“ตากใบต้องไม่เงียบ” นักศึกษา ภาคประชาสังคม ชายแดนใต้ ทวงคืนความยุติธรรม คนผิดต้องรับโทษ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9474875
ยะลา “ตากใบต้องไม่เงียบ” นักศึกษา ภาคประชาสังคมชายแดนใต้ รวมตัวทวงคืนความยุติธรรม คนผิดต้องรับโทษ ก่อนหมดอายุความ 20 ปี
25 ต.ค. 67 – ที่สนามโรงพิธีช้างเผือก อ. เมืองยะลา ได้มีกลุ่ม นักศึกษาชาย-หญิง ประชาชน รวมถึง กลุ่มภาคประชาสังคมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ กว่า 500 คน มารวมตัว จัดกิจกรรม Challenge ร้อยความรู้สึก : การเดินทางของความรู้สึกจากหมู่บ้านสู่หมู่บ้าน การแบ่งปันความรู้สึก ความคิดกับความสูญเสีย “
โศกนาฏกรรมตากใบ”
โดยใช้ผ้าเป็นสื่อในการถ่ายทอด แสดงความคิดเห็น และเขียนข้อความต่างๆ ในหัวข้อ “ตากใบตลอดระยะเวลา 20 ปี และทิศทางของคดีกับเวลาที่เหลือ” เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาล ตามคนผิดมารับโทษตามกระบวนยุติธรรม จากเหตุการณ์สลายการชุมนุม หน้า สภ.ตากใบ ซึ่งกำลังจะหมดอายุความในวันนี้ 25 ตุลาคม 2567 นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์มาเมื่อ ปี 2547 พร้อมแสดงออกถึงความรู้สึก”
ตากใบต้องไม่เงียบ”เรียกร้องความยุติธรรมให้กับผู้เสียชีวิต
นาย
ซูกริฟฟี ลาเตะ นักกิจกรรมทางการเมือง จากThe Patani เปิดเผยว่า ในฐานะเป็นคนในพื้นที่ มีการติดตามเหตุการณ์สลายการชุมนุม ตากใบ ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 85 คน เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547 ที่ผ่านมา ซึ่งวันนี้ เหลือ 24 ชั่วโมงสุดท้าย ก่อนขีดเส้นตายหลังเที่ยงคืน ในวันที่ 25 ตุลาคม 2567
ถามว่ามีความหวังมั้ย ซึ่งหากดูจากกระบวนการยุติธรรมในห้วงที่ผ่านมา พี่น้องประชาชนในพื้นที่มีความเชื่อมั่นในกระบวนยุติธรรมค่อนข้างลำบาก วันนี้ รัฐบาล ภายใต้การนำของ
แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่สามารถทำให้จำเลยทั้ง 7 คน เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้
ทำให้พี่น้องประชาชนที่นี่ มีความเชื่อใจต่อรัฐบาลลำบากมากยิ่งขึ้น และนำมาซึ่งความเจ็บปวดของญาติพี่น้องของผู้ที่เสียชีวิต รวมทั้งความเจ็บปวดของประชาชนในพื้นที่ ที่ติดตามเรื่องเหตุการณ์ตากใบมาโดยตลอด ก็อยากเรียกร้องให้รัฐบาลทำตามหน้าที่อย่างเข้มข้น ในการนำคนผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ซึ่งวันนี้ ผู้ที่มาร่วมในการแสดงจุดยืน มาจากหลายกลุ่ม จากพี่น้องประชาชนที่เป็นชาวบ้าน จากนักกิจกรรมทางการเมือง นักศึกษา ประชาชน ร่วมแสดงออกให้ผู้ที่มีอำนาจ ให้รัฐบาลเห็นว่า ประชาชนในพื้นที่มีการติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด อยากให้รัฐบาลทำตามหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ในห้วงที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เหตุระเบิดในพื้นที่ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี แน่นอนว่าสิ่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของอะไร แต่ที่แน่ๆ ความรุนแรงจะเกิดขึ้น ถ้าเราไม่สามารถที่จะทำให้ที่นี่เอง มีพื้นที่ทางการเมืองที่ปลอดภัยพอ ให้พี่น้องประชาชนแสดงออกทางการเมืองที่ปลอดภัย อย่าลืมว่ าเหตุการณ์ที่ ตากใบ เป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ เป็นการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากการใช้อาวุธ ซึ่งการแสดงออกทางการเมืองของพี่น้องประชาชนแบบนี้ ถ้าถูกทำร้าย ทำลายลง จะทำให้การเชื่อมั่นในกระบวนการสร้างสันติภาพในพื้นที่ เป็นไปด้วยความลำบากขึ้น และอาจจะส่งผลต่อความรุนแรง
ส่วนตัวผม ที่เป็นนักกิจกรรมทางการเมืองที่นี่ มาจากองค์กรที่มีความเชื่อมั่นว่า อยากจะเรียกร้องกับรัฐเพื่อทำให้บรรยากาศในพื้นที่ดีขึ้น ประชาชนได้รับการดูแลในกระบวนยุติธรรมอย่างถูกต้อง ซึ่งหลังจากนี้ หากการเรียกร้องกระบวนการยุติธรรม จำเลยไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม การเรียกร้องต่อรัฐบาล หรือรัฐมนตรีที่รับผิดชอบ ก็ต้องได้รับคำขอโทษจากนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้นำประเทศ หรือการแสดงความรับผิดชอบโดยการริบบำนาญของข้าราชการ ผู้กระทำความผิด ในครั้งนี้
โรมหวังเห็นปาฏิหาริย์ไม่กี่ชม.ก่อนคดีตากใบหมดอายุความ เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมสำเร็จได้
https://www.matichon.co.th/politics/news_4864292
โรมหวังเห็นปาฏิหาริย์ไม่กี่ชม.ก่อนคดีตากใบหมดอายุความ เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมสำเร็จได้
เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ที่รัฐสภา นาย
รังสิมันต์ โรม สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงคดีตากใบที่จะหมดอายุความในวันนี้ ว่า มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย เนื่องจากเป็นวันที่ 25 ต.ค. เป็นวันสุดท้ายของการครบกำหนดในคดีตากใบ ซึ่งเป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญ ว่ากระบวนการยุติธรรมจะมีความศักดิ์สิทธิ์มากน้อยเพียงใด เราคงจะเหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่ชั่วโมง ก่อนที่อายุความจะหมดลง ซึ่งคาดว่าในวันนี้จะมีการพูดถึงและแถลงจากหลายภาคส่วน
นาย
รังสิมันต์ กล่าวอีกว่า วันนี้ตนจึงอยากบอกผ่านไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องว่า คดีนี้มีความสำคัญหากท่านมีอำนาจ มีหน้าที่ที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อยากให้ช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนี้ เป็นปาฏิหาริย์ที่เราจะเห็นกระบวนการยุติธรรมที่สามารถสำเร็จ ทราบดีว่าคงจะน้อยนิด แต่ถ้าคดีตากใบมีความชัดเจน กระบวนการยุติธรรมจะเดินต่อไปได้ เชื่อว่าโอกาสที่เราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในเรื่องของการเห็นสันติภาพ สันติสุขในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็จะมีความหวังยิ่งขึ้น.
แบกต้นทุนไม่ไหว แม่ค้าติดป้ายประกาศขอขึ้นราคา "กะทิคั้นสด"
https://www.thairath.co.th/news/local/2821885
แบกต้นทุนไม่ไหว แม่ค้าติดป้ายประกาศขอขึ้นราคา "กะทิคั้นสด" หลังราคามะพร้าวขยับขึ้นเป็นลูกละ 35 บาท กระทบพ่อค้า "ข้าวหลาม-ขนมจาก" ต้นทุนทำขนมเพิ่มขึ้น
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 25 ตุลาคม 2567 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจราคากะทิคั้นสดหลังพบว่ามีการปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่ร้านเจ๊แอนน้ำกะทิคั้นสด หน้าบ้านเอื้ออาทรเขาแตงอ่อน ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พบว่ามะพร้าวแก่ที่เป็นวัตถุดิบนำมาใช้คั้นกะทิสดมีการปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่องและขาดตลาด ทำให้วันนี้ราคาขายกะทิสดขึ้นสูงถึง กก.ละ 90 บาท และมีแนวโน้มสูงถึง กก.ละ 100 บาท พร้อมติดป้ายแจ้งให้ลูกค้าทราบการปรับราคาน้ำกะทิคั้น
นางสาว
จิตรนภา เจริญศรี อายุ 48 ปี เจ้าของร้านขายกะทิคั้นสด เล่าว่า ตนเพิ่งเปิดร้านได้ประมาณช่วงต้นปี ซื้อมะพร้าวเพื่อใช้คั้นกะทิสดจากชาวสวนในตอนแรกเริ่มต้นที่ลูกละ 25 บาท นำมาคั้นเป็นกะทิสดขายในราคากิโลกรัมละ 70 บาท แต่ทางสวนมะพร้าวได้ทำการแจ้งก่อนแล้วว่า มะพร้าวจะเริ่มขาดและหายากและเริ่มปรับราคามาเป็นลูกละ 27 บาท ทางร้านก็ยังพยุงราคายังคงขายในราคากิโลกรัมละ 70 บาทอยู่ยังไม่ปรับขึ้นราคา จนมะพร้าวขยับมาถึงลูกละ 30 บาท
ทางร้านจึงปรับขึ้นราคามาเป็นกิโลกรัมละ 80 บาท ทางสวนก็บอกอีกว่ารอบหน้ามะพร้าวจะเป็นลูกละ 35 บาทแล้วนะ ทางร้านก็ต้องปรับราคาขึ้นอีก แต่ทุกครั้งที่เราปรับราคาขึ้น เราจะแจ้งให้ลูกค้าทราบก่อนโดยเฉพาะลูกค้าประจำ ปัจจุบันนี้ทางร้านซื้อมะพร้าวในราคาลูกละ 35 บาท จึงจำเป็นต้องขายกะทิคั้นสดในราคากิโลกรัมละ 90 บาท
ทั้งนี้ ทางสวนมะพร้าวบอกกับทางร้านว่า เหตุที่มะพร้าวแพงเพราะว่าด้วงมันกินยอดทำให้ต้นมะพร้าวตาย มีผลผลิตน้อยและการเติบโตของมะพร้าวต้องใช้ระยะเวลาเมื่อสอยลูกแก่ไปแล้วก็ต้องรอให้ผลเล็กกว่าเจริญเติบโตมาแทนที่ ซึ่งมะพร้าวแต่ละขนาดก็จะใช้ประโยชน์ไม่เหมือนกันราคาต่างกัน แต่มะพร้าวแก่ที่นำมาใช้คั้นกะทิจะราคาแพงที่สุด ซึ่งตอนนี้ตกลูกละ 35 บาท
ขณะที่ นาย
เอื้อ ไพบูลย์ อายุ 50 ปี พ่อค้าขายข้าวหลามกับขนมจาก เผยว่า เริ่มแรกซื้อกะทิใช้กิโลกรัมละ 65 บาท แต่ในตอนนี้ต้องซื้อในราคา 80-90 บาท ซึ่งเป็นราคาที่แพงขึ้นมาก ส่วนทางร้านเองใช้กะทิประมาณวันละ 5 กิโลก็ตกประมาณ 400-500 บาทในการซื้อน้ำกะทิ และยังไม่รวมถึงวัตถุดิบอื่นๆ อีก ซึ่งในอนาคตถ้าราคายังแพงอยู่ก็อาจจะต้องขึ้นราคาสินค้า แต่ในตอนนี้ทางร้านเองก็ยังคงขายในราคาปกติอยู่เพราะเห็นใจและสงสารลูกค้า.
JJNY : “ตากใบต้องไม่เงียบ” คนผิดต้องรับโทษ│“โรม”หวังเห็นปาฏิหาริย์│ประกาศขอขึ้นราคา"กะทิคั้นสด"│ตุรกีถล่มเป้าหมาย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9474875
ยะลา “ตากใบต้องไม่เงียบ” นักศึกษา ภาคประชาสังคมชายแดนใต้ รวมตัวทวงคืนความยุติธรรม คนผิดต้องรับโทษ ก่อนหมดอายุความ 20 ปี
25 ต.ค. 67 – ที่สนามโรงพิธีช้างเผือก อ. เมืองยะลา ได้มีกลุ่ม นักศึกษาชาย-หญิง ประชาชน รวมถึง กลุ่มภาคประชาสังคมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ กว่า 500 คน มารวมตัว จัดกิจกรรม Challenge ร้อยความรู้สึก : การเดินทางของความรู้สึกจากหมู่บ้านสู่หมู่บ้าน การแบ่งปันความรู้สึก ความคิดกับความสูญเสีย “โศกนาฏกรรมตากใบ”
โดยใช้ผ้าเป็นสื่อในการถ่ายทอด แสดงความคิดเห็น และเขียนข้อความต่างๆ ในหัวข้อ “ตากใบตลอดระยะเวลา 20 ปี และทิศทางของคดีกับเวลาที่เหลือ” เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาล ตามคนผิดมารับโทษตามกระบวนยุติธรรม จากเหตุการณ์สลายการชุมนุม หน้า สภ.ตากใบ ซึ่งกำลังจะหมดอายุความในวันนี้ 25 ตุลาคม 2567 นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์มาเมื่อ ปี 2547 พร้อมแสดงออกถึงความรู้สึก”ตากใบต้องไม่เงียบ”เรียกร้องความยุติธรรมให้กับผู้เสียชีวิต
นายซูกริฟฟี ลาเตะ นักกิจกรรมทางการเมือง จากThe Patani เปิดเผยว่า ในฐานะเป็นคนในพื้นที่ มีการติดตามเหตุการณ์สลายการชุมนุม ตากใบ ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 85 คน เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547 ที่ผ่านมา ซึ่งวันนี้ เหลือ 24 ชั่วโมงสุดท้าย ก่อนขีดเส้นตายหลังเที่ยงคืน ในวันที่ 25 ตุลาคม 2567
ถามว่ามีความหวังมั้ย ซึ่งหากดูจากกระบวนการยุติธรรมในห้วงที่ผ่านมา พี่น้องประชาชนในพื้นที่มีความเชื่อมั่นในกระบวนยุติธรรมค่อนข้างลำบาก วันนี้ รัฐบาล ภายใต้การนำของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่สามารถทำให้จำเลยทั้ง 7 คน เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้
ทำให้พี่น้องประชาชนที่นี่ มีความเชื่อใจต่อรัฐบาลลำบากมากยิ่งขึ้น และนำมาซึ่งความเจ็บปวดของญาติพี่น้องของผู้ที่เสียชีวิต รวมทั้งความเจ็บปวดของประชาชนในพื้นที่ ที่ติดตามเรื่องเหตุการณ์ตากใบมาโดยตลอด ก็อยากเรียกร้องให้รัฐบาลทำตามหน้าที่อย่างเข้มข้น ในการนำคนผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ซึ่งวันนี้ ผู้ที่มาร่วมในการแสดงจุดยืน มาจากหลายกลุ่ม จากพี่น้องประชาชนที่เป็นชาวบ้าน จากนักกิจกรรมทางการเมือง นักศึกษา ประชาชน ร่วมแสดงออกให้ผู้ที่มีอำนาจ ให้รัฐบาลเห็นว่า ประชาชนในพื้นที่มีการติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด อยากให้รัฐบาลทำตามหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ในห้วงที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เหตุระเบิดในพื้นที่ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี แน่นอนว่าสิ่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของอะไร แต่ที่แน่ๆ ความรุนแรงจะเกิดขึ้น ถ้าเราไม่สามารถที่จะทำให้ที่นี่เอง มีพื้นที่ทางการเมืองที่ปลอดภัยพอ ให้พี่น้องประชาชนแสดงออกทางการเมืองที่ปลอดภัย อย่าลืมว่ าเหตุการณ์ที่ ตากใบ เป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ เป็นการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากการใช้อาวุธ ซึ่งการแสดงออกทางการเมืองของพี่น้องประชาชนแบบนี้ ถ้าถูกทำร้าย ทำลายลง จะทำให้การเชื่อมั่นในกระบวนการสร้างสันติภาพในพื้นที่ เป็นไปด้วยความลำบากขึ้น และอาจจะส่งผลต่อความรุนแรง
ส่วนตัวผม ที่เป็นนักกิจกรรมทางการเมืองที่นี่ มาจากองค์กรที่มีความเชื่อมั่นว่า อยากจะเรียกร้องกับรัฐเพื่อทำให้บรรยากาศในพื้นที่ดีขึ้น ประชาชนได้รับการดูแลในกระบวนยุติธรรมอย่างถูกต้อง ซึ่งหลังจากนี้ หากการเรียกร้องกระบวนการยุติธรรม จำเลยไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม การเรียกร้องต่อรัฐบาล หรือรัฐมนตรีที่รับผิดชอบ ก็ต้องได้รับคำขอโทษจากนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้นำประเทศ หรือการแสดงความรับผิดชอบโดยการริบบำนาญของข้าราชการ ผู้กระทำความผิด ในครั้งนี้
โรมหวังเห็นปาฏิหาริย์ไม่กี่ชม.ก่อนคดีตากใบหมดอายุความ เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมสำเร็จได้
https://www.matichon.co.th/politics/news_4864292
โรมหวังเห็นปาฏิหาริย์ไม่กี่ชม.ก่อนคดีตากใบหมดอายุความ เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมสำเร็จได้
เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงคดีตากใบที่จะหมดอายุความในวันนี้ ว่า มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย เนื่องจากเป็นวันที่ 25 ต.ค. เป็นวันสุดท้ายของการครบกำหนดในคดีตากใบ ซึ่งเป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญ ว่ากระบวนการยุติธรรมจะมีความศักดิ์สิทธิ์มากน้อยเพียงใด เราคงจะเหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่ชั่วโมง ก่อนที่อายุความจะหมดลง ซึ่งคาดว่าในวันนี้จะมีการพูดถึงและแถลงจากหลายภาคส่วน
นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า วันนี้ตนจึงอยากบอกผ่านไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องว่า คดีนี้มีความสำคัญหากท่านมีอำนาจ มีหน้าที่ที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อยากให้ช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนี้ เป็นปาฏิหาริย์ที่เราจะเห็นกระบวนการยุติธรรมที่สามารถสำเร็จ ทราบดีว่าคงจะน้อยนิด แต่ถ้าคดีตากใบมีความชัดเจน กระบวนการยุติธรรมจะเดินต่อไปได้ เชื่อว่าโอกาสที่เราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในเรื่องของการเห็นสันติภาพ สันติสุขในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็จะมีความหวังยิ่งขึ้น.
แบกต้นทุนไม่ไหว แม่ค้าติดป้ายประกาศขอขึ้นราคา "กะทิคั้นสด"
https://www.thairath.co.th/news/local/2821885
แบกต้นทุนไม่ไหว แม่ค้าติดป้ายประกาศขอขึ้นราคา "กะทิคั้นสด" หลังราคามะพร้าวขยับขึ้นเป็นลูกละ 35 บาท กระทบพ่อค้า "ข้าวหลาม-ขนมจาก" ต้นทุนทำขนมเพิ่มขึ้น
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 25 ตุลาคม 2567 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจราคากะทิคั้นสดหลังพบว่ามีการปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่ร้านเจ๊แอนน้ำกะทิคั้นสด หน้าบ้านเอื้ออาทรเขาแตงอ่อน ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พบว่ามะพร้าวแก่ที่เป็นวัตถุดิบนำมาใช้คั้นกะทิสดมีการปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่องและขาดตลาด ทำให้วันนี้ราคาขายกะทิสดขึ้นสูงถึง กก.ละ 90 บาท และมีแนวโน้มสูงถึง กก.ละ 100 บาท พร้อมติดป้ายแจ้งให้ลูกค้าทราบการปรับราคาน้ำกะทิคั้น
นางสาวจิตรนภา เจริญศรี อายุ 48 ปี เจ้าของร้านขายกะทิคั้นสด เล่าว่า ตนเพิ่งเปิดร้านได้ประมาณช่วงต้นปี ซื้อมะพร้าวเพื่อใช้คั้นกะทิสดจากชาวสวนในตอนแรกเริ่มต้นที่ลูกละ 25 บาท นำมาคั้นเป็นกะทิสดขายในราคากิโลกรัมละ 70 บาท แต่ทางสวนมะพร้าวได้ทำการแจ้งก่อนแล้วว่า มะพร้าวจะเริ่มขาดและหายากและเริ่มปรับราคามาเป็นลูกละ 27 บาท ทางร้านก็ยังพยุงราคายังคงขายในราคากิโลกรัมละ 70 บาทอยู่ยังไม่ปรับขึ้นราคา จนมะพร้าวขยับมาถึงลูกละ 30 บาท
ทางร้านจึงปรับขึ้นราคามาเป็นกิโลกรัมละ 80 บาท ทางสวนก็บอกอีกว่ารอบหน้ามะพร้าวจะเป็นลูกละ 35 บาทแล้วนะ ทางร้านก็ต้องปรับราคาขึ้นอีก แต่ทุกครั้งที่เราปรับราคาขึ้น เราจะแจ้งให้ลูกค้าทราบก่อนโดยเฉพาะลูกค้าประจำ ปัจจุบันนี้ทางร้านซื้อมะพร้าวในราคาลูกละ 35 บาท จึงจำเป็นต้องขายกะทิคั้นสดในราคากิโลกรัมละ 90 บาท
ทั้งนี้ ทางสวนมะพร้าวบอกกับทางร้านว่า เหตุที่มะพร้าวแพงเพราะว่าด้วงมันกินยอดทำให้ต้นมะพร้าวตาย มีผลผลิตน้อยและการเติบโตของมะพร้าวต้องใช้ระยะเวลาเมื่อสอยลูกแก่ไปแล้วก็ต้องรอให้ผลเล็กกว่าเจริญเติบโตมาแทนที่ ซึ่งมะพร้าวแต่ละขนาดก็จะใช้ประโยชน์ไม่เหมือนกันราคาต่างกัน แต่มะพร้าวแก่ที่นำมาใช้คั้นกะทิจะราคาแพงที่สุด ซึ่งตอนนี้ตกลูกละ 35 บาท
ขณะที่ นายเอื้อ ไพบูลย์ อายุ 50 ปี พ่อค้าขายข้าวหลามกับขนมจาก เผยว่า เริ่มแรกซื้อกะทิใช้กิโลกรัมละ 65 บาท แต่ในตอนนี้ต้องซื้อในราคา 80-90 บาท ซึ่งเป็นราคาที่แพงขึ้นมาก ส่วนทางร้านเองใช้กะทิประมาณวันละ 5 กิโลก็ตกประมาณ 400-500 บาทในการซื้อน้ำกะทิ และยังไม่รวมถึงวัตถุดิบอื่นๆ อีก ซึ่งในอนาคตถ้าราคายังแพงอยู่ก็อาจจะต้องขึ้นราคาสินค้า แต่ในตอนนี้ทางร้านเองก็ยังคงขายในราคาปกติอยู่เพราะเห็นใจและสงสารลูกค้า.