เรื่องขนหัวลุกของนาย เอ

                   สวัสดีครับ ผม เอ ครับ เรื่องนี้ จะเล่าย้อนไปถึงตอนสมัยที่ยังเรียน ม.ปลาย อยู่ ผมเป็นคนบ้านนอกที่อาศัยอยู่ชนบทแห่งหนึ่ง ขึ้นชื่อว่าเป็นบ้านนอกเป็น เรื่องแน่นอนอยู่แล้วว่า เวลา สองทุ่ม เกือบทุกบ้านในหมู่บ้านก็จะเตรียมตัวเข้านอนกันหมดแล้วซึ่งเป็นเรื่องที่ปกติของที่นี่เลย บ้านของผมจะอยู่ประมาณเกือบท้ายซอยของหมู่บ้าน ซึ่งทางเข้าหมู่บ้านก็ไม่ได้น่ากลัวหรอกครับ ระหว่างทางมาบ้านผม ก็จะมีบ้านอยู่หลังหนึ่งซึงเป็นบ้านของขี้เมาประจำหมู่บ้าน ไม่รู้จะเมาอะไรกันนักกันหนา เมาตั้งแต่เช้ายันดึก ตื่นมาอีกทีก็เมา เช้ายันดึกเหมือนเดิม เรียกได้ว่าเป็นกิจวัตรประจำวันของลุงคนนี้ไปเลยก็ว่าได้ ซึ่งเวลาลุงแกเมาเนี่ย แกจะชอบเดินไปเรื่อย เดินไปท้ายซอยขึ้นเขาไป จดสุดซอย ซึ่งสุดซอยเนี่ยจะเป็นป่าช้าของหมู่บ้าน ลุงแกก็เดินเมาไปแบบไม่กลัวอะไรเลย ซึ่งเวลาที่แกเดินเนี่ยก็จะกลับบ้านมาประมาณ สี่ทุ่ม ถึง ห้าทุ่มทุกวันเลย เวลาแกเริ่มเดินมาจากสุดซอยเนี่ย หมาตามบ้านต่างๆ ก็จะกรูมาเห่า แกเห่าแบบชนิดที่ว่า ต้องสะดุ้งตื่นเลย ทั้งเห่าทั้งหอนจน แกเข้าไปในบ้านนู้นเลย หมาถึงจะเลิกหอน แต่ลุงแกก็ไม่มีพิษมีภัยอะไรนะครับ ค่อนข้างที่จะเป็นมิตรด้วยซ้ำและแกก็ยังชอบทักทายผู้คน เดินผ่านหน้าบ้านผมก็ยังทักผมอยู่เป็นประจำทุกครั้งไป
                   พอจบ ม.ปลาย แล้วผมก็จะต้องไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัย ซึ่งการที่เข้าไปเรียนต่อเนี่ย ค่อนข้างที่จะไกลบ้าน ซึ่งจะมีโอกาสกลับมาบ้าน ก็เฉพาะหยุดยาวหรือเทศกาลสำคัญต่างๆ ซึ่งมีครั้งหนึ่งของการกลับบ้าน ผมต้องมาตัดแต่งรั้วบ้านที่เป็นพุ่มไม้ ยืนตัดหญ้าแต่งรั้วอยู่ ก็เห็นลุงขี้เมาคนนั้นเดินมาจากท้ายซอย พร้อมกับเสียงหมาเห่า แต่วันนี้มาแปลกนิดหน่อยเพราะลุงแก เมาไม่ค่อยมากเท่าไหร่ ลุกแกค่อยๆเดินมาจนถึงที่ที่ผมยืนอยู่ แล้วลุงคนนั้นก็ทักว่า อ้าว เอ กลับมาแล้วเหรอ มหาวิทยาลัยเป็นไงบ้าง สบายดีไหม ตามประสา ผมก็คุยไปกับลุงแกด้วย คุยไปสักพักลุงแกก็นั่งลงข้างๆรั้ว บอกว่าขอนั่งพักสักหน่อย เดินไม่ค่อยไหว ด้วยความที่บ้านก็ไม่ห่างกันมากผมเลยอาสาบอกลุงว่า เดี่ยวผมหิ้วปีกไปส่งที่บ้านป่ะ ก็หิ้วปีกลุงไปส่งที่หน้าบ้านเสร็จแล้วก็ล่ำรากัน โดยที่ผมไม่รู้เลยว่านั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นได้คุยกับลุงแก
                   ณ มหาวิทยาลัย หลังจากผ่านเหตุการณ์ข้างบนไปแล้ว พักใหญ่ๆ วันหนึ่งผมก็ได้คุยกับแม่ แม่บอกว่าลุงขี้เมาแกโดนวัยรุ่นซ้อมจนตายอยู่ที่ท้ายหมู่บ้าน ด้วยความที่ลุงเป็นคนจนเอามากๆ ทางผู้ใหญ่บ้านก็เลย ให้พระมาสวดแล้วก็เผาศพวันรุ่งขึ้นเลย เหตุการณ์นี้เป็นจุดเปลี่ยนของคนในหมู่บ้าน ปกติแล้วสองทุ่มจะปิดบ้านกัน แต่หลังจากเหตุการ์ลุงขี้เมาโดนซ้อมจนตายไป หกโมงเย็นก็ไม่ค่อยมีใครออกมาเดินเล่นแล้ว แม่เล่าว่า หลังจากที่ลุงตายเนี่ย ชาวบ้านก็ได้ยินเสียงคนร้องไห้ ตามถนนทุกวันเลย ทั้งร้องไห้ แล้วหมาก็จะหอนรับก็เป็นทอดๆ ตั้งแต่ท้ายซอยยันต้นซอยเลย ซึ่งเรื่องราวนี้ได้สร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก ไม่มีใครกล้าออกบ้านหลังจากตะวันตกดินเลย ยิงตอนดึกๆถ้าใครออกมา นอกบ้านก็จะได้ยินแต่เสียงร้องไห้ หมาเห่าหมาหอน เหมือนตอนที่ลุงขี้เมาคนนั้นเดินผ่านบ้านตอนที่มีชีวิตอยู่เลย หมาเห่าหมาหอนเหมือนกันเป๊ะ ทุกคนเลยกลัวกันเป็นอย่างมาก
                   มีวันหนึ่งผมได้กลับมาเยี่ยมบ้านเนื่องจากเป็นวันหยุดยาว หลายวัน ซึ่งพอมานึกถึงเหตุการณ์ ลุงขี้เมาร้องไห้แล้ว ก็คิดอยู่ในใจว่า อย่าให้เจอเลยยย คืนนั้นที่บ้าน เนื่องด้วยผมเป็นเด็กหอ การนอนดึกก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว คืนนั้นประมาณสามทุ่มกว่าๆ ผมก็นั่งเล่นคอมพิวเตอร์ไปเพลินๆ อยู่ อยู่ๆก็ได้ยินเสียหมาหอน มาทางท้างซอย (ห้องนอนผมติดข้างรั้วหน้าต่างมองเห็นถนน) จากเสียงหมาหอนหนึ่งตัว ก็เป็นเสียงหมาเป็นสิบๆตัวหอนรับกันเป็นทอดๆ ตอนนั้นคิดอยู่ในใจเลยว่า ลุงมาแล้วมั้งเนี่ย ก็เลยเกิดอาการกลัวขึ้นมาเลยพับคอมแล้วปิดไฟนอน ซึ่งมันก็ไม่ได้ทำให้หายกลัวเลย จะเปิดไฟไว้ ก็กลัวว่าลุงแกจะรู้ว่าเราอยู่ สักพักหมาที่เริ่มหอนจากที่ใกล้ๆ ก็มาหอนอยู่ใกล้ๆบ้าน ผมเลยตัดสินใจชะโงกหน้าออกไปมองที่ถนน ปรากฎว่า หมา เห็นแต่หมาวิ่งเหมือนไล่เห่าไล่หอนอะไรบางอย่างอยู่ แต่พยายามมองยังไงก็ไม่เห็นอะไร พยายามฟังเสียงร้องไห้ก็ไม่มีนี่หว่า ก็เลยนอนลง พอหัวถึงหมอนปุ๊บ เหมือนจะได้ยินเสียงแว่วๆ ลอยมา ว่า “เอ กลับมาแล้วเหรอ” ตอนนั้นสัมผัสได้เลยว่าขนหัวลุกตั้งเป็นยังไง เหมือนขนทุกเส้นทุกอณูพร้อมกันลุกเกลียวขึ้นมา ตอนนั้นคลุมโปรงเลย แล้วก็ยกมือขึ้นไหว้เจ้าที่เจ้าทางบอก ว่า ไล่ไปหน่อยๆ พร้อมกับบอกว่าลุงอย่ามาทักกันเลยไปเถอะ เดี่ยวทำบุญไปให้ เชื่อไหมครับว่า เสียงหมาจากที่เห่าๆหอนๆอยู่ กลับกลายเป็นเสียงหมาร้องหงิ๊กๆ เหมือนมีคนมาไล่ฟาดแล้ว ก็ได้ยินเสียงหมาวิ่งกรูจนไม่เหลือเสียงหมาสักตัวที่อยู่แถวนั้น คืนนั้นก็ผ่านไปด้วยความน่ากลัว ซึ่งยังไม่รู้เลยว่าเสียงนั้นเป็นเสียงที่คิดไปเองหรือเปล่า จนตอนเช้าก็ตื่นขึ้นบอกกับแม่ว่า เจออะไรเมื่อคืนนี้ แม่ก็เลยบอกว่าให้ไปตักบาตร กับพระวัดป่าสิ แม่ก็เตรียมสำรับกับข้าวเพื่อตักบาตรามาให้ผมอย่างด่วนๆเลย สักพักพระก็มาเดินผ่านหน้าบ้าน ซึ่งเราก็ใส่บาตรตามปกติ รับพรเสร็จ กรวดน้ำเสร็จ ซึ่งก็เป็นอันจบ แต่พระหลังจากสวดเสร็จ ก็พูดขึ้นมาว่า เขาได้รับแล้วนะโยม สิ่งที่โยมบอกเขานะ แล้วพระก็เดินจากไป พร้อมกับขนที่ลุกเกลียวขึ้นอีกครั้ง
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับผม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่