กินเจไม่จำเจ แถมได้สุขภาพดี ด้วยเมนูผัก 5 สี
การกินเจเป็นการดูแลสุขภาพและจิตใจไปพร้อมกัน แต่หลายคนอาจรู้สึกเบื่อกับเมนูอาหารเจที่จำเจ วันนี้เราจะมาเพิ่มสีสันให้มื้ออาหารของคุณด้วยผัก 5 สี ที่ไม่เพียงแต่จะอร่อย แต่ยังอุดมไปด้วยวิตามินและใยอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายอีกด้วย
ทำไม? ต้องผัก 5 สี
ผักแต่ละสีมีสารอาหารที่แตกต่างกันไป การทานผักหลากสีจึงช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหาร ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เช่น ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง และช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น
สีเขียว
ถ้าพูดถึงผักหลายคนน่าจะนึกถึงสีเขียวเป็นอันดับแรกใช่ไหม? ผักสีเขียวอุดมไปด้วยสารสำคัญอย่างคลอโรฟิลล์, ลูทีน และซีแซนทีน ซึ่งล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการทำลายเซลล์ ลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง ชะลอการเสื่อมของจอประสาทตา และยังมีไฟเบอร์สูง ช่วยเรื่องการขับถ่าย ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ลดการเกิดริ้วรอย และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ผักสีเขียวที่ควรทาน เช่น ผักบุ้ง, ผักโขม, ปวยเล้ง, ผักกาดหอม, คะน้า, แตงกวา, ตำลึง, กะหล่ำปลี, บรอกโคลี, หน่อไม้ฝรั่ง, อะโวคาโด และถั่วลันเตา
สีเหลืองและสีส้ม
ผักและผลไม้ที่มีสีเหลืองหรือสีส้ม อุดมไปด้วยสารแคโรทีนอยด์ ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ รวมถึงเบต้า-แคโรทีน,ฟลาโวนอยด์ และวิตามินซี ที่มีประโยชน์หลากหลาย ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดอาการอักเสบ บำรุงสายตา ลดการเสื่อมของเซลล์ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันโรคหัวใจ หลอดเลือด และลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง ผักและผลไม้สีเหลืองและส้มที่แนะนำให้ทาน ได้แก่ แครอท, ฟักทอง, มันเทศ, พริกสีเหลือง, ส้ม, มะนาว, มะละกอ
สีม่วงและสีน้ำเงิน
ผักผลไม้ที่มีสีม่วงหรือสีน้ำเงิน อุดมไปด้วยสารแอนโทไซยานิน ซึ่งมีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าวิตามินซีและอีถึงสองเท่า! สารนี้ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ ปกป้องหลอดเลือด กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติในการยับยั้งเชื้ออีโคไลในทางเดินอาหาร ช่วยลดอาการท้องเสียได้ด้วย ผักและผลไม้สีม่วงหรือสีน้ำเงินที่แนะนำให้ทาน ได้แก่ มะเขือม่วง, กะหล่ำปลีสีม่วง, มันเทศสีม่วง, หอมแดง, เผือก และดอกอัญชัน
สีขาวและสีน้ำตาลอ่อน
ผักและสมุนไพรที่มีสีขาวหรือสีน้ำตาลอ่อน อุดมไปด้วยสารแซนโทน ซึ่งอยู่ในกลุ่มฟลาโวนอยด์ สารนี้มีคุณสมบัติเด่นในการลดอาการอักเสบ ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด ต้านอนุมูลอิสระ และลดไขมันในเลือด นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงลดความเสี่ยงในการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง และช่วยบรรเทาอาการปวดตามข้อได้ดี ผักและสมุนไพรในกลุ่มสีขาวหรือสีน้ำตาลอ่อน ได้แก่ งาขาว, ขิง, ข่า, กระเทียม, กุยช่าย, ขึ้นฉ่าย, ผักกาดขาว, เห็ด, ลูกเดือย, หัวไชเท้า, ดอกกะหล่ำ, ดอกแค และถั่วงอก
สีแดง
ผักผลไม้ที่มีสีแดงอุดมไปด้วยสารไลโคปีน, เบตาไซซีน และแอนโทไซยานิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงมาก สารไลโคปีนช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด และมะเร็งปากมดลูก นอกจากนี้ ยังช่วยลดปริมาณไขมันไม่ดี (LDL) ชะลอการเกิดโรคหัวใจหลอดเลือด ลดความดันโลหิต และป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด รวมถึงช่วยลดริ้วรอยได้อีกด้วย ผักผลไม้สีแดงที่ควรทาน ได้แก่ มะเขือเทศ, บีทรูท, กระเจี๊ยบแดง, หอมแดง, พริกหวาน และพริกแดง
ตัวอย่างเมนูผัก 5 สีที่น่าสนใจ
สลัดผักรวม : ผักสลัดหลากสี + แครอทขูด + แตงกวา + มะเขือเทศเชอรี่ + ถั่ว + น้ำสลัดงา
สมูทตี้สีม่วง : ดอกอัญชัน + นมถั่วเหลือง + กล้วยหอม + น้ำแข็ง
แกงเลียง : ผักรวม (ฟักทอง, มะเขือ, ถั่วฝักยาว) + เห็ด + น้ำแกงเข้มข้น
เคล็ดลับทำให้อาหารเจไม่น่าเบื่อ
* ปรุงรสชาติให้หลากหลาย ใช้สมุนไพรไทย เช่น ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มาปรุงรสอาหาร
* นำผักไปทำเป็นเมนูต่างๆ เช่น ผักอบกรอบ, สลัด, ซุป
*
นำผักไปปั่นเป็นสมูทตี้ เพิ่มความอร่อยด้วยผลไม้และโยเกิร์ต
* เปลี่ยนวิธีการปรุง นอกจากผัด ทอด ต้ม ยังสามารถนำผักไปนึ่ง อบ ย่าง ได้
*
หาสูตรอาหารเจใหม่ๆ จากหนังสือ ตำราอาหาร หรืออินเทอร์เน็ต
การกินเจไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เราหมั่นหาเมนูใหม่ๆ และเลือกวัตถุดิบที่หลากหลาย รับรองว่าการกินเจของคุณจะสนุก อร่อย และมีประโยชน์ต่อสุขภาพแน่นอน!…ขอให้มีความสุขกับการกินเจนะทุกคน
กินเจไม่จำเจ แถมได้สุขภาพดี ด้วยเมนูผัก 5 สี
กินเจไม่จำเจ แถมได้สุขภาพดี ด้วยเมนูผัก 5 สี
การกินเจเป็นการดูแลสุขภาพและจิตใจไปพร้อมกัน แต่หลายคนอาจรู้สึกเบื่อกับเมนูอาหารเจที่จำเจ วันนี้เราจะมาเพิ่มสีสันให้มื้ออาหารของคุณด้วยผัก 5 สี ที่ไม่เพียงแต่จะอร่อย แต่ยังอุดมไปด้วยวิตามินและใยอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายอีกด้วย
ทำไม? ต้องผัก 5 สี
ผักแต่ละสีมีสารอาหารที่แตกต่างกันไป การทานผักหลากสีจึงช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหาร ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เช่น ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง และช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น
สีเขียว
ถ้าพูดถึงผักหลายคนน่าจะนึกถึงสีเขียวเป็นอันดับแรกใช่ไหม? ผักสีเขียวอุดมไปด้วยสารสำคัญอย่างคลอโรฟิลล์, ลูทีน และซีแซนทีน ซึ่งล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการทำลายเซลล์ ลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง ชะลอการเสื่อมของจอประสาทตา และยังมีไฟเบอร์สูง ช่วยเรื่องการขับถ่าย ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ลดการเกิดริ้วรอย และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ผักสีเขียวที่ควรทาน เช่น ผักบุ้ง, ผักโขม, ปวยเล้ง, ผักกาดหอม, คะน้า, แตงกวา, ตำลึง, กะหล่ำปลี, บรอกโคลี, หน่อไม้ฝรั่ง, อะโวคาโด และถั่วลันเตา
สีเหลืองและสีส้ม
ผักและผลไม้ที่มีสีเหลืองหรือสีส้ม อุดมไปด้วยสารแคโรทีนอยด์ ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ รวมถึงเบต้า-แคโรทีน,ฟลาโวนอยด์ และวิตามินซี ที่มีประโยชน์หลากหลาย ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดอาการอักเสบ บำรุงสายตา ลดการเสื่อมของเซลล์ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันโรคหัวใจ หลอดเลือด และลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง ผักและผลไม้สีเหลืองและส้มที่แนะนำให้ทาน ได้แก่ แครอท, ฟักทอง, มันเทศ, พริกสีเหลือง, ส้ม, มะนาว, มะละกอ
สีม่วงและสีน้ำเงิน
ผักผลไม้ที่มีสีม่วงหรือสีน้ำเงิน อุดมไปด้วยสารแอนโทไซยานิน ซึ่งมีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าวิตามินซีและอีถึงสองเท่า! สารนี้ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ ปกป้องหลอดเลือด กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติในการยับยั้งเชื้ออีโคไลในทางเดินอาหาร ช่วยลดอาการท้องเสียได้ด้วย ผักและผลไม้สีม่วงหรือสีน้ำเงินที่แนะนำให้ทาน ได้แก่ มะเขือม่วง, กะหล่ำปลีสีม่วง, มันเทศสีม่วง, หอมแดง, เผือก และดอกอัญชัน
สีขาวและสีน้ำตาลอ่อน
ผักและสมุนไพรที่มีสีขาวหรือสีน้ำตาลอ่อน อุดมไปด้วยสารแซนโทน ซึ่งอยู่ในกลุ่มฟลาโวนอยด์ สารนี้มีคุณสมบัติเด่นในการลดอาการอักเสบ ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด ต้านอนุมูลอิสระ และลดไขมันในเลือด นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงลดความเสี่ยงในการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง และช่วยบรรเทาอาการปวดตามข้อได้ดี ผักและสมุนไพรในกลุ่มสีขาวหรือสีน้ำตาลอ่อน ได้แก่ งาขาว, ขิง, ข่า, กระเทียม, กุยช่าย, ขึ้นฉ่าย, ผักกาดขาว, เห็ด, ลูกเดือย, หัวไชเท้า, ดอกกะหล่ำ, ดอกแค และถั่วงอก
สีแดง
ผักผลไม้ที่มีสีแดงอุดมไปด้วยสารไลโคปีน, เบตาไซซีน และแอนโทไซยานิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงมาก สารไลโคปีนช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด และมะเร็งปากมดลูก นอกจากนี้ ยังช่วยลดปริมาณไขมันไม่ดี (LDL) ชะลอการเกิดโรคหัวใจหลอดเลือด ลดความดันโลหิต และป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด รวมถึงช่วยลดริ้วรอยได้อีกด้วย ผักผลไม้สีแดงที่ควรทาน ได้แก่ มะเขือเทศ, บีทรูท, กระเจี๊ยบแดง, หอมแดง, พริกหวาน และพริกแดง
ตัวอย่างเมนูผัก 5 สีที่น่าสนใจ
สลัดผักรวม : ผักสลัดหลากสี + แครอทขูด + แตงกวา + มะเขือเทศเชอรี่ + ถั่ว + น้ำสลัดงา
สมูทตี้สีม่วง : ดอกอัญชัน + นมถั่วเหลือง + กล้วยหอม + น้ำแข็ง
แกงเลียง : ผักรวม (ฟักทอง, มะเขือ, ถั่วฝักยาว) + เห็ด + น้ำแกงเข้มข้น
เคล็ดลับทำให้อาหารเจไม่น่าเบื่อ
* ปรุงรสชาติให้หลากหลาย ใช้สมุนไพรไทย เช่น ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มาปรุงรสอาหาร
* นำผักไปทำเป็นเมนูต่างๆ เช่น ผักอบกรอบ, สลัด, ซุป
* นำผักไปปั่นเป็นสมูทตี้ เพิ่มความอร่อยด้วยผลไม้และโยเกิร์ต
* เปลี่ยนวิธีการปรุง นอกจากผัด ทอด ต้ม ยังสามารถนำผักไปนึ่ง อบ ย่าง ได้
* หาสูตรอาหารเจใหม่ๆ จากหนังสือ ตำราอาหาร หรืออินเทอร์เน็ต
การกินเจไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เราหมั่นหาเมนูใหม่ๆ และเลือกวัตถุดิบที่หลากหลาย รับรองว่าการกินเจของคุณจะสนุก อร่อย และมีประโยชน์ต่อสุขภาพแน่นอน!…ขอให้มีความสุขกับการกินเจนะทุกคน