JJNY : 5in1 กัณวีร์ตั้งคำถาม│“อดีตสมช.”เตือนระเบิดเวลา│เชียงใหม่วิกฤต!│แจก10000 ยังไม่เกิดพายุหมุน│นายกฯใหม่ญี่ปุ่นเตือน

กัณวีร์ตั้งคำถาม อนุญาต พล.อ. พิศาล ลาประชุมยาวได้อย่างไร ออกนอกประเทศหลังศาลรับฟ้องคดีตากใบ 3 วัน
https://thestandard.co/how-could-general-pisal-take-such-a-long-leave/
 
 
วันนี้ (4 ตุลาคม) กัณวีร์ สืบแสง สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เปิดเผยว่า รู้สึกตกใจมากสำหรับกรณี พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 ในคดีตากใบ ที่ปัจจุบันถูกออกหมายจับโดยศาลจังหวัดนราธิวาส
 
ทั้งนี้ พล.อ.พิศาล ขอลาช่วงสมัยการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรระหว่างวันที่ 26 สิงหาคม – 30 ตุลาคม 2567 ด้วยเหตุผลด้านสุขภาพที่ต้องไปรักษาในต่างประเทศ โดยในใบลาระบุว่า อนุญาตโดย พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ลงวันที่ 28 สิงหาคม 2567
 
จึงถึงบางอ้อว่าทำไมหา พล.อ.พิศาล ไม่เจอ เพราะไปตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม 2567 แล้ว คำถามว่าไปไหนคงไม่สำคัญ แต่คำถามที่สำคัญที่สุดคือใครให้ไป ใครอนุญาตให้ไป เพราะถือว่ายังเป็น สส. ที่ต้องทำหน้าที่รับใช้ประชาชน การอ้างเหตุผลด้านการแพทย์และต้องออกนอกประเทศหลังศาลจังหวัดนราธิวาสรับฟ้อง 3 วัน ฟังขึ้นหรือไม่ ก่อนหน้าที่ศาลจะรับฟ้อง ทำไมท่านยังอยู่ในสภา ปฏิบัติหน้าที่ปกติ” กัณวีร์กล่าว
 
กัณวีร์ระบุว่า คดีตากใบจะหมดอายุความในวันที่ 25 ตุลาคม 2567 ชั้นแรกของความยากในการดำเนินคดีกับ สส. คือมีความคุ้มกันตามรัฐธรรมนูญในช่วงสมัยการเปิดประชุมสภา แต่ก็มีคำชี้แจงจากเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรว่า จากรัฐธรรมนูญปี 2560 สามารถดำเนินคดีได้ ไม่มีเอกสิทธิ์ใดๆ แต่ตอนนี้มีการอนุญาตให้ไปพักรักษาตัว ซึ่งได้ข่าวว่าไปต่างประเทศ และอนุญาตหลังศาลรับฟ้องเพียง 3 วัน ยาวไปถึงวันที่ 30 ตุลาคม 2667 หลังคดีหมดอายุความ
 
กัณวีร์กล่าวย้ำว่า การอนุมัติการลาสมัยประชุมสภานั้น ทางปฏิบัติคือรองประธานสภาคนที่ 1 โดยการมอบหมายของประธานสภา เรื่องนี้ต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ว่าปล่อยไปได้อย่างไร เต็มที่ก็ต้องให้ พล.อ.พิศาล ลาออกไปก่อน หากจะปล่อยไปอย่างนี้ ไม่เช่นนั้นหลังวันที่ 30 ตุลาคม 2567 คดีหมดอายุความ ก็สามารถกลับมาเป็น สส. ตามเดิม เข้าประชุมตามเดิม และที่สำคัญ ญาติผู้เสียชีวิตก็เจ็บปวดรวดร้าวตามเดิม และสร้างรอยแผลให้บาดลึกลงไปในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากการกระทำครั้งนี้ของฝ่ายนิติบัญญัติ
 
บาดแผลครั้งนี้ถูกเปิดให้กว้างโดยฝ่ายปฏิบัติ ละเลงความเจ็บปวดโดยฝ่ายบริหาร และทำให้บาดแผลมันไม่มีทางสมานได้โดยฝ่ายนิติบัญญัติ ทุกท่านที่เกี่ยวข้องต้องออกมาชี้แจงและรับผิดชอบต่อการกระทำครับ” กัณวีร์กล่าวย้ำ
 
ประธานวิปรัฐบาลย้ำ ต้องให้สภาอนุมัติส่งตัว
 
ด้าน วิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีศาลจังหวัดนราธิวาสออกหมายจับ พล.อ.พิศาล ในคดีตากใบ กรณีไม่ไปขึ้นศาล
 
วิสุทธิ์ระบุว่า เมื่อเดือนที่แล้วทราบว่าไปรักษาตัวอยู่ที่ต่างประเทศ แต่ไม่ทราบว่าไปที่ไหน ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 125 บัญญัติไว้ชัดเจนว่า ช่วงของการประชุมสภา การจับกุมคุมขัง ประธานสภาจะต้องนำเข้าสู่การพิจารณาเพื่อให้สภาอนุมัติก่อนถึงจะจับได้
 
อย่างไรก็ตาม พล.อ.พิศาล ไปต่างประเทศก่อนหน้านี้แล้ว และไม่ได้อยู่ในสภา ซึ่งตามรัฐธรรมนูญมาตราดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.พิศาล หรือใครก็แล้วแต่ ถ้าอยู่ในประเทศไทยก็ไม่สามารถจับกุมคุมขังได้ ต้องขออนุญาต เว้นเสียแต่ว่าคนนั้นถูกฟ้องแล้ว ไปมอบตัวแล้ว และประกันตัวออกมาแล้ว ศาลสามารถเรียกได้
 
วันนี้ผมไม่ทราบท่านพิศาลไปอยู่ที่ไหน เขาไม่ได้บอกผม และผมมีหน้าที่เป็นวิป ก็จะตาม สส. มาลงคะแนน แต่เรื่องการดำเนินการทั้งหมดผมคิดว่าอยู่ในอำนาจของศาลแล้วว่าจะพิจารณาอย่างไร ผมไม่ได้เอารัฐธรรมนูญมาอ้างเพื่อที่จะปกป้องท่านพิศาล ไม่ว่าใครไม่สามารถจะยิ่งใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญ เพราะเป็นกฎหมายสูงสุดที่จะต้องยึดตามนี้” วิสุทธิ์กล่าว
 



“อดีต สมช.” เตือนระเบิดเวลา “คดีตากใบ” หลังพรรคเพื่อไทยลอยตัว!
https://www.pptvhd36.com/news/การเมือง/234020

“อดีต สมช.” เตือนระเบิดเวลา “คดีตากใบ” หลังอดีตแม่ทัพภาค 4 ยังหายตัว-พรรคเพื่อไทยยังลอยตัว เชื่อเป็นเงื่อนไขสำคัญทำรัฐบาลเสียการทรงตัวถึงขั้นนับถอยหลัง!
 
จากกรณีศาลจังหวัดนราธิวาส ออกหมายจับ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี สส.พรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ในคดีสลายการชุมนุมหน้า สภ.ตากใบ เหตุหลบหนีไม่มาตามศาลตามกำหนด ขณะที่ท่าทีของพรรคเพื่อไทยที่เป็นต้นสังกัดเองกลับเป็นเพียงการประกาศผ่านสื่อ ขอ  พล.อ.พิศาล เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
 
ล่าสุด พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ได้ให้ความเห็นในเรื่องดังกล่าว ในรายการ “เปิดโต๊ะข่าว” ทางช่อง PPTVHD36 ไว้อย่างน่าสนใจ

โดยพล.ท.ภราดร บอกว่า เรื่องนี้ถือเป็นปัญหาใหญ่ และเป็นแผลเป็นติดตัวพรรคเพื่อไทย แบบไม่มีทางลบหายได้เลย เพราะตนมีโอกาสช่วยไปหาเสียงให้กับพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เป็นตัวแทนลงไปที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งทุกครั้งที่จะไปชี้แจงนโยบายของพรรคเพื่อไทย ไม่เคยมีโอกาสได้ชี้แจงเลย เพราะจะถูกประชาชนถามในข้อแรกว่าทำไม พล.อ.พิศาล ถึงได้เป็นปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคเพื่อไทยเบอร์ต้นๆ
 
แสดงว่าเรื่องนี้มันฝังลึกกับประชาชนในพื้นที่ แล้วยากที่จะลบ เพราะคดีนี้นี้อายุความ 20 ปี แต่กลับไปไม่ถึงกระบวนการของศาลยุติธรรม และไม่มีสิทธิปฏิเสธได้เลยว่าอยู่ในกระบวนการสืบสวนสอบสวนยาว ซึ่งมันผิดปกติโดยธรรมชาติ และที่สำคัญที่สุดในยุคที่มีการยึดอำนาจ 9 ปีที่มีอำนาจเต็มและไม่ทำคดีนี้ ก็ทำให้ประชาชนไปเชื่อมั่นว่าเป็นความผิดของเจ้าหน้าที่ทางทหาร และสุดท้ายก็ปกป้องกันมา จนมาถึงสถานการณ์นี้
 
เรื่องนี้จะเป็นเงื่อนไขต่อไปที่ทำให้พื้นที่นี้ไม่สงบ และเป็นเงื่อนไขที่ลุกลามกลับมาที่รัฐบาล และเป็นอีกเงื่อนไขสะสมที่ทำให้รัฐบาลต้องนับถอยหลัง
 
เมื่อถามว่าเหตุการณ์คาร์บอมหรือเหตุรุนแรงที่ถี่ขึ้นเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ พล.ท.ภราดร บอกว่า เกี่ยวข้องแน่นอน เพราะตนสอบถามทั้งจากเจ้าหน้าที่ข่าวกรอง และฝ่ายในพื้นที่ พบว่าประเด็นนี้มาบรรจบกันชัดเจน ซึ่งหากไม่มีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเรื่องนี้ออกไป จะพารัฐบาลเหนื่อยในโอกาสต่อไปจนอาการหนัก
 
เมื่อถามว่าการที่พรรคเพื่อไทยอ้างว่าเป็นกระบวนการของตำรวจ พรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้ขัดขวางอะไร พล.ท.ภราดร บอกว่า จริงสิ่งที่ควรทำแต่แรกรัฐบาลต้องประกาศชัดเจน เพราะมีอำนาจเหนือตำรวจอยู่แล้ว  ต้องแสดงความจริงจังว่าจะติดตามตัวคนที่อยู่ในหมายจับเหล่านี้ และที่สำคัญ
 
กรณี พล.อ.พิศาล ซึ่งเป็น สส.ของพรรคเพื่อไทย สิ่งที่ต้องทำอันแรกก็คือทำให้ พล.อ.พิศาล พ้นจากสถานะ สส.ของพรรค ไม่ใช่บอกว่าเป้นเรื่องส่วนตัว ทั้งที่เขายังเป็น สส.ของพรรคอยู่
 
การที่นายภูมิธรรม ส่งสัญญาณให้ อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 มาเข้าสู่กระบวนการนั้นถือว่าเพียงพอหรือไม่ พล.ท.ภราดร บอกว่า ถือว่าต่ำมาก เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เพราะ พล.อ.พิศาล ซึ่งเป็น สส.ของพรรคเพื่อไทย และเรื่องในอดีตเกิดในยุคที่พรรคนี้เป็นผู้มีอำนาจ ดังนั้นการจะไปแก้ปัญหาชั้นต้นต้องทำให้ พล.อ.พิศาล ส่งใบลาออกมาจากต่างประเทศเพื่อให้พ้น สส. แต่หากไม่ลาออกพรรคก็ต้องเร่งลงมติให้พ้นสภา เพื่อแสดงความจริงใจต่อความรับผิดชอบ ว่าพรรคได้ทำเต็มที่แล้ว ส่วนจะติดตามตัวได้หรือไม่นั้นก็ว่าเป็นลำดับต่อไป
 
เมื่อถามว่าหากท่ายที่สุดหาใครเข้าสู่กระบวนการไม่ได้แล้วคดีหมดอายุความไปดื้อๆ จะเป็นอย่างไรต่อไป พล.ท.ภราดร บอกว่า ก็จะเป็นเงื่อนไขสะสม และค่อนข้างรุนแรง เพราะสิ่งที่ประชาชนอยากเห็นจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาคือการปฏิรูปราชการ-กองทัพและระบบยุติธรรม และที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยก็มีตำหนิจากกรณีชั้น 14 ไปแล้ว ที่ทำให้กระบวนการยุติธรรมของประเทศเสียหาย พามามีเรื่องนี้อีกก็จะถูกยกระดับเป็นเงื่อนไข ว่าประชาชนไม่คาดหวังเรื่องกระบวนการยุติธรรมจากพรรคแกนนำรัฐบาล ดังนั้นการแก้ปัญหาจังหวัดจากชายแดนภาคใต้ที่นำโดยพรรคเพื่อไทยจะไม่มีปัจจัยสู่ความสำเร็จเลย นอกจากนั้นยังจะเป็นการยั่นทอนทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชาติด้วย
 
เรื่องนี้จะบั่นทอนทุกเรื่องที่รัฐบาลกะจะโชว์ฟอร์มตอนนี้ให้หายไปเลย เพราะตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 25 ต.ค.กระแสข่าวเรื่องนี้ก็จะมีต่อเนื่อง สถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็จะมีต่อเนื่องอีก สุดท้ายรัฐบาลก็จะเสียการทรงตัวหนักเข้าไปใหญ่
 
นอกจากนั้นเรื่องนี้ยังจะกระทบเวทีการพูดคุยเจรจาเพิ่อหาทางออกในจังหวัดชายแดนภาคใต้แน่นอน เพราะเงื่อนไขเรื่องนี้จะถูกนำไปเพิ่มเติมในการพูดคุย แล้วจะทำให้เกิดความยากขึ้นที่จะมีการพูดคุยเจรจาต่อรองซึ่งกันและกัน และเป็นเงือนไขที่ถูกนำไปต่อยอดในการหยิบยกมาเป็นเงื่อนไขในการชุมนุมทางการเมืองต่อไป
  


เชียงใหม่วิกฤต! สะพานนวรัฐ ระดับน้ำแตะ 5.01 เมตร รถติดหนักทุกเส้นทาง
https://www.matichon.co.th/region/news_4828151

เชียงใหม่วิกฤต! สะพานนวรัฐ ระดับน้ำแตะ 5.01 เมตร รถติดหนักทุกเส้นทาง

จากสถานการณ์น้ำท่วมเชียงใหม่ครั้งที่ 2 ในรอบปี โดยเมื่อเวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวพบว่า พื้นที่น้ำท่วมใจกลางเมืองเชียงใหม่ โดยเฉพาะย่านเศรษฐกิจหลัก ไนท์บาซาร์ สี่แยกแสงตะวัน ถนนช้างคลานตลอดสายไปทะลุทางลอดใต้สะพานภาค 5 น้ำท่วมสูงกว่า 60-70 เซนติเมตร บางจุดสูงกว่า 1-2 เมตร น้ำไหลแรงและเชี่ยวมาก ส่วนแยกประชาสัมพันธ์ ที่ตั้งของสถานีวิทยุแห่งประเทศไทย น้ำท่วมบ้านพักชั้น 1 และรอบอาคารสำนักงานแล้ว

ทั้งนี้ทาง สำนักงานชลประทานที่ 1 ได้ออกประกาศคาดการณ์ว่าระดับน้ำที่สะพานนวรัฐ จะแตะสูงมากกว่า 5 เมตร ซึ่งถึงเป็นระดับน้ำที่มากที่สูงในประวัติการณ์ และมากกว่าน้ำท่วมใหญ่ ปี 2554 

ล่าสุดทางเพจ “” โพสต์ข้อความระบุว่า

น้ำปิงระยะวิกฤต สีแดง🔴

วันที่ 4 ตุลาคม 2567

เวลา 17.00 น.

วัดได้ 5.01 ม. เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ทาง “C-R]เทศบาลนครเชียงใหม่” ไลฟ์สดระบุว่า ขณะที่น้ำท่วมจวนผู้ว่าแล้ว และรถติดมากขอให้ประชาชนอย่าเดินทางเข้ามาในเขตน้ำท่วม ซึ่งในไลฟ์ระบุว่า ระดับน้ำ 5 เมตร ที่สะพานนวรัฐ ครั้งนี้ถือเป็นประวัติศาสตร์แล้ว



‘โชห่วย’ แนะ รัฐฟื้น ‘คนละครึ่ง’ หลังแจก10000 ยังไม่เกิด พายุหมุน ค้าขายเงียบ
https://www.matichon.co.th/economy/news_4828413

‘โชห่วย’ แนะ รัฐฟื้น ‘คนละครึ่ง’ หลังแจก10000 ยังไม่เกิดพายุหมุน ค้าขายเงียบ

เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม นายสมชาย พรรัตนเจริญ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้การจับจ่ายใช้สอยในส่วนของร้านค้าโชห่วย ในการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค หลังจากที่รัฐบาลได้แจกเงิน 10,000 บาท ให้กับกลุ่มเปราะบางและผู้พิการหมดแล้วนั้น ยังไม่เห็นความคึกคักและเห็นการตื่นซื้อสินค้าจำนวนมากและหวือหวา เหมือนกับในช่วงที่รัฐบาลได้มีการทำโครงการคนละครึ่ง ซึ่งในเวลานั้นจะเห็นผลอย่างชัดเจนมากกว่า เนื่องจากคนที่มีรายได้ไม่สูงมาก และมีความต้องการจะซื้อสินค้าที่ราคาแพงขึ้นมานิดหนึ่ง ก็จะยังมีเงินที่รัฐบาลจ่ายสบทบให้ครึ่งหนึ่ง จึงทำให้คนนำเงินในกระเป๋าออกมาใช้จ่าย และทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้หลายรอบ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่