JJNY : กมธ. จี้ ‘สคบ.’ล่าปลาเน่า│กมธ.สคบ.เจอ ‘กุญแจ’ สำคัญ│เปิด 5 สัญญาณ กดดันตลาดอสังหา│คว่ำบาตร “กองเรือเงา” รัสเซีย

กมธ. จี้ ‘สคบ.’ล่าปลาเน่า จนท.รับจดทะเบียน ‘ดิไอคอนกรุ๊ป’ มั่นใจสอบสวนกลางจับชายปริศนาได้แน่.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4851970

ที่ประชุม กมธ.สคบ. จี้ สคบ.ไล่าหาปลาเน่า จนท.รับจดทะเบียน ‘ดิไอคอนกรุ๊ป’ พบทำงานเป็นหน้าห้องผู้ตรวจ สำนักนายกฯท่านหนึ่ง ‘ประเสริฐพงษ์’ บอกรับเงินจากบอสเกิน 3 พันด้วย อู้ฟู่! ได้กระเป๋าแบรนด์เนม ตอนนี้ปิดเฟซบุ๊ก-ออกจากกลุ่มไลน์เรียบร้อย เผยรองเลขาฯ สคบ.บอกลาหายตัวไปแล้ว เชื่อมือ ตร.สอบสวนกลางจะตามจับ “ชายปริศนา” ในคลิปเสียงได้ รอผลพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์
 
เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.กระบี่ พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) การคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุม กมธ. ที่มีการเชิญตัวแทนจาก สำนักงานตำรวจสอบสวนกลาง และ สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) มาชี้แจงถึงคดี ดิไอคอน กรุ๊ป ว่า จากที่ประชุม กมธ. ตำรวจสอบสวนกลางยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ กำลังทำคดีอยู่อย่างรวดเร็ว พร้อมชี้แจงไทม์ไลน์ตั้งแต่ทราบเรื่อง กระบวนการสอบสวน การตั้งข้อหา และการจับกุม เราได้รับการยืนยันจากทางตำรวจว่าทำงานเต็มที่ ตนและ กมธ. ก็ให้กำลังใจกันไป ตำรวจก็ยืนยันว่าจะมีการขยายผลต่อเนื่องว่าจะเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่หรือไม่ เรื่องนี้ต้องรอทางตำรวจที่จะสอบสวนเพิ่มเติม เรื่องการที่ยึดทรัพย์มาได้ระดับหนึ่ง ก็ต้องมีการขยายผลต่อ
 
นายประเสริฐพงษ์ กล่าวต่อว่า ส่วน สคบ. ตนได้ซักถามตั้งแต่ปี 2561 ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป เข้าไปสอบถามจะจดทะเบียน จากนั้น สคบ. ก็มีหนังสือไปถึง 2-3 หน่วยงาน รวมถึงตำรวจด้วย สุดท้าย สคบ. ไม่ร้บจดทะเบียน ต่อมามีการไปขอซ้ำอีกรอบและจดทะเบียนให้ มันเกิดอะไรขึ้น กมธ.ก็พยายามสอบถาม ก็ได้ทราบข้อมูลว่าในเบื้องต้น มีการปฏิเสธแล้วจริง แต่พอมาขอจดทะเบียนใหม่ สคบ.ได้ดูเอกสารแล้ว เป็นสิ่งที่ทำถูกต้องตามขั้นตอน
 
ผมจึงตั้งคำถามว่าทำไมไม่ดูข้อมูลข่าวด้วย สิ่งที่ท่านตอบกลับมาคือภารกิจเยอะ อาจจะไม่ได้ดูรายละเอียดมาก และงานรับเรื่องเยอะมาก จะมีทีมงานดูแลกองอยู่ ซึ่งในช่วงท้ายก็ได้รับข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่ใน สคบ.ท่านหนึ่งที่เป็นข่าวว่าได้รับมอบของราคาเกิน 3,000 บาทนั่นแหละ เป็นพนักงาน ตอนนี้ปิดเฟซบุ๊กหนีหาย ออกจากไลน์กลุ่มไปแล้ว ผมก็ถามว่าหนีไปหรือไม่ สคบ. ก็บอกว่าลาไปแล้ว ลาหายไปแล้ว ไม่สามารถติดต่อได้ คนนี้น่าจะเป็นกุญแจที่สำคัญอีกคนหนึ่ง เพราะในอดีตเคยทำงานอยู่หน้าห้องผู้ตรวจ สำนักนายกฯท่านหนึ่ง และเคยอยู่ สคบ. รับผิดชอบในเรื่องของการรับจดทะเบียน” นายประเสริฐพงษ์ กล่าว
 
นายประเสริฐพงษ์ กล่าวต่อว่า รองเลขาฯ สคบ. ระบุว่าวันนี้ จะมีการตั้งคณะกรรมการจากหลายหน่วยงาน เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพราะ สคบ. ก็อยากกอบกู้ภาพลักษณ์ที่ดี เนื่องจากตอนนี้มีข่าวเรื่องเทวดาออกไป เขาก็คิดว่าเป็นผลมาจากคนส่วนน้อย จึงพยายามหาอยู่ว่าใครเป็นปลาเน่าในเข่ง
 
ผมเลยบอกว่าหาปลาเน่าในเข่งให้เจอก็แล้วกัน ดำเนินงานให้ตรงไปตรงมา ไม่ต้องมาไว้หน้ากัน ผมมองว่าเรื่องนี้ต้องทำงานเชิงรุก” นายประเสริฐพงษ์ กล่าว
 
นายประเสริฐพงษ์ กล่าวอีกว่า กมธ. ย้ำกับ สคบ.ว่า ถ้าทำงานเชิงรุกเรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้น นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ประธาน กมธ. ก็ย้ำว่าบริษัทดิไอคอนถูกร้องเรียนมาแล้วในชั้น กมธ.ชุดที่ผ่านมา แต่มีการไกล่เกลี่ยและคืนเงิน ถ้ามีการมอนิเตอร์ติดตามต่อเนื่อง คงจะไม่มีเหตุการณ์ซ้ำรอยแบบนี้ เราคงจะต้องรอผลสรุปจากคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่แต่งตั้งกรรมมการสอบหาข้อเท็จจริง
 
ผมก็เอาภาพขึ้นโชว์ใน กมธ. ว่ามีบุคคลคนหนึ่งรับของเกิน 3,000 บาท ทำไม สคบ.ไม่จัดการ มันเกิดอะไรขึ้น รองเลขาฯ ก็ชี้แจงว่าไม่ได้รู้หรอก เพราะเป็นเฟซบุ๊กส่วนตัว แต่วันนี้รู้แล้ว คงจะกลับไปดำเนินการแล้วแหละครับ …. ให้กระเป๋าแบรนด์เนม หลุยส์ เห็นภาพรับของจากบอส ราคาเกิน 3,000 บาท เรื่องนี้ต้องมีการชี้แจงจาก สคบ.อีกทีหนึ่ง” นายประเสริฐพงษ์ กล่าว

เมื่อถามว่าเรื่องคลิปเสียงบอสพอลคุยกับชายปริศนา ตำรวจสอบสวนกลางสามารถตรวจสอบได้หรือไม่ นายประเสริฐพงษ์ กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ในกระบวนการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ กมธ.ก็แสดงความเห็นว่าไม่อยากให้เปลี่ยนหน่วยงานสอบสวน ส่วนบอสพอลได้รับสารภาพในชั้นสอบสวนหรือไม่ว่าชายคนดังกล่าวเป็นใคร ตำรวจสอบสวนกลางระบุว่าขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน ซึ่งตนมั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง
เมื่อถามถึงเทวดาที่อยู่บนสุดเป็นใคร มีข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่ นายประเสริฐพงษ์ ระบุว่า ตนคิดว่าหาตัวพนักงาน สคบ. คนนั้นให้เจอก่อน.



กมธ.สคบ.เจอ ‘กุญแจ’ สำคัญ สคบ.รับจดทะเบียนดิไอคอน เคยอยู่หน้าห้องผู้ตรวจสำนักนายกฯ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4852180

กมธ.สคบ.เจอ ‘กุญแจ’ สำคัญ สคบ.รับจดทะเบียน ‘ดิไอคอนกรุ๊ป’ เคยทำงานหน้าห้องผู้ตรวจสำนักนายกฯ รับกระเป๋าแบรนด์เนมจากบอส

เมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.กระบี่ พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) การคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุม กมธ. ที่มีการเชิญตัวแทนจาก สำนักงานตำรวจสอบสวนกลาง และ สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) มาชี้แจงถึงคดีดิไอคอนกรุ๊ปว่า ได้ซักถาม สคบ.ตั้งแต่ปี 2561 ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป เข้าไปสอบถามจะจดทะเบียน จากนั้น สคบ.ก็มีหนังสือไปถึง 2-3 หน่วยงาน รวมถึงตำรวจด้วย สุดท้าย สคบ.ไม่รับจดทะเบียน ต่อมามีการไปขอซ้ำอีกรอบและจดทะเบียนให้ มันเกิดอะไรขึ้น กมธ.ก็พยายามสอบถาม ก็ได้ทราบข้อมูลว่าในเบื้องต้น มีการปฏิเสธแล้วจริง แต่พอมาขอจดทะเบียนใหม่ สคบ.ได้ดูเอกสารแล้ว เป็นสิ่งที่ทำถูกต้องตามขั้นตอน
 
ผมจึงตั้งคำถามว่าทำไมไม่ดูข้อมูลข่าวด้วย สิ่งที่ท่านตอบกลับมาคือภารกิจเยอะ อาจจะไม่ได้ดูรายละเอียดมาก และงานรับเรื่องเยอะมาก จะมีทีมงานดูแลกองอยู่ ซึ่งในช่วงท้ายก็ได้รับข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่ใน สคบ.ท่านหนึ่งที่เป็นข่าวว่าได้รับมอบของราคาเกิน 3,000 บาทนั่นแหละ เป็นพนักงาน ตอนนี้ปิดเฟซบุ๊กหนีหาย ออกจากไลน์กลุ่มไปแล้ว ผมก็ถามว่าหนีไปหรือไม่ สคบ.ก็บอกว่าลาไปแล้ว ลาหายไปแล้ว ไม่สามารถติดต่อได้ คนนี้น่าจะเป็นกุญแจที่สำคัญอีกคนหนึ่ง เพราะในอดีตเคยทำงานอยู่หน้าห้องผู้ตรวจ สำนักนายกฯท่านหนึ่ง และเคยอยู่ สคบ. รับผิดชอบในเรื่องของการรับจดทะเบียน” นายประเสริฐพงษ์กล่าว
 
นายประเสริฐพงษ์กล่าวต่อว่า รองเลขาฯสคบ.ระบุว่าวันนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการจากหลายหน่วยงาน เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพราะ สคบ.อยากกอบกู้ภาพลักษณ์ที่ดี เนื่องจากตอนนี้มีข่าวเรื่องเทวดาออกไป เขาก็คิดว่าเป็นผลมาจากคนส่วนน้อย จึงพยายามหาอยู่ว่าใครเป็นปลาเน่าในเข่ง
 
ผมก็เอาภาพขึ้นโชว์ใน กมธ.ว่ามีบุคคลคนหนึ่งรับของเกิน 3,000 บาท ทำไม สคบ.ไม่จัดการ มันเกิดอะไรขึ้น รองเลขาฯก็ชี้แจงว่าไม่ได้รู้หรอก เพราะเป็นเฟซบุ๊กส่วนตัว แต่วันนี้รู้แล้ว คงจะกลับไปดำเนินการแล้ว ให้กระเป๋าแบรนด์เนม หลุยส์ เห็นภาพรับของจากบอส ราคาเกิน 3,000 บาท เรื่องนี้ต้องมีการชี้แจงจาก สคบ.อีกทีหนึ่ง” นายประเสริฐพงษ์กล่าว.



เปิด 5 สัญญาณ กดดันตลาดอสังหา ฉุดกำลังซื้อแผ่ว อยากมีบ้าน แต่ซื้อไม่ได้
https://www.matichon.co.th/economy/news_4852151

เปิด 5 สัญญาณ กดดันตลาดอสังหา ฉุดกำลังซื้อแผ่ว อยากมีบ้าน แต่ซื้อไม่ได้
 
เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม น.ส.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เปิดเผยว่า ปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่ผันผวนยังคงส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีสาเหตุหลักจาก 5 ปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะปัญหาหนี้ครัวเรือนที่รุนแรง แม้ว่าที่อยู่อาศัยจะเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 ที่จำเป็นและมีความต้องการสูง แต่หลายคนที่ต้องการซื้อกลับไม่สามารถซื้อได้ สาเหตุมาจากต้นทุนการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่รายได้ของผู้บริโภคไม่เติบโตตาม ทำให้ความสามารถในการซื้อบ้านลดลง
 
ทั้งนี้ “เสนา” ได้สะท้อนถึง 5 ปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน ดังนี้

1.ความไม่สอดคล้องระหว่าง Demand และ Supply : สัดส่วนความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย (Demand) ในแต่ละกลุ่มราคานั้นไม่สอดคล้องกับการพัฒนาโครงการที่มีอยู่ (Supply) มากกว่า 50% ของประชาชนมีรายได้ที่เหมาะสมกับการซื้อบ้านในระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท แต่ซัพพลายที่มีอยู่ในตลาดอสังหาฯ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่มีราคาสูงกว่า 3 ล้านบาท เนื่องจากความสามารถในการซื้อของผู้บริโภคที่ไม่ได้เพิ่มขึ้นตามอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ

เมื่อเปรียบเทียบระหว่างรายได้และอัตราการเติบโตของราคาบ้าน ทำให้ผู้บริโภคโดยทั่วไปสามารถเข้าถึงการซื้อบ้านได้ยากกว่าที่เคยเป็นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อเดือน ซึ่งมีมากกว่า 50% ของผู้บริโภคในกรุงเทพฯที่สามารถซื้อบ้านได้ในระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาทเท่านั้น
 
2. รายได้ประชากรส่วนใหญ่ใน กทม.โตไม่ทันกับราคาที่อยู่อาศัย : ราคาที่อยู่อาศัยในปัจจุบันเพิ่มขึ้นถึง 70% เมื่อเทียบกับปี 2557 แต่รายได้เฉลี่ยต่อคนของประชาชนเพิ่มขึ้นเพียง 15% เท่านั้น ซึ่งความต่างนี้เป็นผลมาจากราคาที่ดินที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ราคาที่ดินเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ราคาที่อยู่อาศัยสูงขึ้น การที่จะเห็นราคาที่ดินลดลงเป็นเรื่องยาก
 
ในขณะที่ดีเวลลอปเปอร์พยายามที่จะทำที่อยู่อาศัยในราคาที่ถูกลงเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค แต่ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นราคาที่ดิน หรือวัสดุการก่อสร้าง ก็ทำให้ราคาขายต้องปรับตัวตามไปด้วย ทั้งนี้ ดีเวลลอปเปอร์เองยังคงคาดหวังผลกำไรจากการพัฒนาโครงการ ทำให้ราคาที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นทุกปี แม้ว่ารายได้ของผู้บริโภคจะไม่สามารถเติบโตตามได้ทัน
 
3.ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง : การเดินทางเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ สำหรับผู้ที่มีรายได้เฉลี่ยประมาณ 30,000 บาทต่อเดือน มีค่าใช้จ่ายต่อเดือน 87% คิดเป็นค่าเดินทาง 16% ของค่าใช้จ่ายต่อเดือน ซึ่งถือว่าเป็นส่วนที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อบ้านอย่างมาก
 
การซื้อบ้านในใจกลางเมืองกลายเป็นเรื่องยาก เนื่องจากราคาที่อยู่อาศัยในเมืองนั้นสูงเกินไปสำหรับคนส่วนใหญ่ ทำให้ผู้บริโภคต้องมองหาบ้านในพื้นที่รอบนอกเมืองหรือชานเมือง ซึ่งจะมาพร้อมกับต้นทุนค่าเดินทางที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

4. ราคาที่อยู่อาศัยและค่าเดินทางคือราคาที่อยู่อาศัยที่แท้จริง : ราคาที่อยู่อาศัยที่แท้จริงไม่ใช่เพียงราคาบ้าน แต่ต้องคำนึงถึงค่าเดินทางร่วมด้วย เมื่อรวมต้นทุนค่าเดินทางแล้ว ราคาบ้านในเขตเมืองจะแพงขึ้นไปอีก ซึ่งส่งผลให้การซื้อบ้านในใจกลางเมืองยิ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายมากขึ้นสำหรับผู้บริโภคทั่วไป ผู้ที่ซื้อบ้านนอกเมืองอาจจะต้องเสียค่าเดินทางเพิ่มเติมในแต่ละวัน เป็นภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมาอีกระดับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่