‘หมอโอ๋’ เสียใจไฟไหม้รถบัส วอนเสพข่าวอย่างมีสติ ชวนคิด ยกเลิกทัศนศึกษา? ชี้ถึงปัญหาที่แท้จริง
https://www.matichon.co.th/lifestyle/children-teenagers/news_4823042
‘หมอโอ๋’ เสียใจไฟไหม้รถบัส วอนเสพข่าวอย่างมีสติ ชวนคิด ยกเลิกทัศนศึกษา? ชี้ถึงปัญหาที่แท้จริง
จากกรณี เกิดเหตุสลดไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อำเภอ ลานสัก จังหวัด อุทัยธานี จนทำให้มีครูและนักเรียนที่โดยสารอยู่ภายในรถบัสคันที่ 2 เสียชีวิตรวม 25 ราย นับเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สูญเสียครั้งใหญ่
ภายหลังเหตุการณ์สลดดังกล่าว เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลเป็นวงกว้าง และตั้งคำถามของการมีอยู่ของกิจกรรมทัศนศึกษาว่าควรมีอยู่หรือไม่ ซึ่งบางส่วนเรียกร้องให้มีการยกเลิกกิจกรรมทัศนศึกษา บางส่วนคัดค้าน โดยให้มองประเด็นของมาตรการความปลอดภัยมากกว่า
ล่าสุด
‘หมอโอ๋ ผศ.พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร’ เจ้าของเพจเฟซบุ๊ก เลี้ยงลูกนอกบ้าน ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในประเด็นดังกล่าวว่า
#ยกเลิกทัศนศึกษา?
ได้ดูข่าวรถบัสทัศนศึกษาเกิดไฟไหม้แล้วเข้าใจความรู้สึกของผู้สูญเสียในฐานะคนมีลูกมากๆ สงสารเด็กๆ และคิดถึงหัวอกของคนเป็นพ่อแม่ ว่าจะเจ็บปวดมากขนาดไหน สิ่งที่น่าสนใจ คือ Top comment ที่มียอดไลก์หลายหมื่น ที่ดูคล้ายคนคิดไปในทางเดียวกัน คือ “ยกเลิกทัศนศึกษา” เข้าใจดีว่าทุกครั้งที่เราได้ฟังข่าวของเด็กๆ ที่น่าหดหู่เช่นนี้ เราคงรู้สึกอยากให้ลูกของเราอยู่ในสายตาเราเพียงเท่านั้น หลายคนไม่ให้ลูกขึ้นรถโรงเรียน หลายคนไม่ยอมให้ลูกไปทัศนศึกษา หลายคนแทบไม่ให้ลูกห่างไกลสายตา แต่สิ่งที่พ่อแม่ต้องเข้าใจ คือ ไม่ว่าเราจะรักลูกแค่ไหน เราก็ปกป้องลูกจากอันตรายทุกอย่างในโลกไม่ได้จริงๆ
การทัศนศึกษา สำหรับเด็กๆ หลายคน มันเป็นเวลาแห่งความสุข เป็นเวลาที่เด็กๆ ได้อยู่กับเพื่อนๆ ได้เห็นโลกนอกตำรา ได้มีเวลาที่เราไม่ต้องไปกับพ่อแม่ และได้ฝึกการดูแลตัวเอง สำหรับเด็กหลายบ้าน การทัศนศึกษาอาจเป็นโอกาสเดียวที่จะได้ไปเห็นโลกกว้าง ด้วยข้อจำกัดทางเศรษฐฐานะ ด้วยภาระของพ่อแม่ หรือโอกาสที่เข้าไม่ถึง
ปัญหาจริงๆของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจจะไม่ได้อยู่ที่การไปทัศนศึกษา แต่เป็นเรื่องคุณภาพของความปลอดภัยของทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงเป็นอุบัติเหตุที่ป้องกันไม่ได้ การเสพข่าวเหล่านี้แบบมีสติ ช่วยกันคิดวิเคราะห์ และมองการป้องกันปัญหา
เช่น การตรวจสอบคุณภาพของรถที่จะมารับนักเรียนให้มีมาตรฐาน ให้มีอุปกรณ์สร้างความปลอดภัย ทั้งเข็มขัดนิรภัย ที่ทุบกระจก ถังดับเพลิงขนาดเล็ก ฯลฯ รวมภึงการสอนเด็กๆ ให้ฝึกเอาตัวรอดกรณีเมื่อรถเกิดอุบัติ ไฟไหม้ ตกน้ำ ตกเขา เราควรเอาตัวรอดได้อย่างไร อาจจะช่วยป้องกันไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้ให้เกิดขึ้นซ้ำ พรุ่งนี้ลูกหมอก็จะเดินทางไปทัศนศึกษาต่างจังหวัดกับโรงเรียน 3 วัน เข้าใจดีว่าข่าวนี้มันสร้างความหวาดหวั่นในใจให้เราแค่ไหน แต่… เราก็คงต้องชั่งใจกับบางอย่าง วางใจกับบางอย่าง สอนการเรียนรู้บางอย่าง ยอมรับกับความเสี่ยงบางอย่าง ที่มันอาจจะสร้างการเรียนรู้บางอย่างที่มีความหมาย
และยอมรับว่าเราควบคุมทุกอย่างในโลกนี้ไม่ได้จริงๆ เข้าใจดีว่าหลายท่านคงมองเรื่องนี้ในมุมที่แตกต่างไป แต่อยากชวนเสพข่าวกันอย่างมีสตินะคะ เราจะได้สามารถช่วยกันป้องกันและแก้ไขปัญหา ในแบบที่มันควรเป็นจริงๆ สุดท้าย ขอแสดงความเสียใจอย่างที่สุดกับเด็กๆ และครอบครัวทุกคนด้วยนะคะ ผู้ที่เริ่มมองหาว่าอะไรนะจะทุบกระจกรถได้ ให้ลูกติดกระเป๋าไปในวันพรุ่งนี้
ป.ล. ส่วนตัวเห็นว่าเด็กเล็กระดับอนุบาล หรือประถมต้นๆ การทัศนศึกษาไกลๆ แบบนี้ความเสี่ยงน่าจะมากกว่าได้ประโยชน์มากๆ เด็กอนุบาลการได้เล่น เรียนรู้เรื่องรอบตัวที่โรงเรียน หรือชุมชนใกล้บ้าน ไปเที่ยวกับพ่อแม่บ้าง ที่ดูแลใกล้ชิดได้ น่าจะเพียงพอแล้ว
https://www.facebook.com/takekidswithus/posts/pfbid0B3dmfDuAGg699SQDE48AGqiKmN5dhrnL7HLMEsuJRJeA1xfPj1gFkjQ32CLLfKuDl
"เท่าพิภพ" ไม่ติดใจ "ร่างสุราก้าวหน้า" ถูกปัดตก วอนรัฐบาลยึดเป้าใหญ่ ทลายทุนผูกขาด
https://siamrath.co.th/n/570739
วันที่ 2 ตุลาคม 2567 ที่รัฐสภา นาย
เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) แถลงภายหลังสภาผู้แทนราษฎร ลงมติรับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีสรรพสามิต ฉบับที่…. พ.ศ… แต่ร่างสุราก้าวหน้าของนายเท่าพิภพ ถูกฝ่ายรัฐบาลปัดตก ว่า ตอนแรกก็มีความหวัง คิดว่าจะผ่าน แต่กลับถูกถีบตกซ้ำอีกรอบ แต่ก็ไม่เป็นไร เราไม่มีอะไรข้องใจ เพราะเข้าใจว่าเป็นฝ่ายค้าน และพร้อมทำงานร่วมกับรัฐบาล อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ก็น่ายินดี ไม่ว่าจะเป็นร่างฉบับใด ขอแค่มีเป้าหมายว่า ให้ทุกคนมีเสรีภาพในการทำสุรา ประกอบอาชีพเป็นของตัวเอง ทำลายทุนผูกขาด ตนเริ่มจากศูนย์แล้วมาถึงตรงนี้ได้ ก็ถือเป็นก้าวสำคัญ
นายเท่าพิภพ กล่าวว่า อยากให้ประชาชนจับตาดูต่อไป ไม่ใช่แค่เรื่องใบอนุญาต แต่ยังมีเรื่องของภาษี ที่ต้องทำให้ยุติธรรมกับคนตัวเล็กตัวน้อย ซึ่งจะต้องติดตามในกรรมาธิการ (กมธ.) ว่าจะมีอะไรสอดไส้หรือไม่
"
อยากให้ทุกคนเชื่อมั่นใน กมธ. และการทำงานของพรรคเรา วันนี้ก็เป็นวันหนึ่งที่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลง แม้เราจะไม่ได้ทำด้วยมือของเราเอง แต่เรารณรงค์หนักพอ ทุกคนก็มาทำให้เรา" นาย
เท่าพิภพ กล่าว
‘โกลเด้นวีค’ ปีนี้อาจไม่คึกคัก จีนยัง ‘รัดเข็มขัด’ การใช้จ่าย
https://www.bangkokbiznews.com/world/1147410
"โกลเด้นวีค" วันหยุดยาวประจำชาติจีนปีนี้อาจไม่คึกคัก เนื่องจากนักท่องเที่ยวยังคงรัดเข็มขัดการใช้จ่า เที่ยวแบบประหยัด ซื้อตั๋วเดินทางราคาถูกๆ
“โกลเด้นวีค” (Golden week) วันหยุดยาวประจำชาติของจีนในปีนี้ เริ่มต้นตั้งแต่วันอังคาร (1ต.ค.) ซึ่งถือเป็นวันเริ่มต้นของการเดินทางที่แสนวุ่นวาย เนื่องจากเป็นวันเฉลิมฉลองครบรอบวันสถาปนาประเทศ 75ปีของจีน จะมีผู้คนเดินทางกลับบ้านและออกไปท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าการท่องเที่ยวช่วงหยุดยาวในปีนี้อาจยังไม่ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศมากนัก
รัฐบาลคาดการณ์ว่าจำนวนการเดินทางโดยเฉลี่ยต่อวันของภาคการขนส่งในประเทศอาจเติบโต 0.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่เจ้าหน้าที่จากกระทรวงคมนาคมคาดว่า ช่วงวันหยุดยาวปีนี้จะมีการเดินทางระหว่างเมือง 1,940 ล้านเที่ยว สูงกว่าปีก่อนเล็กน้อย ด้านสำนักงานการรถไฟแห่งชาติคาดว่าตั้งแต่ 29 ก.ย. - 8 ต.ค. อาจมีการเดินทางในประเทศด้วยรถไฟมากกว่า 175 ล้านเที่ยว และระดับการเดินทางจะพุ่งสูงสุดในวันอังคาร (1 ต.ค.) ที่ระดับกว่า 21 ล้านเที่ยว
การเดินทางที่เพิ่มขึ้นย่อมเป็นที่คาดหวังว่านักท่องเที่ยวอาจใช้จ่ายมากขึ้น ด้านกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเผยว่า ช่วงโกลเด้นวีคปี 2566 รายได้จากการท่องเที่ยวภายในประเทศแตะ 7.53 แสนล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ราว 1.5%
แต่ “
ชวน เหริน” ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการไชนามาร์เก็ตรีเสิร์ชกรุ๊ป บอกว่า แม้จำนวนเที่ยวเดินทางในประเทศในปีนี้อาจเพิ่มขึ้นมากกว่าระดับในปี 2562 แต่การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวโดยเฉลี่ยต่อหัวอาจต่ำกว่า
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญอุตสาหกรรมท่องเที่ยวคาดว่า นักท่องเที่ยวจีนอาจท่องเที่ยวในช่วงโกลเด้นวีคนานกว่าปีที่แล้ว แต่ยังไม่เป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถกระตุ้นการใช้จ่ายได้
เที่ยวแบบประหยัด
ด้วยเศรษฐกิจชะลอตัวและความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกือบอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า นักท่องเที่ยวจีนจำนวนมากอาจเลือก “
จุดหมายปลายทางภายในประเทศ” ที่มีค่าใช้จ่ายถูกกว่า หรือเที่ยวต่างประเทศเพียงระยะเวลาสั้นๆ และซื้อตั๋วเครื่องบินราคาถูก
หวัง ซิน พนักงานออฟฟิศวัย 45 ปี ในกรุงปักกิ่งเผยว่า เธอจะขับรถไปหยางโจวกับครอบครัวในช่วงวันหยุดยาว
“
ช่วงวันหยุดไม่มีเก็บค่าผ่านทาง เราจะขับรถแทนเดินทางด้วยรถไฟ มันจะดีกว่าถ้าไม่ใช้เงินไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็นในช่วงเศรษฐกิจเป็นแบบนี้”
หวังกล่าว และว่า ก่อนมีโควิดครอบครัวของเธอเคยไปเที่ยวหลายที่ในช่วงโกลเด้นวีค เช่น สิงคโปร์และสหรัฐ
หลิว ซีหมิน เจ้าหน้าที่ฝ่ายการท่องเที่ยวของสถาบันวิจัยสังคมจีนเพื่อการศึกษาในอนาคตในกรุงปักกิ่ง บอกว่า “
หากการใช้จ่ายท่องเที่ยวเทียบเท่ากับปีก่อน ถือเป็นเรื่องที่ดี ผู้คนอยากเที่ยวถ้าเศรษฐกิจดี แต่ถ้าเศรษฐกิจไม่โต การท่องเที่ยวก็ไม่โต”
เลือกตั๋วราคาถูก
ไฟลท์มาสเตอร์ แพลตฟอร์มท่องเที่ยว คาดว่า จุดหมายปลายทางต่างประเทศสำหรับนักท่องเที่ยวจีนที่ต้องการออกนอกประเทศ ยังคงเป็นประเทศที่มีระยะการบินสั้นๆ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไทย และสิงคโปร์
แพลตฟอร์มดังกล่าวพบด้วยว่า ราคาตั๋วเที่ยวบินสำหรับเดินทางภายในประเทศถูกกว่าช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีก่อน 21% ขณะที่ราคาตั๋วเที่ยวบินระหว่างประเทศชั้นประหยัด ถูกกว่าปี 2566 ราว 25% และต่ำกว่าปี 2562 อยู่ 7%
ด้านทริปดอตคอม แพลตฟอร์มจองการท่องเที่ยวออนไลน์ เผยว่า จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจีนอันดับต้น ๆ ยังคงอยู่ในเอเชีย และพบว่า ตั๋วเที่ยวบินเดินทางทั้งภายในและภายนอกประเทศ ลดราคามากกว่า 20% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีก่อน
หญิงชาวจีนวัย 30 ปีที่ทำงานในกรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น เผยว่า เธอพบว่าตั๋วเที่ยวบินกลับไปเซี่ยงไฮ้มีราคาเพียง 1,000 หยวน (ราว 4,600 บาท)
“
ฉันแปลกใจมากที่มันราคาถูกสุดๆ” หญิงชาวจีน กล่าว
พรูเดนซ์ ไล ที่ปรึกษาวิจัยจากยูโรมอนิเตอร์อินเตอร์เนชันแนล บอกว่า
“
นักท่องเที่ยวจีนอ่อนไหวต่อค่าใช้จ่ายอย่างมาก และสายการบินสังเกตได้ว่า ถ้าราคาตั๋วเครื่องบินสูงกว่าที่ผู้บริโภคคาดไว้ เขาจะหันไปเดินทางด้วยวิธีอื่นแทน เช่น รถไฟความเร็วสูง”
ขณะที่ตงกวนซีเคียวริตี เผยในรายงานล่าสุดว่า หากมองในระยะยาว “
ความคุ้มค่าของเงิน” ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเดินทางภายในประเทศสำหรับประชาชนทั่วไป
รัฐบาลเร่งกระตุ้นใช้จ่าย
จากสัญญาณของเศรษฐกิจชะลอตัวในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ย่ำแย่ กิจกรรมการผลิตที่ชะลอตัว และอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น ล้วนตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลงธนาคารกลางจีนจึงประกาศนโยบายทางการเงินเพื่อกระตุ้นความต้องการใช้จ่ายเมื่อวันอังคารที่ 24 ก.ย. ที่ผ่านมา
รัฐบาลท้องถิ่นรวมถึงรัฐบาลในเซี่ยงไฮ้ ได้เริ่มออกบัตรกำนัลแทนเงินสดสำหรับใช้จ่ายภายในร้านอาหาร โรงแรม โรงภาพยนตร์ และศูนย์กีฬาต่าง ๆ ในช่วงโกลเด้นวีค และต่อมาในวันที่ 25 ก.ย. รัฐบาลกลางประกาศแจกเงินเบี้ยเลี้ยงแบบจ่ายครั้งเดียวให้กับประชาชนที่ยากไร้ เช่น เด็กกำพร้า ภายในวันชาติวันที่ 1 ต.ค.
นอกจากนี้ รัฐบาลกลางยังได้พยายามดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ไปเที่ยวจีนมากขึ้น โดยการออกวีซ่าฟรีให้นักท่องเที่ยวจาก 54 ประเทศที่ต้องเปลี่ยนเครื่องบินเพื่อเดินทางต่อ ให้สามารถอยู่ในจีนได้โดยไม่ต้องมีวีซ่านานถึง 144 ชั่วโมง หรือราว 6 วัน ซึ่งสามารถทำกิจกรรมระยะสั้น เช่น การท่องเที่ยว ธุรกิจ การเยี่ยมญาติมิตรในจีนได้ และเมื่อเดือน พ.ค. รัฐบาลได้ออกกฎให้โรงแรมห้ามปฏิเสธชาวต่างชาติ แม้ไม่มีคุณสมบัติที่จำเป็นต่อการรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติก็ตาม
อย่างไรก็ตาม แม้นโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ส่งผลต่อการใช้จ่ายอยู่บ้าง แต่อาจส่งผลกระทบอย่างจำกัด โดยนักวิเคราะห์คาดว่า การใช้จ่ายของชาวจีนอาจเพิ่มขึ้น แต่จะไม่เกินระดับการใช้จ่ายในช่วงวันหยุดยาวในปี 2566
อ้างอิง:
Reuters,
Nekkei Asia
JJNY : ‘หมอโอ๋’ ชวนคิด ยกเลิกทัศนศึกษา?│"เท่าพิภพ"ไม่ติดใจ ถูกปัดตก│‘โกลเด้นวีค’ ปีนี้อาจไม่คึกคัก│ผู้นำโลกประณามอิหร่าน
https://www.matichon.co.th/lifestyle/children-teenagers/news_4823042
‘หมอโอ๋’ เสียใจไฟไหม้รถบัส วอนเสพข่าวอย่างมีสติ ชวนคิด ยกเลิกทัศนศึกษา? ชี้ถึงปัญหาที่แท้จริง
จากกรณี เกิดเหตุสลดไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อำเภอ ลานสัก จังหวัด อุทัยธานี จนทำให้มีครูและนักเรียนที่โดยสารอยู่ภายในรถบัสคันที่ 2 เสียชีวิตรวม 25 ราย นับเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สูญเสียครั้งใหญ่
ภายหลังเหตุการณ์สลดดังกล่าว เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลเป็นวงกว้าง และตั้งคำถามของการมีอยู่ของกิจกรรมทัศนศึกษาว่าควรมีอยู่หรือไม่ ซึ่งบางส่วนเรียกร้องให้มีการยกเลิกกิจกรรมทัศนศึกษา บางส่วนคัดค้าน โดยให้มองประเด็นของมาตรการความปลอดภัยมากกว่า
ล่าสุด ‘หมอโอ๋ ผศ.พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร’ เจ้าของเพจเฟซบุ๊ก เลี้ยงลูกนอกบ้าน ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในประเด็นดังกล่าวว่า
#ยกเลิกทัศนศึกษา?
ได้ดูข่าวรถบัสทัศนศึกษาเกิดไฟไหม้แล้วเข้าใจความรู้สึกของผู้สูญเสียในฐานะคนมีลูกมากๆ สงสารเด็กๆ และคิดถึงหัวอกของคนเป็นพ่อแม่ ว่าจะเจ็บปวดมากขนาดไหน สิ่งที่น่าสนใจ คือ Top comment ที่มียอดไลก์หลายหมื่น ที่ดูคล้ายคนคิดไปในทางเดียวกัน คือ “ยกเลิกทัศนศึกษา” เข้าใจดีว่าทุกครั้งที่เราได้ฟังข่าวของเด็กๆ ที่น่าหดหู่เช่นนี้ เราคงรู้สึกอยากให้ลูกของเราอยู่ในสายตาเราเพียงเท่านั้น หลายคนไม่ให้ลูกขึ้นรถโรงเรียน หลายคนไม่ยอมให้ลูกไปทัศนศึกษา หลายคนแทบไม่ให้ลูกห่างไกลสายตา แต่สิ่งที่พ่อแม่ต้องเข้าใจ คือ ไม่ว่าเราจะรักลูกแค่ไหน เราก็ปกป้องลูกจากอันตรายทุกอย่างในโลกไม่ได้จริงๆ
การทัศนศึกษา สำหรับเด็กๆ หลายคน มันเป็นเวลาแห่งความสุข เป็นเวลาที่เด็กๆ ได้อยู่กับเพื่อนๆ ได้เห็นโลกนอกตำรา ได้มีเวลาที่เราไม่ต้องไปกับพ่อแม่ และได้ฝึกการดูแลตัวเอง สำหรับเด็กหลายบ้าน การทัศนศึกษาอาจเป็นโอกาสเดียวที่จะได้ไปเห็นโลกกว้าง ด้วยข้อจำกัดทางเศรษฐฐานะ ด้วยภาระของพ่อแม่ หรือโอกาสที่เข้าไม่ถึง
ปัญหาจริงๆของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจจะไม่ได้อยู่ที่การไปทัศนศึกษา แต่เป็นเรื่องคุณภาพของความปลอดภัยของทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงเป็นอุบัติเหตุที่ป้องกันไม่ได้ การเสพข่าวเหล่านี้แบบมีสติ ช่วยกันคิดวิเคราะห์ และมองการป้องกันปัญหา
เช่น การตรวจสอบคุณภาพของรถที่จะมารับนักเรียนให้มีมาตรฐาน ให้มีอุปกรณ์สร้างความปลอดภัย ทั้งเข็มขัดนิรภัย ที่ทุบกระจก ถังดับเพลิงขนาดเล็ก ฯลฯ รวมภึงการสอนเด็กๆ ให้ฝึกเอาตัวรอดกรณีเมื่อรถเกิดอุบัติ ไฟไหม้ ตกน้ำ ตกเขา เราควรเอาตัวรอดได้อย่างไร อาจจะช่วยป้องกันไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้ให้เกิดขึ้นซ้ำ พรุ่งนี้ลูกหมอก็จะเดินทางไปทัศนศึกษาต่างจังหวัดกับโรงเรียน 3 วัน เข้าใจดีว่าข่าวนี้มันสร้างความหวาดหวั่นในใจให้เราแค่ไหน แต่… เราก็คงต้องชั่งใจกับบางอย่าง วางใจกับบางอย่าง สอนการเรียนรู้บางอย่าง ยอมรับกับความเสี่ยงบางอย่าง ที่มันอาจจะสร้างการเรียนรู้บางอย่างที่มีความหมาย
และยอมรับว่าเราควบคุมทุกอย่างในโลกนี้ไม่ได้จริงๆ เข้าใจดีว่าหลายท่านคงมองเรื่องนี้ในมุมที่แตกต่างไป แต่อยากชวนเสพข่าวกันอย่างมีสตินะคะ เราจะได้สามารถช่วยกันป้องกันและแก้ไขปัญหา ในแบบที่มันควรเป็นจริงๆ สุดท้าย ขอแสดงความเสียใจอย่างที่สุดกับเด็กๆ และครอบครัวทุกคนด้วยนะคะ ผู้ที่เริ่มมองหาว่าอะไรนะจะทุบกระจกรถได้ ให้ลูกติดกระเป๋าไปในวันพรุ่งนี้
ป.ล. ส่วนตัวเห็นว่าเด็กเล็กระดับอนุบาล หรือประถมต้นๆ การทัศนศึกษาไกลๆ แบบนี้ความเสี่ยงน่าจะมากกว่าได้ประโยชน์มากๆ เด็กอนุบาลการได้เล่น เรียนรู้เรื่องรอบตัวที่โรงเรียน หรือชุมชนใกล้บ้าน ไปเที่ยวกับพ่อแม่บ้าง ที่ดูแลใกล้ชิดได้ น่าจะเพียงพอแล้ว
https://www.facebook.com/takekidswithus/posts/pfbid0B3dmfDuAGg699SQDE48AGqiKmN5dhrnL7HLMEsuJRJeA1xfPj1gFkjQ32CLLfKuDl
"เท่าพิภพ" ไม่ติดใจ "ร่างสุราก้าวหน้า" ถูกปัดตก วอนรัฐบาลยึดเป้าใหญ่ ทลายทุนผูกขาด
https://siamrath.co.th/n/570739
วันที่ 2 ตุลาคม 2567 ที่รัฐสภา นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) แถลงภายหลังสภาผู้แทนราษฎร ลงมติรับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีสรรพสามิต ฉบับที่…. พ.ศ… แต่ร่างสุราก้าวหน้าของนายเท่าพิภพ ถูกฝ่ายรัฐบาลปัดตก ว่า ตอนแรกก็มีความหวัง คิดว่าจะผ่าน แต่กลับถูกถีบตกซ้ำอีกรอบ แต่ก็ไม่เป็นไร เราไม่มีอะไรข้องใจ เพราะเข้าใจว่าเป็นฝ่ายค้าน และพร้อมทำงานร่วมกับรัฐบาล อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ก็น่ายินดี ไม่ว่าจะเป็นร่างฉบับใด ขอแค่มีเป้าหมายว่า ให้ทุกคนมีเสรีภาพในการทำสุรา ประกอบอาชีพเป็นของตัวเอง ทำลายทุนผูกขาด ตนเริ่มจากศูนย์แล้วมาถึงตรงนี้ได้ ก็ถือเป็นก้าวสำคัญ
นายเท่าพิภพ กล่าวว่า อยากให้ประชาชนจับตาดูต่อไป ไม่ใช่แค่เรื่องใบอนุญาต แต่ยังมีเรื่องของภาษี ที่ต้องทำให้ยุติธรรมกับคนตัวเล็กตัวน้อย ซึ่งจะต้องติดตามในกรรมาธิการ (กมธ.) ว่าจะมีอะไรสอดไส้หรือไม่
"อยากให้ทุกคนเชื่อมั่นใน กมธ. และการทำงานของพรรคเรา วันนี้ก็เป็นวันหนึ่งที่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลง แม้เราจะไม่ได้ทำด้วยมือของเราเอง แต่เรารณรงค์หนักพอ ทุกคนก็มาทำให้เรา" นายเท่าพิภพ กล่าว
‘โกลเด้นวีค’ ปีนี้อาจไม่คึกคัก จีนยัง ‘รัดเข็มขัด’ การใช้จ่าย
https://www.bangkokbiznews.com/world/1147410
"โกลเด้นวีค" วันหยุดยาวประจำชาติจีนปีนี้อาจไม่คึกคัก เนื่องจากนักท่องเที่ยวยังคงรัดเข็มขัดการใช้จ่า เที่ยวแบบประหยัด ซื้อตั๋วเดินทางราคาถูกๆ
“โกลเด้นวีค” (Golden week) วันหยุดยาวประจำชาติของจีนในปีนี้ เริ่มต้นตั้งแต่วันอังคาร (1ต.ค.) ซึ่งถือเป็นวันเริ่มต้นของการเดินทางที่แสนวุ่นวาย เนื่องจากเป็นวันเฉลิมฉลองครบรอบวันสถาปนาประเทศ 75ปีของจีน จะมีผู้คนเดินทางกลับบ้านและออกไปท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าการท่องเที่ยวช่วงหยุดยาวในปีนี้อาจยังไม่ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศมากนัก
รัฐบาลคาดการณ์ว่าจำนวนการเดินทางโดยเฉลี่ยต่อวันของภาคการขนส่งในประเทศอาจเติบโต 0.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่เจ้าหน้าที่จากกระทรวงคมนาคมคาดว่า ช่วงวันหยุดยาวปีนี้จะมีการเดินทางระหว่างเมือง 1,940 ล้านเที่ยว สูงกว่าปีก่อนเล็กน้อย ด้านสำนักงานการรถไฟแห่งชาติคาดว่าตั้งแต่ 29 ก.ย. - 8 ต.ค. อาจมีการเดินทางในประเทศด้วยรถไฟมากกว่า 175 ล้านเที่ยว และระดับการเดินทางจะพุ่งสูงสุดในวันอังคาร (1 ต.ค.) ที่ระดับกว่า 21 ล้านเที่ยว
การเดินทางที่เพิ่มขึ้นย่อมเป็นที่คาดหวังว่านักท่องเที่ยวอาจใช้จ่ายมากขึ้น ด้านกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเผยว่า ช่วงโกลเด้นวีคปี 2566 รายได้จากการท่องเที่ยวภายในประเทศแตะ 7.53 แสนล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ราว 1.5%
แต่ “ชวน เหริน” ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการไชนามาร์เก็ตรีเสิร์ชกรุ๊ป บอกว่า แม้จำนวนเที่ยวเดินทางในประเทศในปีนี้อาจเพิ่มขึ้นมากกว่าระดับในปี 2562 แต่การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวโดยเฉลี่ยต่อหัวอาจต่ำกว่า
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญอุตสาหกรรมท่องเที่ยวคาดว่า นักท่องเที่ยวจีนอาจท่องเที่ยวในช่วงโกลเด้นวีคนานกว่าปีที่แล้ว แต่ยังไม่เป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถกระตุ้นการใช้จ่ายได้
เที่ยวแบบประหยัด
ด้วยเศรษฐกิจชะลอตัวและความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกือบอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า นักท่องเที่ยวจีนจำนวนมากอาจเลือก “จุดหมายปลายทางภายในประเทศ” ที่มีค่าใช้จ่ายถูกกว่า หรือเที่ยวต่างประเทศเพียงระยะเวลาสั้นๆ และซื้อตั๋วเครื่องบินราคาถูก
หวัง ซิน พนักงานออฟฟิศวัย 45 ปี ในกรุงปักกิ่งเผยว่า เธอจะขับรถไปหยางโจวกับครอบครัวในช่วงวันหยุดยาว
“ช่วงวันหยุดไม่มีเก็บค่าผ่านทาง เราจะขับรถแทนเดินทางด้วยรถไฟ มันจะดีกว่าถ้าไม่ใช้เงินไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็นในช่วงเศรษฐกิจเป็นแบบนี้” หวังกล่าว และว่า ก่อนมีโควิดครอบครัวของเธอเคยไปเที่ยวหลายที่ในช่วงโกลเด้นวีค เช่น สิงคโปร์และสหรัฐ
หลิว ซีหมิน เจ้าหน้าที่ฝ่ายการท่องเที่ยวของสถาบันวิจัยสังคมจีนเพื่อการศึกษาในอนาคตในกรุงปักกิ่ง บอกว่า “หากการใช้จ่ายท่องเที่ยวเทียบเท่ากับปีก่อน ถือเป็นเรื่องที่ดี ผู้คนอยากเที่ยวถ้าเศรษฐกิจดี แต่ถ้าเศรษฐกิจไม่โต การท่องเที่ยวก็ไม่โต”
เลือกตั๋วราคาถูก
ไฟลท์มาสเตอร์ แพลตฟอร์มท่องเที่ยว คาดว่า จุดหมายปลายทางต่างประเทศสำหรับนักท่องเที่ยวจีนที่ต้องการออกนอกประเทศ ยังคงเป็นประเทศที่มีระยะการบินสั้นๆ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไทย และสิงคโปร์
แพลตฟอร์มดังกล่าวพบด้วยว่า ราคาตั๋วเที่ยวบินสำหรับเดินทางภายในประเทศถูกกว่าช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีก่อน 21% ขณะที่ราคาตั๋วเที่ยวบินระหว่างประเทศชั้นประหยัด ถูกกว่าปี 2566 ราว 25% และต่ำกว่าปี 2562 อยู่ 7%
ด้านทริปดอตคอม แพลตฟอร์มจองการท่องเที่ยวออนไลน์ เผยว่า จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจีนอันดับต้น ๆ ยังคงอยู่ในเอเชีย และพบว่า ตั๋วเที่ยวบินเดินทางทั้งภายในและภายนอกประเทศ ลดราคามากกว่า 20% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีก่อน
หญิงชาวจีนวัย 30 ปีที่ทำงานในกรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น เผยว่า เธอพบว่าตั๋วเที่ยวบินกลับไปเซี่ยงไฮ้มีราคาเพียง 1,000 หยวน (ราว 4,600 บาท)
“ฉันแปลกใจมากที่มันราคาถูกสุดๆ” หญิงชาวจีน กล่าว
พรูเดนซ์ ไล ที่ปรึกษาวิจัยจากยูโรมอนิเตอร์อินเตอร์เนชันแนล บอกว่า
“นักท่องเที่ยวจีนอ่อนไหวต่อค่าใช้จ่ายอย่างมาก และสายการบินสังเกตได้ว่า ถ้าราคาตั๋วเครื่องบินสูงกว่าที่ผู้บริโภคคาดไว้ เขาจะหันไปเดินทางด้วยวิธีอื่นแทน เช่น รถไฟความเร็วสูง”
ขณะที่ตงกวนซีเคียวริตี เผยในรายงานล่าสุดว่า หากมองในระยะยาว “ความคุ้มค่าของเงิน” ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเดินทางภายในประเทศสำหรับประชาชนทั่วไป
รัฐบาลเร่งกระตุ้นใช้จ่าย
จากสัญญาณของเศรษฐกิจชะลอตัวในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ย่ำแย่ กิจกรรมการผลิตที่ชะลอตัว และอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น ล้วนตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลงธนาคารกลางจีนจึงประกาศนโยบายทางการเงินเพื่อกระตุ้นความต้องการใช้จ่ายเมื่อวันอังคารที่ 24 ก.ย. ที่ผ่านมา
รัฐบาลท้องถิ่นรวมถึงรัฐบาลในเซี่ยงไฮ้ ได้เริ่มออกบัตรกำนัลแทนเงินสดสำหรับใช้จ่ายภายในร้านอาหาร โรงแรม โรงภาพยนตร์ และศูนย์กีฬาต่าง ๆ ในช่วงโกลเด้นวีค และต่อมาในวันที่ 25 ก.ย. รัฐบาลกลางประกาศแจกเงินเบี้ยเลี้ยงแบบจ่ายครั้งเดียวให้กับประชาชนที่ยากไร้ เช่น เด็กกำพร้า ภายในวันชาติวันที่ 1 ต.ค.
นอกจากนี้ รัฐบาลกลางยังได้พยายามดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ไปเที่ยวจีนมากขึ้น โดยการออกวีซ่าฟรีให้นักท่องเที่ยวจาก 54 ประเทศที่ต้องเปลี่ยนเครื่องบินเพื่อเดินทางต่อ ให้สามารถอยู่ในจีนได้โดยไม่ต้องมีวีซ่านานถึง 144 ชั่วโมง หรือราว 6 วัน ซึ่งสามารถทำกิจกรรมระยะสั้น เช่น การท่องเที่ยว ธุรกิจ การเยี่ยมญาติมิตรในจีนได้ และเมื่อเดือน พ.ค. รัฐบาลได้ออกกฎให้โรงแรมห้ามปฏิเสธชาวต่างชาติ แม้ไม่มีคุณสมบัติที่จำเป็นต่อการรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติก็ตาม
อย่างไรก็ตาม แม้นโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ส่งผลต่อการใช้จ่ายอยู่บ้าง แต่อาจส่งผลกระทบอย่างจำกัด โดยนักวิเคราะห์คาดว่า การใช้จ่ายของชาวจีนอาจเพิ่มขึ้น แต่จะไม่เกินระดับการใช้จ่ายในช่วงวันหยุดยาวในปี 2566
อ้างอิง: Reuters, Nekkei Asia