"แพทองธาร" เปิดตัวโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ "ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส" กระตุ้นเศรษฐกิจ 110,000 ล้านบาท ลดค่าครองชีพ เพิ่มพื้นที่ค้าขาย ร่วมมือภาครัฐ-เอกชน ฟื้นเศรษฐกิจไทย
รัฐบาลไทยภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้เดินหน้าเปิดตัว "โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ" อย่างเป็นทางการ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2567 โดยมีเป้าหมายสำคัญในการ "ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส" ให้แก่ผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไป เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง
โครงการนี้ถือเป็นการต่อยอดจาก "โครงการเงินหมื่นฟื้นเศรษฐกิจ" ที่ได้ดำเนินการไปก่อนหน้านี้ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนพิการ ที่ได้รับโอกาสในการสร้างชีวิตใหม่และนำเงินไปใช้จ่ายในครัวเรือน รวมถึงการลงทุนทำธุรกิจขนาดเล็ก
สาระสำคัญของโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
โครงการนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่
1. การลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการรายเล็ก:
รัฐบาลได้ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อลดค่าเช่าร้านค้าและแผงขายของในพื้นที่ราชการและเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานคร ที่ได้รับความร่วมมือจากผู้ว่าฯ ชัชชาติ ในการลดค่าเช่าถึง 50% ใน 12 ตลาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยเหลือพ่อค้าแม่ค้ากว่า 11,000 ราย นอกจากนี้ ยังมีการลดค่าขนส่งสินค้าผ่านความร่วมมือระหว่างไปรษณีย์ไทยกับหน่วยงานราชการ
2. การเพิ่มพื้นที่ค้าขายให้ผู้ประกอบการรายเล็ก:
รัฐบาลได้ระดมความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ เช่น กระทรวงกลาโหม ที่นำพื้นที่ค่ายทหารมาจัดเป็นตลาดนัด และกระทรวงมหาดไทย ที่เปิดพื้นที่หน้าศาลากลางจังหวัดให้เป็นพื้นที่ค้าขาย รวมถึงการจัดตลาดพาณิชย์กว่า 1,300 ครั้งทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มช่องทางการทำมาค้าขายให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อย
3. การลดค่าครองชีพให้ประชาชน:
รัฐบาลได้ประสานงานกับผู้ผลิตและผู้ค้าส่งรายใหญ่เพื่อลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภค พร้อมทั้งจัดงานมหกรรมลดราคาสินค้า โดยมีภาคเอกชนทั้งผู้ผลิตรายใหญ่ ห้างสรรพสินค้า ผู้ให้บริการในปั๊มน้ำมัน และแพลตฟอร์มค้าขายออนไลน์รวม 130 ราย กับร้านสาขาย่อยกว่าแสนสาขาทั่วประเทศร่วมมือในการลดราคาสินค้า
ผลลัพธ์ที่คาดหวัง
นายกรัฐมนตรีแพทองธารได้แสดงความมั่นใจว่า โครงการนี้จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากถึง 110,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการผนึกกำลังอย่างเข้มแข็งของทุกภาคส่วน โดยภาครัฐเป็นผู้ขับเคลื่อนนโยบาย และภาคเอกชนมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินงานให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
การติดตามผลและการขยายผล
ในพิธีเปิดโครงการ นายกรัฐมนตรีได้มีการ VDO Call พูดคุยและรับชมบรรยากาศกิจกรรมฟื้นฟูเศรษฐกิจจากสถานที่จริงใน 5 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น ลพบุรี อุดรธานี ภูเก็ต และเชียงราย ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ โดยเฉพาะในจังหวัดขอนแก่นที่มีการนำเสนออัตลักษณ์ท้องถิ่นผ่านอาหารขึ้นชื่ออย่างไก่ย่างเขาสวนกวาง
"โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ" นี้แสดงให้เห็นถึงความพยายามของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่องและครอบคลุม โดยมุ่งเน้นการช่วยเหลือทั้งผู้ประกอบการรายย่อยและประชาชนทั่วไป ผ่านการลดต้นทุน เพิ่มโอกาสทางการค้า และลดค่าครองชีพ ซึ่งคาดว่าจะสร้างการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจกว่า 1.1 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของโครงการนี้จะขึ้นอยู่กับความร่วมมือของทุกภาคส่วนและการติดตามผลอย่างต่อเนื่องจากภาครัฐ เพื่อให้เกิดการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาว
อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่
https://www.tnnthailand.com/news/tnnexclusive/178879/
"ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส" 3 กลยุทธ์ ฟื้นเศรษฐกิจไทย ปี 67
โครงการนี้ถือเป็นการต่อยอดจาก "โครงการเงินหมื่นฟื้นเศรษฐกิจ" ที่ได้ดำเนินการไปก่อนหน้านี้ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนพิการ ที่ได้รับโอกาสในการสร้างชีวิตใหม่และนำเงินไปใช้จ่ายในครัวเรือน รวมถึงการลงทุนทำธุรกิจขนาดเล็ก
สาระสำคัญของโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
โครงการนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่
1. การลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการรายเล็ก:
รัฐบาลได้ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อลดค่าเช่าร้านค้าและแผงขายของในพื้นที่ราชการและเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานคร ที่ได้รับความร่วมมือจากผู้ว่าฯ ชัชชาติ ในการลดค่าเช่าถึง 50% ใน 12 ตลาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยเหลือพ่อค้าแม่ค้ากว่า 11,000 ราย นอกจากนี้ ยังมีการลดค่าขนส่งสินค้าผ่านความร่วมมือระหว่างไปรษณีย์ไทยกับหน่วยงานราชการ
2. การเพิ่มพื้นที่ค้าขายให้ผู้ประกอบการรายเล็ก:
รัฐบาลได้ระดมความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ เช่น กระทรวงกลาโหม ที่นำพื้นที่ค่ายทหารมาจัดเป็นตลาดนัด และกระทรวงมหาดไทย ที่เปิดพื้นที่หน้าศาลากลางจังหวัดให้เป็นพื้นที่ค้าขาย รวมถึงการจัดตลาดพาณิชย์กว่า 1,300 ครั้งทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มช่องทางการทำมาค้าขายให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อย
3. การลดค่าครองชีพให้ประชาชน:
รัฐบาลได้ประสานงานกับผู้ผลิตและผู้ค้าส่งรายใหญ่เพื่อลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภค พร้อมทั้งจัดงานมหกรรมลดราคาสินค้า โดยมีภาคเอกชนทั้งผู้ผลิตรายใหญ่ ห้างสรรพสินค้า ผู้ให้บริการในปั๊มน้ำมัน และแพลตฟอร์มค้าขายออนไลน์รวม 130 ราย กับร้านสาขาย่อยกว่าแสนสาขาทั่วประเทศร่วมมือในการลดราคาสินค้า
ผลลัพธ์ที่คาดหวัง
นายกรัฐมนตรีแพทองธารได้แสดงความมั่นใจว่า โครงการนี้จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากถึง 110,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการผนึกกำลังอย่างเข้มแข็งของทุกภาคส่วน โดยภาครัฐเป็นผู้ขับเคลื่อนนโยบาย และภาคเอกชนมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินงานให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
การติดตามผลและการขยายผล
ในพิธีเปิดโครงการ นายกรัฐมนตรีได้มีการ VDO Call พูดคุยและรับชมบรรยากาศกิจกรรมฟื้นฟูเศรษฐกิจจากสถานที่จริงใน 5 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น ลพบุรี อุดรธานี ภูเก็ต และเชียงราย ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ โดยเฉพาะในจังหวัดขอนแก่นที่มีการนำเสนออัตลักษณ์ท้องถิ่นผ่านอาหารขึ้นชื่ออย่างไก่ย่างเขาสวนกวาง
"โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ" นี้แสดงให้เห็นถึงความพยายามของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่องและครอบคลุม โดยมุ่งเน้นการช่วยเหลือทั้งผู้ประกอบการรายย่อยและประชาชนทั่วไป ผ่านการลดต้นทุน เพิ่มโอกาสทางการค้า และลดค่าครองชีพ ซึ่งคาดว่าจะสร้างการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจกว่า 1.1 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของโครงการนี้จะขึ้นอยู่กับความร่วมมือของทุกภาคส่วนและการติดตามผลอย่างต่อเนื่องจากภาครัฐ เพื่อให้เกิดการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาว
อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ https://www.tnnthailand.com/news/tnnexclusive/178879/