ้านเช่า หลังนึง ในขณะนั้นครอบครัวพี่ชายได้มีลูกแฝด พี่ชายเราเลยวางแผนว่า จะย้ายออกจากบ้านเช่าหลังนี้ เพื่อไปซื้อ บ้านในโครงการหมู่บ้าน ซึ่งในสมัยนั้น โครงการบ้านที่อุดร ยังไม่ได้มีหลายเเบรนด์มากนัก
ต่อมา พี่ชายได้ติดต่อทำสัญญากับโครงการบ้านเดี่ยว ซื้อ-ขาย บ้านเสร็จ เราก็ย้ายเข้าไปอยู่กัน ซึ่งขอไม่ระบุตำแหน่ง โครงการนี้เป็นโครงการที่พึ่งสร้าง ตอนที่ เราย้ายไป ทางโครงการยังมีการสร้างเพิ่ม ขึ้นเรื่อยๆ เป็นโครงการที่ผู้คนให้ความสนใจกันในขณะนั้น เนื่องด้วย ทำเล ที่ตั้ง สิ่งอำนวยความสะดวก การดูเเลของเจ้าหน้าที่ในโครงการ ค่อยข้างที่จะใส่ใจดูเเลลูกบ้าน ทำให้ บ้านในโครงการมีเจ้าของทุกหลัง ในตอนนั้นเฟสที่เรา อาศัย จะมี ทั้ง ต่างชาติ จีน เกาหลี เยอะมากก เรียกได้ว่า เฟสนั้น มีคนไทยอยู่หลังเดียวคือบ้านพี่ชายเรา ซึ่งต่อมาเราอยู่ได้ ปีกว่า ก็ไม่ได้มีเหตุการอะไรผิดปัจจุบัน เเต่แปลกก็ บ้านที่อยู่ติดกันกับเรา เราไม่เคยเห็น เจ้าของบ้านเลยสักครั้ง เหมือนซื้อไว้เเต่ยังไม่ได้ย้ายเข้ามาอยู่ เขาอาจจะเข้ามาบ้าง คงเป็นจังหวะที่เราไปเรียนพอดี วันนึงเรากลับมาถึงบ้าน สังเกตเห็นว่า บ้านหลังข้างที่ไม่มีคนอยู่มีการนำสายสิญจน์มาผูกรอบบ้านไว้ ในตอนนั้นเราก็แอบแปลกใจ พอถามพี่ชาย ก็ได้ความว่าเป็นปกติเเหละบ้านที่ไม่มีคนอยู่ ส่วนใหญ่จะล้อมสายสิญจน์ไว้ เพื่อป้องกันสิ่งไม่ดีไม่ให้เข้าบ้าน ต่อมา เพื่อนบ้านเรา หลายหลัง เหมือนจะเป็นคนละคนที่เป็นเจ้าของช่วงเเรก มี 1 หลังที่ถัดจากบ้านพี่ชายไป หลังนั้น ทั้งครอบครัว ไม่ใช่คนไทย เราฟังภาษาไม่ออก ไม่เเน่ใจว่า เขาเป็นคนประเทศไหน ไม่ใช่ อังกฤษ เเละจีน ช่วงที่ครอบครัวนี้ มาเเรกๆ ก็ยังไม่มีความผิดปกติอะไร จนอยู่วันนึง เราไม่ได้ไปโรงเรียน ตอนนั้นเป็น ช่วงผีตากผ้าอ้อม ไม่มีใครอยู่บ้าน เราอยู่กับเพื่อน 3 คนรวมเรา ตอนนั้นก็ นั่งเม้ามอย พูดคุย ดูหนังกันปกติ อยู่ดีๆ เพื่อน 2 คนก็ขอตัวกลับเเละทำหน้าตาไม่ปกติ พอถามก็บอกรีบไปทำธุระ ทั้งๆที่นัดกันว่าเย็นนี้จะไปถนนคนเดินกัน เเต่ตอนนั้นคิดว่า มันก็คงรีบจริงเเหละ เพราะ ทำพฤติกรรมแปลกๆ หลังจากนั้น พอช่วยมาบ้านก็จะปฏิเสธเราตลอด เราก็คิดว่า พวกมันก็คงเบื่อเเหละไม่ได้ ติดใจอะไร เพื่อนเพื่อนๆ คนอื่นก็ไปเล่นเป็นปกติ
ต่อมา เราเริ่มได้ยินเสียงสวดเเปลกๆ ไม่เคยได้ยินบทสวดนี้มาก่อน ไม่คุ้นเคยกับภาษาเลย ต้องบอกก่อนเราเป็นคนที่สวดมนต์ก่อนหน้าทุกวัน ก็จะเป็นการสวดมนต์ยาว เราจึงคุ้นเคยกับ บท สวดเเต่ละบทเป็นอย่างดี
บทสวดที่ไม่คุ้นเคยนั้น จะได้ยิน เวลา 5-6 โมง ของทุกวัน หลังจากนั้น เราเริ่มกลับบ้านช้า เนื่องจากไม่อยากได้ยินเสียงนั้น เพราะพี่ชายเรากลับมากันประมาณ 1-2 ทุ่ม ดังนั้น เราต้องอยู่คนเดียวในขณะที่มีเสียงสวด เลยเลือกที่จะกลับบ้านในตอนที่ทุกคนมาถึงเเล้ว
วันนึงมีเราเเละเพื่อนนั้นกันมาทำงานกลุ่ม ประมาณ 5-6 คน จึงนอนกันชั้น 1 ห้องนั่งเล่น ตอนนั้น เรามาถึงบ้านกันตอน 6 โมงเย็น เสียงสวดนั้นก็ดังอยู่ เพื่อน 1 คน เลยพูด ขึ้นมาว่า ใครได้ยินเสียงอะไรป่ะ ภาษา เxี้ย ไรพวก ช่วยกันฟังดิ เราเลยตอบไปว่า โอ้ยยย มาๆเข้าบ้านกันเถอะจะไปสนใจอะไรอยากไปสวดกับเขาหรอ ทุกคนเลยระเบิดขำกันใหญ่
เสียงสวดนั้น ยังมีอยู่ในทุกวัน เเต่วันที่เเปลก คือ วันพระใหญ่ เราจะได้ยินบทสวดนี้ ตอนกลางคืน เริ่มสวดตั้งเเต่ 2 ทุ่ม ยาวไปจนถึง เที่ยงคืนของทุกคืนที่เป็นวันพระ เราได้ยิน ก็ชิน ไม่ได้ไปหาว่า เสียงนี้มาจากไหน ภาษาอะไร ไม่ได้ให้ความสนใจกับเสียงนั้น ปล่อยผ่านไป จนกระทั่ง คืนนั้น มีเพื่อนมานอนบ้านเรา 2 คน เเละเป็นวันที่พี่ชายเราไปเที่ยวต่างจังหวัดกับกลุ่มเพื่อน ในคืนนั้น บ้านหลังนี้เป็นพื้นที่ของเราเเละเพื่อนๆ ต้องบอกก่อนว่า เราไม่กินแอลกอฮอล์กันนะคะเวลามาปาร์ตี้ ก็เป็น ปาร์ตี้ ปิ้งย่าง บาร์บีคิว หมูกะทะ กันปกติ เพื่อน 2 คน อาสาที่จะออกไปซื้อของกัน ส่วนเราเป็นเจ้าบ้าน เลยจัดเตรียม เตาย่าง อุกรณ์ รอที่บ้าน พอมาถึง จัดเตรียมอะไรเสร็จ เริ่มนั่งกินกัน เม้ามอยปกติ คนเพื่อน 1 คน พูดมาว่า เอ่อ -ู รู้เเล้วนะ ใครสวด บ้าน หลังxxx ซึ่งบ้านหลังนั้นอยู่ห่างจากบ้านเราไปไม่กี่หลังเพื่อนบอกว่า เห็น เพื่อนบ้าน ถัดไปจากบ้านเรา1 หลัง เดินออกมาจากหลังนั้น จึงสรุปกันว่า คนที่มาอยู่เฟสนี้ดูเหมือนจะรู้จักกันเกือบทั้งเฟสนะ ซึ่งครอบครัวไทยก็มี คือ บ้านข้างเรา เป็นฝรั่ง ภรรยาเป็นไทย ป้าเเก่ชอบชวนเราไปจกส้มตำบ่อย เเละบ้านตรงข้าม 3 หลัง ภรรยาเป็นคนจีน สามีเป็นคนไทย มีลูกอายุใกล้กับพี่ชายเราจึงค่อยข้างสนิทกับพี่ชายเรา หลังจากกินกันเสร็จ เราเลยชวนเพื่อนขับมอไซค์ออกไปดูกัน ใช้เเล้ว เฟสนั้น ประมาก เกือบ 20 หลังมีครอบครัวไทยไม่เกิด 5 หลัง หลังจากนั้น พอหลังจากวันนั้น เราก็เลยไปวิ่งออกกำลังกายในซอยต่างๆในหมู่บ้าน ก็ไปสังเกตการณ์นั้นเเหละ ในช่วง 5-6 โมง เสียงสวดเอาอีกเเล้ว เเต่ไม่ใช่ทำนอง เดิม ไม่ใช่ภาษาเดิม เรากลัวมากรีบวิ่งกลับบ้านทันที
เบื้องต้นเราก็ได้เล่าสถานการณ์ โดยรวมไปเเล้ว ทุกคนก็พอจะเดาๆ บรรยายกาศได้ใช่ไหมคะ จนมาถึง วันที่เกิดเรื่องขึ้น.........
วันนั้น เราตัดสินใจถามเพื่อน 2 คนเเรก ทุกคนน่าจะจำได้ เพื่อน 2 คนที่ขอตัวกลับไปทำธุระตั้งเเต่ต้นเรื่อง หลังจากวันนั้น เราก็ค่อยๆห่างกัน เพราะ เราก็มีเพื่อนกลุ่มใหม่ ที่ไปมา หาสู่กัน เราเลยถามเพื่อน 2 คนนั้นไปว่า เอ่อนี้ วันนั้น พวก เป็นไรกันวะ ไม่เห็นบอกกู เลย มีอะไรป่าว เพื่อน 2 คนมองหน้ากัน สักพักเลย ดึงเเขนเราหลบๆ คนมาอยู่อีกมุมของโรงเรียน ท่าทางพวกมันดู ไม่ปกติ สุดๆๆ เเล้วก็พูดกันว่า เล่า นั้นเเหละเล่า เราเลยทนไม่ไหวเลยพูดว่า วันนั้น ทำหน้าอย่างกันเห็น ผี พวกมันรีบเอามือมาปิดปากเรา ด้วยเราหงุดหงิด ท่าทางที่ หยุกหยิก พวกนั้น เราเลย โอ้ย พวกห่า นี้ เป็นค-ยไรเนี่ย พูดมา โยนให้กันอยู่นั้นเเหละ เดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทันหรอก พอพวกมันเห็นท่าทางที่เราหงุดหงิดก็เริ่มเล่าว่าาาา
วันนั้นที่นั่งกันอยู่ ในบ้าน ต้องบอกก่อนว่า บ้านพี่เราจะเเยก โซนหลังนั่งเล่น เเละห้องรับเเขกกันเป็นโซน เเต่ทุกโซน สามารถ มองเห็น กันได้หมด วันนั้น พอหนังเรื่องที่ดูจบ ก็หากันว่า เรื่อต่อไปดูอะไรดี ขอใช้นามสมมุติเพื่อนว่า เอ เเละ บี เพื่อไม่เกิดความ สับสน เราเเละเอ หาเรื่องที่จะดูต่อ ส่วนบี ไม่ได้สนใจนั่งเล่นโทรศัพท์ อยู่ๆ หางตามันก็เห็นเหมือนอะไร วิ่งผ่าน ตอนนั้นมันเลยได้ถามเราว่า เราอยู่กันเเค่นี้ปะ เราเลยว่าใช่ เเล้ว พี่ชายยังไม่กลับกับ มีเรา 3 คนนี้เเหละ มีไรป่าว ตอนนั้นไอ้บีก็ตอบว่า ป่าวๆ กู น่าจะง่วงวะมันเลยหันหลังให้ที่ตั้งนั้น จุดนั้นจะเป็น เคาร์เตอร์ โต๊ะทานอาหาร เป็น โซนทานอาหารนั้นเเหละ หันหลังเสร็จมันก็เอา โทรศัพท์ ขึ้นมาเล่น ในบ้านตอนนั้น ด้วยความที่ เปิดผ้าม่าน เสียงก็จะสว่างทำให้ เห็นเราเล่นโทรศัทพ์ในกลางเเจง จึงเกิดเงาสะท้อนจากหน้าจอโทรศัพท์ ในบางจังหวะที่มีการขยับโทรศัพท์ เเละ มันก็ เงยหน้ามาพูดกับเราเเละเอว่า เอ่อ ขอเป็น หนังคอมเมดี้ได้ไหม ไม่เอาหนัง ผ เเล้วนะ กู กลัววะ เเล้วก้มมองโทรศัพท์ต่อ มันบอกว่า ตอนนั้น หน้าจอ โทรศัพท์ดับ มันเลยเห็นเงาที่อยู่ด้านหลังผ่าน โทรศัพท์ เป็นก้อน 1 ก้อน ก้อนนั้นลอยอยู่ ด้วยความไม่คิดไรมันก็โฟกัสที่ก้อนนั้น เเล้วก้อนนั้นก็ขยับซ้ายที ขวาที มันเลยหันกลับไปมองก็ไม่เห็นมีไร พอหันกลับมาอีกที มันบอกว่า จากที่อากาศร้อน มันหนาว เเละตัวชา ไม่ได้ยินเสียง คงอารมณ์เหมือนอาการหูดับไปชั่วขณะ มันเห็นไอ้ก้อนกลมๆตรงนั้น ลักษณะเหมือนหัวคน มันก็จ้องอีกว่าคืออะไร เเล้วหัวนั้นก้ขยับเข้ามาเรื่อยๆ ๆ ๆ จนใกล้มาก เเต่ไม่รู้ว่า ผช หรือ ผญ เเต่ทีเดาได้เเน่ๆจากสิ่งที่เห็น คือหัวคนเเน่นอน พอเห็นดังนั้นมันเลยตะโกนเรียกเราเเละเอ พวกเราเลยหัวไปเเล้วบอกว่า เป็นไรวะบี เอาสะ ตกใจเลยเนี่ย ตอนนั้นหน้ามันซีดมากกกก เเล้วเลยเดินไปเข้าห้องน้ำ มันเลยเล่าเรื่องทั้งหมดให้เอฟังขณะที่เราไปเข้าห้องน้ำ เอเลยพูดว่า บี หลอนเเล้ว กลางวันเเสงส่องขนาดนี้ ตาฟาด เเล้ว ไอ้บีที่เห็นไอ้เอไม่เชื่อก็เออๆออๆ ไป ไม่อยากพูดไปมากกว่านี้ อีกอย่างกลัวเรารู้ด้วย จากนั้นไอ้เอ ก็พูดต่อว่า หลังจากที่ฟังบีพูด เอก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก จนเอ ได้เดินไปตู้เย็น ในขณะที่มันลังเลว่า จะกินอะไรในตู้เย็นดี มันก็รู้สึกมีอะไรอยู่ข้างมันนึกว่าเป็น เรา หรือ บี เลยหันไปจะถามว่าเอาด้วยปะ มันหันไป มันเจอ ผู้หญิงหน้าไม่ได้รู้เเละมีเเค่หัวมันเลยหลับตาเเละเเหกปากลั่นบ้าน เราเเละบีรีบวิ่งมา กลัวว่ามันเป็นไร มันเลยว่า เออบ้านน้ะ มี ตุ๊กแกนะ กูตกใจตุ๊กแก เลยพากันกลับมาโซฟา สักพักมันเลยกระซิบกัน เเละขอตัวกลับก่อน พอพวกมันทั้งคู่ เล่าให้เราฟังจบ มันก็บอกว่า จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้นะ เเต่เจอจริงๆ พูดจบ พวกมันก็ ลากเเขนกันเเละวิ่งหนีไป เรายืนทบทวนเรื่องที่พวกมันคุยกันซักพัก ทุกคนว่า ถ้ามีเพื่อนมาเล่าเเบบนี้ เเล้ว คืนนี้ เราก็ต้องกลับไปบ้านหลังนั้น เเละที่เเย่กว่าคือ คืนนี้ไม่มีครอบครัวพี่ชายเราอยู่ด้วย...
ใช่ค่ะ เราเชื่อ 100 % เพราะก่อนหน้านี้ เราเห็นบ้าง เเว๊บ รู้ว่าคืออะไรเเต่ไม่ได้ สนใจ หรือไปใส่ใจมาก ทำเป้นมองไม่เห็น เเต่เราเห็นเป็น เงาๆ ไม่ได้ ลอยมาเป็นหัว เหมือนเพื่อนมันเห็นกัน
เเละตอนนี้เรายืนอยู่หน้าบ้าน หลังจากเลิกเรียน ยืนมานานมากเเล้วเเต่ก็ยังไม่กล้าเข้าบ้าน เราได้พูดในใจไปว่า อย่าว่ายุ่งกับ กูนะ นี่บ้านพี่กู เว้ย จนเสียงเเตรมอไซต์ดังขึ้น เราชวนเพื่อนมานอนด้วย 2 คน ค่ะวันนี้ ก็พึ่งฟังมาสดๆร้อนๆ เป็นใคร จะกล้าอยู่คนเดียวละ จากการที่กลัว ผ บ้าง เล็กน้อย วันนี้เป็นวันที่เราจำได้ขึ้นใจเเม้ว่า เรื่องราวจะผ่านมานานเเค่ไหน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี จะก้าวหน้าไปขนาดไหน ก็ยังไม่ทำให้เรา ลืมเรื่องของคืนนี้ได้เลย ...
เรื่องมีอยู่ว่า......
เจอประสบการณ์หลอนที่ อุดรธานี...
ก่อนอื่น เพื่อนๆ พี่ๆ มีความเชื่อ เกี่ยวกับโลกวิญญาณมากน้อย เเค่ไหนค่ะ โดยส่วนตัว เรา 50 50 เนื่องจาก ในบ้างอย่างก็มีหลักวิทยาศาสตร์ มาหักล้างได้ ปัจจุบันเลยไม่ค่อยกลัว เเต่ไม่ ลบหลู่
เราเป็นคนที่เห็นบ้าง เเว็บๆ ตอนเด็ก ค่อยข้างที่จะกลัว พอโตมา ความกลัวก็ได้จางหายไปตาม ยุคสมัย...
ย้อนกลับไปประมาณ 9 ปี ตอนนั้นเราอยู่มัธยม ที่โรงเรียน ดัง จังหวัดอุดรธานี ในช่วงนั้น ในตัวจังหวัด จะมี 3 โรงเรียนที่ฮิตๆ ลองเดาดูนะคะ..
เรื่องมีอยู่ว่า ช่วงนั้น เราอาศัยกับครอบครัวพี่ชาย ที่บ้านเช่า หลังนึง ในขณะนั้นครอบครัวพี่ชายได้มีลูกแฝด พี่ชายเราเลยวางแผนว่า จะย้ายออกจากบ้านเช่าหลังนี้ เพื่อไปซื้อ บ้านในโครงการหมู่บ้าน ซึ่งในสมัยนั้น โครงการบ้านที่อุดร ยังไม่ได้มีหลายเเบรนด์มากนัก
ต่อมา พี่ชายได้ติดต่อทำสัญญากับโครงการบ้านเดี่ยว ซื้อ-ขาย บ้านเสร็จ เราก็ย้ายเข้าไปอยู่กัน ซึ่งขอไม่ระบุตำแหน่ง โครงการนี้เป็นโครงการที่พึ่งสร้าง ตอนที่ เราย้ายไป ทางโครงการยังมีการสร้างเพิ่ม ขึ้นเรื่อยๆ เป็นโครงการที่ผู้คนให้ความสนใจกันในขณะนั้น เนื่องด้วย ทำเล ที่ตั้ง สิ่งอำนวยความสะดวก การดูเเลของเจ้าหน้าที่ในโครงการ ค่อยข้างที่จะใส่ใจดูเเลลูกบ้าน ทำให้ บ้านในโครงการมีเจ้าของทุกหลัง ในตอนนั้นเฟสที่เรา อาศัย จะมี ทั้ง ต่างชาติ จีน เกาหลี เยอะมากก เรียกได้ว่า เฟสนั้น มีคนไทยอยู่หลังเดียวคือบ้านพี่ชายเรา ซึ่งต่อมาเราอยู่ได้ ปีกว่า ก็ไม่ได้มีเหตุการอะไรผิดปัจจุบัน เเต่แปลกก็ บ้านที่อยู่ติดกันกับเรา เราไม่เคยเห็น เจ้าของบ้านเลยสักครั้ง เหมือนซื้อไว้เเต่ยังไม่ได้ย้ายเข้ามาอยู่ เขาอาจจะเข้ามาบ้าง คงเป็นจังหวะที่เราไปเรียนพอดี วันนึงเรากลับมาถึงบ้าน สังเกตเห็นว่า บ้านหลังข้างที่ไม่มีคนอยู่มีการนำสายสิญจน์มาผูกรอบบ้านไว้ ในตอนนั้นเราก็แอบแปลกใจ พอถามพี่ชาย ก็ได้ความว่าเป็นปกติเเหละบ้านที่ไม่มีคนอยู่ ส่วนใหญ่จะล้อมสายสิญจน์ไว้ เพื่อป้องกันสิ่งไม่ดีไม่ให้เข้าบ้าน ต่อมา เพื่อนบ้านเรา หลายหลัง เหมือนจะเป็นคนละคนที่เป็นเจ้าของช่วงเเรก มี 1 หลังที่ถัดจากบ้านพี่ชายไป หลังนั้น ทั้งครอบครัว ไม่ใช่คนไทย เราฟังภาษาไม่ออก ไม่เเน่ใจว่า เขาเป็นคนประเทศไหน ไม่ใช่ อังกฤษ เเละจีน ช่วงที่ครอบครัวนี้ มาเเรกๆ ก็ยังไม่มีความผิดปกติอะไร จนอยู่วันนึง เราไม่ได้ไปโรงเรียน ตอนนั้นเป็น ช่วงผีตากผ้าอ้อม ไม่มีใครอยู่บ้าน เราอยู่กับเพื่อน 3 คนรวมเรา ตอนนั้นก็ นั่งเม้ามอย พูดคุย ดูหนังกันปกติ อยู่ดีๆ เพื่อน 2 คนก็ขอตัวกลับเเละทำหน้าตาไม่ปกติ พอถามก็บอกรีบไปทำธุระ ทั้งๆที่นัดกันว่าเย็นนี้จะไปถนนคนเดินกัน เเต่ตอนนั้นคิดว่า มันก็คงรีบจริงเเหละ เพราะ ทำพฤติกรรมแปลกๆ หลังจากนั้น พอช่วยมาบ้านก็จะปฏิเสธเราตลอด เราก็คิดว่า พวกมันก็คงเบื่อเเหละไม่ได้ ติดใจอะไร เพื่อนเพื่อนๆ คนอื่นก็ไปเล่นเป็นปกติ
ต่อมา เราเริ่มได้ยินเสียงสวดเเปลกๆ ไม่เคยได้ยินบทสวดนี้มาก่อน ไม่คุ้นเคยกับภาษาเลย ต้องบอกก่อนเราเป็นคนที่สวดมนต์ก่อนหน้าทุกวัน ก็จะเป็นการสวดมนต์ยาว เราจึงคุ้นเคยกับ บท สวดเเต่ละบทเป็นอย่างดี
บทสวดที่ไม่คุ้นเคยนั้น จะได้ยิน เวลา 5-6 โมง ของทุกวัน หลังจากนั้น เราเริ่มกลับบ้านช้า เนื่องจากไม่อยากได้ยินเสียงนั้น เพราะพี่ชายเรากลับมากันประมาณ 1-2 ทุ่ม ดังนั้น เราต้องอยู่คนเดียวในขณะที่มีเสียงสวด เลยเลือกที่จะกลับบ้านในตอนที่ทุกคนมาถึงเเล้ว
วันนึงมีเราเเละเพื่อนนั้นกันมาทำงานกลุ่ม ประมาณ 5-6 คน จึงนอนกันชั้น 1 ห้องนั่งเล่น ตอนนั้น เรามาถึงบ้านกันตอน 6 โมงเย็น เสียงสวดนั้นก็ดังอยู่ เพื่อน 1 คน เลยพูด ขึ้นมาว่า ใครได้ยินเสียงอะไรป่ะ ภาษา เxี้ย ไรพวก ช่วยกันฟังดิ เราเลยตอบไปว่า โอ้ยยย มาๆเข้าบ้านกันเถอะจะไปสนใจอะไรอยากไปสวดกับเขาหรอ ทุกคนเลยระเบิดขำกันใหญ่
เสียงสวดนั้น ยังมีอยู่ในทุกวัน เเต่วันที่เเปลก คือ วันพระใหญ่ เราจะได้ยินบทสวดนี้ ตอนกลางคืน เริ่มสวดตั้งเเต่ 2 ทุ่ม ยาวไปจนถึง เที่ยงคืนของทุกคืนที่เป็นวันพระ เราได้ยิน ก็ชิน ไม่ได้ไปหาว่า เสียงนี้มาจากไหน ภาษาอะไร ไม่ได้ให้ความสนใจกับเสียงนั้น ปล่อยผ่านไป จนกระทั่ง คืนนั้น มีเพื่อนมานอนบ้านเรา 2 คน เเละเป็นวันที่พี่ชายเราไปเที่ยวต่างจังหวัดกับกลุ่มเพื่อน ในคืนนั้น บ้านหลังนี้เป็นพื้นที่ของเราเเละเพื่อนๆ ต้องบอกก่อนว่า เราไม่กินแอลกอฮอล์กันนะคะเวลามาปาร์ตี้ ก็เป็น ปาร์ตี้ ปิ้งย่าง บาร์บีคิว หมูกะทะ กันปกติ เพื่อน 2 คน อาสาที่จะออกไปซื้อของกัน ส่วนเราเป็นเจ้าบ้าน เลยจัดเตรียม เตาย่าง อุกรณ์ รอที่บ้าน พอมาถึง จัดเตรียมอะไรเสร็จ เริ่มนั่งกินกัน เม้ามอยปกติ คนเพื่อน 1 คน พูดมาว่า เอ่อ -ู รู้เเล้วนะ ใครสวด บ้าน หลังxxx ซึ่งบ้านหลังนั้นอยู่ห่างจากบ้านเราไปไม่กี่หลังเพื่อนบอกว่า เห็น เพื่อนบ้าน ถัดไปจากบ้านเรา1 หลัง เดินออกมาจากหลังนั้น จึงสรุปกันว่า คนที่มาอยู่เฟสนี้ดูเหมือนจะรู้จักกันเกือบทั้งเฟสนะ ซึ่งครอบครัวไทยก็มี คือ บ้านข้างเรา เป็นฝรั่ง ภรรยาเป็นไทย ป้าเเก่ชอบชวนเราไปจกส้มตำบ่อย เเละบ้านตรงข้าม 3 หลัง ภรรยาเป็นคนจีน สามีเป็นคนไทย มีลูกอายุใกล้กับพี่ชายเราจึงค่อยข้างสนิทกับพี่ชายเรา หลังจากกินกันเสร็จ เราเลยชวนเพื่อนขับมอไซค์ออกไปดูกัน ใช้เเล้ว เฟสนั้น ประมาก เกือบ 20 หลังมีครอบครัวไทยไม่เกิด 5 หลัง หลังจากนั้น พอหลังจากวันนั้น เราก็เลยไปวิ่งออกกำลังกายในซอยต่างๆในหมู่บ้าน ก็ไปสังเกตการณ์นั้นเเหละ ในช่วง 5-6 โมง เสียงสวดเอาอีกเเล้ว เเต่ไม่ใช่ทำนอง เดิม ไม่ใช่ภาษาเดิม เรากลัวมากรีบวิ่งกลับบ้านทันที
เบื้องต้นเราก็ได้เล่าสถานการณ์ โดยรวมไปเเล้ว ทุกคนก็พอจะเดาๆ บรรยายกาศได้ใช่ไหมคะ จนมาถึง วันที่เกิดเรื่องขึ้น.........
วันนั้น เราตัดสินใจถามเพื่อน 2 คนเเรก ทุกคนน่าจะจำได้ เพื่อน 2 คนที่ขอตัวกลับไปทำธุระตั้งเเต่ต้นเรื่อง หลังจากวันนั้น เราก็ค่อยๆห่างกัน เพราะ เราก็มีเพื่อนกลุ่มใหม่ ที่ไปมา หาสู่กัน เราเลยถามเพื่อน 2 คนนั้นไปว่า เอ่อนี้ วันนั้น พวก เป็นไรกันวะ ไม่เห็นบอกกู เลย มีอะไรป่าว เพื่อน 2 คนมองหน้ากัน สักพักเลย ดึงเเขนเราหลบๆ คนมาอยู่อีกมุมของโรงเรียน ท่าทางพวกมันดู ไม่ปกติ สุดๆๆ เเล้วก็พูดกันว่า เล่า นั้นเเหละเล่า เราเลยทนไม่ไหวเลยพูดว่า วันนั้น ทำหน้าอย่างกันเห็น ผี พวกมันรีบเอามือมาปิดปากเรา ด้วยเราหงุดหงิด ท่าทางที่ หยุกหยิก พวกนั้น เราเลย โอ้ย พวกห่า นี้ เป็นค-ยไรเนี่ย พูดมา โยนให้กันอยู่นั้นเเหละ เดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทันหรอก พอพวกมันเห็นท่าทางที่เราหงุดหงิดก็เริ่มเล่าว่าาาา
วันนั้นที่นั่งกันอยู่ ในบ้าน ต้องบอกก่อนว่า บ้านพี่เราจะเเยก โซนหลังนั่งเล่น เเละห้องรับเเขกกันเป็นโซน เเต่ทุกโซน สามารถ มองเห็น กันได้หมด วันนั้น พอหนังเรื่องที่ดูจบ ก็หากันว่า เรื่อต่อไปดูอะไรดี ขอใช้นามสมมุติเพื่อนว่า เอ เเละ บี เพื่อไม่เกิดความ สับสน เราเเละเอ หาเรื่องที่จะดูต่อ ส่วนบี ไม่ได้สนใจนั่งเล่นโทรศัพท์ อยู่ๆ หางตามันก็เห็นเหมือนอะไร วิ่งผ่าน ตอนนั้นมันเลยได้ถามเราว่า เราอยู่กันเเค่นี้ปะ เราเลยว่าใช่ เเล้ว พี่ชายยังไม่กลับกับ มีเรา 3 คนนี้เเหละ มีไรป่าว ตอนนั้นไอ้บีก็ตอบว่า ป่าวๆ กู น่าจะง่วงวะมันเลยหันหลังให้ที่ตั้งนั้น จุดนั้นจะเป็น เคาร์เตอร์ โต๊ะทานอาหาร เป็น โซนทานอาหารนั้นเเหละ หันหลังเสร็จมันก็เอา โทรศัพท์ ขึ้นมาเล่น ในบ้านตอนนั้น ด้วยความที่ เปิดผ้าม่าน เสียงก็จะสว่างทำให้ เห็นเราเล่นโทรศัทพ์ในกลางเเจง จึงเกิดเงาสะท้อนจากหน้าจอโทรศัพท์ ในบางจังหวะที่มีการขยับโทรศัพท์ เเละ มันก็ เงยหน้ามาพูดกับเราเเละเอว่า เอ่อ ขอเป็น หนังคอมเมดี้ได้ไหม ไม่เอาหนัง ผ เเล้วนะ กู กลัววะ เเล้วก้มมองโทรศัพท์ต่อ มันบอกว่า ตอนนั้น หน้าจอ โทรศัพท์ดับ มันเลยเห็นเงาที่อยู่ด้านหลังผ่าน โทรศัพท์ เป็นก้อน 1 ก้อน ก้อนนั้นลอยอยู่ ด้วยความไม่คิดไรมันก็โฟกัสที่ก้อนนั้น เเล้วก้อนนั้นก็ขยับซ้ายที ขวาที มันเลยหันกลับไปมองก็ไม่เห็นมีไร พอหันกลับมาอีกที มันบอกว่า จากที่อากาศร้อน มันหนาว เเละตัวชา ไม่ได้ยินเสียง คงอารมณ์เหมือนอาการหูดับไปชั่วขณะ มันเห็นไอ้ก้อนกลมๆตรงนั้น ลักษณะเหมือนหัวคน มันก็จ้องอีกว่าคืออะไร เเล้วหัวนั้นก้ขยับเข้ามาเรื่อยๆ ๆ ๆ จนใกล้มาก เเต่ไม่รู้ว่า ผช หรือ ผญ เเต่ทีเดาได้เเน่ๆจากสิ่งที่เห็น คือหัวคนเเน่นอน พอเห็นดังนั้นมันเลยตะโกนเรียกเราเเละเอ พวกเราเลยหัวไปเเล้วบอกว่า เป็นไรวะบี เอาสะ ตกใจเลยเนี่ย ตอนนั้นหน้ามันซีดมากกกก เเล้วเลยเดินไปเข้าห้องน้ำ มันเลยเล่าเรื่องทั้งหมดให้เอฟังขณะที่เราไปเข้าห้องน้ำ เอเลยพูดว่า บี หลอนเเล้ว กลางวันเเสงส่องขนาดนี้ ตาฟาด เเล้ว ไอ้บีที่เห็นไอ้เอไม่เชื่อก็เออๆออๆ ไป ไม่อยากพูดไปมากกว่านี้ อีกอย่างกลัวเรารู้ด้วย จากนั้นไอ้เอ ก็พูดต่อว่า หลังจากที่ฟังบีพูด เอก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก จนเอ ได้เดินไปตู้เย็น ในขณะที่มันลังเลว่า จะกินอะไรในตู้เย็นดี มันก็รู้สึกมีอะไรอยู่ข้างมันนึกว่าเป็น เรา หรือ บี เลยหันไปจะถามว่าเอาด้วยปะ มันหันไป มันเจอ ผู้หญิงหน้าไม่ได้รู้เเละมีเเค่หัวมันเลยหลับตาเเละเเหกปากลั่นบ้าน เราเเละบีรีบวิ่งมา กลัวว่ามันเป็นไร มันเลยว่า เออบ้านน้ะ มี ตุ๊กแกนะ กูตกใจตุ๊กแก เลยพากันกลับมาโซฟา สักพักมันเลยกระซิบกัน เเละขอตัวกลับก่อน พอพวกมันทั้งคู่ เล่าให้เราฟังจบ มันก็บอกว่า จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้นะ เเต่เจอจริงๆ พูดจบ พวกมันก็ ลากเเขนกันเเละวิ่งหนีไป เรายืนทบทวนเรื่องที่พวกมันคุยกันซักพัก ทุกคนว่า ถ้ามีเพื่อนมาเล่าเเบบนี้ เเล้ว คืนนี้ เราก็ต้องกลับไปบ้านหลังนั้น เเละที่เเย่กว่าคือ คืนนี้ไม่มีครอบครัวพี่ชายเราอยู่ด้วย...
ใช่ค่ะ เราเชื่อ 100 % เพราะก่อนหน้านี้ เราเห็นบ้าง เเว๊บ รู้ว่าคืออะไรเเต่ไม่ได้ สนใจ หรือไปใส่ใจมาก ทำเป้นมองไม่เห็น เเต่เราเห็นเป็น เงาๆ ไม่ได้ ลอยมาเป็นหัว เหมือนเพื่อนมันเห็นกัน
เเละตอนนี้เรายืนอยู่หน้าบ้าน หลังจากเลิกเรียน ยืนมานานมากเเล้วเเต่ก็ยังไม่กล้าเข้าบ้าน เราได้พูดในใจไปว่า อย่าว่ายุ่งกับ กูนะ นี่บ้านพี่กู เว้ย จนเสียงเเตรมอไซต์ดังขึ้น เราชวนเพื่อนมานอนด้วย 2 คน ค่ะวันนี้ ก็พึ่งฟังมาสดๆร้อนๆ เป็นใคร จะกล้าอยู่คนเดียวละ จากการที่กลัว ผ บ้าง เล็กน้อย วันนี้เป็นวันที่เราจำได้ขึ้นใจเเม้ว่า เรื่องราวจะผ่านมานานเเค่ไหน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี จะก้าวหน้าไปขนาดไหน ก็ยังไม่ทำให้เรา ลืมเรื่องของคืนนี้ได้เลย ...
เรื่องมีอยู่ว่า......