ร้านอาหารไทย ดังอีกร้าน ของเชฟต้น เจ้าของ Le Du ,Bk Salon, และ หลานยายนุสรา
ร้านอยู่ท่าเตียน ติดวัดโพธิ์ หาที่จอดรถยากนิดนึง
ร้านเป็นตึกแถวเก่า สี่ชั่นติดถนน แต่เอามาตกแต่งใหม่สวยงาม

ชั้นล่างเป็นโซนค้อคเทลบาร์ และส่วนต้อนรับ และแยก อีกส่วน เป็นส่วนนั่งพักเสริฟ welcome drink เป็นน้ำสมุนไพร มะตูมผสมพุทราจีน และกระเจี๊ยบ ชม ผนังที่ตกแต่งด้วยผ้า และอุปกรณ์ตัดเย็บของยายนุสรา ยายของเชฟต้นเค้า ด้านหลังชั้นนี้เป็นครัว

เสร็จ จากจิบเวลคัมดริ้งค์ มีเชฟพาเข้าชมครัว ทักทาย พร้อมชิมอาหารเรียกน้ำย่อย สองคำ



ในครัว เสริฟ Amuse Buche (Apitizer คำเล็กๆ สองคำ)
คำแรกเป็นขนมครก แกงกระด้าง ส่วนของแกงกระด้างเป็นปลาหมึก ผสมปลาเก๋า ตัวเจลลาตินได้มาจาก การเคี่ยวกระดูกปลาจับก้อนเป็นวุ้น(คล้ายหมูหนาว)
คำที่ 2 ทาร์ตหลนแหนม สอดใส้กุ้งรมควัน โรยหน้าด้วยดอกขจรทอดคำนี้รสจัดจ้านขึ้นหน่อย
จากในครัว พนักงานพาส่งขึ้นลิฟต์จื๋วน่ารักที่ขึ้นได้ทีล่ะ 2 คน ไปยัง Dining zone ชั้น 3

จากนั้น ค่อยนำเข้านั่งโต๊ะ โซนทานอาหาร ซึ่งมีสองชั้นที่ชั้น 2-3 รวม ทั้งหมด ประมาณ 25 คน ต่อมื้อ (ชั้นล่ะ 4-5 โต๊ะ)




วันนี้ได้ ชั้นสามโต๊ะมุมวิววัดโพธิ์ มองเห็นรถตัวเองจอดริมถนนเลย


บนโต๊ะ จัดวาง menu พร้อมการ์ดต้อนรับรูปวัด และสถานที่สำคัญ บริเวณใกล้เคียง


ต่อ Amuse Buche อีกสองคำที่โต๊ะ ก่อนเสริฟ อาหารทุกจาน พนักงานจะบรรยายวัตถุดิบแหล่งที่มา ส่วนผสม คอนเซปของอหาร ให้ทราบก่อน ทุกรายการ เพิ่มอัทธรสในการทาน ว่าเรากำลังจะทานอะไรลงไป
คอร์สแรกเป็นปั้นขลิบแป้งนุ่มไส้ปลาเก๋า เสริฟมากับคาร์เวียร์จาก หัวหิน ราดด้วยน้ำซุปต้มโคล้งปลากระบอก เปรี้ยวนิดๆ แต่ไม่เผ็ด กินสบายๆ
ส่วนอีกคำ เป็นbeef tartar เป็นลาบขมของเหนือใส่มาในโคนที่ทำจากมะเขือเทศจากเชียงใหม่ มีมะแขว่น (หมาล่าแบบไทยๆ)และผักแพร้วเพิ่มความเผ็ดafter taste ตามหลัง มา
หมด Amuse Buche 4 คำ เริ่มคอร์ตามเมนูต่อเลย


เรื่มด้วย เมี่ยงดาหลา ใช้ ส่วนประกอบของเมี่ยงหั่นลงในจาน เสริมด้วย Hokkaido Scallop แล้วราดด้วยน้ำราดเมี่ยง ตอนแรกแอบสงสัยเมี่ยงขาดมะพร้าวคั่วได้ไง ที่แท้เค้าทำเป็นเม็ดป่นคล้าย crumbleจิ๋วๆ อยู่ด้านล่าง กินแล้วได้กลื่นใบชะพลู และมะพร้าวบอกชัดว่าคือเมี่ยงคำ ส่วน ดอกดาหลาอยู่ใน sorbet รสอมเปรี้ยวหวาน สดชื่นสีสวย

คอร์สต่อมา เป็นยำปลาหมึก เค้าสไลด์ปลาหมึกบาง เหมือน Ika Sashimiตกแต่งด้วยกลีบดอกไม้ทานได้ แต่คอนเซปเค้าต้องการให้ใช้แทนแป้งปากหม้อ เวลาทาน ห่อน้ำยำ และองค์ประกอบอื่นๆ ด้านล่างทานไปด้วยกันเลย อร่อยดี แต่คำเล็กไปหน่อย 555


จานต่อมาเป็น แกงปูใบชะพลูหมี่กรอบ จานนี้ พรีเซนเตชั่น นำถาดเครื่องแกงและแมงดาทะเลมาโชว์เครื่องแกงเลย
ตัวปูใช้กรรเชียงปูก้อนราดด้วยแกงรสดี ปิดหน้าด้วยเส้นหมี่กรอบ ที่โรยด้วยผงใบชะพลู พริก และขมิ้นให้สีสันสวยงาม
ตอนกินตีหักลงไปผสมกันเพิ่มรสชาติ จานนี้ สวยอร่อยปูสามก้อนเต็มปากเต็มคำ


Apitizer จานสุดท้ายเป็นต้มข่าปลาสลิด เค้าเสริฟมาในรูปปลาสลิดฟู เสริมด้วยเนื้อกั้งกระดาน ย่างราดด้วยน้ำต้มข่า ที่เค่าเอาตะไคร้ข่ามัดรวม มาคลุกเคล้าน้ำซุปในขวด เสริฟให้ที่โต๊ะเลย กลัวไม่เชื่อว่ามีข่าตะไคร้ 555


ชล

เข้าสู่ Main crouse ที่เสริฟตามแบบสำรับไทย คือพร้อมกันหลายอย่างทานกับข้าว
ข้าว เสริฟมาสองแบบทั้งข้าวข้าวและข้าวกล้อง เป็นข้าวหอมมะลิจากกาฬสินธุ์ หุงด้วยน้ำดอกมะลิ เพิ่มความหอม จานข้าวดีไซน์เป็นรูปใบบัว ใฟ้ ฟิลทานข้าวรองด้วยใบบัวแบบโบราณ
กับข้าว ชุดแรกเป็นน้ำพริกสี่ภาคเสริฟพอดีคำ มีน้ำพริกกระปิสอดไส้มาในแตงโม ส่วน อีกสามคำ น้ำพริกถั่วลิสง น้ำพริกข่า น้ำพริกขี้กา ผมแยกรสชาติไม่ค่อยออก มันน้อยเกิน 55555
แสร้งว่ากุ้งจากแม่น้ำตาปี จานนี้อร่อย ชอบ ทานร้านระดับนี้ มา3-4ร้านพอกุ้งแม่น้ำเค้าจะเลทอกใช้กุ้งแม่น้ำตาปีกันหมด แสดงว่ามันเด็ดจริง
แกงเขียวหวานไก่รมควัน จานนี้ก้ออร่อยไก่นุ่มหอม ผืวนอกกรอบอร่อย เค้าเอาไก่บางส่วนห่อมาในใบคะน้า วางแนบข้างมาอร่อยรสชาติดี
ซุปเนื้อ เป็นConsomme soup เนื้อใส เสริฟร้อน บนเห็ดชิตาเกะกับชิ้นฟักน้ำเต้า หอมอร่อย
อีกจาน มองแล้วคิดว่าเป็นความหวังหมู่บ้านเลย เนื้อ Shot rib โคขุน รมควัน ผัดกะเพราแดง เค้าเอาวัตถุดิบมาโชว์ เห็นลายไขมันแลัวอึ้งมันเยอะน่าย่างสไตล์ญี่ปุ่นมากกว่า
แต่วันนี้เค้าเสริฟมาเป็น เนื้อสับผัดกะเพราแดง ราดมาบนเนื้อขิ้นหั่น ให้เคี้ยว รสชาตอ่อนนิด ไม่ค่อยเผ็ดกลิ่นกระเพราน้อยหน่อย
ส่วนเนื้อสับนี่โอเคร แต่ส่วนชิ่นเนื้อที่เสริฟมายกระเพรา แม้จะนุ่มมากจนละลายในปาก แต่มันมาก จนออกเลี่ยนนิดๆ
คอร์สอาหารเล็กๆ เบาๆ แต่มีข้าวรวมๆด้วย อืมพอดี ก้ออิ่มพอดี

ล้างปากด้วยของหวาน เป็น ไอศครีมฝรั่งชมภูพันทิพย์ ข้างล่างมี ซอร์สดอกกระเจี๊ยบ ทับหน้าด้วยแผ่นเมอแรงโรยกุหลาบ






ของหวาน อีกตัวเป็นสาคูเผือก ถ้วยนี้อร่อยมากๆๆๆๆๆ เค้าใช้สาคูแท้ที่ทำจากต้นสาคู ขูด จากพัทลุง ใส่มะพร้าวอ่อน เผือก กะทิ ทานกับไอศครีมน้ำตาลตโนด โรยด้วยเกาลัดดิบสไลด์บางโรยหน้าหอม เข้ากันดีมาก อร่อยชนะเลิศ
ปิดท้ายด้วยของหวาน
เป็น ขนมชั้น เจลลี่ สัปปะรด ช้อคโกแลตคาราเมลน้ำปลา แซนด์วิสชาไทย และมะม่วงน้ำปลาหวาน
ชิ้นมันเล็กๆ น่ารักสวยดี แต่ ไม่ได้รสชาติมากนัก
รวมๆ ก้อเป็นมื้ออาหารที่สวยสนุก ชิมอาหารไทยแปลกใหม่จากการนำเสนอของเชฟชั้นนำของไทย

แต่ราคาออกจะค่อนข้างแรงนิดนึง คอร์สต่อคน รวมๆ ภาษีแล่ว 7 พันนิดๆ
รวมค่าน้ำปล่าว 2 คน 700(ค่าน้ำร้านไฟไดนิ่ง แพงเกือบทุกร้าน ไม่ต้องแปลกใจ 555)
บิลรวม2 คนราวๆ หมื่นห้า ใกล้เคียงกับเชฟตามบ้านเทพา อาหารไทย ที่ทาน 2 สัปดาห์ก่อน และสูงกว่า Le du อาหารฝรั่งเศษ ของเชฟต้น เจ้าของเดียวกันนี่เล็กน้อย
เอ๊ะ หรือตอนนี้ อาหารไทย ในไทยเราเองขยับตัวสูงกว่า อาหารของต่างประเทศแล้ว น่ายินดี
ชื่อสินค้า: นุสรา ท่าเตียน Thai Cousin
[CR] == นุสรา ท่าเตียน Thai Fine Dining By เชฟต้น เชฟ มิชลิน แห่ง Le Du ==
ร้านอยู่ท่าเตียน ติดวัดโพธิ์ หาที่จอดรถยากนิดนึง
ร้านเป็นตึกแถวเก่า สี่ชั่นติดถนน แต่เอามาตกแต่งใหม่สวยงาม
ชั้นล่างเป็นโซนค้อคเทลบาร์ และส่วนต้อนรับ และแยก อีกส่วน เป็นส่วนนั่งพักเสริฟ welcome drink เป็นน้ำสมุนไพร มะตูมผสมพุทราจีน และกระเจี๊ยบ ชม ผนังที่ตกแต่งด้วยผ้า และอุปกรณ์ตัดเย็บของยายนุสรา ยายของเชฟต้นเค้า ด้านหลังชั้นนี้เป็นครัว
เสร็จ จากจิบเวลคัมดริ้งค์ มีเชฟพาเข้าชมครัว ทักทาย พร้อมชิมอาหารเรียกน้ำย่อย สองคำ
ในครัว เสริฟ Amuse Buche (Apitizer คำเล็กๆ สองคำ)
คำแรกเป็นขนมครก แกงกระด้าง ส่วนของแกงกระด้างเป็นปลาหมึก ผสมปลาเก๋า ตัวเจลลาตินได้มาจาก การเคี่ยวกระดูกปลาจับก้อนเป็นวุ้น(คล้ายหมูหนาว)
คำที่ 2 ทาร์ตหลนแหนม สอดใส้กุ้งรมควัน โรยหน้าด้วยดอกขจรทอดคำนี้รสจัดจ้านขึ้นหน่อย
จากในครัว พนักงานพาส่งขึ้นลิฟต์จื๋วน่ารักที่ขึ้นได้ทีล่ะ 2 คน ไปยัง Dining zone ชั้น 3
จากนั้น ค่อยนำเข้านั่งโต๊ะ โซนทานอาหาร ซึ่งมีสองชั้นที่ชั้น 2-3 รวม ทั้งหมด ประมาณ 25 คน ต่อมื้อ (ชั้นล่ะ 4-5 โต๊ะ)
วันนี้ได้ ชั้นสามโต๊ะมุมวิววัดโพธิ์ มองเห็นรถตัวเองจอดริมถนนเลย
บนโต๊ะ จัดวาง menu พร้อมการ์ดต้อนรับรูปวัด และสถานที่สำคัญ บริเวณใกล้เคียง
ต่อ Amuse Buche อีกสองคำที่โต๊ะ ก่อนเสริฟ อาหารทุกจาน พนักงานจะบรรยายวัตถุดิบแหล่งที่มา ส่วนผสม คอนเซปของอหาร ให้ทราบก่อน ทุกรายการ เพิ่มอัทธรสในการทาน ว่าเรากำลังจะทานอะไรลงไป
คอร์สแรกเป็นปั้นขลิบแป้งนุ่มไส้ปลาเก๋า เสริฟมากับคาร์เวียร์จาก หัวหิน ราดด้วยน้ำซุปต้มโคล้งปลากระบอก เปรี้ยวนิดๆ แต่ไม่เผ็ด กินสบายๆ
ส่วนอีกคำ เป็นbeef tartar เป็นลาบขมของเหนือใส่มาในโคนที่ทำจากมะเขือเทศจากเชียงใหม่ มีมะแขว่น (หมาล่าแบบไทยๆ)และผักแพร้วเพิ่มความเผ็ดafter taste ตามหลัง มา
หมด Amuse Buche 4 คำ เริ่มคอร์ตามเมนูต่อเลย
เรื่มด้วย เมี่ยงดาหลา ใช้ ส่วนประกอบของเมี่ยงหั่นลงในจาน เสริมด้วย Hokkaido Scallop แล้วราดด้วยน้ำราดเมี่ยง ตอนแรกแอบสงสัยเมี่ยงขาดมะพร้าวคั่วได้ไง ที่แท้เค้าทำเป็นเม็ดป่นคล้าย crumbleจิ๋วๆ อยู่ด้านล่าง กินแล้วได้กลื่นใบชะพลู และมะพร้าวบอกชัดว่าคือเมี่ยงคำ ส่วน ดอกดาหลาอยู่ใน sorbet รสอมเปรี้ยวหวาน สดชื่นสีสวย
คอร์สต่อมา เป็นยำปลาหมึก เค้าสไลด์ปลาหมึกบาง เหมือน Ika Sashimiตกแต่งด้วยกลีบดอกไม้ทานได้ แต่คอนเซปเค้าต้องการให้ใช้แทนแป้งปากหม้อ เวลาทาน ห่อน้ำยำ และองค์ประกอบอื่นๆ ด้านล่างทานไปด้วยกันเลย อร่อยดี แต่คำเล็กไปหน่อย 555
จานต่อมาเป็น แกงปูใบชะพลูหมี่กรอบ จานนี้ พรีเซนเตชั่น นำถาดเครื่องแกงและแมงดาทะเลมาโชว์เครื่องแกงเลย
ตัวปูใช้กรรเชียงปูก้อนราดด้วยแกงรสดี ปิดหน้าด้วยเส้นหมี่กรอบ ที่โรยด้วยผงใบชะพลู พริก และขมิ้นให้สีสันสวยงาม
ตอนกินตีหักลงไปผสมกันเพิ่มรสชาติ จานนี้ สวยอร่อยปูสามก้อนเต็มปากเต็มคำ
Apitizer จานสุดท้ายเป็นต้มข่าปลาสลิด เค้าเสริฟมาในรูปปลาสลิดฟู เสริมด้วยเนื้อกั้งกระดาน ย่างราดด้วยน้ำต้มข่า ที่เค่าเอาตะไคร้ข่ามัดรวม มาคลุกเคล้าน้ำซุปในขวด เสริฟให้ที่โต๊ะเลย กลัวไม่เชื่อว่ามีข่าตะไคร้ 555
เข้าสู่ Main crouse ที่เสริฟตามแบบสำรับไทย คือพร้อมกันหลายอย่างทานกับข้าว
ข้าว เสริฟมาสองแบบทั้งข้าวข้าวและข้าวกล้อง เป็นข้าวหอมมะลิจากกาฬสินธุ์ หุงด้วยน้ำดอกมะลิ เพิ่มความหอม จานข้าวดีไซน์เป็นรูปใบบัว ใฟ้ ฟิลทานข้าวรองด้วยใบบัวแบบโบราณ
กับข้าว ชุดแรกเป็นน้ำพริกสี่ภาคเสริฟพอดีคำ มีน้ำพริกกระปิสอดไส้มาในแตงโม ส่วน อีกสามคำ น้ำพริกถั่วลิสง น้ำพริกข่า น้ำพริกขี้กา ผมแยกรสชาติไม่ค่อยออก มันน้อยเกิน 55555
แสร้งว่ากุ้งจากแม่น้ำตาปี จานนี้อร่อย ชอบ ทานร้านระดับนี้ มา3-4ร้านพอกุ้งแม่น้ำเค้าจะเลทอกใช้กุ้งแม่น้ำตาปีกันหมด แสดงว่ามันเด็ดจริง
แกงเขียวหวานไก่รมควัน จานนี้ก้ออร่อยไก่นุ่มหอม ผืวนอกกรอบอร่อย เค้าเอาไก่บางส่วนห่อมาในใบคะน้า วางแนบข้างมาอร่อยรสชาติดี
ซุปเนื้อ เป็นConsomme soup เนื้อใส เสริฟร้อน บนเห็ดชิตาเกะกับชิ้นฟักน้ำเต้า หอมอร่อย
อีกจาน มองแล้วคิดว่าเป็นความหวังหมู่บ้านเลย เนื้อ Shot rib โคขุน รมควัน ผัดกะเพราแดง เค้าเอาวัตถุดิบมาโชว์ เห็นลายไขมันแลัวอึ้งมันเยอะน่าย่างสไตล์ญี่ปุ่นมากกว่า
แต่วันนี้เค้าเสริฟมาเป็น เนื้อสับผัดกะเพราแดง ราดมาบนเนื้อขิ้นหั่น ให้เคี้ยว รสชาตอ่อนนิด ไม่ค่อยเผ็ดกลิ่นกระเพราน้อยหน่อย
ส่วนเนื้อสับนี่โอเคร แต่ส่วนชิ่นเนื้อที่เสริฟมายกระเพรา แม้จะนุ่มมากจนละลายในปาก แต่มันมาก จนออกเลี่ยนนิดๆ
คอร์สอาหารเล็กๆ เบาๆ แต่มีข้าวรวมๆด้วย อืมพอดี ก้ออิ่มพอดี
ล้างปากด้วยของหวาน เป็น ไอศครีมฝรั่งชมภูพันทิพย์ ข้างล่างมี ซอร์สดอกกระเจี๊ยบ ทับหน้าด้วยแผ่นเมอแรงโรยกุหลาบ
ของหวาน อีกตัวเป็นสาคูเผือก ถ้วยนี้อร่อยมากๆๆๆๆๆ เค้าใช้สาคูแท้ที่ทำจากต้นสาคู ขูด จากพัทลุง ใส่มะพร้าวอ่อน เผือก กะทิ ทานกับไอศครีมน้ำตาลตโนด โรยด้วยเกาลัดดิบสไลด์บางโรยหน้าหอม เข้ากันดีมาก อร่อยชนะเลิศ
ปิดท้ายด้วยของหวาน
เป็น ขนมชั้น เจลลี่ สัปปะรด ช้อคโกแลตคาราเมลน้ำปลา แซนด์วิสชาไทย และมะม่วงน้ำปลาหวาน
ชิ้นมันเล็กๆ น่ารักสวยดี แต่ ไม่ได้รสชาติมากนัก
รวมๆ ก้อเป็นมื้ออาหารที่สวยสนุก ชิมอาหารไทยแปลกใหม่จากการนำเสนอของเชฟชั้นนำของไทย
แต่ราคาออกจะค่อนข้างแรงนิดนึง คอร์สต่อคน รวมๆ ภาษีแล่ว 7 พันนิดๆ
รวมค่าน้ำปล่าว 2 คน 700(ค่าน้ำร้านไฟไดนิ่ง แพงเกือบทุกร้าน ไม่ต้องแปลกใจ 555)
บิลรวม2 คนราวๆ หมื่นห้า ใกล้เคียงกับเชฟตามบ้านเทพา อาหารไทย ที่ทาน 2 สัปดาห์ก่อน และสูงกว่า Le du อาหารฝรั่งเศษ ของเชฟต้น เจ้าของเดียวกันนี่เล็กน้อย
เอ๊ะ หรือตอนนี้ อาหารไทย ในไทยเราเองขยับตัวสูงกว่า อาหารของต่างประเทศแล้ว น่ายินดี
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น