สวัสดีครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่มาพูดในนี้นะครับ ถ้าผิดพลาดตรงไหนก็ขออภัยด้วยนะครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คนเฒ่าคนแก่พูดต่อๆกันมา
เริ่มเรื่องเลยนะครับ ขอใช้นามสมมุติพี่คนนี้ว่าพี่ เอ (ผู้หญิง)
ตามชนบทแห่งหนึ่งในแถวภาคอีสาน วันนั้นเป็นคืนที่พระจันทร์เต็มดวงสามารถมองเห็นสิ่งรอบข้างได้ค่อนข้างชัดครับ พี่เอ แกพึ่งเลิกจากงานอะไรสักอย่างนี้แหละครับอยู่ที่หมู่บ้านที่3 แต่พี่เอ จะอยู่หมู่บ้านที่1 ตรงหน้าปากทางเข้ามาในซอยเลยครับ ขอเล่าลักษณะหมู่บ้านของ พี่เอ ก่อนนะครับ หมู่บ้านที่ พี่เอ อยู่เป็นหมู่บ้าน3หมู่บ้านติดกัน เหมือนกับเราเข้ามาในซอยซอยหนึ่งและตรงเข้าไปเรื่อยๆก็จะมี3หมู่บ้านนี้เรียงติดกันครับ หลังจากที่ พี่เอ กลับจากงานในคืนวันนั้น พี่เอ ต้องได้กลับบ้านคนเดียวเพราะเพื่อนพี่เอจะอยู่หมู่บ้านที่3ทั้งหมดไม่มีใครมาส่ง เพราะตอนนั้นค่อนข้างดึกมากละครับประมาณตี1ตี2 ในขณะที่ พี่เอ กำลังเดินทางกลับบ้าน พี่เอ ได้ขี้รถมอไซต์ของตัวเองมาเรื่อยๆจนถึงปากทางเข้าหมู่บ้านที่2 พี่เอได้เห็นเงาๆหนึ่งซึ่งอยู่ริมถนน แต่พี่เอมองไม่ออกว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย รู้แค่ว่าเหมือนคนแก่ แต่พี่เอก็ไม่ได้สนใจขี่ต่อมาเรื่อยๆขี่มาได้ไม่นานพี่เอก็รู้สึกเหมือนรถมอไซต์มันขยม เหมือนมีคนขึ้นซ้อนอะครับ พี่เอเลยหันกลับไปดูกลับไม่มีอะไร แกเลยไม่ได้สนใจพอขับมาถึงครึ่งทางของหมู่บ้านที่2มันจะเป็นสี่แยก แกเลยมองกระจกหลังเพื่อที่จะดูว่ามีรถตามมาข้างหลังไหม ปรากฏว่าไม่มีรถ แต่พี่เอได้ไปสดุดมองเงาตัวเองที่อยู่บนพื้นถนนที่ไฟข้างทางของสี่แยกส่องลงมา พี่เอเจอเงาๆหนึ่งนั่งอยู่ข้างหลังแก พี่เอได้แค่มองเงาตัวเองกับเงาของใครก็ไม่รู้ที่อยู่พื้นถนน เพราะแกไม่กล้ามองข้างหลัง พี่เอเกือบสติหลุด เลยคิดว่าน่าจะเป็นเงาที่ตัวเองเห็นตอนทางเข้าหมู่บ้านที่2 พอพี่เอตั้งสติได้ พี่เอ ก็เลยขี่รถออกมาโดยที่ไม่พูดอะไร แต่พี่เอรู้สึกเจ็บท้องมากเหมือนมีคนมาหยิกท้องของตัวเองตั้งแต่เจอเงาๆนั้น พอแกขี่มากำลังเข้าหมู่บ้านของตัวเอง พี่เอรู้สึกว่ารถมันขยมอีกครั้ง และคราวนี้พี่เอเลยตัดสินใจหันไปดูว่าข้างหลังตัวเองมันคืออะไร แต่แกกลับพบว่าเงาๆนั้นได้วิ่งแยกตัวออกไปทางไร่มันด้านข้างฝุ่นตลบ แต่ก่อนที่รถจะขยมอีกครั้ง พี่เอได้รู้สึกเจ็บท้องหนักกว่าเดิมเหมือนไส้ในท้องมันจะขาดยังไงยังงั้น พอเงาๆนั้นหายไปพี่เอก็ถึงบ้าน และพี่เอไม่รีรอที่จะเปิดดูท้องของตัวเองว่ามันมีตัวอะไรมากัด แต่พี่เอไม่พบตัวอะไร พบแต่รอยแดงๆเหมือนมีเล็บมาจิกอยู่รอบๆท้อง แต่พี่เอไม่ได้บอกคนที่บ้านเพราะมันดึกแล้ว วันต่อมาพบว่ารอยที่แดงๆเหมือนเล็บเมื่อวานตอนนี้มันเป็นรอยช้ำเขียวไปหมด พี่เอเลยตัดสินใจนำเรื่องที่พี่เอเจอเมื่อคืนไปบอกคนที่บ้าน คนที่บ้านตกใจมากจึงพาพี่เอไปหาพระอาจารย์ในวันนั้นเลย พอไปถึงพระอาจารย์ก็รีบเรียกให้เข้าไปหาทุกคนก็ตกใจมากที่พอมาถึงก็โดนเรียกเข้าไปเลย พระอาจารย์ก็เลยถามพี่เอว่าเป็นยังไงบ้างที่ท้อง เจ็บไหม ทุกคนในบ้านก็อึ่งอีกว่าพระอาจารย์รู้ได้ยังไง พี่เอก็บอกว่าก็มีหน่วงๆที่ท้อง
เดียวเจ็บเดียวหาย แต่ตอนเจ็บเหมือนไส้จะขาด พระอาจารย์เลยบอกว่าถือว่ายังโชคดีที่เข้ามาในหมู่บ้านก่อนไม่งั้นได้ตายแน่ เพราะสิ่งที่เจอมันคือ
ผีปอบ ถ้าเข้าหมุ่บ้านช้ากว่านี้คงจะไม่รอดเพราะมันเจาะเข้าไปแล้ว หลังจากนั้นพระอาจารย์ก็ทำพิธีอะไรให้ ต่อมาก็ได้ยินหมู่บ้านแถวๆที่ พี่เอ เห็นว่าเงามันวิ่งไปมีคนตายโดยไม่รู้สาเหตุหรือเรียกง่ายๆก็ไหลตายนั้นแหละครับ เรื่องราวก็จะประมานนี้ครับ
คืออะไรที่ขึ้นรถมาด้วย
เริ่มเรื่องเลยนะครับ ขอใช้นามสมมุติพี่คนนี้ว่าพี่ เอ (ผู้หญิง)
ตามชนบทแห่งหนึ่งในแถวภาคอีสาน วันนั้นเป็นคืนที่พระจันทร์เต็มดวงสามารถมองเห็นสิ่งรอบข้างได้ค่อนข้างชัดครับ พี่เอ แกพึ่งเลิกจากงานอะไรสักอย่างนี้แหละครับอยู่ที่หมู่บ้านที่3 แต่พี่เอ จะอยู่หมู่บ้านที่1 ตรงหน้าปากทางเข้ามาในซอยเลยครับ ขอเล่าลักษณะหมู่บ้านของ พี่เอ ก่อนนะครับ หมู่บ้านที่ พี่เอ อยู่เป็นหมู่บ้าน3หมู่บ้านติดกัน เหมือนกับเราเข้ามาในซอยซอยหนึ่งและตรงเข้าไปเรื่อยๆก็จะมี3หมู่บ้านนี้เรียงติดกันครับ หลังจากที่ พี่เอ กลับจากงานในคืนวันนั้น พี่เอ ต้องได้กลับบ้านคนเดียวเพราะเพื่อนพี่เอจะอยู่หมู่บ้านที่3ทั้งหมดไม่มีใครมาส่ง เพราะตอนนั้นค่อนข้างดึกมากละครับประมาณตี1ตี2 ในขณะที่ พี่เอ กำลังเดินทางกลับบ้าน พี่เอ ได้ขี้รถมอไซต์ของตัวเองมาเรื่อยๆจนถึงปากทางเข้าหมู่บ้านที่2 พี่เอได้เห็นเงาๆหนึ่งซึ่งอยู่ริมถนน แต่พี่เอมองไม่ออกว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย รู้แค่ว่าเหมือนคนแก่ แต่พี่เอก็ไม่ได้สนใจขี่ต่อมาเรื่อยๆขี่มาได้ไม่นานพี่เอก็รู้สึกเหมือนรถมอไซต์มันขยม เหมือนมีคนขึ้นซ้อนอะครับ พี่เอเลยหันกลับไปดูกลับไม่มีอะไร แกเลยไม่ได้สนใจพอขับมาถึงครึ่งทางของหมู่บ้านที่2มันจะเป็นสี่แยก แกเลยมองกระจกหลังเพื่อที่จะดูว่ามีรถตามมาข้างหลังไหม ปรากฏว่าไม่มีรถ แต่พี่เอได้ไปสดุดมองเงาตัวเองที่อยู่บนพื้นถนนที่ไฟข้างทางของสี่แยกส่องลงมา พี่เอเจอเงาๆหนึ่งนั่งอยู่ข้างหลังแก พี่เอได้แค่มองเงาตัวเองกับเงาของใครก็ไม่รู้ที่อยู่พื้นถนน เพราะแกไม่กล้ามองข้างหลัง พี่เอเกือบสติหลุด เลยคิดว่าน่าจะเป็นเงาที่ตัวเองเห็นตอนทางเข้าหมู่บ้านที่2 พอพี่เอตั้งสติได้ พี่เอ ก็เลยขี่รถออกมาโดยที่ไม่พูดอะไร แต่พี่เอรู้สึกเจ็บท้องมากเหมือนมีคนมาหยิกท้องของตัวเองตั้งแต่เจอเงาๆนั้น พอแกขี่มากำลังเข้าหมู่บ้านของตัวเอง พี่เอรู้สึกว่ารถมันขยมอีกครั้ง และคราวนี้พี่เอเลยตัดสินใจหันไปดูว่าข้างหลังตัวเองมันคืออะไร แต่แกกลับพบว่าเงาๆนั้นได้วิ่งแยกตัวออกไปทางไร่มันด้านข้างฝุ่นตลบ แต่ก่อนที่รถจะขยมอีกครั้ง พี่เอได้รู้สึกเจ็บท้องหนักกว่าเดิมเหมือนไส้ในท้องมันจะขาดยังไงยังงั้น พอเงาๆนั้นหายไปพี่เอก็ถึงบ้าน และพี่เอไม่รีรอที่จะเปิดดูท้องของตัวเองว่ามันมีตัวอะไรมากัด แต่พี่เอไม่พบตัวอะไร พบแต่รอยแดงๆเหมือนมีเล็บมาจิกอยู่รอบๆท้อง แต่พี่เอไม่ได้บอกคนที่บ้านเพราะมันดึกแล้ว วันต่อมาพบว่ารอยที่แดงๆเหมือนเล็บเมื่อวานตอนนี้มันเป็นรอยช้ำเขียวไปหมด พี่เอเลยตัดสินใจนำเรื่องที่พี่เอเจอเมื่อคืนไปบอกคนที่บ้าน คนที่บ้านตกใจมากจึงพาพี่เอไปหาพระอาจารย์ในวันนั้นเลย พอไปถึงพระอาจารย์ก็รีบเรียกให้เข้าไปหาทุกคนก็ตกใจมากที่พอมาถึงก็โดนเรียกเข้าไปเลย พระอาจารย์ก็เลยถามพี่เอว่าเป็นยังไงบ้างที่ท้อง เจ็บไหม ทุกคนในบ้านก็อึ่งอีกว่าพระอาจารย์รู้ได้ยังไง พี่เอก็บอกว่าก็มีหน่วงๆที่ท้อง
เดียวเจ็บเดียวหาย แต่ตอนเจ็บเหมือนไส้จะขาด พระอาจารย์เลยบอกว่าถือว่ายังโชคดีที่เข้ามาในหมู่บ้านก่อนไม่งั้นได้ตายแน่ เพราะสิ่งที่เจอมันคือ
ผีปอบ ถ้าเข้าหมุ่บ้านช้ากว่านี้คงจะไม่รอดเพราะมันเจาะเข้าไปแล้ว หลังจากนั้นพระอาจารย์ก็ทำพิธีอะไรให้ ต่อมาก็ได้ยินหมู่บ้านแถวๆที่ พี่เอ เห็นว่าเงามันวิ่งไปมีคนตายโดยไม่รู้สาเหตุหรือเรียกง่ายๆก็ไหลตายนั้นแหละครับ เรื่องราวก็จะประมานนี้ครับ